อเล็กซิส บลู เพียซ และโอลิแวนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย “เอ่อ” บลูยกมือขึ้น “ไอ้ตัวการคือหัวหน้าพวกแกนี่ มันคงจัดการข้อมูลให้หรอก” ย้ำไม่พอยังหัวเราะเย้ย
เจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้าชายหนุ่มเป็นเชิงให้หุบปาก
“เราไม่ออกเด็ดขาด ฉันจะไปช่วยกลุ่มเอ” หญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำกล่าว อเล็กซิสค่อนข้างชอบเธอ อาจเป็นเพราะถูกชะตา ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาแนวเดียวกับเอโลดี้และอาคุสะ แถมดูฉลาดและช่วยเหลือเป็นอย่างดีมาตลอด “ใครจะออกก็ออกไป”
เบเลียนส่ายหน้า “อีกหนึ่งชั่วโมงระเบิดจะทำงาน ถ้ายังเถียงกันแบบนี้ยิ่งเสียเวลาเปล่า”
“ยัยลูพูดถูก” บลูส่ายหน้า “น้องชายกับเพื่อนฉันอยู่ในนั้น จะให้เอาตัวรอดอย่างเดียวเหรอวะ” บางคนพยักหน้าตาม รวมทั้งกลุ่มอเล็กซิส
เทสซ่ายกมือ “พลังของฉันทำลายประตูได้ อาคุสะจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ เรมีก็ทำลายกำแพงได้ หลายคนในนี้ช่วยย่นเวลาได้ ถ้าคุณใช้แต่หุ่นยนต์อย่างเดียว ถ้าเกิดมันโดนโจมตีล่ะ”
“พวกเรามีโดรนจู่โจม”
“แ
อเล็กซิส บลู เพียซ และโอลิแวนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย “เอ่อ” บลูยกมือขึ้น “ไอ้ตัวการคือหัวหน้าพวกแกนี่ มันคงจัดการข้อมูลให้หรอก” ย้ำไม่พอยังหัวเราะเย้ยเจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้าชายหนุ่มเป็นเชิงให้หุบปาก“เราไม่ออกเด็ดขาด ฉันจะไปช่วยกลุ่มเอ” หญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำกล่าว อเล็กซิสค่อนข้างชอบเธอ อาจเป็นเพราะถูกชะตา ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาแนวเดียวกับเอโลดี้และอาคุสะ แถมดูฉลาดและช่วยเหลือเป็นอย่างดีมาตลอด “ใครจะออกก็ออกไป”เบเลียนส่ายหน้า “อีกหนึ่งชั่วโมงระเบิดจะทำงาน ถ้ายังเถียงกันแบบนี้ยิ่งเสียเวลาเปล่า”“ยัยลูพูดถูก” บลูส่ายหน้า “น้องชายกับเพื่อนฉันอยู่ในนั้น จะให้เอาตัวรอดอย่างเดียวเหรอวะ” บางคนพยักหน้าตาม รวมทั้งกลุ่มอเล็กซิสเทสซ่ายกมือ “พลังของฉันทำลายประตูได้ อาคุสะจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ เรมีก็ทำลายกำแพงได้ หลายคนในนี้ช่วยย่นเวลาได้ ถ้าคุณใช้แต่หุ่นยนต์อย่างเดียว ถ้าเกิดมันโดนโจมตีล่ะ”“พวกเรามีโดรนจู่โจม”“แ
“นั่น ๆ” โอลิแวนชี้ไปข้างหน้า ประกายไฟแล่นเป็นรอยเลเซอร์ตัดขึ้นร่างเกือบเป็นรูปสี่เหลี่ยมพอให้คนออกไป แสตนเนอร์คงอยู่อีกฝั่ง พยายามเปิดช่องอีกเรื่องที่เธอกังวลคือกลุ่มเอ ตั้งแต่ไทรอนรายงานก็ไม่มีความคืบหน้าเข้ามาอีก“อย่าไปไกล” เพียซดึงแขนแฟนหนุ่ม ทั้งสามเว้นระยะห่าง ปล่อยให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่ของมัน โอลิแวนเองพะวงหน้าพะวงหลัง หันหน้าหันหลังรอว่าบลูจะออกมาเมื่อไร ไม่ถึงนาทีต่อมา เขาวิ่งออกมาสมทบ“แม่นั่นล่ะ” หนุ่มแว่นถาม เหงื่อไหลเต็มหน้าแม้มองผ่านหน้ากากกระจก “หล่อนคนเดียวหยุดมันได้แน่เหรอ”คนผมเข้มยักไหล่ “ไม่ได้ก็ต้องได้ เพราะยัยนั่นขังตัวเองในห้องนั้นแล้ว แถมยังเปิดระบบทำลายเสร็จสรรพ ระบบดับเพลิงเลยหยุดทำงานแล้วก็...” ทั้งหมดรู้กัน แกลิสสละตัวเองหรือเธออาจจงใจทำอย่างนั้นแต่แรกแล้วก็ได้แต่เพียซยังไม่แน่ใจ “มันจะตายสนิทใช่ไหม ไม่ออกมาเพ่นพ่านนะ”“กระจกทึบลงตอนฉันออกมา” หนุ่มตาสีเทาตอบ “มันคงเหลือแต่ซากจริง ๆ แล้วล่ะ”“ถ้าพ้นราซา ฉัน
แกลิสกระแอมหลังจากเงียบมาพักใหญ่ “ทุกห้องทดลองจะมีระบบทำลายตัวเองเพื่อความปลอดภัย” ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวยืดตัวตรงแล้วหยิบปืนไรเฟิลออกมา “เพื่อไม่ให้ของอันตรายที่เกิดจากความผิดพลาดหลุดรอดออกไป” สายตานั้นแน่วแน่ “ฉันจะเปิดระบบนั้น พวกเธอรีบออกไปเถอะ”“เราช่วยเธอไม่ได้ใช่ไหม” อเล็กซิสถาม แน่นอน เธอ ที่ว่าหมายถึงเบ็กกี้ สีหน้าแกลิสแปลกพิกล อาจเป็นเพราะเด็กสาวเพิ่งยิงเพื่อนตัวเองไปหมาด ๆ คราวนี้เกิดอยากหาวิธีรักษาเสียอย่างนั้น“อยากให้อยู่หรือ” พยักพเยิดศีรษะไปทางตัวประหลาด “แบบนั้น?”อเล็กซิสไม่ตอบเจ้าหน้าที่สาวถอนหายใจ “ธรรมชาติของไวรัสต้องการแพร่กระจาย มันกระจายไปทั่วเซลล์ในตัวเด็กคนนี้” อเล็กซิสพยายามไม่มองร่างเบ็กกี้ เพราะมันยังสร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย ๆ จนกว่าจะปิดบาดแผลทุกส่วน“เราจะทำเหมือนกับที่คุณทำกับผู้ติดเชื้อในหลอดแก้วใช่ไหม”หญิงสาวพยักหน้าทว่าดวงตาคู่สนทนาเบิ่งกว้าง แกลิสผลักเธอออกไปแล้วเบี่ยงตัวห
ถ้าในนั้นคือเบ็กกี้?มือลั่นก่อนสติตรองให้ดีว่าในนั้นยังมีตัวตนของเบ็กกี้หลงเหลืออยู่หรือไม่ แต่มันสายเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้ อเล็กซิสลั่นไกไปแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจเรียกได้ว่ามนุษย์นอนล้มลงกับพื้น เลือดไหลซึมออกจากปากแผลช้า ๆ ความเงียบปกคลุมราวกับไอหมอกที่แม้แต่เธอยังสัมผัสได้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ยกเว้นเพียงเสียงของเบนที่ดังขึ้นเหมือนเทปเล่นเองโดยอัตโนมัติ “...ทำไมไม่ให้โอกาสพวกเขาบ้าง” แม้มือทั้งสองข้างสั่นแต่ก้อนเนื้อในอกเริ่มเต้นไปตามจังหวะปกติ คงเหมือนกับสองความคิดในหัวที่ตั้งคำถามว่าเมื่อครู่ทำถูกหรือไม่ หรือไม่ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ทำลงไปแล้ว ทำไมเราไม่ให้โอกาสเบ็กกี้ อเล็กซิสสับสนว่าสุดท้ายแล้ว เธอต่างอะไรจากพวกทหาร ต่างอะไรจากแสตนเนอร์และแกลิสที่ตัดสินชีวิตมนุษย์คนหนึ่งเพียงเพราะคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คน หากเบ็กกี้ต้องการโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ โอกาสที่จะกลับไปเป็นคนปกติ เธอทำลายความต้องการนั้นแล้ว ภายใต้รูปร่างอัปลักษณ์นั้น เบ็กกี้ยังอยู่หรือเปล่าอเล็กซิสคิดแต่เพียงว่า ถ้าเป็นตัวเองก็ขอตายเสียดีกว่าอยู่ในร่างสัตว์ประหลาดน่าขยะแขยง แต่นั่นคือความคิดของเธอเพียงคนเดียวชุดกระโปรงสีข
“เดวิส อย่าโกรธฉันเลย” เขามองมาที่เธอ “เพื่อนเธอกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนวิเศษ ฉันตัดแต่งพันธุกรรมของไวรัสเพื่อไม่ให้มันปิดการทำงานของสมองบางส่วน มันไม่ใช่อาวุธทางเคมี พวกเธอต้องขอบคุณฉัน มันคือยารักษา!”เมื่อนั้นเธอเข้าใจแล้วว่าเขาถอยเข้าไปข้างในทำไม ที่นี่มีประตูกลมากมายจริง ๆ กลีกดสวิตช์ กำแพงเลื่อนออกเผยให้เห็นยานพาหนะโค้งมนขนาดพอให้กลีกับเบ็กกี้ขึ้นไปได้ ด้านในไม่มีคนควบคุม มันจะเคลื่อนตัวไปตามรางที่ซ่อนอยู่ภายใน “และฉันจะนำเสนองานนี้ต่อหน้าซีโนฮอฟและนักวิจัยทุกคน พวกเขาจะเข้าใจ แกลิส”ทว่าพี่สาวของเขาดึงคันโยกลง ที่แท้มันคือคัทเอาท์ ระบบไฟฟ้าดับลงส่วนหนึ่ง รวมทั้งพอร์ตที่เขาคิดจะใช้หนี เหลือเพียงส่วนโซนหน้าตรงประตูทางเข้าเท่านั้น“ยัยบ้า!” เขากรีดร้องเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “โง่จริง เธอจะขัดความเจริญของฉันไปถึงไหน ชีวิตถึงเอาแต่เป็นรองเท้าคนอื่น เธอไม่มีทางอยู่ในหมู่ชนชั้นปัญญาได้หรอกถ้ายังสมองทึบแบบนี้”“ก็ยังดีกว่าเสียสติแบบนาย” คนเป็นพี่น้ำตาคลอ “ฉันขอร้อง พอเถอะ”
มุมปากของเขาเชิดขึ้น หัวหน้าหน่วยพยาบาลผละจากร่างบนเตียงแล้วผายมือราวกับต้อนรับ “แกลิส เธอน่าจะรู้จักเด็กคนนี้ไว้นะ” ดวงตาสีเขียวแวววับ “สิ่งเดียวที่เธอมีเหมือนเด็กคนนี้ (เขาผายมือไปทางร่างที่นอนบนเตียง) และทำให้ทรอยสนใจ เดวิสเป็นผลผลิต...”เด็กสาวยกปืนขึ้น ทว่าทหารหญิงกลับหยิบปืนอีกกระบอกจ่อที่เธอ “ฉันจัดการเอง”“ยังไง” อเล็กซิสถาม “คุณเอาแต่คุย”เธอย้ำ “ฉันจะจัดการเขาเอง” แต่เด็กสาวเห็นความลังเลหวั่นไหวในดวงตาคู่นั้น“คุณไม่แม้แต่ตามลูกน้องแต่เลือกมาคนเดียว คิดจะจัดการหรือช่วยน้องชายกันแน่”สองมือของบลูช่วยจ่อปืนไปยังแกลิสและกลี ไม่มีใครขยับ สายตาอเล็กซิสเลื่อนไปยังร่างเล็กนั้นอีกครั้ง ในเมื่อเธอไม่ได้อยู่ในกรงแก้ว ก็เหลืออยู่ที่เดียว“เบ็กกี้”ราวกับถูกปลุกให้ตื่น เท้าเล็กสองคู่ขยับขึ้นลงตอบรับเสียงเรียก มันขยับไปมารุนแรง ขึ้นลง ขึ้นลงอยู่อย่างนั้น จนสั่นสะเทือนไปทั้งตัว เด็กสาวพยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธการ แต่ทำได้เพียงสั่นเตียงที่นอนอย
เด็กสาวกลอกตาก่อนจะมองตอบอย่างท้าทาย “ชอบฉันเหรอ”เธอคิดว่าเขาว่าจะรีบปฏิเสธหรือจนมุม ตรงกันข้าม เขากลับยิ้มเย้ยในแบบที่ทำให้รู้สึกคันไม้คันมือ “เธอไม่ได้น่าเกลียดนี่ แถมครั้งก่อนยังจูบฉันกลับ งั้นก็แสดงว่า...”อเล็กซิสถอนหายใจ ใช่แล้ว ตอนนั้นเธอควรผลักออก แต่จูบของบลูไม่ได้แย่ และลึก ๆ แล้วเธอต้องการมัน เธอไม่ได้ต้องการบลู แต่ต้องการสัมผัสแบบนั้น บางครั้งสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ก็น่ากลัวพอ ๆ กัน จะว่าไปแล้วเบนกับบลูก็มีบางอย่างคล้ายกัน นั่นคือความมั่นใจในความฮอตของตัวเอง เพียงแต่ว่าจูบของบลูกับเบนไม่เหมือนกันเลยสักนิด คนหนึ่งจูบเพื่อหยอก อีกคนจูบเพื่อลาและเธอก็ไม่แน่ใจว่าเบนจูบเธอเพราะเห็นคนอื่นในดวงตาคู่นี้หรือไม่แต่หากนับสถิติแล้ว เธอจูบกับผู้ชายสี่คนภายในเวลาหกเดือน จูนคงยิ้มอ่อน“โอ้” เธอร้องเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มาคนเดียวเพียซกับโอลิแวนยืนอยู่ข้างหลัง ท่าทางของหนุ่มผมทองดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจ เขาเป่าปากอยู่หลายรอบ อเล็กซิสมองหน้าบลู “สรุปแล้วตามมาทำไม”“ใช่ ตาม
“แบมบี้ แบมบี้น้อยในทุ่งหญ้า เหตุใดเจ้าช่างอ่อนเปลี้ยเหมือนถูกศรนายพรานเสียบอกอย่างนั้นเล่า” น้ำเสียงทุ้มต่ำ นุ่มนวล แต่แฝงเยาะเย้ยขบขันคุ้นหูนัก หนังตาเด็กสาวเลิกขึ้นช้า ๆ มองเห็นแต่เพดานห้องพักอันว่างเปล่า ผิวกายสัมผัสลมแห่งฤดูใบไม้ผลิที่ลอดผ่านหน้าต่าง มันลูบไล้ไปทั่วร่าง ฤทธิ์ยาพิษถูกข่มด้วยยาระงับ แต่ผลข้างเคียงส่งผ่านความเจ็บปวดต่างกันเพียงทางร่างกายกับจิตใจ“แบมบี้ แบมบี้ เพราะมันฟังดูเหมือนเบบี้ใช่ไหมเล่า”เจ้าของเสียงนั่งลงบนตัวเธอ โน้มคอลงมา “เบน” ดวงตาสีเหลืองทองจ้องมองนิ่ง เธอไม่ได้ตกใจหรือดีใจ มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ใจหนึ่งก็อยากให้เป็นเขา ใจหนึ่งรู้ว่าไม่มีวันใช่ ผู้ชายคนนี้ตายไปแล้ว นั่นคือความจริง แต่สิ่งที่เธอเห็นอยู่ เป็นวิญญาณหรือภาพหลอนกันแน่นะ“หรือทั้งสองอย่าง” เขาเลียริมฝีปาก อ่านความคิดเธอออก “ฉันตายเพราะใครน้า” ดวงตาหมาป่าเขยิบใกล้เข้ามา “อ้อ ตายเพราะช่วยชีวิตพวกเธอไม่ใช่หรือ” อเล็กซิสพยายามพยุงตัวขึ้น แต่ร่างเบนกดเธอไว้ หรือเป็นเพราะเธอไม่มีแรงสู้กับมัน “แบมบี้ ฉันช่วยชีวิตเธอไว้จนแลกชีวิตตัวเอง ทำไมถึงไม่รักษาไว้ให้ดี คิดถึงฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอรวบรว
สี่นาฬิกาอาการอ่อนเพลียเริ่มปรากฏ หลายครั้งที่เธอพยายามต่อสายถึงมินนี่ แต่ระบบยังคงบล็อกไว้และจำกัดการสื่อสารเพียงคนในกลุ่มเท่านั้น เธอสงสัยว่ามันบล็อกแต่กลุ่มอาสาเท่านั้น ถึงแม้พวกเขาต้องการกำลังคน ต้องการพลังของกลุ่มเสี่ยงเมื่อรัฐบาลไม่ส่งกำลังพลเพิ่ม แต่พวกเธอก็ยังเป็นอดัมกับอีฟในอีเดนที่ไม่ควรละเมิดกฎและอยากรู้มากเกินไปกว่าที่ทางการป้อนให้ และข้อนี้เองที่ทำให้หลายคนเริ่มไม่พอใจกับกระบวนการทำงานของคนที่นี่ระหว่างค้นหาห้องอื่น ทั้งหมดเจอผู้ติดเชื้อสองคนแต่ทั้งสองถูกขังอยู่ในหลอดแก้วที่ให้ความรู้สึกเหมือนโลงศพ สองร่างนอนราบพร้อมเข็มขัดพันรัดรอบตัวจนถึงคอ ถึงแม้ข้อมูลจะถูกลบไปหมด แต่ระบบยังทำงานอยู่ พวกเจ้าหน้าที่เลือกปลิดชีพด้วยปุ่มเดียว ไม่ถึงนาที ไอร้อนขึ้นเป็นไปเกาะกระจก พื้นผิวแปรเปลี่ยนจากกระจกใสเป็นทึบมองไม่เห็นด้านในแต่ทุกคนเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น“เผาสด” ฟีบี้ยักไหล่เมื่อเธอเหล่มองไม่ชอบใจ “ฉันพูดจริง”“ใครถาม” ยิ่งเห็นสาวผมบลอนด์เดินทิ้งสะโพกเหมือนกวนประสาทอยู่ข้างหน้าแล้วยิ่งไม่สบอารมณ์ ถึงแม้อเล็กซิสจะ