LOGINเขากลับมาถึงที่ห้องพักของเขาในเวลาสองทุ่มกว่า ๆ แต่ก็ไม่พบเธอแล้ว นั่นแสดงว่าเธอคงกลับคอนโดฯของเธอไปแล้ว เขาจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจตรงไปยังคอนโดฯเธอทันที เขาไม่ได้บอกว่าจะไปหาเธอ เพราะตั้งใจจะไปง้อ และอยากเซอร์ไพรส์เธอด้วย
เขาสามารถเข้าหรือออกคอนโดฯของเธอได้ทุกเมื่อทุกเวลา เพราะเธอนั้นให้คีย์การ์ดไว้ที่เขาด้วย เผื่อว่าเขาอยากไปหาเธอตอนไหนจะได้สะดวก
“อ๊ะ พี่เจ แรง ๆ ค่ะ เเรงกว่านี้อีก เมย์ชอบแรง ๆ”
“อ่าสสส ได้เลยยัยร่าน ไอ้แฟนเด็กของเธอมันทำไมถึงใจเหรอ เธอถึงเรียกใช้งานฉันอยู่ตลอดเลย”
“อยู่กันสองคน อย่าเอ่ยถึงคนอื่นสิคะ พี่มีหน้าที่ทำให้เมย์มีความสุขก็พอแล้ว...”
“ได้เลย...อ่า เธอนี่แม่งโคตรเด็ดเลย”
เพี๊ยะ!
ชนาวิชญ์ไม่อาจยืนดูภาพชายหญิงร่วมรักกันอย่างเร้าร้อนแบบชนิดที่ดุเดือด ภายในห้องนอนที่ประตูไม่ได้ปิดเอาไว้ได้ เขาจึงเดินมานั่งรออยู่ที่โซฟากลางห้อง เผื่อที่จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย
เขานั่งรออย่างใจเย็น ใบหน้าคมขบกรามแน่น มือกำหมัดด้วยความเคียดแค้น เขารู้ตัวดีว่าไม่เคยให้ความสุขกับเธอได้ แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะสวมเขาแบบนี้...
เมื่อศึกรักจบลง เมยาวีเดินออกมาข้างนอกห้อง บนกายมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันรอบกายเอาไว้ แต่กลับต้องเบิกตาโตทันที เมื่อพบว่ามีคนนั่งอยู่ที่โซฟา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะคนเดียวที่มีคีย์การ์ดคือชนาวิชญ์เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่เอาในตอนนี้
“วะ วิชญ์”
“หึ ตกใจอะไรขนาดนั้น ไม่ดีใจเหรอที่ผมโดดงานมาหา” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันไปตามเสียง พร้อมกับใบหน้าที่แค่นหัวเราะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที เมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้
“...” เมยาวีไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพราะไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ อยู่แล้ว
“นานเท่าไหร่แล้ว ที่ทำแบบนี้” เสียงเข้มถามขึ้นมาทันที
“คือว่า...”
“สนุกมากเลยใช่ไหม...” เขาตวาดเสียงขึ้นมา แต่กลับเสมองไปทางอื่น เพราะไม่อยากมองหน้าเธอ
“ช่วยไม่ได้น่ะ ก็นายละเลยเอง ฉันเลยต้องมาบริการแทนให้ไม่ดีเหรอที่นายไม่ต้องออกแรงให้เสียเหงื่อ” เสียงทุ้มของคนที่เดินออกมาจากห้องดังขึ้นมาด้วยท่าทีที่เย้ยหยันเขา
ชนาวิชญ์มองหนุ่มสาวที่ร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูห่อหุ้มอย่างเคียดแค้น เขาเคยเจอผู้ชายคนนี้อยู่บ้างไม่กี่ครั้ง เขาคือหนุ่มหล่อวิศวะสุดฮอตที่จบออกไปแล้วนั่นเองชื่อ ‘เจ เจตริน’
“ทุเรศกันทั้งคู่ ผมอุตส่าห์ให้เกียรติอยากให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีค่าที่สุดในวันแต่งงาน โดยการแตะต้องคุณให้น้อยที่สุด แต่คุณกับไม่ให้เกียรติร่างกายของตัวเองเลยเมย์...” เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกเธอทันที แล้วเอ่ยกับเธออย่างตักพ้อทันที
“อย่างว่าละนะ คนบ้านนอกมันหัวโบราณแบบนี้นี่เอง ผู้หญิงเขาเลยเรียกใช้บริการฉันแทน” เจตรินพูดขึ้นมาอย่างดูถูกเขา
ชนาวิชญ์ที่ไม่อยากต่อความยาว ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเดิมทีก็พูดน้อยอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับเป็นวันที่เขาใช้คำพูดมากที่สุดเลยก็ว่าได้
“ขอกุญแจห้องผมคืนด้วย” เขาเอื้อมมือออกไปทางเธอ
“ไปแล้ว ก็อย่ากลับมาล่ะ ฉันอุตส่าห์ยอมเปย์ทุ่มเทให้ทุกอย่างแต่กลับหยิ่งยโส กล้าที่จะปฏิเสธน้ำใจกัน ก็เชิญหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองไปเถอะ วัน ๆ ทำแต่งานก็ไม่เห็นว่าวันข้างหน้า ฉันจะมองเห็นอนาคตของนายเลย...” เมยาวีพูดขึ้นมาอย่างเหลืออด แล้วปากุญแจห้องของเขาที่มีคนละดอก ใส่เขาทันที
เขาก้มเก็บกุญแจห้องพักของเขา ที่เคยให้เธอไว้ ขึ้นมาแล้วกำไว้แน่น ก่อนจะลุกขึ้นหมุนตัวเดินออกจากห้องของเธอไป โดยไม่หันกลับมามองหน้าเธอเลย และไม่ลืมที่จะโยนคีย์การ์ดไว้ให้เธอคืนด้วย
สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดส่วนรวมของนักท่องราตรีในยามค่ำคืน หนึ่งในนั้น ก็มีชายหนุ่มนักศึกษาคณะนิเทศฯชั้นปีที่สาม นั่งกระดกเครื่องดื่มสีอำพรางเข้าไปในร่างกายไม่หยุด จนร่างกายที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่
“มีอะไรหรือเปล่ายัยปลา ฉันเห็นแกมองไปแต่ทางโต๊ะนั้น” นันธิดา เสียงใสของคนในห้องวีไอพีของสถานบันเทิงเอ่ยถามเพื่อน ที่มาด้วยกัน อย่างอยากรู้ เพราะเพื่อนเอาแต่สนใจหนุ่มโต๊ะข้างล่างที่ยกเครื่องดื่มขึ้นกระดกไม่เว้นเลย
“คนที่รู้จักน่ะ” หญิงสาวที่ถูกถามเอ่ยตอบเพียงแค่นั้น แต่สายตาไม่ยอมละออกไปจากหนุ่มโต๊ะนั้นเลยสักนิด เพราะกลัวจะคลาดสายตา
ปาณิศา ทัศนโสภณ หรือ ปลา หญิงสาวชาติตระกูลดีในวัย 25 ปี ครอบครัวมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่เธอกลับเลือกทางเดินด้วยตัวเอง เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแทนเพื่อหาประสบการณ์ก่อน โดยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดง แต่ก็ยังไม่ได้มีใครอยู่ในความคุ้มครองเลย
ปาณิศามีเพื่อนที่ออกมาร่วมสังสรรค์ด้วยกันสองคน คือ นันธิดา และ สาวิกา ทั้งสามเพื่อนสนิทกัน คบกันตั้งแต่ที่อยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง แต่จบออกมาแล้ว เพื่อนทั้งสองเข้าไปทำงานที่บริษัทของครอบครัว
มีแต่เธอที่ขอเวลาทำงานที่ตัวเองรักก่อน โดยการขอบิดาว่าจะมาเป็นผู้จัดการดารา ปั้นนักแสดง บิดาเลยให้เวลาเธอห้าปี หากว่าเธอไม่สามารถปั้นใครให้มีชื่อเสียงได้ เธอต้องกลับไปบริหารงานธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเธอก็ตอบตกลง
“ใครเหรอ” นันธิดาสะกิดถามเธอต่อทันที
“น้องที่คณะ แถมเคยไปรับจ้างขับรถให้พ่อฉันด้วยน่ะ แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น” ปาณิศาตอบออกไปตามตรง เพราะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวอะไรอยู่แล้ว
“วิชญ์เหรอ” คราวนี้เป็นสาวิกาที่เป็นฝ่ายถามขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่หยานยาว เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกาย ที่ทำให้เริ่มรู้สึกเมา
“อื้มมม” เธอจึงพยักหน้ารับเป็นคำตอบอีกที
“ดูเหมือนจะมีปัญหาอะไรนะ กรอกเหล้าเข้าปากยังกับกรอกน้ำหวานเลย” นันธิดาเอ่ยขึ้น เมื่อเพ็งมองอยู่พักหนึ่ง
“เดี๋ยวฉันมานะ พวกแกกลับไปก่อนก็ได้” ปาณิศาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเอ่ยบอกเพื่อนทั้งสองไปให้กลับไปก่อน
“เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนน่ะยัยปลา” นันธิดาเสนอขึ้นมา เพราะเป็นห่วงเธอ
“แกดูยัยวิกกี้ไปเถอะดา น่าจะเมามากแล้ว” เธอรีบปฏิเสธออกไปทันที เพราะเพื่อนอีกคนน่าจะเมาหนัก ตอนนี้ฟุบหลับไปกับโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
บทส่งท้าย(จบ)หกเดือนต่อมางานมงคลสมรสเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นที่ลานหน้าบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปาณิศาได้ให้กำเนิดลูกชาย ซึ่งตอนนี้ลูกชายมีอายุได้สาามเดือนแล้ว นั่นคือ ‘เด็กชายปานวิชญ์ พิสิษฐากูล’ หรือ น้องชินงานมงคลของวันนี้ชนาวิชญ์ได้เรียนเชิญแขกผู้ใหญ่และคนสนิทเท่านั้น รวมถึงเพื่อนทั้งสองคนที่อยู่กรุงเทพฯของเขามาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยและคนที่จะต้องมาให้ได้ และเป็นสำคัญของงานเลยนั่นคือช่างภาพ คอยเก็บในบรรยากาศตลอดของงานนั่นเอง ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่ง ‘วรากร’“มึงถึงไหนแล้วว่ะไอ้กร” ชนาวิชญ์โทรสายจิกกลับเพื่อนอีกครั้ง เมื่อใกล้ถึงพิธีแล้วแต่เพื่อนยังไม่ถึงสักที[ถึงปากทางเข้าแล้ว ใจเย็น ๆ หน่อยสิว่ะ งานยังไม่เริ่มเลย]“ภายใน 5 นาที ถ้ามึงยังมาไม่ถึง กูจะจ้างช่างภาพคนอื่น” ชนาวิชญ์ขู่ออกไปอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก[เชี้ย!]“วิชญ์จะเดินไปเดินมาทำไมนักหนา ปลาเวียนหัวไปด้วยแล้ว” ปาณิศาเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเดินไปเดินมาหลังจากแต่งตัวเสร็จรอเจ้าพิธี“วิชญ์ตื่นเต้นครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับเจ้าสาวสุดสวยของเขาในวันนี้“มือเย็นเชียว”ก๊อก ก๊อก ก๊อก“บ่าวสาวไปเข้าพิธีได้แล้วจ้ะ ได้ฤกษ์แล้ว” คำน
มาทุกวันอยู่ได้สามเดือนต่อมาทุกคนเริ่มปรับตัวและเข้ากับคนที่นี่ได้แล้ว และก็ช่วยทำงานสวนได้เป็นอย่างดี โดยมีคนงานที่นี่คอยช่วยสอนงานให้อย่างเป็นมิตรชนาวิชญ์พึ่งพาปาณิศาไปรับประกาศนียบัตรจบจามหาวิทยาลัยมาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้แวะไปทางไหนต่อ เพราะงานที่นี่ยุ่ง และหญิงสาวท้องโตแล้วด้วย“พวกมึงไม่คิดจะมาหากูบ้างเลยหรือไงว่ะ” ชนาวิชญ์ถามเพื่อนทั้งสองที่กรุงเทพฯ เมื่อวีดีโอคลอกลุ่มหากันนานแล้วที่พวสกเขาไม่ได้เจอกันกับเพื่อนทางนั้นเลย จะมีแต่เพื่อนของชนาวิชญ์ทางนี้ที่ขยันมาแทบจะทุกวัน ไม่รู้มันจะว่างอะไรนักหนา[มึงก็รู้ว่ากูงานยุ่ง ทั้งเรียนต่อ ทั้งงานที่บริษัท] ศุภวัฒน์ที่อยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยดูมีภูมิฐาน นั่งประจำอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เอ่ยตอบกลับมา“ครับว่าที่ท่านประธานในอนาคต แล้วมึงล่ะไอ้กร เห็นแต่เที่ยวถ่ายรูปไปวัน ๆ ไม่คิดถึงกูบ้างหรือว่ะ” ชนาวิชญ์ขานรับอย่างรับรู้ แถมยังเอ่ยแซวออกไปด้วย ก่อนจะเอ่ยถามไปคนในสายอีกคน[เดี๋ยวกูเบื่อที่นี่ กูจะไปหามึงเองแหล่ะ ตอนนี้รับงานถ่ายรูปไว้เยอะเลย] วรากรตอบออกมา เมื่อรู้ว่าเพื่อนหมายถึงตน[เสียงเอะอะอะไรกันว่ะไอ้วิชญ์แทรกเข้ามา] ศุภวัฒน
ยินดีต้อนรับสู่บ้านเกิดณ บ้านของชนาวิชญ์“ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกคนนะคะ” ชนิดาพนมมือไหว้เอ่ยต้อนรับทุกคนด้วยวาจาสุภาพอ่อนโยน ด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม“น้องสาวผมเองครับหนูนิด ส่วนนี้แม่ของผมเองครับดูแลที่นี่แทนผมทุกอย่าง” ชนาวิชญ์จึงเอ่ยแนะนำครอบครัวของเขาให้ทุกคนรู้จัก“สวัสดีคะ/สวัสดีครับ”“เชิญทุกคนทางนี้เลยจ้ะ...” คำนางจึงพาทุกคนเดินไปทางที่พัก ที่ลูกชายแจ้งไว้แล้วว่าจะมีคนมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน“คุณพ่ออยู่ที่...” ชนาวิชญ์จึงหันมาเอายกับว่าที่พ่อตาของเขา“พ่อขอไปอยู่ร่วมกับพวกชัยดีกว่า ไม่รบกวนลูกหรอก” แต่ปราณนต์ดันขัดเอาไว้เสียก่อนเพราะรู้ดีว่าชนาวิชญ์จะพูดอะไร“แต่พ่อครับ”ปาณิศาจึงได้ปรามเขาไว้ เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นพ่อไม่ยอมมาอยู่ที่บ้านหลังเดียวกันกับเธอหรอก ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมมาอยู่ด้วยกันที่นี่“เถอะน่า พ่ออยู่ได้วิชญ์” ปราณนต์พูดเช่นนั้นก็ถือกระเป๋าเดินตามทุกคนไปทางที่พักทันที“เราเข้าข้างในบ้านไปหายายกันเถอะครับ ข้างนอกอากาศร้อน” ชนาวิชญ์จึงเอ่ยชวนเธอเจ้าไปในบ้านหลังใหญ่ เพราะช่วงนี้อากาศอบอ้าว“น้ำจ้าพี่ปลาคนสวย” เมื่อเข้ามาภายในบ้าน เมื่อเคยมาครั้งที่แรก ชนิดาก็น้ำมาเสิร์ฟให้เ
พร้อมสู้ไปด้วยกัน“พร่ำกันจบแล้ว ก็รีบพากันเก็บของออกจากที่นี่ไปสะ” เป็นเสียงของบุคคลที่เดินเข้ามาภายในบ้านอย่างถือวิสาสะ“พี่อาร์ต!!!” ปาณิศาเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ว่าคนที่มาใหม่นั้นเป็นใคร ซึ่งเธอก็รู้จักสองพ่อลูกเป็นอย่างดี เพราะบิดาทำงานร่วมกัน“ใช่ พี่เอง เจ้าของบ้านคนใหม่ของบ้านหลังนี้ยังไง”“หมายความว่ายังไง”“ก็ตามที่ได้ยินนั้นแหล่ะ แต่ถ้าน้องปลาอยากได้บ้านคืนพี่มีวิธี”ปาณิศาลุกขึ้นยืน โดยมีผู้เป็นพ่อและชนาวิชญ์คอยช่วยประคอง เธอก้าวออกไปหาคนที่พูดขึ้นว่าจะเป็นเจ้าของคนใหม่ของบ้านหลังนี้“อย่าเข้ามาใกล้เมียผม” ชนาวิชญ์ผลักอกแกร่งให้ถอยออกห่างจากปาณิศาทันที เมื่อชายหนุ่มย่างกรายเข้ามาใกล้“หึ ไอ้ดารากระจอก ใฝ่สูงหวังจับคนรวย แต่เสียใจด้วยนะที่คนที่นายหวังจับหมดตัวเสียก่อน” ยศวรรธน์ยกยิ้มมุมปากพร้อมมองเหยียดเขาอย่างดูถูก“พี่จะมาพูดอะไรก็พูดออกมาเลย” ปาณิศาเข้าประเด็นทันที“มาเป็นเมียพี่สิ บ้านหลังนี้จะเป็นของน้องปลาทันที” เสียงเรียบนิ่งเอ่ย พร้อมใบหน้าดุร้ายมองมาที่เธออย่างเป็นผู้ชนะ“ไอ้ชั่ว!” ชนาวิชญ์กำมือแน่น พร้อมยกขึ้นหมายจะสาดใส่ใบหน้าคมของอีกฝ่ายทันที“เอาสิ ถ้ามึงกล้าต่
จบสิ้นหมดทุกอย่างแล้วรุ่งเช้าบ้านทัศนโสภณ“ไปทานข้าวกันก่อนครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับรอง ใบหน้าคอยแต่ชะเง้อไปทางประตูหน้าบ้านตลอด“ตอนนี้ฉันทานอะไรไม่ลงหรอกวิชญ์ ป่านนี้คุณพ่อกับน้าชัยยังไม่กลับมาเลย ปลาเป็นห่วงพ่อ...” น้ำเสียงอ่อนพร้อมกับใบหน้าที่มีแต่ความกังวลเอ่ยตอบกลับเขามา“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก ไปทานข้าวเช้ากันก่อนน่ะ” ชนาวิชญ์เดินไปนั่งลงข้าง ๆ แล้วเอ่ยปลอบเธออย่างอ่อนโยนหลังจากที่ปรึกษาหารือกับทางผู้ใหญ่พร้อมกับชดเชยค่าเสียหายต่าง ๆ เรื่องที่เขาหายออกไปจากงาน ในคืนก่อน และเรื่องภาพหลุดที่ถูกเผยแพร่ออกไปจนถึงเกือบเที่ยงคืนชนาวิชญ์เล่าบอกความจริงกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จนสืบต้นตอของเรื่องทั้งหมดได้ ก็รีบจัดการแจ้งลบและแก้ข่าวให้ในทันที โดยใช้เรื่องกฎหมายเข้ามาช่วยส่วนหญิงสาวที่มีภาพหลุดมาด้วยนั้น คนของศุภวัฒน์ก็สืบทราบมาว่า หญิงสาวนั้นยถูกชายคนรักสวมเขา แล้วต้องการกลับมาหาชนาวิชญ์เพราะตอนนี้กำลังงมีชื่อเสียงปาณิศาทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับแขกคนสำคัญโดยการจัดอาหารมื้อสุดพิเศษ และชนาวิชญ์จึงใช้โอกาสนั้นบอกกับทางผู้ให
ปรึกษาหารือ“มีอะไรธิดา” เสียงทุ้มของผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยถามเด็กสาวรับใช้ ที่ยืนมองมาที่เขาสองพ่อลูก แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา ปราณนต์จึงเป็นฝ่ายถามขึ้นเสียเอง“มีคนมาขอพบคุณวิชญ์ค่ะ คุณท่าน” หญิงสาวใช้เอ่ยบอกสุทธิดา หรือ ธิดา เด็กสาวรับใช้ในวัย 20 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของศักดิ์ชัยลูกน้องคนสนิทเขา ศักดิ์ชัยขอหญิงสาวมาเลี้ยงเองหลังจากที่ตัดสินใจเลิกลาแยกทางกันกับมารดาของเธอไปนั้นเอง สองพ่อลูกอาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กในรั้วเดียวกันที่ปราณนต์เป็นผู้สร้างให้“???” สองพ่อลูกมองหน้ากันอย่างมีคำถามมากมายเกิดขึ้น แต่ไม่มีคำถามใด ๆ หลุดออกมาสักคำ“ผมหรือครับ ชื่ออะ...ไอ้เวย์! ไอ้กร!”ซึ่งเป็นจังหวะที่ชนาวิชญ์เดินกลับเข้ามาพอดี แล้วเอ่ยถามสุทธิดาออกไป แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบประโยค กลับต้องอุทานเป็นชื่อเพื่อนทั้งสองออกมา เมื่อเห็นว่าคนที่มาหาเขาถึงที่นี่นั้นเป็นใคร“เออ! พวกกูเอง พอดีติดต่อมึงไม่ได้เลยคิดว่ามึงต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆ เลยมาหา" ศุภวัฒน์เป็นฝ่ายพูดออกมา“นั่งก่อนสิ เวย์ กร” ปาณิศาจึงเป็นฝ่ายบอกให้แขกที่มาหาชนาวิชญ์นั้น นั่งลงคุยกันก่อน“ขอบคุณครับพี่ปลา สวัสดีครับคุณปราน พวกผมเป็นเพื่อนไอ้วิชญ







