อเล็กซิส บลู เพียซ และโอลิแวนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย “เอ่อ” บลูยกมือขึ้น “ไอ้ตัวการคือหัวหน้าพวกแกนี่ มันคงจัดการข้อมูลให้หรอก” ย้ำไม่พอยังหัวเราะเย้ย
เจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้าชายหนุ่มเป็นเชิงให้หุบปาก
“เราไม่ออกเด็ดขาด ฉันจะไปช่วยกลุ่มเอ” หญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำกล่าว อเล็กซิสค่อนข้างชอบเธอ อาจเป็นเพราะถูกชะตา ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาแนวเดียวกับเอโลดี้และอาคุสะ แถมดูฉลาดและช่วยเหลือเป็นอย่างดีมาตลอด “ใครจะออกก็ออกไป”
เบเลียนส่ายหน้า “อีกหนึ่งชั่วโมงระเบิดจะทำงาน ถ้ายังเถียงกันแบบนี้ยิ่งเสียเวลาเปล่า”
“ยัยลูพูดถูก” บลูส่ายหน้า “น้องชายกับเพื่อนฉันอยู่ในนั้น จะให้เอาตัวรอดอย่างเดียวเหรอวะ” บางคนพยักหน้าตาม รวมทั้งกลุ่มอเล็กซิส
เทสซ่ายกมือ “พลังของฉันทำลายประตูได้ อาคุสะจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ เรมีก็ทำลายกำแพงได้ หลายคนในนี้ช่วยย่นเวลาได้ ถ้าคุณใช้แต่หุ่นยนต์อย่างเดียว ถ้าเกิดมันโดนโจมตีล่ะ”
“พวกเรามีโดรนจู่โจม”
“แ
“แล้วนาฮีมานาล่ะ”“วิ่งไปแล้วมั้ง เธอไปกับเมลิสซ่า นำทางทุกคน”“อเล็กซิสถอย” ไมเคิลบอกแล้วสั่งให้โรซ่าเกาะหลังเขา แฝดน้องตัดสินใจแบกโรซ่าวิ่ง “ถ้ายังยิงได้ก็ช่วยด้วยละกัน” หญิงสาวพยักหน้า แววตาซาบซึ้ง พวกเขาจึงวิ่งต่อก่อนที่จะมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว สะเก็ดไฟตกลงมา ต้นสนตรงหน้าไฟลุกพรึบ ไมเคิลทำอะไรอย่างสักอย่าง มันจึงดับลงท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าครามบัดนี้เต็มไปด้วยควัน เปลวเพลิงโหมจนดูเหมือนเมฆก็กลายเป็นไฟไปด้วย ทะเลเพลิงลอยอยู่บนหัว ยานรบนับสิบร่วงลงมา ยานโดยสารที่พวกเขาใช้เพื่ออพยพบัดนี้กลายเป็นจุณ โคดี้ใช้ยานเปล่าทั้งสองลอยไปชนกับกองทัพที่ตามไล่ล่าจนมันระเบิดอย่างที่เห็น อเล็กซิสวิ่งและวิ่ง แต่ดูเหมือนแผนที่ลูวางไว้จะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร แม้ยานบางส่วนจะระเบิดไป แต่ยานที่เหลือร่อนตามลงมา ยังมีไซบอร์กและทหารอากาศใช้เจ็ทแพ็กไล่ล่า นอกจากนี้พวกเขายังต้องหลบชิ้นส่วนที่แตกระเบิดกระจายตกลงมา เธอไม่เห็นพวกอเล็กซ์แล้วเพราะวิ่งมาไกล แต่ยังเห็นสายฟ้าประหลาดซัดจากพื้นขึ้นสู่ท้องฟ้า“พวกมันมาแล้ว!” ใค
“โคดี้จะไม่ให้พวกมันตามไป พลังของเขาจะหยุดยานของพวกมัน ตอนนี้อาวุธที่พอจะทำให้พวกเราสูสีได้ก็คือกลุ่มเสี่ยง ทำตามแผนลูเถอะ” เรมีทำหน้าขอร้อง พอเขาอยู่ในสภาพหุ่นเหล็กแล้วยังแสดงอารมณ์ก็ได้จึงทำให้รู้สึกแปลก ๆ อเล็กซิสหันไปมองน้องชายกับแฟนหนุ่ม ไม่มีใครเข้าข้างเธอ พวกเขาเห็นด้วยกับเรมี“พลังของพวกแฝดเสริมกัน พวกเขาควรอยู่ด้วยกัน” ฟีบี้โพล่งออกมา“แต่...ทักษะของไมเคิล”“ฉันรู้” สาวผมบลอนด์ฉีกยิ้มก่อนจะจับมือไมเคิล น้องชายของเธอทรุดตัวลงฮวบ ดวงตาสีฟ้าเข้มเบิกกว้าง เขามีอาการเหมือนหมดแรงกะทันหัน “ฉันใช้พลังได้เท่าที่เขาทำได้ อาจไม่ชำนาญเท่าแต่ก็...” เมื่อแบมือออก ลูกไฟปรากฏในมือฟีบี้ เธอปล่อยข้อมือไมเคิลทันที“แค่นี้ฉันก็ใช้พลังของไมเคิลได้ ให้ฉันอยู่แนวหน้า ให้เขาอยู่กับอเล็กซิส”“แต่ฟีบี้!” โธมัส แฟนหนุ่มของเธอร้องเป็นเชิงห้าม ทว่าหญิงสาวถลึงตามองไม่ให้เขาเถียงอเล็กซิสตสวมกอดไมเคิล เธอรู้สึกเหมือนมวลพลังส่งผ่านกันและกัน ไม่นานไมเคิลก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว เมื่อมองออกไ
ตั้งแต่เกิดเรื่อง เธอสังเกตได้ว่าอเล็กซ์นอนหลับยากขึ้น ทั้งสองเพียงแค่นอนกอดกัน มองหน้ากัน ถ้าห้องที่นอนอยู่คือหอพักในมหาลัย ในหัวของเธอคงมีเสียงบอกว่า “อ้อ แน่สิ ฉันยังเรียนอยู่นี่นา” แต่เพราะเธอไม่มีทางกลับไปอยู่ในสภาพแบบนั้นอีกแล้ว เสียงในหัวก็เปลี่ยนไปเป็น “ทำอย่างไรดี...” พวกเขายังไม่มีบ้าน ไม่มีอะไรเลย อเล็กซ์ในตอนนี้ไม่ใช่อเล็กซานเดอร์ โวลคอฟที่มีทุกอย่าง และอเล็กซิสก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่ ถ้าจะมีเด็กน้อยไร้เดียงสาเกิดมา อเล็กซิสอยากแน่ใจว่าตอนนั้นเธอพร้อมจะสร้างครอบครัวจริง ๆ ไม่ใช่ยังเป็นคนไร้บ้านและถูกไล่ฆ่าบลูชำเลืองมองเดสซิเรที่ยืนกอดอกกับเทสซ่าที่ใช้สายตาตัดสิน เขาแค่นยิ้ม “ฉันรู้ว่ามันอยู่ในตัวเธอ แต่โรซ่าควรจะเข้าใจสถานการณ์ รวมทั้งพวกเธอด้วย”“พวกนั้นโมโหที่นายทำร้ายเธอมากกว่า” เทสซ่าโพล่งออกมาแล้วยกแขนสองข้างขึ้นมากอด ท่าทางเหมือนเดสซิเรเป๊ะ บลูได้ยินดังนั้นก็ดึงคอเสื้อให้ทุกคนดู ทั้งยังเปิดเสื้อด้านหน้าให้รอยข่วนรอยช้ำมากมาย เขายกแขนให้ดูด้วย บางส่วนตกสะเก็ด พอทุกคนเห็นก็ยื่น
เพื่อน ๆ ทยอยกันเดินออกจากสุสานหิน ภายในอกของอเล็กซิสว่างเปล่าเป็นพิเศษ บัดนี้เธอเข้าใจบลูแล้วมั้ง แม้มันเป็นเพียงแค่หินสลักชื่อ กลับรู้สึกว่ากำลังจะจากพวกเขาไป บางครั้งเหมือนสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอยู่ในก้อนหินทรงกลมมน หินมีชีวิตหรือเธอรู้สึกไปเองกันแน่ อเล็กซิสกำหินของเวดข้างหนึ่ง และออสโล่อีกข้างหนึ่งลาก่อน เธอบอกพวกเขาในใจก่อนจะวางมันลงสักวันหนึ่งพวกเราจะได้เจอกัน สักวัน... “สกาย” มือของอเล็กซ์บีบไหล่เธอเบา ๆ นิ้วมือของเขาเรียวยาวแบบนักเปียโน ถ้าหากมีโอกาส เธออยากให้เขาเล่นเปียโนให้ฟัง แบบที่พระเอกในหนังโรแมนติกเล่นให้นางเอกฟัง อเล็กซิสจับปลายนิ้วคนรักแล้วบีบเบา ๆ เขาก็เพิ่งบอกลาเบน“พวกเราจะไปแล้ว” โคดี้เรียกขณะจับสายคาดตาให้เข้าที่ เธอกับอเล็กซ์หันไปพยักหน้าเป็นเชิงให้พวกเขาไปก่อน โคดี้จึงกอดคอเรมีเดินไป ทั้งกลุ่มเหลือเพียงอเล็กซิส อเล็กซ์ ไมเคิล แล้วก็เทสซ่าที่กอดหินของโนเอลอยู่แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่กลุ่มสุดท้าย ตรงหลุมศพของเอมอน เดสซิเรกำลังกอดริงโก้แน่น เธอซุกหน้าลงกับอกเพื่อน แม้ไม่ได้ยินเสียงแ
บอร์ญ่ายังคงมีสีหน้าดังเดิม ไม่ได้ตื่นตกใจ “แล้วนายคิดว่าไง ความสงสัยนั้นไม่เกี่ยวกับความจงรักภักดี ฉันยังคงยึดมั่นในภารกิจ แต่...ปฏิกิริยาแรกของนายต่างหากที่ฉันสนใจ”“ก็พวกเขาหัวแดงกันหมด”“แล้วลูกฟุตบอลล่ะ”“ก็ฉันอยากลองเล่น”“เวด มิลเลอร์ก็ชอบเล่น”“จีฮุน ลีก็ชอบกินช็อกโกแลต” เขาย้อน แต่กลายเป็นว่าเพื่อนกลับพอใจ เขาทำหน้าราวกับว่า เห็นไหมล่ะ ฉันบอกนายแล้ว แต่แคดมันก็ส่ายหัวอยู่ดีทุกครั้งที่เขาพยายามนึกมักจะปวดหัว เสียงเพลงของเอไลโตดังขึ้นและเขาจะต้องรีบท่องประโยคนั้นเพื่อให้หัวสมองปลอดโปร่ง ผลกระทบจากระเบิดในสนามรบ และบอร์ญ่าก็ไม่เป็นเท่าเขา คู่หูสูญเสียอวัยวะไปตรงแขนและฟื้นตัวไวกว่า อาจเป็นเพราะพวกเขาเสียอวัยวะเหมือนกันมั้ง ช่วงทำกายภาพได้ช่วยเหลือกันบ่อย ก็เหมือนกับในวัยเด็ก เขาเห็นภาพตัวเองในศูนย์ฝึกลับของเจ้าชายเมเคอร์ ความทรงจำของเขาเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าแคดมัน ‘ไม่ใช่’ เวด มิลเลอร์“เราไม่ใช่เวด” เขาคิดย้ำกับ
ช็อกโกแลตที่เด็กหญิงบ้านฝั่งตรงข้ามยื่นให้อยู่ในมือ เธอสะพายกระเป๋าเป้สีเหลืองเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน พอเห็นเขากลับจากซื้อของก็โบกมือแล้ววิ่งเข้ามาหา ประกายในดวงตาบ่งบอกว่าเธอรู้สึกดีกับเขามาก เขารับมันไว้ มุมปากกระตุกนิดหนึ่ง คิดว่านั่นคือรอยยิ้ม จนเมื่อเธอกลับบ้านไปเขาก็เข้าบ้านเช่นกัน เมื่อรอดพ้นจากสายตาของบราวน์ที่คงมองอยู่บนชั้นบน เขาเพียงกำช็อกโกแลตไว้แล้วเดินตรงไปในห้องครัวทิ้งขยะเขาเห็นแฟ้มที่บราวน์เพิ่งยื่นให้ตั้งนานแล้วชายหนุ่มยืนแตะขาเทียมของตัวเอง เขาเสียมันไปแต่ได้รับความภาคภูมิใจกลับมา ในสมรภูมิที่ปราบพวกกบฏ เขาสูญเสียขาเพื่อปกป้องเอไลโตและรักษาสมดุลของโลก แคดมันไม่เคยเสียดาย แม้มันจะเป็นภาพลาง ๆ จนจำรายละเอียดแทบไม่ได้ เขาได้ยินเสียงระเบิดดังรอบตัวจากนั้นหมดสติไป แล้วตื่นมาพร้อมกับขาข้างใหม่ แข็งแรง ไร้เทียมทานกว่าเก่าความทรงจำเลือนรางเป็นผลจากการต่อสู้ เขาเห็นตัวเองในไลบราเรีย และนั่นบ่งบอกว่าแคดมันไม่ใช่เวด มิลเลอร์ แคดมันรู้ว่าบราวน์ต้องการอะไร สุดท้ายแล้วเขาจะสวมรอยจำได้ว่าตัวเองคือเวดนั่นแหละดูเหมือนว่าเบื้องบนจะรู้ล่วงหน้า