Chapter 5
“นี่นาย ฉันเช็ดโต๊ะถูพื้นเสร็จแล้ว พักได้หรือยัง” อย่างที่รู้ ฉัน..คุณหนูฟลอเรนซ์ แห่งบ้านธนานุกูลเวช เคยทำงานบ้านซะที่ไหนกัน ตั้งแต่เกิดมาฉันก็ถูกยกย่องเชิดชูในฐานะคุณหนูผู้สูงศักดิ์มาตลอด เป็นครั้งแรกที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ความแค้นในใจมันอัดแน่นรอวันเอาคืน นิ้วเรียวขาวนวลเนียนสวยราวกับมือของผู้หญิงถูไปตามเคาท์เตอร์
“ตรงนี้ฝุ่นจับเยอะ มาเช็ดตรงนี้ด้วย” เหมือนโดนเชฟหนุ่มแกล้งเพราะฉันถูตรงนั้นตั้งสองรอบ ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
‘ทนไว้ฟลอเรนซ์ ลบคลิปนั่นได้เมื่อไหร่ค่อยแก้แค้นก็ไม่สาย’
“ได้เลยคร้าเชฟ” ฉันยิ้มกว้างแต่น้ำเสียงประชดประชันอย่างชัดเจน
“เชฟภามครับ มื้อเที่ยงมีสปาเกตตี้ซอสครีมเห็ดกับซีซาร์สลัด” เชฟพริกโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว เขาร้องบอกและหันมาส่งยิ้มให้ฉัน โอโห..ตอนนี้เกือบได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว นี่ฉันทำความสะอาดเกือบสามชั่วโมงเศษๆแล้วเหรอเนี่ย..แค่ได้กลิ่นอาหารกระเพาะก็ร้องโครกคราก
“มีสเต็กเนื้อวากิวไหมคะเชฟพริก” ฉันยิ้มหวานๆให้เชฟผู้ช่วย เจอรอยยิ้มการตลาดของฉันเข้าไปน้อยคนนักที่จะปฏิเสธฉัน
“คนงานอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เลือกกิน เชฟพริกกินแค่นั้นพอไม่ต้องทำเพิ่ม” อ้อ..ยกไว้คนหนึ่งละกัน น้ำเสียงเข้มๆนั้นทำให้เชฟพริกต้องรีบพยักหน้ารับและทำตามคำสั่งเจ้านายอย่างเสียไม่ได้
“เชฟพริก เดี๋ยวฟลอจ่ายค่าสเต็กเนื้อวากิวเองค่ะ คิดว่าฟลอเป็นลูกค้าคนหนึ่งแล้วกัน” ใครจะยอมแพ้กันล่ะ นั่นไม่ใช่ฟลอเรนซ์ที่ได้ฉายานางมารน้อยหรอกนะ
“มีคลิปลับสุดยอดมาใหม่ อยากดูไหมเชฟพริก”
“คลิปอะไรครับเชฟภาม”
“นางเอกเอ็กซ์มากกกก..” เชฟภามเน้นคำว่ามาก จนฉันเผลอเอามือปิดปากเขา
“กินแค่สปาเกตตี้กับสลัดก็พอค่ะ ฟลอไดเอ็ท ขึ้นกล้องแล้วจะอ้วน” ฉันยิ้มแห้ง หันไปทำตาเขียวให้คนตัวสูง ชักจะเหลืออดเหลือทนกับผู้ชายปากร้ายคนนี้เข้าไปทุกที
“ถ้านายยังขู่ฉันแบบนี้ ฉันจะไม่ทนแล้ว อยากลงก็ลงเลย”
“จะดีเหรอ? พ่อกับแม่เธอจะยอมรับลูกเขยจนๆแบบฉันได้ไหม” เชฟภามหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ส่วนฉันน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ฉันเป็นลูกที่แย่จริงๆ นอกจากจะไม่ได้ทำอะไรเพื่อสร้างชื่อให้ครอบครัว ยังมาทำเรื่องเสื่อมเสียให้พ่อกับแม่ได้อับอาย สมควรแล้วที่พวกท่านไว้ใจพี่เวมอบกิจการของตระกูลให้พี่สาวคนโตดูแล เพราะฉันมันไม่ได้ความอะไรเลย
“ร้องไห้ทำไม กินข้าวซะ” มือหนาส่งทิชชูเปียกให้ฉัน พอเห็นฉันไม่รับของจากเขา เชฟหนุ่มจึงเช็ดน้ำตาที่แก้มของฉันอย่างแผ่วเบา เขาถอนหายใจยาวๆ เลื่อนจานอาหารมาอยู่ตรงหน้าฉัน สปาเกตตี้ซอสครีมเห็ดที่เชฟพริกทำเสร็จใหม่ๆ หอมยั่วน้ำลายฉันเหลือเกิน นาทีนี้ไม่มีฟอร์มอะไรแล้ว ฉันใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเกตตี้เข้าปากเคี้ยวหยับๆทั้งน้ำตา
‘อร่อยมากเลย’ สงสัยจะทำงานจนเหนื่อยเลยหิวมาก กินอะไรก็อร่อย แต่มันรสชาติดีมาก ดีกว่าที่เคยกินมาแล้วหลายร้าน เรียกได้ว่ารสชาติถูกปากนั่นแหละ
“กินผักด้วย” เสียงเข้มๆของผู้ชายตรงหน้าคล้ายจะเป็นประโยคคำสั่ง ฉันจึงกินสลัดผักตามเข้าไปอย่างขัดไม่ได้ ซึ่งผักสลัดก็หวานกรอบเข้ากันได้ดีกับน้ำสลัดไขมันต่ำรสเปรี้ยวนำ ซึ่งไม่ทำให้เลี่ยนจนเกินไป อีตาเชฟภามหายเข้าไปในครัวสักพัก ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับจานอาหาร เขาวางมันลงที่โต๊ะ นี่มันสเต็กเนื้อวากิวนี่นา ไหนว่าไม่ทำให้..ฉันหันไปมองสบตาเขายิ้มๆ ที่แท้เขาก็แอบสนใจฉันแหละ ก็ฉันน่ารักขนาดนี้
“เลิกมองฉันแบบนั้นได้แล้ว น่ารักตายล่ะ ยัยนกเป็ดน้ำ” ป๊อก!! เขาดีดหน้าผากฉัน เหมือนจะดับฝันฉันไปในตัว ไม่เคยมีใครเรียกฉันว่านกเป็ดน้ำมาก่อน พอเห็นฉันทำหน้าเหวอๆ เชฟหนุ่มจึงหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนชอบใจ
“ครั้งหนึ่งในชีวิตนาย ก็เคยได้กับนกเป็ดน้ำล่ะว้า” ฉันเบะปากด้วยความหมั่นไส้ คิดว่าตัวเองหล่อนักรึไง ถึงได้เที่ยวเปรียบเทียบผู้หญิงน่ารักๆอย่างฉันเป็นสัตว์ปีก
“มันคงเป็นเรื่องพลาดพลั้งที่สุดในชีวิตฉันแล้ว” เชฟภามกดยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์
“รีบกิน มีงานที่ต้องไปทำอีก” เขาออกปากเร่ง ฉันซึ่งกำลังละเลียดละไมกินสเต็กเนื้อที่นุ่มละลายในปากถึงกับติดคอ
“เดี๋ยวก่อน..งานยังไม่เสร็จอีกเหรอ?” ฉันทำความสะอาดร้านตั้งแต่เช้าเพิ่งจะได้พักกินข้าว เขาจะทรมานฉันไปถึงเมื่อไหร่
“ต้องไปซื้อผัก”
“ก็สั่งออนไลน์มาสิ ไม่เห็นจะยาก” คุณหนูฟลอเรนซ์ผู้ซึ่งใช้เงินแก้ปัญหามาตลอดทั้งชีวิต ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ จะไปซื้อเองให้เหนื่อยทำไมกัน
“แล้วเราจะมั่นใจได้แค่ไหน ว่าผักที่สั่งมาจะสดและได้คุณภาพ”
“จะไปซื้อที่ตลาดเหรอ?”
“เปล่า ไปสวนผัก” ฉันได้แต่ยอมรับแบบปลงๆ ช่วงนี้จะพาไปไหน ให้ทำอะไรก็ขัดไม่ได้สินะ พอจัดการมื้อเที่ยงเรียบร้อย ฉันก็เตรียมตัวไปสวนผักที่ว่าพร้อมกับเชฟพริกและเชฟภาม
“ไหนล่ะรถที่จะไปสวนผัก” ฉันมองหายานพาหนะที่จะพาเราไปที่นั่น ทว่าที่หน้าร้านมีแต่รถกะบะคันเก่าที่สภาพเหมือนผ่านสงครามโลกมาแล้วหลายครั้ง สนิมเขลอะ เหมือนกับว่าถ้าเอามือไปสัมผัสบาดทะยักอาจจะพุ่งเข้าตัวทันที
“นั่นไง” มือหนาชี้ไปที่รถกระบะคันนั้น..
“มันยังขับได้จริงๆเหรอ? ไม่ใช่ว่าขับไปได้สักหน่อยแล้วฉันต้องเข็นนะ” ฉันแอบจิกกัดเจ้าของรถเบาๆ ซึ่งเขาก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เชฟพริกเป็นคนขับ เพราะฉะนั้นที่นั่งด้านหน้าที่ว่างอีกที่ต้องเป็นของฉันแน่นอน ขณะที่กำลังจะเดินไปนั่งข้างคนขับ
“เธอนั่งกระบะหลัง” อะไรนะ..นั่นพูดเรื่องจริงรึเปล่า? วันนี้ฉันสวมชุดเดรสแขนสั้นที่ยาวเลยเข่านิดหน่อย เหมาะในการไปซื้อผักที่สวนมาก อันนี้ประชดจากใจ ช่วงบ่ายแสงแดดเจิดจ้า กระบะหลังไม่มีที่บังแสงใดๆ รับวิตามินดีรวมถึงความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังเต็มๆ ฉันกัดฟันกรอดๆพลางนับหนึ่งถึงสองล้านในใจ
“แหม สุดยอดสุภาพบุรุษเลยนะคะ” ฉันก่นด่าไอ้เชฟบ้าหน้าหล่อในใจพร้อมกับเดินไปนั่งกระบะหลัง โชคดีที่เชฟพริกเป็นคนขับ ถ้าอิตาเชฟภามขับคงแกล้งตกหลุมขับรถฉวัดเฉวียนให้ฉันได้อ้วกหลังจากมื้ออาหารแน่ๆ ราวๆสามสิบนาทีเราก็มาถึง ‘สวนผักคุณยาย’ ซึ่งปลูกผักนานาชนิดในพื้นที่หลายสิบไร่ คนงานในสวนกำลังพากันเก็บผลผลิต เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนเก็บแครอทสดๆขึ้นมาจากดิน รวมถึงกระหล่ำปลีและผักอื่นๆอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะผักที่ว่ามักจะเห็นตอนที่มันอยู่ในจานอาหารพร้อมกินเท่านั้น คุณหนูผู้ร่ำรวยคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอย่างฉันจะมาเดินเตร็ดเตร่ชิลๆที่สวนผักได้ยังไง
“พ่อภาม เอาผักอะไรบ้างลูก” หญิงชราที่น่าจะเป็นเจ้าของสวนเดินเข้ามาทักทายเชฟภามอย่างสนิทสนม
“เหมือนเดิมครับคุณยาย” เชฟภามยกมือไหว้ผู้หญิงตรงหน้า ฉันกับเชฟพริกจึงยกมือไหว้ไปพร้อมกัน จากนั้นเชฟผู้ช่วยขอตัวไปดูผักที่จะซื้อกับคนงาน จึงเหลือเพียงฉันกับเชฟภามยืนคุยกับคุณยายเท่านั้น
“วันนี้พาสาวมาด้วย แฟนใครล่ะ ของพ่อพริกหรือพ่อภาม” คุณยายหันมายิ้มให้ฉัน
“ไม่ใช่แฟน..” ใครทั้งนั้น คำหลังกลืนหายไปอย่างรวดเร็วเพราะคนตัวสูงรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน
“ผมไม่มีทางเป็นแฟนกับนกเป็ดน้ำครับ” อีตาเชฟภามพูดปนขำเหมือนเป็นเรื่องตลก ยังกะฉันอยากเป็นแฟนนายนี่นักหนา บอกแล้วถึงจะหล่อแต่โปรไฟล์ไม่เริ่ดเท่าว่าที่สามีพี่เวนิสฉันก็ไม่ชายตามองหรอก..
“ให้เหลืออีตานี่คนเดียว หนูก็ไม่เอาค่ะ”
“แหม พูดหยอกล้อกันน่ารักเชียว แถวบ้านยายก็พูดเถียงกันแบบนี้แหละ โอ้ย ลูกหัวปีท้ายปี”
“จริงด้วย ลูกของเรามารึยังนะ” เชฟภามยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆมือหนาแตะหน้าท้องฉันเบาๆ
“ไม่มาหรอก ฉันกินยา..” กรี้ด..พูดถึงเรื่องกินยา ฉันลืมกินอีกเม็ด แล้วมันก็เลยเวลามาหลายชั่วโมงแล้ว ทำไงดี กว่าจะออกจากสวนผักนี่ได้คงใช้เวลาอีกนาน
“เป็นอะไร อยู่ดีๆก็หน้าซีด จะเป็นลมก็บอกนะ” เสียงเข้มๆของเชฟหนุ่มเอ่ยถาม เขาสอดมือโอบเอวฉันไว้แน่น
“เป็นห่วงฉันล่ะสิ” ฉันฝืนทำหน้าร่าเริงเหมือนเดิม
“เปล่า เป็นลมฉันก็ได้เย็นไง ใครเป็นห่วงเธอ ยัยคนหลงตัวเอง” คำพูดของเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่มีวันสนใจคนอย่างฉัน ว่าแต่..ถ้าเราคบกับใครสักคนเป็นคนรัก เขาต้องยอมให้จับโทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอน.. ฉากที่เคยไปแคสติ้งเรื่องสาวน้อยห้าร้อยเล่มเกวียนแว่บขึ้นมาในหัว ในชีวิตไม่เคยคิดว่าต้องจีบผู้คนไหนก่อน แต่ไม่น่าจะยากเกินความสามารถ ฉันกดยิ้มมุมปากมองเหยื่อตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์
“ที่รัก ทำไมปากไม่ค่อยตรงกับใจเลยคะ คืนก่อนเรายัง เอ่อ..สวีทหวานไม่อายฟ้าดินเลยนะ” ฉันกอดแขนของเชฟหนุ่มพลางซบใบหน้าถูไปมาอย่างออดอ้อน
“เฮ้ย..ทำบ้าอะไร น่าเกลียด” เขาพยายามดิ้นให้พ้นจากการเกาะกุมของฉัน
“ภามคะ ฟลอเหมือนจะเป็นลม”
“ไปเป็นลมไกลๆฉันเลย ยัยนางมารน้อย”
“แหมถ้าฉันเป็นนางมารนายก็เป็นซาตานแหละ ไม่ได้ดีกว่ากันเลย เพราะฉะนั้นฉันว่าเราเหมาะสมกันนะ”
“ฉันไม่มีวันชอบเธอ!!” เชฟหนุ่มประกาศกร้าวอย่างมั่นอกมั่นใจ จนฉันอดหมั่นไส้ไม่ได้
“นั่นถือเป็นคำท้า..”
Chapter 31ฟลอเรนซ์อมยิ้มพลางยื่นกล่องของขวัญให้คนรัก เธอเลือกเป็นเนคไทด์ลายเรียบๆแต่ดูหรูหราให้กับคนรัก มือหนารับกล่องขนาดกลางมาถือไว้เขาค่อยๆแกะโบว์ออกช้าๆพร้อมกับกระดาษห่อสีหวานออก“พี่ภามต้องชอบของขวัญของฟลอแน่นอนค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างมั่นใจแถมยังเร่งเร้าให้เขารีบเปิดกล่องของขวัญ ภามยิ้มกว้างเมื่อได้รับเนคไทด์ที่ฟลอเรนซ์เลือกให้ ไม่ว่าจะได้อะไรเขาก็ดีใจอยู่ดีเพราะมันคือของที่มาจากนางมารน้อย(ที่น่ารัก)ของเขานั่นเอง“ทานมื้อค่ำดีกว่า พี่ตั้งใจทำอาหารที่ฟลอชอบทุกอย่างเลยนะ” ภามกุมมือคนรักพาเดินมาที่โต๊ะอาหารซึ่งเป็นเมนูโปรดของฟลอเรนซ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสลัดเนื้อวากิวย่าง ข้าวหน้าเนื้อวากิว มีขนมหวานเป็นทาร์ตชีตผลไม้ ถึงจะยังแอบสงสัยว่าเชฟหนุ่มจะให้ของขวัญอะไรกับตัวเอง แต่ฟลอเรนซ์ก็ทนต่อความหิวไม่ไหวเพราะอาหารตรงหน้าช่างยั่วน้ำลายของเธอเหลือเกิน พอมื้อค่ำแสนอร่อยผ่านพ้นไป หญิงสาวก็นึกถึงเรื่องของขวัญทันที“พี่ภามยังไม่ได้ให้ของขวัญฟลอเลยค่ะ” อดีตดาราสาวท้วงขึ้นมา“งกนะเรา จำเก่งมาก พี่อุตส่าห์เอาอาหารมาล่อ” ภามยิ้มขำพลางขยี้ผมของคนรักด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู“ไม่ได้งกค่ะ มันคือสิ่ง
Chapter 30หลังจากกลับมาปรับความเข้าใจกัน ภามก็แทบไม่ห่างจากฟลอเรนซ์เลย นอกจากการแสดงความรักแบบแนบเนื้อแล้ว เขาก็ยังทำตัวเป็นเชฟส่วนตัว สรรหาอาหารจานโปรดให้คนรักครบสามมื้อ ใช้ช่วงเวลาวันหยุดยาวราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน“น้องฟลอครับ มื้อเช้ามาเสิร์ฟแล้ว ตื่นทานข้าวก่อนนะครับ” ภามตื่นแต่เช้าไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะคนเดียว ใจจริงเขาอยากปลุกเจ้าหญิงนิทราขี้เซาไปวิ่งด้วย ทว่าเมื่อคืนเขาก่อกวนจนหญิงสาวแทบไม่ได้นอนและเธอก็เพิ่งจะได้นอนจริงๆช่วงตีสอง ภามจึงไม่กล้าขัดขวางเวลาพักผ่อนของฟลอเรนซ์ ปล่อยให้หญิงสาวนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ก็อย่างที่บอกพออยู่ใกล้ทีไรเขาก็อดใจไม่ไหวทุกที ก็น้องฟลอของเขาน่ารักขนาดนี้“พี่ภาม ฟลอเหนื่อยขอนอนต่อนะคะ” หญิงสาวพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา เปลือกตาของเธอกำลังต่อสู้กับความง่วงขั้นสูงสุด ฟลอเรนซ์ไม่เคยอยู่กับคนรักนานขนาดนี้มาก่อน ตอนที่อยู่ไทยช่วงเช้าเขาจะไปทำงานที่โรงแรม ตอนเย็นถึงจะว่างพาเธอไปทานอาหารที่ร้านดัง บางครั้งเขาก็ซื้อวัตถุดิบมาทำที่คอนโดของเธอ ทว่าในตอนนี้เธอกับคนรักแทบจะตัวติดกันยี่สิบสี่ชั่วโมงมาสองวันเต็มๆแล้ว ถ้าไม่พาเธอไปเดินเที่ยวข้างนอกหรือว่าทำ
Chapter 29“ฟลอเรนซ์จะหนีไปเรียนต่อที่อังกฤษ เพื่อเปิดโอกาสให้คุณภามกับคุณเวได้รักกัน” พออดีตผู้จัดการส่วนตัวของแฟนสาวพูดจบ ผมก็หลุดขำอย่างกลั้นไม่อยู่“น้องฟลอคิดแบบนั้นจริงๆเหรอครับ” ผมกลับมาคิดทบทวนตัวเอง ช่วงนี้ผมกำลังเข้าไปทำงานด้านบริหารในโรงแรม เพื่อที่สร้างความมั่นคงในชีวิตให้มากขึ้น เพราะอยากเริ่มวางแผนในอนาคต ด้วยอยากจะแต่งงานมีครอบครัว แล้วคนที่อยากจะใช้ชีวิตด้วยก็มีแพลนหนีไปเรียนต่อเมืองนอก เหตุผลคืออยากจะเสียสละผมให้กับพี่สาว คนที่ผมไม่มีทางคิดเป็นอื่นได้เลย ก็ถ้าผมจะรักพี่เวก็คงคบกันตั้งแต่ผมเจอกับพี่เวที่ฝรั่งเศสแล้วล่ะ คิดแล้วมันน่านัก..น้องฟลอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่“ไม่ได้แค่คิดครับ ติดต่อที่เรียนที่พัก ทำเอกสารต่างๆเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่จะบินไปอีกสองอาทิตย์” พี่บีบี๋กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง คงเพราะห่วงความรู้สึกของฟลอเรนซ์ ซึ่งเขารักราวกับน้องสาวแท้ที่คลานตามกันมานั่นล่ะ“ขอบคุณที่บอกผมนะครับ”‘คิดจะหนีไปเหรอฟลอเรนซ์ ไม่มีทางหรอก!!’ คนอย่างผมถ้าได้รักใครแล้ว ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอก เรียกได้ว่าเข้ามาในหัวใจของผมแล้ว ห้ามออกไปเด็ดขาด แล้วยิ่งจะไปเพราะเหตุผลบ้าบอแ
Chapter 28ฉันใช้ชีวิตอยู่อังกฤษได้เกือบอาทิตย์กว่าๆ ในแต่ละวันฉันทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมอัตโนมัติเอาไว้ ช่วงเช้าไปเรียนการใช้ภาษาขั้นสูง ช่วงเที่ยงออกไปทานอาหารไทยที่ร้านประจำและตอนบ่ายก็ไปเดินช็อปปิ้งที่ห้างดัง ปิดท้ายด้วยการเดินเล่นที่สวนสาธารณะก่อนที่จะทำมื้อเย็นทานง่ายๆที่บ้านพัก คุณพ่อกับคุณแม่และพี่เวโทรมาบ่นจนหูชาที่ฉันไม่ยอมบอกเรื่องที่จะมาเรียนต่อในต่างประเทศ แต่ไม่กี่วันก็ปล่อยผ่านทำตัวปกติ อาจจะมีวิดิโอคอลมาถามไถ่เรื่องสุขภาพบ้าง แต่พวกท่านก็ดีใจที่ฉันมีความตั้งใจที่จะมาเรียนต่อเพื่อจะเอาความรู้กลับไปช่วยงานที่บริษัท ฉันทำการบล็อกการติดต่อจากพี่ภามทุกช่องทางพร้อมทั้งขอร้องที่บ้านว่าห้ามบอกเรื่องที่อยู่ของฉันกับเขา โดยให้เหตุผลว่าอยากจะโฟกัสเรื่องการเรียน ถ้าหากเขารอได้ก็ให้เขารอ แต่ถ้าทนรอไม่ไหวก็ให้มีคนอื่นได้เลย ถึงจะปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้เรื่องของเขา แต่พี่บี๋ก็ยังขยันส่งข่าวของอดีตคนรักของฉันมาแทบทุกวัน[ สวัสดีคุณน้อง ]“ว่าไงคะคุณพี่ คิดถึงน้องทุกวันเลย” ฉันพูดแกมประชดนิดหน่อยแต่ก็เพราะมีพี่บี๋ก็เลยไม่รู้สึกเหงา ก็พี่แกเล่นโทรมาบ่อยจนฉันนึกว่าพกพี่บี๋มาด้วย
Chapter 27“ว่าไงนะ!! จะไปเรียนต่อที่อังกฤษ” บีบี๋ที่กำลังจิบกาแฟร้อนถึงกับสำลัก ตอนนี้ฟลอเรนซ์เคลียร์งานในวงการที่ค้างไว้หมดแล้ว ส่วนมากจะเป็นงานเดินแบบ เกมโชว์หรือแม้แต่รายการอาหาร ซึ่งตอนนี้ดาราสาวกำลังจะหันหลังจากวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว“ใช่ค่ะ ว่าจะไปเรียนเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม” หลักจากที่ตัดสินใจแล้วว่าจะยุติความสัมพันธ์กับคนรัก เพื่อให้พี่เวได้คบหากับผู้ชายที่ตนเองหมายปอง ฟลอเรนซ์ก็เดินหน้าหาที่เรียนพร้อมกับที่พักในกรุงลอนดอน หญิงสาวแพลนว่าจะไปเรียนภาษาขั้นสูงเพิ่มสักหนึ่งคอร์สจากนั้นจะเริ่มเข้าเรียนอย่างจริงจัง โชคดีที่ว่าการใช้ภาษาอังกฤษของเธออยู่ในขั้นที่ดีมาก จึงไม่มีปัญหาด้านการสื่อสารและใช้ชีวิตในต่างบ้านต่างเมืองแต่อย่างใด“อ้าว..แล้วคุณภามจะยอมเหรอ? เค้าแทบไม่ให้หล่อนอยู่ห่างจากตัวไม่ใช่เหรอ?” ผู้จัดการหนุ่มซึ่งผันตัวมาทำธุรกิจส่วนตัวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย เพราะภาม เรืองภวัตกุลลูกชายคนรองเจ้าของโรงแรมดัง แทบจะมาขอฟลอเรนซ์แต่งงานวันละหลายรอบ หากอดีตดาราสาวไม่ขอไว้ก่อนว่าอยากคบหาดูใจกันมากกว่านี้เสียก่อน“พี่ภามไม่ว่าหรอกค่ะ เพราะพี่ภามไม่รู้” ฟลอเรนซ์รู้สึกหน่วงใน
Chapter 26“พี่ภาม คิดถึงจังเลย” ร่างเล็กโผเข้าซบอกกว้างด้วยความคิดถึงอย่างที่ตัวเองบอก เกือบสองวันเต็มๆที่ฟลอเรนซ์ติดสอยห้อยตามพี่สาวไปเรียนรู้งานที่บริษัท ซึ่งกว่าจะถึงบ้านในแต่ละวันก็ดึกดื่น กว่าหัวจะถึงหมอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว เวลาที่จะโทรหาแฟนหนุ่มแทบจะไม่มีเลย ยิ่งข้อความไม่ต้องพูดถึง แค่ถึงบ้านเธอก็อยากนอนหลับบนเตียงนุ่มทันที“ถ้ารู้ว่าฟลอไปทำงานจะละเลยพี่ขนาดนี้ พี่คงให้ฟลอลาออกมาเป็นเลขาส่วนตัวของพี่ดีกว่า” ภามกดริมฝีปากที่หน้าผากนวลเนียนนั้นอย่างหลงใหล คิดถึงจนไม่เป็นอันทำอะไร อยากไปหาก็ไม่ได้เพราะเขาเองก็ต้องเข้าไปเคลียร์งานที่โรงแรมเหมือนกัน“พี่ภามเลี้ยงฟลอไหวเหรอคะ? ถ้าฟลอว่างงาน ต่ำๆในมือต้องถือแบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงิน กระเป๋า รองเท้าเสื้อผ้าคอลเลคชันใหม่ แล้วก็รถหรูเดือนละคันนะคะคุณภาม” ใบหน้าเล็กๆน่ารักยิ้มพราย ดวงตากลมโตทอประกายสุกใส หญิงสาวไม่ได้เป็นผู้หญิงขาช็อปอย่างที่ตัวเองกล่าวมาหรอก นานๆทีเขาถึงจะเห็นแฟนสาวซื้อของแบรนด์เนมราคาแพง เขารู้สึกว่าเธอเริ่มรู้จักประหยัดและใช้เงินทุกบาทอย่างรู้คุณค่ามากกว่าตอนแรกที่คบกัน ภามไม่ได้ตระหนี่ที่จะซื้อข้าวของราคาแพงให้ฟลอเรน