Beranda / มาเฟีย / กรงปรารถนา / บทที่ 5 ต้อนนกเข้ากรง - 25%

Share

บทที่ 5 ต้อนนกเข้ากรง - 25%

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-17 13:00:17

นัยน์ตากลมโตมองที่นั่งข้างตัวเขาอย่างชั่งใจ ครั้นมองเลยขึ้นไปก็เห็นใบหน้าเรียบเฉยของเขาพร้อมกับอาการจับจ้องมาทางเธอนิ่งๆ ราวกับกำลังถามว่าจะมาหรือไม่มา

สุดท้าย ต้องรักก็ต้องลุกไปหย่อนตัวลงนั่งใกล้กับเขา โดยจงใจเว้นระยะห่างระหว่างกันประมาณหนึ่งศอก เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกเสียจากยกแขนข้างที่อยู่ใกล้เธอขึ้นพาดไปบนพนักโซฟาโดยอ้อมไหล่ของเธอไปด้วย มองผิวเผินเหมือนเขากำลังโอบเธออยู่ เพียงแต่ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวกันเท่านั้น

“ต่อสิ...”

เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบพร้อมกับเอียงตัวมาทางเธอนิดหนึ่งเพื่อตั้งใจฟัง จนต้องรักต้องแอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ระงับอาการตื่นเต้นที่กำลังปะทุขึ้นมาจนแน่นอก พลางบีบมือตัวเองแรงๆ

“คือว่า...ก่อนหน้านี้แม่ของรักเสียค่ะ รักเลยไม่ได้ไปทำงานหลายวันเพราะต้องจัดการเรื่องงานศพ เมื่อคืนเป็นคืนสวดคืนสุดท้าย พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเผาแล้วค่ะ” หญิงสาวเว้นระยะการพูดไปครู่หนึ่งพลางหลุบตาลงมองพื้น

“รักมีพ่อเลี้ยงคนหนึ่ง เมื่อคืนจู่ๆ มันก็เข้ามาจะทำมิดีมิร้าย...รักก็เลย...เอามีดแทงมันแล้วก็วิ่งหนีออกมาจากบ้าน”

เพราะมัวแต่มองพื้นตรงหน้า เธอจึงไม่ทันได้เห็นว่าแววตาของคนฟังนั้นวาบขึ้นมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งตามเดิม

“เสียใจด้วยเรื่องแม่ของเธอ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น สายตาไม่ละไปจากดวงหน้าของหญิงสาวแม้แต่นิด

“เท่ากับว่าตอนนี้เธอก็กลับไปที่บ้านนั้นไม่ได้แล้วน่ะสิ เธอไม่มีญาติคนอื่นอีกแล้วรึ”

อะไรบางอย่างในตัวของหญิงสาวกำลังบอกเขาว่าเขาปล่อยเธอไปไม่ได้ อาจเพราะต้องรักมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับเขา ความโดดเดี่ยวนั่นเอง ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้เขาไม่อาจปล่อยมือจากเธอ

“แต่รักก็ต้องกลับไป วันนี้รักว่าจะกลับไปที่บ้านเพราะรักซ่อนเงินเอาไว้ มันเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่รักมีอยู่ รักว่าจะเอามาเป็นค่ามัดจำห้องก่อนน่ะค่ะ ตอนที่แม่ยังไม่เสีย รักเคยไปสอบถามอพาร์ตเมนต์หนึ่งแถวที่ทำงานมาแล้ว คิดว่าตอนนี้น่าจะยังว่างอยู่ ไม่น่าจะมีคนมาเช่าแล้ว รักคงต้องกลับไปขนของที่จำเป็นก่อน”

ต้องรักหันมาบอกเขาเสียงใส กลบเกลื่อนแววตาเศร้าหมองเรื่องมารดา ไม่อยากให้เขาเห็นร่องรอยของความอ่อนแอ ก่อนจะอุบอิบพูดขออนุญาตเขาอย่างเกรงใจ

“ถ้ายังไง วันนี้รักคงต้องขอตัวก่อน ขอบคุณคุณธิปมากเลยนะคะที่ช่วยรักในครั้งนี้ รักสัญญาค่ะว่ามีโอกาสเมื่อไรรักต้องตอบแทนคุณแน่นอน”

พูดพลางยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม ครั้นพอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องสบกับแววตาลึกล้ำอ่านยากของเขาที่มองมาจนเธอรู้สึกราวกับโดนสายตาสีนิลคู่นั้นสะกดเอาไว้

“เธอได้ตอบแทนฉันแน่ สาวน้อย” มือของเขาเคลื่อนขึ้นมาแตะที่พวงแก้มของเธอเบาๆ แต่กระนั้นกระแสความอุ่นร้อนจากมือข้างนั้นก็ยังส่งผ่านผิวเนื้อบริเวณที่เขาสัมผัสไหลซ่านไปทั่วทั้งกาย

“ไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งที่บ้านเอง”

แม้จะอยู่ร่วมกับเขามาแค่ไม่กี่ชั่วโมง คุยกันไม่กี่ประโยค แต่ต้องรักก็รู้ดีว่าเมื่อครู่นั้นเป็นประโยคคำสั่ง ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความหวังดีของเขาครั้งนี้

หญิงสาวรับคำ ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องที่เธอใช้นอนมาตลอดทั้งคืนเพื่อจัดการทำธุระส่วนตัวให้เสร็จสิ้น ในขณะที่คนตัวโตที่นั่งอยู่เพียงลำพังด้านนอกนั้นลุกขึ้นเดินไปยังห้องทำงานของตัวเองแล้วกดโทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิท

“ชัช นายไปจัดการดูพวกหอพักหรืออพาร์ตเมนต์แถวผับให้ด้วย ถ้าที่ไหนมีห้องว่างก็จัดการทำให้มันไม่ว่างซะ!”

รถค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปจอดหน้าบ้านเก่าโทรมของต้องรัก หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง โชคดีที่วันนี้ชนาธิปเลือกใช้รถญี่ปุ่นธรรมดา แต่ก็ยังอุตส่าห์ติดฟิล์มดำรอบคันเพื่อไม่ให้มองเห็นภายใน เพราะถ้าหากเขาใช้รถยุโรปคันใหญ่อย่างที่เขาใช้อยู่ประจำ รับรองได้เลยว่าทั้งเธอและเขาได้เป็นจุดสนใจของคนทั้งซอยแน่

“นายรออยู่นี่แหละ”

ชนาธิปพูดกับเอกรัฐที่นั่งประจำที่คนขับอยู่หลังพวงมาลัยเพียงลำพังที่ด้านหน้า เพราะเขาใช้ชัชวาลให้ไปจัดการเรื่องที่สั่งเอาไว้ให้เรียบร้อยก่อนที่ต้องรักจะเสร็จธุระทางนี้

ร่างสูงใหญ่เปิดประตูรถแล้วก้าวขาลงไปยืนรอเจ้าของบ้านที่ยังนั่งอยู่ในรถ ต้องรักจึงกระเถิบตัวไปทางที่นั่งของเขาแล้วก้าวออกจากรถลงไปยืนอยู่ข้างร่างสูง หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน คนส่วนใหญ่จึงมักไปทำงานกัน หรือไม่ก็หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีใครออกมาเดินป้วนเปี้ยนเพราะแดดที่ร้อนจัด

หญิงสาวลองผลักประตูบ้านเข้าไปจึงรู้ว่ามันไม่ได้ล็อก เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายทันที เพราะไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงจะอยู่ในบ้านหรือเปล่า

“มีฉันอยู่ด้วย เธอจะกลัวอะไร”

เสียงราบเรียบพูดกับเธออย่างแผ่วเบา แต่มันกลับทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด ต้องรักยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะตัดสินใจก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน

ที่ชั้นล่างยังคงเหมือนเดิมเป็นปกติ จะมีก็เพียงเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่ตามพื้นจนชนาธิปเห็นแล้วต้องรีบจับแขนของหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้เดินต่อ เพราะห่วงว่าเธอจะไปเหยียบมันเข้า ต้องรักสวมแค่สลิปเปอร์จากห้องของเขามาเท่านั้น ซึ่งพื้นรองเท้าก็บางเสียจนไม่น่าจะป้องกันความคมจากเศษแก้วได้

ตาคมกวาดมองไปรอบด้าน เมื่อเห็นสิ่งที่ตนกำลังมองหาจึงก้าวขายาวๆ ตรงไปจุดนั้นแล้วหยิบมันมาทันที ต้องรักเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเขา

“คุณธิป เดี๋ยวรักเดินไปใส่เองก็ได้ค่ะ”

มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรที่จู่ๆ จะให้ผู้ชายอย่างเขามาจับรองเท้าของเธอ แต่ชายหนุ่มดูเหมือนไม่ใส่ใจนัก ยังคงถือรองเท้ามาวางไว้ให้ตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาที่มองมาแทนคำพูดเท่านั้น

“ขอบคุณมากค่ะ”

ต้องรักยกมือไหว้เขาก่อนจะสวมรองเท้าที่เขาเอามาให้ จากนั้นก็เดินนำเขาไปยังบันไดที่จะขึ้นสู่ชั้นบน ร่างสูงของชนาธิปจึงเดินมาดักหน้าเธอไว้เพื่อให้เธอเดินตามหลังระหว่างที่กำลังขึ้นบันได

ต้องรักมองแผ่นหลังกว้างของเขาแล้วเม้มปากแน่นอย่างตื้นตัน เขาปกป้องเธอเพราะไม่รู้ว่าดิลกจะยังอยู่บนบ้านหรือเปล่า ซึ่งถ้าหากยังอยู่ก็ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงของเธอจะโผล่มาทำร้ายเอาตอนไหน แม้ท่าทางของเขาดูนิ่งขรึมเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับอะไร แต่แววตาแข็งกร้าวที่มองเบื้องหน้าอย่างระแวดระวังนั้นทำให้เธอรู้ว่าเธอจะปลอดภัยถ้ามีเขาอยู่ใกล้ๆ อย่างเช่นตอนนี้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • กรงปรารถนา   บทที่ 12 คนที่ควรค่า หรือคนที่คู่ควร - 100%

    หญิงสาวหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเข้มออกมาจากราว ระหว่างที่กำลังนึกไปถึงรูปร่างของเขาว่าควรจะสวมไซซ์อะไร แต่สมองกลับคิดไปถึงเรือนกายสูงใหญ่เปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อหนั่นแน่น ท่อนแขนทรงพลังยามโอบรัดเธอเข้าสู่แผงอกอบอุ่น เสียงทุ้มสั่นพร่าครางแผ่วอยู่ชิดริมหู ยามร่างใหญ่โตของเขาเคลื่อนไหวอยู่บนกายเธออย่างเร่าร้อนหวามไหวตายแล้ว! เลือกซื้อเสื้อให้เขาอยู่ดีๆ แล้วทำไมไปคิดถึงตอนที่นัวเนียกับเขาบนเตียงได้เล่าผิวแก้มร้อนผ่าวจนต้องรักต้องรีบหันหน้าหลบไปอีกทางเพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น พยายามตั้งสติอยู่กับเสื้อที่ถืออยู่ในมืออีกครั้งพร้อมกับยกมันขึ้นยืดออกไปจนสุดแขนเพื่อมองขนาดของมันให้ชัดเจน“พี่โอ๋คะ เสื้อของผู้ชายนี่ไซซ์มันมาตรฐานเท่ากันทุกยี่ห้อรึเปล่า”ต้องรักหันไปถามคนที่กำลังยืนดูเสื้ออีกฝั่ง ชนิดาหันหน้ามาทางคนถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย“เอ...พี่ก็ไม่แน่ใจนะ คงต้องกะขนาดตัวคนใส่เอาเองแล้วละ”ชนิดาไม่กล้าฟันธงลงไป เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยซื้อเสื้อให้น้องชายใส่ เธอจำได้ว่าน้องชายใส่เสื้อไซส์ M แต่พอซื้อไปให้กลับกลายเป็นว่าไซส์ M ของยี่ห้อที่เธอซื้อไปขนา

  • กรงปรารถนา   บทที่ 12 คนที่ควรค่า หรือคนที่คู่ควร - 75%

    “ทำอะไรอยู่” มุมปากของคนพูดโค้งขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาคมกล้าจริงจังก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนทันทีที่ได้ยินเสียงของคนที่อยู่ปลายสาย“กำลังนั่งดูซีรีส์กับพี่โอ๋ค่ะ...คุณธิปเป็นอย่างไรบ้างคะ เดินทางเหนื่อยไหม”รอยยิ้มบางๆ เมื่อครู่คลี่ออกกว้างทันทีเมื่อได้ฟังคำถามที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่มีต่อเขา“ได้ยินเสียงเธอก็หายเหนื่อยแล้ว” ร่างสูงเอนหลังไปพิงกับพนักโซฟา เห็นอีกฝ่ายเงียบไป ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าคนฟังคงกำลังยิ้มเขินจนหน้าแดงก่ำ อารมณ์ขุ่นมัวที่เคธี่สร้างไว้มลายหายไปแล้ว แทนที่ด้วยความคิดถึงแสนหวานล้ำที่ค่อยๆ โอบล้อมหัวใจเขาเสียจนอยากกลับไปเห็นหน้าเธอวันนี้และเดี๋ยวนี้“จริงสิ...ต้องรัก ฉันต้องอยู่ที่นี่ยาวไปสองอาทิตย์นะ มีธุระด่วนเข้ามาพอดีน่ะ” พูดพลางปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยหน่าย หากรู้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่มาอาทิตย์นี้ คงรวบยอดมาอาทิตย์หน้าเลยทีเดียว เจตนาของนิโคลัสเห็นได้ชัดว่าต้องการรั้งเขาให้อยู่ที่นี่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงไม่ยอมปริปากเรื่องงานเลี้ยงอาทิตย์หน้าให้เขาฟังเลยแม้แต่ประโยคเดีย

  • กรงปรารถนา   บทที่ 12 คนที่ควรค่า หรือคนที่คู่ควร - 50%

    “ใช่...ถ้ามีโอกาส” วิลผงกศีรษะขึ้นลงช้าๆ รู้สึกใจหายกับประโยคสุดท้ายของเพื่อนรักทั้งคู่นั่งนิ่งกันไปอีกพักใหญ่ๆ แต่สุดท้ายวิลก็เป็นฝ่ายลองพูดโน้มน้าวเพื่อนอีกครั้ง“ฉันว่านายกลับไปคิดให้ดีก่อนดีกว่านะทิม อีกตั้งสามเดือน ยังมีเวลาให้นายได้ตัดสินใจว่าจะเลือกเดินทางไหน แต่สำหรับฉัน ฉันคิดว่าเคธี่เหมาะสมกับนายที่สุดแล้ว นายจะยอมเสียสละทุกอย่าง ยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ หรือเพื่อน”ชนาธิปผินหน้ามามองคนพูดพลางยกแก้วบรั่นดีขึ้นกระดกลงคอจนหมดในอึกเดียว จากนั้นจึงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ“แต่คนบางคนก็ควรค่าแก่การเสียสละไม่ใช่หรือ”ชนาธิปกับวิลกลับมาถึงคฤหาสน์ในเวลาล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้วเกือบสองชั่วโมง นัยน์ตาสีนิลมองไปยังประตูบานใหญ่เบื้องหน้า เวรยามแน่นหนาและกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้รายรอบเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้ตามอำเภอใจวิลขับรถเข้าไปจอดในโรงรถที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์ จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินไปตามทางที่ปูด้

  • กรงปรารถนา   บทที่ 12 คนที่ควรค่า หรือคนที่คู่ควร - 25%

    ภายใต้แสงไฟสลัวรางของผับหรูแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างของบุรุษหนุ่มสองคนที่ต่างเชื้อชาตินั่งประจันหน้ากันอยู่ที่โต๊ะด้านในสุด ทั้งคู่กวาดตามองบรรยากาศโดยรอบด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ราวกับว่าเสียงเพลงจังหวะเร้าใจและหญิงสาวสวยมากหน้าหลายตาที่กำลังวาดลีลาเร่าร้อนตามจังหวะเพลงเหล่านั้นหาได้มีความหมายใดๆ กับพวกเขาเลยแม้แต่น้อยกระทั่งในที่สุด ชายร่างใหญ่ผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาก็ผินหน้ามาที่ผู้ร่วมโต๊ะและเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อน“นายจะปฏิเสธจริงหรือทิม” แม้น้ำเสียงจะฟังดูเรียบเรื่อย แต่หัวคิ้วของผู้พูดกลับขมวดเป็นปมเมื่อมองหน้าอีกฝ่าย“ใช่ ฉันแต่งงานกับเคธี่ไม่ได้”ชนาธิปตอบโดยไม่แสดงอาการลังเลออกมาให้เห็น ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจดริมฝีปาก เขารู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่เขาก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว“เคธี่รักนายมากนะ ฉันรู้ดี” วิลพูดพลางหลุบสายตาลงต่ำเพื่อปิดบังไม่ให้คนที่ฉลาดเป็นกรดอย่างชนาธิปจับสีหน้ากับแววตาของตนได้ ในขณะที่อีกฝ่ายหันมามองแล้วลอบยกยิ้มที่มุมปาก“จริงอยู่ว่าเคธี่รักฉัน แต่เธอไม่ได้รักในแบบคนรัก นายก็รู้ว่าเคธี่กับฉันเติบโตมาด้วยกันจนแทบจะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันอยู

  • กรงปรารถนา   บทที่ 11 โลกของชนาธิป - 100%

    ชนาธิปเดินลงมาจากชั้นสองก่อนเวลาดินเนอร์ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาชะงักเท้าทันทีเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่พอกันกับเขาแต่อีกฝ่ายลำตัวหนากว่ายืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงคอยท่าอยู่ตรงเชิงบันได“ยินดีต้อนรับกลับมา พี่ชาย” คนยืนรอเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายขึ้นก่อน ชนาธิปยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดร่างหนาหลวมๆ แทนคำทักทาย“ผมทรงใหม่ของนายเข้าท่าดีนะวิล”ชนาธิปมองทรงผมทรงใหม่ของบอดีการ์ดหนุ่มด้วยแววตากึ่งทึ่งกึ่งขำ เพราะมันเป็นทรงเดียวกับนักฟุตบอลคนหนึ่งของทีมเรอัลมาดริดคนถูกทักเรื่องทรงผมทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ กระแอมออกมาครั้งหนึ่งก่อนอ้อมแอ้มบอกเสียงค่อย“คุณหนูลากไปตัดเมื่อวานนี้”ได้ฟังอย่างนั้นชนาธิปเกือบหลุดหัวเราะแต่ก็อดเห็นใจอีกฝ่ายไม่ได้ เคธี่นั้นคลั่งไคล้นักฟุตบอลทีมนี้มาก จึงมักพร่ำเพ้ออยู่บ่อยๆ และคนที่ต้องตกเป็นตุ๊กตาให้เธอก็เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวิล บอดีการ์ดหนุ่มที่คอยตามติดไม่ห่างนั่นเองมื้อค่ำวันนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนนั่นคือชนาธิป เพราะตามปกติแล้วจะมีเพียงแค่นิโคลัส เคธี่ และวิลเ

  • กรงปรารถนา   บทที่ 11 โลกของชนาธิป - 75%

    รถทั้งหมดมาหยุดลงตรงเทอร์เรซหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ บุรุษต่างชาติที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับรีบลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูให้ชนาธิป ในขณะที่เอกรัฐเปิดประตูรถด้วยตัวเองเพราะรู้สถานะของตนดีว่าอยู่ในฐานะอะไรร่างสูงก้าวขาลงจากรถ เขาหันไปขอบคุณชายที่เปิดประตูให้เบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหินอ่อนเข้าสู่ตัวคฤหาสน์โดยมีเอกรัฐตามมาด้านหลัง ฝีเท้ามั่นคงหนักแน่นชะงักเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่หน้าประตูไม้โอ๊กขัดเงาบานใหญ่ เพราะทันทีที่เขาย่างเท้าเข้าไปด้านใน โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นก็จะปรากฏขึ้นมาพันธนาการเท้าทั้งสองข้างของเขาไว้ทันทีซึ่งมันจะถอดออกได้ก็ต่อเมื่อเขากลับไปเมืองไทยเท่านั้น!“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ไอ้ลูกชาย”เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขึ้นทันทีที่ชนาธิปเหยียบย่างเข้าสู่คฤหาสน์ ชายหนุ่มหันมองไปตามเสียง เห็นร่างสูงใหญ่อย่างชาวอเมริกันของนิโคลัส รูคส์ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกากำลังยืนดูดซิการ์อยู่หน้าเตาผิงในห้องรับแขก มุมปากที่คาบซิการ์อยู่นั้นโค้งขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาคมกริบสีเทาเด็ดเดี่ยวมีประกายยินดีเมื่อเห็นเขา“สวัสดีครับนายท่าน”

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status