“อเล็กซิส”
ดวงไฟสีฟ้าเข้มส่องสว่างจ้า เธอกะพริบตา ปรากฏว่าแท้จริงแล้วไฟสีฟ้าคือดวงตาของ
ไมเคิลนั่นเอง“ตื่นแล้วสินะ” เขาถอยกลับไป ปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับดวงไฟสีขาวบนเพดานแทน เส้นเลือดในหัวเต้นดังตุบเหมือนมีคนเคาะไม้ในหัว เธอยันตัวเองขึ้น “ที่...” ลำคอแห้งผากจนไอออกมาเสียงดัง “แค่ก ๆ ที่ไห...”
ไมเคิลส่งแก้วน้ำให้ดื่ม อเล็กซิสดื่มจนหมดในคราวเดียว เสียงน้ำกระทบกระเพาะและลำไส้บ่งบอกว่าภายในว่างเปล่า หิว ไม่ใช่หิวธรรมดา แต่หิวจนแทบจะกินแขนตัวเองได้
ก้อนขนมปังกลมจ่ออยู่ตรงหน้าเหมือนรู้งาน เธอคว้ามันยัดเข้าปากในคำเดียว ไมเคิลหัวเราะแล้วนั่งลงบนเตียง
“เกิดอะไรขึ้น” เธอถามเพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
“เธอเป็นลม”
“ไม่ ก่อนหน้านั้น”
อเล็กซิสพยายามนึกย้อนเหตุการณ์ ฝูงห่าซอมบี้นับพันตัววิ่งออกมาจากกำแพง ใช่ เธอกับไมเคิลพยายามปีนบันไดที่ทำจากเชือก สัตว์ นึกแล้วโมโหนัก โลหะไม่พอสร้างบันไดเหรอไงวะ และเธอก็ขึ้น
ไมเคิลหยุดอยู่ที่เตียงหนึ่ง เขาแหวกผ้าม่านแล้วให้เธอเข้าไป คนที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตัวลุกขึ้น “เทสซ่า?” แต่เมื่อเห็นหน้าแขกที่มาเยี่ยมกลับตกอยู่ในภาวะตะลึงงันชั่วครู่จากนั้นรอยยิ้มจึงปรากฏออกมาอเล็กซิสโถมตัวเข้ากอด ลืมไปว่าเขาอาจบาดเจ็บส่วนอื่นแต่เวดไม่ได้ร้อง เขากอดตอบแน่น“นาย...” เธอลูบศีรษะเพื่อน สภาพเขาต่างจากก่อนเข้าประตูนรกเพียงนิดเดียว ไม่มีเฝือก ไม่มีบาดแผลร้ายแรง ไม่มีแม้แต่สายใดต่อเข้ากับร่างกาย เหลือเพียงแค่สะเก็ดแผลเป็นรอยจางบนใบหน้าและตามลำตัวเท่านั้น และพวกมันคงหายสนิทในอีกไม่กี่วัน เวดยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม เขาไม่ได้สวมชุดสีขาวเหมือนเธอ หากแต่เป็นชุดคนไข้สีฟ้า ไม่เหมือนกับชุดคนไข้ในโรงพยาบาลซานโบซ่าที่เป็นสีขาว“เบ็กกี้บอกว่าอยู่กับเธอ ฉันรอ รอจนครบสิบวัน แต่เธอก็ยังไม่โผล่มา จนนึกว่าตายแล้ว” เขาจับมือเธอแนบแก้ม “ขอบคุณพระเจ้า แม้ลูกไม่ค่อยเชื่อท่านก็เถอะ”อเล็กซิสหัวเราะ น้ำตาปริ่มขอบดวงตาและครั้งนี้มันมาจากความสุขที่ได้เจอเพื่อน เวดมาถึงก่อนเบ็กกี้อีกหรือนี่ ถ้าอย่างนั้นอเล็กซ์ก็ต้
“นายจะกลับมาเดินได้ ไม่งั้นพวกเขาไม่รักษานายหรอก” อเล็กซิสกุมมือเพื่อนแน่น ความเงียบขรึมของเขาใช่ว่าทำให้เธอสบายใจ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้จะจัดการความรู้สึกไหนก่อนดี ระหว่างเสียใจและโกรธแค้น เสียขาเหมือนเสียอนาคต ขณะที่ตนเองเพิ่งผ่านเหตุการณ์เสียเพื่อนมา แม้แต่ตัวอเล็กซิสยังไม่รู้ว่าตนเองควรจัดการหรือแสดงอารมณ์ออกมาแบบไหน“เธอผ่านมาได้ยังไง” เวดชำเลืองมองเด็กหนุ่มอีกคน “นายยังพูดไม่ได้อีกเหรอ ฉันว่าฉันเคยเห็นนายพูดนะ"อเล็กซิสยิ้มน้อย ๆ “ถ้าไม่สนิทจะไม่พูด เดี๋ยววันหลังคงเปิดปากพูดมากขึ้น”ไมเคิลเลิกคิ้วขึ้นแล้วหรี่ตามอง อเล็กซิสกางมือออก ยักไหล่ขึ้น ฉันไม่ได้พูดผิดสักหน่อย“พวกเราออกมาจากทางออกสาม...อเล็กซ์เล่าอะไรหรือเปล่า”เวดส่ายหน้า “เขาไม่ได้บอกว่าอยู่กับเธอ ฉันรู้แค่เบ็กกี้อยู่กับเธอ โนเอล และเบน...” เวดเหมือนนึกขึ้นมาได้ว่าเบนก็ไม่รอดเหมือนกันแต่ไม่พูดต่อ “พอดีฉันฟังจากเทสซ่ามาอีกทีด้วย ทุกคนที่ออกมา ถ้าไม่บาดเจ็บก็...ไม่พูดไม่จา ซึม ประมาณนั้น มินนี่เองก
“ที่พักในศูนย์แบ่งออกเป็นห้องนอนชายหญิง ห้องน้ำในตัว อาจไม่สะดวกสบายและไม่มีสิ่งของอำนวยความสะดวกให้เล่นเหมือนในศูนย์แรก แต่อาหารครบสามมื้อ” เธอเดินอธิบายต่อโดยไม่สนสีหน้าเด็กทั้งสอง “พวกเธอจะเห็นตารางเวลาเรียนและกิจกรรมต่าง ๆ ติดอยู่บนประตูในห้องพัก นาฬิกาปลุกอัตโนมัติทุกเช้าเวลาหกนาฬิกา อาหารเช้าเจ็ดนาฬิกา เป็นแบบนี้ทุกวัน เวลาว่างคือหลังสี่โมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม ห้ามเกินจากนี้ พวกเธอต้องเข้านอนเพื่อสุขภาพที่ดี อ้อ วันปฐมนิเทศจะประกาศอีกทีนะจ๊ะ” เคียนโต้พูดรัวเร็วจนฟังเกือบไม่ทัน “เอาล่ะ เข้าลิฟต์สิ”อเล็กซิสกับไมเคิลมองหน้ากัน เธอหันไปแล้วเพิ่งรู้ว่าลืมกด “อ้อ โทษที” ประตูลิฟต์เปิดออก ข้างในเป็นกระจกเหมือนเดิมแต่เป็นฝ้าทึบ ปากเคียนโต้ยังคงขยับเหมือนถูกออกคำสั่งมาให้อธิบายให้จบ “เมื่อกี้คือห้องพยาบาล เรามีแพทย์และพยาบาลคอยดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้นอย่าห่วงเพื่อนเธอเลย หากใครได้รับบาดเจ็บระหว่างการฝึกจะถูกส่งตัวไปที่ห้องนั้น...”“บาดเจ็บจากการฝึกเหรอ” อเล็กซิสร้อง ยังไม่พออีกเหรอ
เคียนโต้สามารถพูดสรุปปุ่ม อุปกรณ์ แสงไฟ สัญลักษณ์ได้ภายในสามนาที อเล็กซิสเหมือนนั่งฟังเครื่องเล่นเทปที่กดปุ่มเร่งค้างไว้ ที่สำคัญห้องน้ำในนี้ยังทันสมัยกว่าในศูนย์แรก หากแต่เธออยากได้ห้องน้ำส่วนตัวมากกว่าห้องน้ำรวม แต่ใช่ว่าเธอจะต่อรองได้ถูกไหมล่ะ“เอาล่ะ มีคำถามไหมจ๊ะ”แน่นอน “มีค่ะ ฉันจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ห้องพยาบาลอีกได้ไหมคะหล่อนยิ้มมุมปาก “พวกเรามาจากชั้นเจ็ดสิบสอง” ว่าแล้วเดินทิ้งสะโพกออกไปอเล็กซิสวิ่งไปนั่งบนเตียงเบ็กกี้ เธอนอนคลุมโปงอยู่ “เป็นไงบ้าง ทำไมนอนแบบนี้”เด็กสาวเปิดผ้าคลุมออก“ไม่เป็นอะไร จำได้ว่าถูกสัตว์ประหลาดสักตัวซัด ฉันนึกว่าตัวเองตายแล้ว พอรู้สึกตัวก็มาก็อยู่ที่นี่แล้ว โนเอลกับเบน...”เธอส่ายหน้าเด็กสาวหน้าหมองลงจากที่หมองอยู่แล้ว “เพราะฉันใช่หรือเปล่า”“ไม่ใช่หรอก” หากอเล็กซิสชอบโทษตัวเองแล้ว สาวน้อยเบ็กกี้เป็นมากกว่าสิบเท่า“พวกมินนี่กับเทสซ่ารู้แล้วหรือยัง”เธอพยักหน้า สายตามองเตียงที่เหลืออย
“เคสเอชโอวันเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2919 ทางการสามารถจับกุมซีโน่ ฮาร์ต ผู้สามารถเปลี่ยนอวัยวะตนเองกลายเป็นโลหะได้ เขาใช้ความผิดปกตินี้ก่อตั้งแก๊งก่ออาชญากรรมหลายคดี ฮาร์ตถูกขึ้นบัญชีดำในฐานะบุคคลอันตราย เขาถูกจับกุมและส่งตัวมายังสถานวิจัยเพื่อศึกษาหาสาเหตุความผิดปกติทางกายภาพ ต่อมา ทางการค้นพบผู้มีความผิดปกติอีกหลายราย และส่วนใหญ่มักใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและคุกคามผู้อื่น เพื่อความสงบเรียบร้อยในสหพันธรัฐ รัฐบัญญัติเฝ้าระวังและควบคุมมนุษยชาติปี 2966 จึงมีผลบังคับใช้เพื่อรักษาความสงบแห่งพลเมืองตั้งแต่นั้นมา และได้บัญญัติคำว่าเอชโอวันเพื่อระบุความหมายของกลุ่มอาการผิดปกติหรือความสามารถเกินมนุษย์ปกติทั่วไปหรือความสามารถอันไม่พึงประสงค์ กลุ่มเสี่ยงหมายถึงผู้ถูกตัดสินว่าเข้าข่ายเอชโอวัน และกลุ่มต้องสงสัยในกรณีนี้คือผู้มีแนวโน้มเข้าข่ายเอชโอวัน”ภาพสามมิติจากเทคนิคโฮโลกราฟีปรากฏตรงกลางโต๊ะกลมขนาดจุคนได้สามสิบคน มนุษย์ดิจิทัลขนาดเท่าคนแคระอ้าปากบรรยายเรื่องราวที่ไม่ค่อยใหม่สำหรับพวกเธอเท่าไร“ให้ตายเถอะ ฉันจะหลับ” เทสซ่ากระซิบ
ณ ชั้นสี่สิบเจ็ดอเล็กซิสถือจานถาดหลุมเต็มไปด้วยขนมปังธัญพืช โยเกิร์ต อกไก่ย่าง มันบด สลัดผักซอสงา มะเขือเทศ ผลไม้สด และเค้กแคร์รอต“ฉันอยากได้ของทอด” เรมีคร่ำครวญ เขาบ่นแบบนี้เป็นประจำ “พวกเขาไม่รู้จักกันเหรอ เฟรนช์ฟราย ไก่ทอด ปลาทอด”“เฮอะ” เทสซ่าเหยียดปาก “ดีสิ ไม่ต้องคิดเมนูอาหารเอง แถมยังดูแลสุขภาพขนาดนี้ หุ่นดีกันถ้วนหน้า ใช่ไหม” ศอกให้อเล็กซิสเห็นด้วย“อื้อ” ไม่ว่าอะไรก็ดีกว่าขนมปังจืดชืดกับซุปกระป๋องทั้งนั้น ส่วนไมเคิลก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว เขาไม่เกี่ยงอาหารทุกชนิด“แต่ฉันกินของพวกนี้แล้วยังรู้สึกหิวตลอดเลย ดีนะที่มีเค้ก แต่เค้กแคร์รอต” เด็กหนุ่มผมโมฮอร์กทำตาละห้อยแล้วกลืนอกไก่อย่างจำยอม “ใครอยากได้สลัดบ้าง เอาไปเลย เอาไหมเบ็กกี้ มินนี่” เขาถามอีกสองสมาชิกที่มักไม่มีปากเสียง“มะอาว” มินนี่ส่ายหัว “ฉันไม่ชอบผัก” ว่าแล้วเธอก็ตักสลัดให้เทสซ่าพี่สาวร้องแล้วยัดกลับ “เธอต้องกิน”“ม่าย”
กระสอบทรายหุ้มหนังสีดำแบบแขวนและตั้งพื้นตั้งเรียงกันเป็นระเบียบ แต่ละคนยืนประจำที่เพื่อเรียนรู้ท่ามวยพื้นฐานตามครูฝึก และคนที่ฝึกพวกเขาคือ ฟรอนแซล เคียนโต้ เมื่อถอดเสื้อคลุมเหลือเพียงเสื้อเทรนนิ่งแขนสั้นสีดำตัดน้ำเงินกับกางเกงขายาวกระชับสัดส่วน ตอนแรกที่ดูเหมือนจะท้วมกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวย แม้แต่โคดี้ยังพักเล่นชั่วคราว ไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวตัวเล็กอย่างเธอจะเป็นครูฝึก และที่สำคัญ เมื่อเคียนโต้ขอให้โคดี้มาสาธิตเป็นเพื่อน เด็กหนุ่มถึงกับลงไปกองกับพื้น จุก สิ้นฤทธิ์ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน“เมื่อออกหมัดแล้วอย่าลดมืออีกข้างลง อย่ากางแขนแบบนั้น มาร์โกต์อย่ายืนหันตรงเป็นอันขาด เธอกำลังเผยช่องว่างให้ศัตรูสวนเข้ามา นี่รอดกันมาได้ไงยะ ควินน์กับโธมัสคนน้องออกแรงอีกนิด นั่นแหละ ดีมาก คาร์เตอร์อย่ายืนแบบนั้น ฉันสอนแล้วนะ” เธอเดินตรวจไปเรื่อย ๆ “ดีมากโวลคอฟ เคยฝึกสินะ”ความสนใจหันเห อเล็กซิสเสียสมาธิทันทีและสายตาเคียนโต้ไวดุจเหยี่ยว “เดวิส ตามองกระสอบ ไม่อย่างนั้นเธอนอนแอ้งแม้งเหมือนเฮซแน่ คิดเสียว่ามันคือศัตรู โอ้” ดวงตากลมสี
หลังจากฝึกจนหมดเวลา เคียนโต้ปล่อยให้พวกเราไปพักตามอัธยาศัย ฟรีไทม์มีถึงแค่สี่ทุ่มเท่านั้น หลังจากนั้นต้องเข้านอนกันทุกคน อเล็กซิสรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเรียนประจำอย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อรับประทานอาหารเย็น เธอต้องรีบไปหาเวด เด็กสาวไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวแม้เพียงวันเดียว เทสซ่ากับมินนี่แวะไปเยี่ยมทุกวันเช่นกัน แต่พวกเธอมักตามไปทีหลังด้วยเหตุผลที่ว่าเผื่อ อเล็กซิสกับเวดอยากคุยเป็นการส่วนตัว แต่มันก็ไม่เคยส่วนตัวเลยเพราะมีไมเคิลเป็นเงา เบ็กกี้กับเรมีสลับกันขึ้นมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่เรมีมาคนเดียวเพราะเด็กสาวพุ่งตัวเข้านอนตั้งแต่หกโมง นับว่าเวดยังโชคดีกว่าคนไข้ที่เหลือ เพราะถ้าไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน บางคนรอดมาคนเดียวจึงไม่มีเพื่อนมาเยี่ยม“ชั้นเจ็ดสิบสอง”“ชั้นเจ็ดสิบสอง”“ไมเคิล นายไม่เบื่อเหรอ เวลาฉันคุยกับเวด นายพูดได้นะ พอเขาชวนนายคุย นายก็เอาแต่เงียบ”หนุ่มผมเงินมองออกไปนอกลิฟต์ “ก็ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรด้วย ที่เก่ายังมีหนังให้ดู มีกีฬาให้เล่น หรือว่า...” เขาเว้นจังหวะ “เธอรำคาญ”“ไม่มีทาง” อเล็กซิสตอบทันที “ไม่ต้องทำตาแบบ
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้