LOGINหนึ่งปีต่อมา
จนเวลาล่วงเลยมาเขาขึ้นปีที่สอง อายุถึงยี่สิบปีเขาสามารถเข้าสถานบันเทิงได้แล้ว จึงไปรับงานพาร์ทไทม์ และย้ายออกมาเช่าห้องพักอยู่นอกมหาวิทยาลัยแทน เพื่อที่จะสะดวกต่อการไปทำงาน และอีกอย่างตอนนี้ลุงหมานและป้าสะใภ้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดแล้ว เพราะมีอายุที่เพิ่มขึ้น และสู้ค่าครองชีพไม่ไหว
“วิชญ์ พักที่ไหนเหรอ” เสียงหวานของร่างบอบบางที่เดินมาตามหลังถามเขาขึ้นมาทันที
เมยาวี หรือ เมย์ หญิงสาวคณะนิเทศศาสตร์ชั้นปีที่สาม รุ่นพี่ที่คณะและควบตำแหน่งของดาวคณะไปด้วยเพราะความสวยที่ไม่มีใครเทียบติด
“รู้จักชื่อผมด้วยหรือครับ” ชนาวิชญ์มองหญิงสาวอย่างพิจารณา แล้วถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เพราะส่วนน้อยนักที่จะมีคนเข้ามาทักเขา และเขาแทบจะไม่มีเพื่อนเลย เพราะไม่ค่อยมีเวลาเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แต่หญิงสาวรุ่นพี่ดีกรีดาวคณะคนนี้กลับเข้ามาทัก แถมยังรู้จักชื่อเขาอีก
“รู้จักสิ ฉันเมย์ปีสามไง ไม่รู้จักเหรอ เหมือนเราจะอยู่คณะเดียวกันนะถ้าจำไม่ผิด”
“ผมรู้จักพี่ดีครับ ดาวคณะใครจะไม่รู้จัก”
“เรียกเมย์ก็พอแล้วมั้ง ไม่ต้องเรียกพี่หรอก แล้วนี่จะไปไหน เห็นนายรีบกลับเร็วกว่าคนอื่น ๆ ทุกวันเลย”
“ต้องรีบไปทำงานครับ ผมกลับก่อนนะครับ” เขาบอกเช่นนั้นก็เดินเลี่ยงออกไปทันที เพราะต้องรีบกลับไปเตรียมตัวไปทำงานต่อ
ช่วงปิดเทอมภาคเรียนแรก เขาทำงานทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน ไม่เกี่ยงงานแม้แต่น้อย ขอแค่เป็นงานที่สุจริตเขาสามารถทำมันได้หมด และได้ดีอีกด้วย
จนวันหนึ่ง เขาได้มีโอกาสไปขับรถให้คนบ้านมีฐานะชั่วคราว เพราะคนขับรถประจำเกิดประสบอุบัติเหตุ และเขาที่หางานทำพอดี เลยไม่เลือกงาน...
แต่ก็ไม่ได้ทำเป็นประจำ นอกเสียจากทางนั้นจะโทรเรียกเพียงเท่านั้นเขาถึงจะไป และวันหนึ่งก็ได้มีโอกาสเจอกับหญิงสาวที่เป็นรุ่นพี่เขา ที่เขานำกระเป๋าสตางค์ไปคืนให้ในวันนั้นด้วย เพราะเธอคือลูกสาวของคนที่บ้านหลังนั้น...
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอีกปี เขาจึงตัดสินใจคบหาดูใจกัน กับหญิงสาวรุ่นพี่ดาวคณะ เพราะความสนิทที่เริ่มก่อตัว เมื่อหญิงสาวเข้ามาทักทายแทบทุกวัน แล้วยังรอมาทานข้าวมื้อกลางวันพร้อมกับเขาอยู่เป็นประจำ และหญิงสาวก็เป็นฝ่ายที่ขอเขาคบหาในฐานะแฟนกันมาจนตอนนี้เขาขึ้นปีที่สามแล้ว
*
*
*
หนึ่งปีต่อมา
เขาเลยยอมตอบตกลง เพราะความขี้เกรงใจ และไม่รู้จะปฏิเสธหญิงสาวอย่างไรไม่ให้เสียน้ำใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกดีกับเธอเช่นกัน และตัดสินใจตอบตกลงคบหากับเธอในวันนั้นจนเกือบจะเข้าปีที่สองแล้ว
“พรุ่งนี้หยุดงาน แล้วไปค้างกับเมย์ที่คอนโดฯนะ” เมยาวีเอ่ยขึ้นมาทันที เมื่อนั่งมองชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวจะออกไปทำงาน
“แต่ผมมีงานต้องทำน่ะเมย์” เขาเอ่ยบอกเธอไป เพราะตั้งแต่ที่เธอมาหาเขาวันนี้ เธอก็เอาแต่เอ่ยคำเดิม ๆ ที่เธออยากให้เขาหยุดงานไปค้างที่คอนโดฯเธอ
เมยาวี คือหญิงสาวที่ทางบ้านมีฐานะมากพอสมควร จึงมีคอนโดฯและรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเอง แต่เขาที่ฐานะทางบ้านหาเช้ากินค่ำ มีเพียงรถมอเตอร์ไซค์มือสองที่หาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง
เธอพยายามหยิบยื่นมือเข้ามาช่วยเขาตลอด แถมยังบอกให้เขาย้ายไปอยู่ที่คอนโดฯกับเธอด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธ เจียมตัวอยู่เสมอว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหน จึงเลือกที่จะอยู่ห้องแถวราคาถูกเช่นเดิม อะไรที่เขาไม่ได้หามาเขาจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเด็ดขาด แค่เขาคบกับเธอเพื่อนของเธอที่มหาวิทยาลัยก็มองเขาเหยียดเขาอยู่แล้ว ว่าเป็นแค่หมาวัดแต่ริอ่านจะเด็ดดอกฟ้า
“แต่อีกไม่นาน เมย์ก็จะจบแล้วนะ แล้วพักหลังมานี้ วิชญ์เองก็ไม่เคยไปหาเลย มีแต่เมย์ที่เป็นฝ่ายมาหาวิชญ์เอง แถมที่นี่ก็ไม่สะดวกที่เราจะทำอะไรกันด้วย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ปนน้อยใจ
“ผมต้องทำงาน ผมเหนื่อยนะเมย์...”
“งาน งาน อะไรก็มีแต่งาน วิชญ์เคยคิดถึงจิตใจเมย์บ้างหรือเปล่า ตั้งแต่ที่เราคบกันมาจนเกือบสองปี วิชญ์ไปหาเมย์แทบนับครั้งได้” หญิงสาวลุกขึ้นยืนเอ่ยขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ เธออุตส่าห์เทนัดเพื่อนเพื่อมาหาเขา แต่เขากลับเอาแต่งานมาเป็นที่หนึ่ง
“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็อยากให้เกียรติเมย์ แล้วผมก็ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ที่ไม่ต้องทำอะไรเลยก็มีกินมีใช้ ผมต้องทำงานเพื่อปากท้อง เพื่อคนที่บ้าน และอนาคตของเราไงเมย์ ผมตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่ออนาคตของเราน่ะ...” เขาเคยบอกเธอก่อนที่จะตัดสินใจคบกันแล้ว ว่าเขาไม่มีเวลาให้เธอ แต่เธอก็ยังเลือกดื้อดันที่จะคบกับเขา เขาจึงพยายามทำงานหาเงินให้ได้มากที่สุด เพื่ออนาคตของเขาและเธอทั้งนั้น
“หึ อนาคตของเรา วิชญ์ทำงานได้วันละไม่กี่ร้อยเอง เมย์ยังมองไม่เห็นอนาคตของเราเลย เมย์เคยบอกให้วิชญ์ไปรับงานเสริมกับครอบครัวของเมย์ วิชญ์ก็ไม่เอา แล้วไอ้เงินวันละไม่กี่ร้อยเนี้ย มันไม่พอยาไส้ปากท้องของเมย์หรอก แล้วเมื่อไหร่จะมีอนาคต...” เธอแค่นหัวเราะออกมาทันที เมื่อเขาวาดฝันไปถึงอนาคต
“ผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวจะเข้างานสาย” เขารีบตัดบททันที เพราะไม่อยากต่อความยาวกับเธอตอนนี้ เขารู้ดีว่าค่าแรงในแต่ละวันของเขา ไม่พอค่าใช้จ่ายของเธอในแต่ละวันเลย
ถึงจะได้แค่วันละไม่กี่ร้อย แต่รวมทิปในแต่ละคืน เขาก็ได้หลายพันอยู่ บางวันแตะหลักหมื่นก็มี แต่เขาต้องแบ่งส่งไปทางบ้านในแต่ละเดือน และเก็บไว้เองบ้าง เขาเคยซื้อของขวัญให้เธอในวันครบรอบหนึ่งปีที่ผ่าน ด้วยเงินเก็บของเขาเอง ในราคาหลักหมื่นแต่เธอกลับปฏิเสธที่จะรับ ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอแพ้ใส่ทองคำไม่ได้..
“ถ้าวิชญ์ ออกไปเราจบกัน” เธอออกคำสั่งทันที เมื่อเขากำลังจะก้าวออกไปจากห้อง
“เมย์! มีเหตุผลบ้างสิ”
“เหตุผลของเมย์คืออยากอยู่กับวิชญ์ เมย์ยกให้วิชญ์มาก่อนเสมอ แต่วิชญ์กลับเห็นงานมาก่อนเมย์”
“เมย์ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้เมย์อารมณ์ดีกว่านี้ เดี๋ยวผมไปหา ผมจะให้รางวัลเมย์หนัก ๆ เลย โอเคไหม” เขาเอ่ยปลอบเธออย่างใจเย็น เพราะทราบดีว่าเธอต้องการอะไร
“ก็ได้”
เมื่อเธอตกลง ชนาวิชญ์จึงเดินทางมาทำงานที่ในเวลาเกือบถึงสองทุ่ม ดั่งเช่นทุกวัน แต่วันนี้เขามารอพบผู้จัดการเพื่อขอลาหยุด และจะกลับไปหาหญิงสาวแทน เมื่อคำพูดของเธอที่ฝั่งในใจเขา ทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง ว่าควรมีให้เวลากับเธอบ้าง เพราะเธอก็ไม่เคยได้รับเหมือนหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ทุกวันหยุดได้ไปเที่ยวกับคนพิเศษ
บทส่งท้าย(จบ)หกเดือนต่อมางานมงคลสมรสเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นที่ลานหน้าบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปาณิศาได้ให้กำเนิดลูกชาย ซึ่งตอนนี้ลูกชายมีอายุได้สาามเดือนแล้ว นั่นคือ ‘เด็กชายปานวิชญ์ พิสิษฐากูล’ หรือ น้องชินงานมงคลของวันนี้ชนาวิชญ์ได้เรียนเชิญแขกผู้ใหญ่และคนสนิทเท่านั้น รวมถึงเพื่อนทั้งสองคนที่อยู่กรุงเทพฯของเขามาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยและคนที่จะต้องมาให้ได้ และเป็นสำคัญของงานเลยนั่นคือช่างภาพ คอยเก็บในบรรยากาศตลอดของงานนั่นเอง ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่ง ‘วรากร’“มึงถึงไหนแล้วว่ะไอ้กร” ชนาวิชญ์โทรสายจิกกลับเพื่อนอีกครั้ง เมื่อใกล้ถึงพิธีแล้วแต่เพื่อนยังไม่ถึงสักที[ถึงปากทางเข้าแล้ว ใจเย็น ๆ หน่อยสิว่ะ งานยังไม่เริ่มเลย]“ภายใน 5 นาที ถ้ามึงยังมาไม่ถึง กูจะจ้างช่างภาพคนอื่น” ชนาวิชญ์ขู่ออกไปอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก[เชี้ย!]“วิชญ์จะเดินไปเดินมาทำไมนักหนา ปลาเวียนหัวไปด้วยแล้ว” ปาณิศาเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเดินไปเดินมาหลังจากแต่งตัวเสร็จรอเจ้าพิธี“วิชญ์ตื่นเต้นครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับเจ้าสาวสุดสวยของเขาในวันนี้“มือเย็นเชียว”ก๊อก ก๊อก ก๊อก“บ่าวสาวไปเข้าพิธีได้แล้วจ้ะ ได้ฤกษ์แล้ว” คำน
มาทุกวันอยู่ได้สามเดือนต่อมาทุกคนเริ่มปรับตัวและเข้ากับคนที่นี่ได้แล้ว และก็ช่วยทำงานสวนได้เป็นอย่างดี โดยมีคนงานที่นี่คอยช่วยสอนงานให้อย่างเป็นมิตรชนาวิชญ์พึ่งพาปาณิศาไปรับประกาศนียบัตรจบจามหาวิทยาลัยมาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้แวะไปทางไหนต่อ เพราะงานที่นี่ยุ่ง และหญิงสาวท้องโตแล้วด้วย“พวกมึงไม่คิดจะมาหากูบ้างเลยหรือไงว่ะ” ชนาวิชญ์ถามเพื่อนทั้งสองที่กรุงเทพฯ เมื่อวีดีโอคลอกลุ่มหากันนานแล้วที่พวสกเขาไม่ได้เจอกันกับเพื่อนทางนั้นเลย จะมีแต่เพื่อนของชนาวิชญ์ทางนี้ที่ขยันมาแทบจะทุกวัน ไม่รู้มันจะว่างอะไรนักหนา[มึงก็รู้ว่ากูงานยุ่ง ทั้งเรียนต่อ ทั้งงานที่บริษัท] ศุภวัฒน์ที่อยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยดูมีภูมิฐาน นั่งประจำอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เอ่ยตอบกลับมา“ครับว่าที่ท่านประธานในอนาคต แล้วมึงล่ะไอ้กร เห็นแต่เที่ยวถ่ายรูปไปวัน ๆ ไม่คิดถึงกูบ้างหรือว่ะ” ชนาวิชญ์ขานรับอย่างรับรู้ แถมยังเอ่ยแซวออกไปด้วย ก่อนจะเอ่ยถามไปคนในสายอีกคน[เดี๋ยวกูเบื่อที่นี่ กูจะไปหามึงเองแหล่ะ ตอนนี้รับงานถ่ายรูปไว้เยอะเลย] วรากรตอบออกมา เมื่อรู้ว่าเพื่อนหมายถึงตน[เสียงเอะอะอะไรกันว่ะไอ้วิชญ์แทรกเข้ามา] ศุภวัฒน
ยินดีต้อนรับสู่บ้านเกิดณ บ้านของชนาวิชญ์“ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกคนนะคะ” ชนิดาพนมมือไหว้เอ่ยต้อนรับทุกคนด้วยวาจาสุภาพอ่อนโยน ด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม“น้องสาวผมเองครับหนูนิด ส่วนนี้แม่ของผมเองครับดูแลที่นี่แทนผมทุกอย่าง” ชนาวิชญ์จึงเอ่ยแนะนำครอบครัวของเขาให้ทุกคนรู้จัก“สวัสดีคะ/สวัสดีครับ”“เชิญทุกคนทางนี้เลยจ้ะ...” คำนางจึงพาทุกคนเดินไปทางที่พัก ที่ลูกชายแจ้งไว้แล้วว่าจะมีคนมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน“คุณพ่ออยู่ที่...” ชนาวิชญ์จึงหันมาเอายกับว่าที่พ่อตาของเขา“พ่อขอไปอยู่ร่วมกับพวกชัยดีกว่า ไม่รบกวนลูกหรอก” แต่ปราณนต์ดันขัดเอาไว้เสียก่อนเพราะรู้ดีว่าชนาวิชญ์จะพูดอะไร“แต่พ่อครับ”ปาณิศาจึงได้ปรามเขาไว้ เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นพ่อไม่ยอมมาอยู่ที่บ้านหลังเดียวกันกับเธอหรอก ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมมาอยู่ด้วยกันที่นี่“เถอะน่า พ่ออยู่ได้วิชญ์” ปราณนต์พูดเช่นนั้นก็ถือกระเป๋าเดินตามทุกคนไปทางที่พักทันที“เราเข้าข้างในบ้านไปหายายกันเถอะครับ ข้างนอกอากาศร้อน” ชนาวิชญ์จึงเอ่ยชวนเธอเจ้าไปในบ้านหลังใหญ่ เพราะช่วงนี้อากาศอบอ้าว“น้ำจ้าพี่ปลาคนสวย” เมื่อเข้ามาภายในบ้าน เมื่อเคยมาครั้งที่แรก ชนิดาก็น้ำมาเสิร์ฟให้เ
พร้อมสู้ไปด้วยกัน“พร่ำกันจบแล้ว ก็รีบพากันเก็บของออกจากที่นี่ไปสะ” เป็นเสียงของบุคคลที่เดินเข้ามาภายในบ้านอย่างถือวิสาสะ“พี่อาร์ต!!!” ปาณิศาเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ว่าคนที่มาใหม่นั้นเป็นใคร ซึ่งเธอก็รู้จักสองพ่อลูกเป็นอย่างดี เพราะบิดาทำงานร่วมกัน“ใช่ พี่เอง เจ้าของบ้านคนใหม่ของบ้านหลังนี้ยังไง”“หมายความว่ายังไง”“ก็ตามที่ได้ยินนั้นแหล่ะ แต่ถ้าน้องปลาอยากได้บ้านคืนพี่มีวิธี”ปาณิศาลุกขึ้นยืน โดยมีผู้เป็นพ่อและชนาวิชญ์คอยช่วยประคอง เธอก้าวออกไปหาคนที่พูดขึ้นว่าจะเป็นเจ้าของคนใหม่ของบ้านหลังนี้“อย่าเข้ามาใกล้เมียผม” ชนาวิชญ์ผลักอกแกร่งให้ถอยออกห่างจากปาณิศาทันที เมื่อชายหนุ่มย่างกรายเข้ามาใกล้“หึ ไอ้ดารากระจอก ใฝ่สูงหวังจับคนรวย แต่เสียใจด้วยนะที่คนที่นายหวังจับหมดตัวเสียก่อน” ยศวรรธน์ยกยิ้มมุมปากพร้อมมองเหยียดเขาอย่างดูถูก“พี่จะมาพูดอะไรก็พูดออกมาเลย” ปาณิศาเข้าประเด็นทันที“มาเป็นเมียพี่สิ บ้านหลังนี้จะเป็นของน้องปลาทันที” เสียงเรียบนิ่งเอ่ย พร้อมใบหน้าดุร้ายมองมาที่เธออย่างเป็นผู้ชนะ“ไอ้ชั่ว!” ชนาวิชญ์กำมือแน่น พร้อมยกขึ้นหมายจะสาดใส่ใบหน้าคมของอีกฝ่ายทันที“เอาสิ ถ้ามึงกล้าต่
จบสิ้นหมดทุกอย่างแล้วรุ่งเช้าบ้านทัศนโสภณ“ไปทานข้าวกันก่อนครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับรอง ใบหน้าคอยแต่ชะเง้อไปทางประตูหน้าบ้านตลอด“ตอนนี้ฉันทานอะไรไม่ลงหรอกวิชญ์ ป่านนี้คุณพ่อกับน้าชัยยังไม่กลับมาเลย ปลาเป็นห่วงพ่อ...” น้ำเสียงอ่อนพร้อมกับใบหน้าที่มีแต่ความกังวลเอ่ยตอบกลับเขามา“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก ไปทานข้าวเช้ากันก่อนน่ะ” ชนาวิชญ์เดินไปนั่งลงข้าง ๆ แล้วเอ่ยปลอบเธออย่างอ่อนโยนหลังจากที่ปรึกษาหารือกับทางผู้ใหญ่พร้อมกับชดเชยค่าเสียหายต่าง ๆ เรื่องที่เขาหายออกไปจากงาน ในคืนก่อน และเรื่องภาพหลุดที่ถูกเผยแพร่ออกไปจนถึงเกือบเที่ยงคืนชนาวิชญ์เล่าบอกความจริงกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จนสืบต้นตอของเรื่องทั้งหมดได้ ก็รีบจัดการแจ้งลบและแก้ข่าวให้ในทันที โดยใช้เรื่องกฎหมายเข้ามาช่วยส่วนหญิงสาวที่มีภาพหลุดมาด้วยนั้น คนของศุภวัฒน์ก็สืบทราบมาว่า หญิงสาวนั้นยถูกชายคนรักสวมเขา แล้วต้องการกลับมาหาชนาวิชญ์เพราะตอนนี้กำลังงมีชื่อเสียงปาณิศาทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับแขกคนสำคัญโดยการจัดอาหารมื้อสุดพิเศษ และชนาวิชญ์จึงใช้โอกาสนั้นบอกกับทางผู้ให
ปรึกษาหารือ“มีอะไรธิดา” เสียงทุ้มของผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยถามเด็กสาวรับใช้ ที่ยืนมองมาที่เขาสองพ่อลูก แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา ปราณนต์จึงเป็นฝ่ายถามขึ้นเสียเอง“มีคนมาขอพบคุณวิชญ์ค่ะ คุณท่าน” หญิงสาวใช้เอ่ยบอกสุทธิดา หรือ ธิดา เด็กสาวรับใช้ในวัย 20 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของศักดิ์ชัยลูกน้องคนสนิทเขา ศักดิ์ชัยขอหญิงสาวมาเลี้ยงเองหลังจากที่ตัดสินใจเลิกลาแยกทางกันกับมารดาของเธอไปนั้นเอง สองพ่อลูกอาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กในรั้วเดียวกันที่ปราณนต์เป็นผู้สร้างให้“???” สองพ่อลูกมองหน้ากันอย่างมีคำถามมากมายเกิดขึ้น แต่ไม่มีคำถามใด ๆ หลุดออกมาสักคำ“ผมหรือครับ ชื่ออะ...ไอ้เวย์! ไอ้กร!”ซึ่งเป็นจังหวะที่ชนาวิชญ์เดินกลับเข้ามาพอดี แล้วเอ่ยถามสุทธิดาออกไป แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบประโยค กลับต้องอุทานเป็นชื่อเพื่อนทั้งสองออกมา เมื่อเห็นว่าคนที่มาหาเขาถึงที่นี่นั้นเป็นใคร“เออ! พวกกูเอง พอดีติดต่อมึงไม่ได้เลยคิดว่ามึงต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ เลยมาหา" ศุภวัฒน์เป็นฝ่ายพูดออกมา“นั่งก่อนสิ เวย์ กร” ปาณิศาจึงเป็นฝ่ายบอกให้แขกที่มาหาชนาวิชญ์นั้น นั่งลงคุยกันก่อน“ขอบคุณครับพี่ปลา สวัสดีครับคุณปราน พวกผมเป็นเพื่อนไอ้วิชญ







