เขาพยายามคิดว่าอเล็กซิสจะอยู่ที่ไหน บางทีอาจเป็นห้องฉายภาพยนตร์ เท่าที่เห็น เด็กสาวดูไม่น่าจะชอบที่จอแจ หากเป็นพวกผู้หญิงที่ง่ายหน่อยก็ไม่ต้องใช้เวลามาก แต่กับอีกประเภท ชั้นเชิงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่เลย บางทีอาจไม่ต้องใช้เวลามากก็ได้มั้ง แค่ให้ไอ้หัวทองไปไกล ๆ ก็พอ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เจออเล็กซิสอยู่ดี เขาเจอผู้หญิงอีกคน
เขาไม่แปลกใจที่เห็นเธอยืนเหมือนรออยู่แล้ว หญิงสาวยืนพิงกำแพงส่งยิ้มงาม เธอเคยสวยกว่านี้ เบนคิด วันเวลา สภาพที่ถูกกักขังในสถานที่ปิดลดทอนความสดใสในตัวคน ซาร่าห์ตรงหน้าเขาไม่ต่างจากกุหลาบใกล้ตาย เธอบิดริมฝีปากกึ่งเหยียดกึ่งยินดีเมื่อเขายิ้มให้เธอ เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวอาจไม่ผ่านบททดสอบ และแม้ดอกไม้ดอกนี้กำลังแห้งเหี่ยว แต่มันก็ยังดูสวยสง่าในแบบของมัน
“ตายแล้ว นี่คือแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อมสภาพหรือเปล่า” ปากเธอว่าอย่างนั้น แต่มือกลับคล้องคอเขา ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน อีตัวก็คืออีตัวอยู่วันยังค่ำ กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวแตะจมูก มันเป็นกลิ่นกุหลาบ
“เธอเคยเห็นกระป๋องซุปข้าวโพดที่ไม่มีใครเอา หมดอายุ ถูกทิ้งไว้หลังตู้ไหม” เขาปัดผมสีทองของเธอออกจากใบหน้าอันหมดจด “ส่องกระจกสิ”
“ปากร้ายชะมัด” จากนั้นเธอซบศีรษะลงบนอกของเขา ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาไวเสมอ เบนโอบกอดเธอไว้ นี่ล่ะมั้ง อเล็กซ์ถึงมองว่าทั้งสองคนเหมาะสมกัน คนหนึ่งเหมือนกับไม้ขีดไฟที่จุดติดง่าย ส่วนอีกคนไม่ต่างจากไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสองต่างยึดในสัญชาตญาณการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์
ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองเข้าไปในดวงตาสีอำพัน “ตอบฉันมา เป้าหมายใหม่ของนายคือใคร นายเดินครุ่นคิดไปมาเหมือนกำลังหาเหยื่อ ฉันจำแววตาของนายได้ดีนะ”
“ฮื้อ เธอมาแค่ถามฉันแค่นี้เหรอ” มือทั้งสองของชายหนุ่มล้วงเข้าไปใต้เสื้อหญิงสาว ไม่มีเสื้อชั้นใน ความอบอุ่นแสนนุ่มนิ่มจากกายสาวมอบความรู้สึกที่ดีกว่าความอบอุ่นใด ๆ
“ผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นคือใคร” เธอเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพร้อมรอยยิ้มท้าทาย
เบนรู้มาตลอดว่าเขาไม่เคยเกลียดผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ไม่เคยรัก เหนือกว่าเหตุผลทั้งปวง เบนยอมรับว่าเขาชื่นชมที่ซาร่าห์ไม่เคยทำให้เขาเบื่อเลย โดยเฉพาะกับเรื่องแบบนี้ กลิ่นสกัดจากกุหลาบกลายเป็นกลิ่นประจำตัว อาจจะเป็นดอกกุหลาบสีแดงก็ได้ กลิ่นกายที่ออกมาจากผิวเนียนนุ่มของนักล่าสาว “เดี๋ยวเธอก็รู้” เขาตอบ โน้มศีรษะลงไปสัมผัสริมฝีปากนุ่มนิ่ม ลิ้นทั้งสองตวัดหากันและกันเหมือนกับมีแรงดึงดูด มันมีทั้งรสหวานและเผ็ดร้อน ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าอะไรทำให้
อเล็กซ์อดกลั้นไม่หวั่นไหวต่อคำเสน่ห์เย้ายวนของเธอได้ เพื่อนของเขายับยั้งตัวเองได้อย่างไรเวลาหญิงสาวมานัวเนียแบบนี้มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพยายามปลดเสื้อของเบนแต่มันกลับเหมือนฉีกทึ้งเสียมากกว่า แต่แล้วเธอก็พยายามผลักเขาออก “ที่นี่ถูกสาปไว้แล้ว เบน ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงยังมายุ่งกับนาย ฉันไม่รู้เลย”
เขาดึงเธอเข้ามาอีกรอบ ริมฝีปากคนทั้งสองแนบชิดราวกับมีกาวติดไว้ ขณะที่มือของเขาเลื่อนมือลงต่ำ สัมผัสส่วนอ่อนไหวเร่งให้เธอรู้สึกไวขึ้นแม้มันจะเปียกชื้นแต่แรกแล้ว เธอพอใจ เขารับรู้ได้จากเสียงของเธอ ลมหายใจของเธอ ปลายเล็บของเธอที่จิกบนเนื้อของเขา จนกระทั่งเธอโถมตัวยกขากอดรัดเกี่ยวกระหวัด เขาจึงผลักเธอเข้าไปในซอกข้างเครื่องน้ำดื่ม ดับแรงกระหายทั้งหมดทั้งปวงในมุมอับแต่ไม่ได้ลับตา
ไม่มีใครอยู่แถวนี้ และคงไม่มีใครสนใจละมั้ง ซาร่าห์ปลดกระดุมเสื้อเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่ม เบนใช้ปากเคล้าคลึงดูดดื่มอย่างกระหาย เธอส่งเสียงครางสะท้าน เขาเลื่อนปากสัมผัสใบหน้าของเธอ ฝั่งลิ้นลงบนริมฝีปากก่อนเลื่อนลงไปขบผิวบนคอ เธอจับใบหน้าของเขาแล้วงับที่ใบหูเบา ๆ แขนขาพวกเขาเกี่ยวรัด ซาร่าห์ขยับตัวเปิดทาง อุณหภูมิรอบกายอุ่นขึ้น ร่างของเขาเหมือนมีกระแสไฟฟ้าโลดแล่น เขาบรรเลงเพลงท่วงทำนองบัลลาดก่อนขยับเป็นร็อกเร้าใจ ซาร่าห์เป็นคู่นอนที่ดีอย่างเห็นได้ชัด เสียงของเธอ การเคลื่อนไหน ร่างกาย ทุกอย่างกระตุ้นสัญชาตญาณสัตว์ป่าของเขา เบนครางในลำคอขณะที่เธอส่งเสียงดังขึ้น จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ท่อนขาเรียวงามของหญิงสาวเกี่ยวกระหวัดแน่น เขายังไม่หยุดจนกว่าเชื้อเพลิงจะหมด
**********
“พวกนายแต่ง ๆ กันไปเถอะ แต่ขอเถอะนะ อย่าผลิตลูกออกมาเลย ทายาทปีศาจคงทำโลกวินาศเป็นครั้งที่สองแน่ ต้องขอบคุณซาตานหรือไงนะ ที่อุตส่าห์ประทานเพื่อนอย่างพวกนายมาให้ฉัน...นี่เป็นบ้ากันไปแล้วเหรอไง”
เบนนั่งพิงกำแพงอยู่ในซอก เขาหายใจแรงนิดหน่อย ส่วนซาร่าห์นั่งเอนศีรษะพิงไหล่ของเขา ชายหนุ่มตรวจสอบเสื้อของตัวเอง กรงเล็บของซาร่าห์ฉีกมันขาดออกไปบางส่วน อเล็กซ์นั่งลงตรงหน้าคนทั้งสอง มองดูเพื่อนสนิทกับอดีตแฟนสาวแต่งตัวให้เรียบร้อย
“มีลูกกับหมอนี่เนี่ยนะ ฉันเกลียดเบนจะตาย นายก็รู้”
“ถ้าแต่งงานกับยัยนี่ ฉันคงเป็นจูเลียส ซีซาร์ที่กลับใจมาแต่งงานกับบรูตัสแน่ ๆ”
อเล็กซ์กลอกตา “นั่นสินะ แต่เมื่อกี้คืออะไร ใช่ซีซาร์กับบรูตัสหรือเปล่าที่กอดกันแน่นจนจะเป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว”
เบนยักไหล่
“พวกนายมันบ้าชัด ๆ ส่วนฉันคงประสาทกลับที่สุดแน่ ๆ ที่ยังเป็นเพื่อนกับพวกนาย นี่ยังกลางวันอยู่เลย แล้วคนก็เดินผ่านไปผ่านมา กล้าทำไปได้ไง”
“ไอ้ลูกชาย จำไว้ นี่แหละ สิ่งที่เขาเรียกว่าความท้าทาย อีกอย่าง พวกเราก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ถ้ำอยู่แล้วนี่ ก็ทำแบบพวกมนุษย์ถ้ำนี่แหละ ว่าแต่นายออกมาจากห้องนั้นทำไม” เบนถาม เพราะเมื่อครู่ อเล็กซ์ยังยืนกรานหนักแน่นไม่ยอมออกอยู่ท่าเดียว แถมดูเหมือนจะฝังรากแก้วไว้ในห้องนั้น “ไปอาบน้ำเหรอ นายไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้วล่ะ”
“อี๋ อเล็กซ์ นายไม่ควรไม่อาบน้ำนะ” ซาร่าห์ร้อง
“ฉันตัวเหม็นเหรอไง”
ซาร่าห์อมนิ้วโป้งเอียงคอทำสายตาอ้อน ชั่ววูบหนึ่งที่เขาคิดว่าเธอพร้อมจะรับมือกับพวกเขาทั้งสองคน แต่อเล็กซ์และเบนมีเรื่องต้องห้ามที่จะไม่ทำด้วยกัน ไม่ว่าจะทรีพีหรือหมู่
“ตอนเรียน ฉันกับเพื่อนก็เถียงกันนะว่ามันอยู่ในสสารไหน พลาสม่าหรือก๊าซ แต่ที่แน่ ๆ ในเมื่อนายสร้างมันเองได้ เป็นไปได้ว่าพลังของนายอาจไม่ใช่ควบคุมไฟหรือความร้อน อาจจะมากกว่านั้น” เร็กกี้ตั้งข้อสังเกต อเล็กซิสชอบเวลาเขาพูด ริมฝีปากของเร็กกี้อวบอิ่มดูเซ็กซี่ ยิ่งผิวสีแทนเข้มไหล่หนา...จะว่าไป เธอเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนิยาย เพราะผู้คนรอบข้างหน้าตาดีกันทั้งนั้น“นี่”ไมเคิลปลุกสติแล้วลากเธอให้มานั่งในห้องครัวพร้อมกับเรมี อาคุสะ และเร็กกี้ ทีแรกเขาปรึกษาเพื่อนสองคนที่ดูจะมีหัวสมองทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด แต่ทั้งสองกลับแนะนำเร็กกี้ และก็ไม่ผิดหวัง ไมเคิลฟังหนุ่มผิวแทนพูดแล้วก็แบมืออีกครั้ง ไฟปรากฏขึ้นแล้วดับไป อาคุสะเห็นดังนั้นจึงลุกไปรินน้ำใส่แก้ว แล้ววางลงบนโต๊ะ เมื่อไมเคิลอังมือใกล้ ๆ น้ำเดือดจนมีไอขึ้นมา“ทีแรกฉันเข้าใจว่าเป็น...เอ่อ เกี่ยวกับความร้อน คือ...ฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้ดีเท่าไรนะ แค่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรได้ มันเป็นสัญชาตญาณน่ะ ดังนั้นขอใช้ภาษาชาวบ้านเลยละกัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันควบคุมความร้อน ตอนสู้กับไซบอร์กในทอยซิตี้ นายจำได้
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ