พวกเขามองอเล็กซิสไกวชิงช้าให้มินนี่ พักนี้สองสาวเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด ถึงแม้ท่าทางของเธอจะแปลกไปและเบลินดาใช้คำว่า เพี้ยนขึ้น แต่เพราะมินนี่ทำให้เธอหัวเราะได้ ไมเคิลจึงปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน เขาอยากให้เธอยิ้ม หัวเราะ มีความสุขให้มากที่สุดก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับศัตรูในสมองอีกหลายศึกนัก
เมื่อโคดี้ อาคุสะ และเรมีถูกจับขังเป็นเวลาสามวันด้วยข้อหาลักลอบขโมยอุปกรณ์อันไม่สมควรครอบครอง ทั้งสามยังมีแก่ใจช่วยให้ไมเคิลรอดด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยู่ห้องตัวเองแต่สิงอยู่ในห้องอเล็กซิส “เขาหารห้องกับผมก็จริง แต่เขานอนห้องอื่น ถามเจ้าของตึกนั้นก็ได้ เขานอนที่นั่น ไม่รู้เรื่องนี้หรอก” ส่วนฟีบี้ที่ได้ข่าวว่ามีแฟนก็หายหน้าไปเลย บรรยากาศจึงเหงาพิกล
ท้องฟ้าวันนี้ไม่ค่อยปลอดโปร่งนัก แม้ไม่มีเมฆฝนแต่ไม่มีแดด อากาศจึงค่อนข้างหนาวกว่าวันอื่น ยิ่งเข้าช่วงเย็น ลมหายใจถึงกับกลายเป็นไอ สองหนุ่มยืนพิงกำแพงมองสองสาว ในขณะที่เทสซ่าและเบลินดาก็นั่งอีกมุมหนึ่งปรึกษาปัญหาอะไรบางอย่างที่ไม่ยอมบอก ทั้งหมดปักหลักอยู่หลังตึกห้องเช่าของเทสซ่า มันมีชิงช้าที่คนแถวนั้นสร้างขึ้น
เดสซิเรเริ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากขึ้น ปัญหาที่เขาหนักใจที่สุดคลายลง แต่อีกปัญหาตามมาคือ ไมเคิลทั้งสองสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่พูดคุยกันในสุสานหิน และเพราะไมเคิลก็อยู่ฝ่ายเครื่องยนต์จึงได้พบปะกันเสมอ นานวันเข้าเริ่มคุยเล่นกันได้ ยกเว้นเพียงอเล็กซ์ที่ค่อนข้างเงียบเวลาทำงาน แต่เขาพูดคุยกับคนอื่นปกติดี ปัญหาของไมเคิลคือ ดูเหมือนพวกเพื่อนผู้ชายในกลุ่มพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้เขาตอบรับโรซ่า ตัวต้นคิดคือเรมีที่เริ่มดึงบลูเข้าไปเอี่ยวด้วย“ฉันรู้ว่านายเก่งเรื่องผู้หญิง” เรมีกระซิบ ทั้งที่พวกเขาอยู่กันสองคน“เก่งเรื่องผู้หญิงกับเข้าใจผู้หญิงเป็นคนละเรื่องกัน” เขาตอบเด็กหนุ่มไปตามตรง“ฟังก่อน” อีกฝ่ายรบเร้า “หมอนั่นเหมือนกลัวผู้หญิง ไม่รู้ทำไม โรซ่าก็น่าสงสาร เธอเคยเปรยว่าไม่น่าแสดงออกว่าชอบไปตั้งแต่แรก ดูน่ากลัวหรือ” เด็กหนุ่มจีบปากจีบคอเลียนแบบหญิงสาว “ที่ฉันเป็นห่วงเพราะฉันกลัวว่าไมเคิลยังปิดกั้นตัวเองเพราะอเล็กซิส ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเป็นแฝดกัน ไมเคิลเคยชอบอเ
เขาหอบหายใจ อารมณ์มากมายเอ่อล้น แต่ขณะเดียวกันก็โล่งใจด้วย เขาไม่รู้ว่าไอ้ความอัดอั้นมันมาจากไหนมากมาย ทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะตะโกนหรือพูดแบบนี้ด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องการให้เดสซิเรเข้าใจความปรารถนาของเอมอนและดำเนินชีวิตต่อไปก็โมโหจนได้สินะเรา ชายหนุ่มเงยหน้ามองขึ้นฟ้า อากาศปลอดโปร่งมากขึ้นทุกที แสงสีทองจากดวงอาทิตย์สาดส่องลอดผ่านกิ่งไม้ แสงแดดอุ่นขึ้นทุกวัน วันที่พวกเขาใช้ชีวิตโดยปราศจากนาฬิกาข้อมือนั้นไม่ใช่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเจ้าเอมอนอีกแล้ว“ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้” เดสซิเรคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตานองหน้า “ฉันไม่รู้เหมือนกัน เขาอยู่ในหัวฉันตลอดเวลา ทั้งภาพ ทั้งเสียง คำพูดของเขา ฉันไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเจ็บแบบนี้ ฉันทนไม่ไหว...ไม่ไหวจริง ๆ บลู”โอลิแวนนั่งลงแล้วกอดเธอ “ฉันเข้าใจ เดส ฉันเข้าใจ”“ความฝันของเขา ความปรารถนาของเขา ฉันไม่เคยสนใจมันเลย อะไรที่เห็นด้วยก็เห็นด้วย ในอนาคตของเอมอนมีภาพของฉันอยู่เสมอ แต่ฉันไม่เคยมี เขาแค่อยู่กับฉัน ยอมรับตัวตนและการตัดสินใจของฉันทุกอย่าง เขาไม่เคยห้าม ไม่เคยตัดพ้อ ฉันก็เป็นข
อเล็กซิสหันไปสะกิดไมเคิลที่เอาแต่ยืนหลบหลังพี่สาว เขามองเลยไปเห็นสาวผมบลอนด์ชำเลืองมองมาทางไมเคิลแล้วขยิบตาหยอก น้องชายอเล็กซิสยิ่งทำคอแข็งไม่คุยกับใคร เขาหลิ่วตาให้อเล็กซิสมองแฝดตัวเอง “น้องเธอไก่อ่อนมากเลยนะ ให้สอนไหม”“อย่ายุ่งกับไมเคิล” อเล็กซิสกอดแขนอีกคนอย่างหวงแหนแล้วลากออกไป ริงโก้หัวเราะ“แกเป็นตัวอันตรายจริง ๆ ว่ะ”“แกดูดิ ทำไมเจอผู้หญิงอ่อยเข้าหน่อยต้องหดคอในกระดองด้วยวะ” เขาพยักพเยิด“ยุ่งเรื่องคนอื่น” ริงโก้ไม่สนใจแล้วจ้วงซุปเข้าปาก “อ่า รักเจ้าโอลิแวนจริง ๆ” ใบหน้าอิ่มเอมกับรสชาติอาหารถึงที่สุดบลูชำเลืองมองไมเคิล เขาดูอึดอัดจริง ๆ หรือเป็นเพราะโรซ่า? แปลก ทั้งที่หญิงสาวก็ไม่ได้แสดงอาการออกมากมาย แค่ชวนคุย ส่งยิ้มหวาน เขามองภาพตรงหน้าแล้วไม่เข้าใจเลยแต่แล้วจู่ ๆ เขาเห็นเงาของเอมอนปรากฏขึ้นตรงหน้า พอกะพริบตาก็หายไปเพราะแฝดสองคนนั้นแท้ ๆ เขาส่ายหน้า เวลารู้สึกเช่นนี้จึงมักถามตัวเองว่าทำไม ทำไมวันนั้นเอมอนต้องตายแทน และทำไมต้องเป็นเอมอน หากเจ้าน
หลัวจากหมดเวลาช่วงเช้าไป ทั้งสองขึ้นไปหาโอลิแวนในห้องครัว ข้อดีของงานในครัวคือมีงานอยู่ตลอด อันที่จริงหน้าที่ของโอลิแวนทำให้คนในนี้เคารพเขามาก โดยเฉพาะพวกวัยรุ่น เรื่องปากท้องนั้นสำคัญ และเมื่อมีคนที่สามารถเสกอาหารจืดชืดให้กลายเป็นมื้ออาหารแสนอร่อยได้ ทุกคนจึงเทิดทูนเขาที่สุด พอได้รับคำชมและความเคารพ ดูเหมือนจะเป็นผลดีต่ออาการสูญเสียคนรักของโอลิแวน“ฉันได้ยินว่ามียานแล่นผ่านเมื่อคืน โชคดีที่เราเปิดระบบอำพรางไว้ พวกเขาจึงไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้” โอลิแวนวางขนมปังอบกรอบให้เพื่อนทั้งสอง ในครัวมีลักษณะเหมือนครัวเปิด หม้อ เตา เตาอบ อุปกรณ์ทุกอย่างเปิดให้เห็นหมด แล้วตรงกลางก็เป็นโต๊ะขนาดใหญ่ มีมุมหนึ่งไว้สำหรับเตรียมอาหาร ที่เหลือเป็นโต๊ะให้คนนั่งกิน ส่วนใหญ่เข้ามารีบกินแล้วก็ออกไป เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนใหม่ ทำอย่างไรได้ พื้นที่มีจำกัด“ฮึ ดีนะที่ไอ้เวรกลีสร้างตึกนี้เพื่อซ่อนของ ไม่งั้นพวกเราตายห่าอีกรอบแน่” บลูพูดทั้งที่ขนมปังเต็มปาก “แล้วก็ดีที่มันยังไม่ได้ขนเจ้าสิ่งนั้นมา”“อย่าพูดน่า” หนุ่มแว่นร้อง “คนจะกินข้าว เ
ผ่านมาสองสามเดือน เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของผู้คนในนี้ การปรับตัวเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ผ่านช่วงเวลาวิกฤติมาได้นักต่อนัก แต่สำหรับบลู เขายังไม่พอใจกับสภาพในตอนนี้นัก เพราะมีคนหนึ่งที่วิวัฒนาการไปในทางแย่ลงปัญหาที่เขาหนักใจที่สุด เดสซิเรเธอไม่ทำอะไรเลยตั้งแต่วันที่พวกบลูหนีออกมา เขาไม่ได้เสียแค่น้องชายและเพื่อนหนึ่งคน เขาเสียเพื่อนสองคนตัวตนของเธอตายไปแล้ว หญิงสาวที่ร่าเริง รักสนุก ใช้ชีวิตให้สุด เธอเอาแต่นอน ไม่ก็นั่งเฉย ทั้งวันแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง ไม่ดูแลตัวเอง เอาแต่นั่งกอดเข่าแล้วก็ร้องไห้ หรือไม่ก็นั่งเหม่อ บางวันเขาต้องบังคับให้ลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง อาบน้ำ แต่งตัว ล้างหน้า กินข้าว เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น เธอก็จะอยู่อย่างนั้นแล้วก็นอนหลับไปเอง เรื่องทำงานเหมือนคนอื่นลืมไปได้เลย บอกเท่าไรเธอก็ไม่ขยับ หญิงสาวเหมือนซากศพมากขึ้นทุกวัน ผอม ทรุดโทรม อาการดีขึ้นเมื่อมีเพื่อนสาวเข้ามาพูดคุย แม้แต่เมลิสซ่าก็ยังพยายามช่วย แต่แล้วอย่างไรเล่า ถ้าหากเจ้าตัวไม่คิดจะทำอะไร ใครก็ฉุดกระชากลากถูไปไม่ได้บางครั้งบลูทนไม
“ดี เพราะฉันไม่อยากรู้สึกผิด แค่นี้เธอก็เหมือนกะหรี่จะแย่อยู่แล้ว”“นายอยากให้ฉันช่วยไหม!” หญิงสาวตวาดลั่น ดวงตากลมโตแทบถลนออกมา ใบหน้าตกกระแดงก่ำแทบจะแดงกว่าสีผมของตัวเอง“ต่อให้ฉันด่า เธอก็จะช่วยอยู่ดี” เขาจ้องหน้าหญิงสาวแล้วยิ้มกระหยิ่ม จูนไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว ความใสซื่อผสมแม้ในแววตาหยิ่งผยองตามนิสัยคุณหนูนิสัยเสียก็หายไป เขาเห็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบปั่นหัวคน สนุกกับความทุกข์ของคนอื่นเพื่อกลบปมในใจตัวเอง อย่างน้อยเจสซี่ก็รู้ทุกจุดบนร่างกายทุกซอกทุกมุม ทว่าครู่หนึ่งเขารู้สึกเหมือนเห็นประกายวาวคล้ายน้ำตา มือที่จับข้อเท้าเล็กนั้นไว้ก็คลายลง จูนสะบัดหน้าไปทางอื่น พวกเขานั่งเงียบกันสักพัก ก่อนจะที่หญิงสาวจะถามขึ้น“นายคิดว่าอเล็กซิสยังไม่ตาย มั่นใจใช่ไหม”เขาเหลือบมองเธออย่างหยั่งเชิง ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องกลับ ไม่มีความหวาดหวั่นอยู่ในนั้น นอกจากแผนคบกันบ้า ๆ แล้ว บางทีเขาก็รู้สึกว่า ลึก ๆ เธออาจจะรู้สึกผิดต่ออเล็กซิส แม้เพียงน้อยนิดก็ตาม“ตอนนั้นเธอชอบหมอนั่นเหรอ” เขาเอียงคอ “ไ