ชนาธิปพาหญิงสาวมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านโดยที่ไม่มีเอกรัฐหรือชัชวาลคอยติดตามอย่างเคย ต้องรักมองร่างสูงของเขาที่เข็นรถเข็นเดินนำอยู่ข้างหน้าแล้วก็อดหน้าแดงซ่านขึ้นมาไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เขาจะหยิบ หรือจะซื้ออะไร เขามักจะหันมาถามความเห็นของเธอด้วยเสมอว่าชอบหรือไม่ อยากกินหรือเปล่า
เหมือนคู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันเลย!
คิดแล้วก็เขิน...ต้องรักยกมือขึ้นกุมใบหน้าตัวเองเมื่อรู้สึกว่ามันวูบวาบแปลกๆ เหลือบมองคนที่กำลังเลือกช็อกโกแลตอยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่แอบถอนหายใจแผ่ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมาทำดีกับเธอขนาดนี้ด้วย ไม่รู้บ้างเลยหรืออย่างไรว่าตัวเองกำลังทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องหวั่นไหว หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ หรือแค่สบตา
เขาจะรู้สึกแบบเดียวกับเธอบ้างหรือเปล่า...
ต้องรักรีบสะบัดหน้าแรงๆ สองสามครั้งเพื่อให้เลิกคิดฟุ้งซ่าน เขาเป็นใคร เธอเป็นใคร ไม่สมควรอย่างยิ่งหากจะคิดกับเขามากไปกว่าผู้มีพระคุณหรือเจ้านาย หญิงสาวพยายามเตือนสติตัวเองเอาไว้ไม่ให้เพ้อฝันไปกับชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า แม้ว่าความจริงแล้วจะทำได้ยากยิ่งเต็มที
“เป็นอะไร เมื่อยหรือ” เขาถามพร้อมกับวางมือบนศีรษะเล็กราวกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
“ปละ...เปล่าค่ะ ไม่ได้เมื่อย เมื่อกี้เหมือนมียุงมาตอมหน้าน่ะค่ะเลยสะบัดไล่มันไป” ปดเขาแล้วก็หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมือใหญ่ข้างนั้นเลื่อนลงมาเกาะอยู่ที่บ่าของเธอ
“เอาอันนี้ไปกินไหม ฉันจะซื้อไปแช่ตู้เย็นไว้ให้ก็แล้วกันนะ”
ถามโดยไม่รอคำตอบ เขาหยิบช็อกโกแลตยี่ห้อดังนั้นใส่ลงในรถเข็นทันที ตามด้วยยี่ห้ออื่นอีกสามสี่แท่ง ก่อนจะรั้งให้หญิงสาวเดินไปด้วยกัน ต้องรักจึงต้องยกมือขึ้นมาจับรถเข็นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นเขาจับอยู่แค่มือเดียว เพราะอีกมือนั้นโอบไหล่เธออยู่
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นอย่างงุนงง ซื้อใส่ตู้เย็นไว้ให้...เขาหมายความว่าอย่างไร เขาพูดเหมือนกับว่าจะให้เธออาศัยอยู่ด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น
“เดี๋ยวไปดูของใช้ส่วนตัวของเธอด้วย จะซื้ออะไรจะใช้อันไหนก็หยิบมาใส่รถแล้วกัน”
ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาบอกกับคนข้างกาย เห็นสายตาที่มีแต่คำถามมากมายอยู่ในนั้น เขาจึงหยุดเดินแล้วหันหน้ามาหาเธอตรงๆ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขา ชั่งใจว่าจะถามเขาออกไปโต้งๆ เลยดีหรือไม่ แต่คิดแล้วก็เห็นควรว่าถามออกไปเลยดีกว่าปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้
“คุณธิปทำเหมือน...เอ่อ...เหมือนจะให้รักอยู่ที่ห้องของคุณธิป” พูดจบก็หลุบตาลงมองแค่กระดุมเสื้อของเขา
“ถ้าไม่อยู่กับฉันแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไปไม่ใช่หรือ”
น้ำเสียงเรียบๆ ถามเธอกลับอย่างใจเย็น ไม่มีวี่แววของความไม่พอใจอยู่ในนั้น ต้องรักจึงกล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง
“ก็...ก็รักว่าจะไปขออยู่กับเพื่อนชั่วคราวน่ะค่ะ ทำงานได้เงินสักพักคงได้ค่าเช่าห้องแล้ว รัก...เกรงใจคุณธิป”
“ฉันให้เธออยู่ด้วยก็ไม่ได้ให้อยู่ฟรีๆ สักหน่อย”
ประโยคคลุมเครือของเขาทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง ชั่วขณะหนึ่งเธอเห็นแววไหวระริกที่นัยน์ตาของเขาราวกับกำลังขบขัน ก่อนที่คำพูดเรียบนิ่งของเขาจะพูดขยายความในประโยคถัดไป
“เธอทำกับข้าวเป็น ทำงานบ้านได้ เธอก็ทำให้ฉันแล้วกัน ฉันมีเงินเดือนให้” เขาหยุดพูดพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมแก้มนวลเอาไว้ พลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้แผ่วๆ ที่ผิวแก้ม
“งานที่ผับก็ไม่ต้องไปทำแล้ว มาเป็นแม่บ้านให้ฉันดีกว่า”
พูดจบเขาก็เข็นรถออกเดินอีกครั้ง ทิ้งให้คนฟังยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นพร้อมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่
มาเป็นแม่บ้านให้ฉันดีกว่า...
ประโยคนี้ประโยคเดียวเล่นเอาเธอถึงกับไปไม่เป็น คำว่าแม่บ้านของเขา อาจจะหมายถึงคนรับใช้ แต่สำหรับเธอนั้นแอบคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้
เมื่อมาถึงเพนต์เฮาส์ ชายหนุ่มปล่อยหน้าที่เก็บของที่ซื้อมาให้เธอจัดการ ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับปิดประตูเงียบเชียบ ต้องรักเก็บของสดเข้าตู้เย็น ของแห้งและขนมขบเคี้ยวเก็บใส่ตู้บิลต์อินที่อยู่ในห้องครัว เสร็จเรียบร้อยก็ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่เพียงลำพังในห้องรับแขก ตาคอยมองแต่ที่ประตูห้องทำงานของเขา เธอเห็นเขาเข้าไปในนั้นนานแล้ว จะเคาะเรียกหรือถามเขาว่าอยากให้เธอทำอะไรอีกหรือไม่ก็ไม่กล้า
สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องนอนที่เขายกให้ เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าจะเอาไปใส่ไว้ในตู้ ครั้นพอเห็นเสื้อผ้าของเขาที่ยังมีแขวนอยู่หลายตัวในนั้นก็อดหน้าร้อนวูบขึ้นมาไม่ได้
ใช้ตู้เสื้อผ้าตู้เดียวกัน...
ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการเป็นสามีภรรยากันเลย เธอควรจะนำกลับไปคืนให้เขาที่ห้องโน้นดีหรือไม่ จะว่าไปเขาก็ยังไม่ได้คุยรายละเอียดเรื่องงานที่เธอต้องทำเลยสักนิด
ระหว่างที่กำลังจมอยู่กับความคิด เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ ต้องรักรีบเดินไปเปิดทันทีเพราะไม่อยากให้เขารอนาน อีกทั้งตอนนี้ก็บ่ายแก่เข้าไปเต็มทีแล้ว ไม่รู้ว่ามื้อเย็นเขาอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
ร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูทำให้ต้องรักอดมองด้วยความชื่นชมไม่ได้ ผู้ชายคนนี้มีรูปเป็นทรัพย์โดยแท้ เขาหน้าตาหล่อเหลาดูดีถึงแม้จะติดเย็นชาไปบ้าง รูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกก็สง่าผ่าเผยดูเป็นผู้นำ แม้จะอยู่ในชุดลำลองที่แสนธรรมดาอย่างเช่นในตอนนี้
“ยุ่งอยู่รึเปล่า ออกมาคุยกันหน่อยสิ”
“ไม่ค่ะ ไม่ยุ่ง รักคุยได้” ตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเพื่อยืนยันคำพูดนั้น ชายหนุ่มจึงเดินนำไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม
นัยน์ตาคมกริบมองสาวน้อยที่เดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวด้วยแววตาวาววับ เขามองเธอนิ่งนานอยู่สักพักจนคนถูกมองเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อกใจก็เต้นกระหน่ำเสียจนเกรงว่าเขาจะได้ยิน
“นั่งผิดที่รึเปล่า ต้องรัก”
เสียงทุ้มถามขึ้นมาลอยๆ จนหญิงสาวอดสะดุ้งไม่ได้ นัยน์ตากลมโตเหลือบมองพื้นที่ข้างกายเขาแล้วก็ให้รู้สึกวูบวาบหวามไหวขึ้นมาเสียดื้อๆ ใจกระหวัดคิดไปถึงสัมผัสแผ่วที่ริมฝีปากเมื่อตอนบ่าย เพียงแค่คิดก็รู้สึกราวกับว่าสัมผัสนั้นได้แตะต้องลงมาที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง ทั้งที่เขายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อนมาหาเธอแม้แต่น้อย
“รักว่านั่งตรงนี้ก็สะ...”
“หรือต้องให้ฉันไปดึงมานั่งบนตัก” เขาพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที อดค้อนให้คนช่างขู่ไม่ได้ คนอะไรช่างเผด็จการเสียจริง เขาคงเคยชินกับการออกคำสั่งแบบนี้แล้วกระมัง
พอได้ยินคำว่าสยาม ชนกนันท์ก็ตาวาวขึ้นทันที เพราะทุกครั้งที่ได้ไปย่านนั้นกับบิดามารดา ตนมักได้เสื้อผ้า หรือของที่อยากได้ติดมือกลับบ้านเสมอ และครั้งนี้จึงไม่พลาดเช่นกัน“ไปค่ะคุณพ่อ ถ้างั้นให้อเล็กซ์กับอลัน...”“ให้อยู่บ้านไป อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ไงลูก” ชนาธิปชิงพูดก่อนบุตรสาว จากนั้นก็หันไปถามสองแฝดด้วยภาษาอังกฤษ“พวกนายจะเอาอะไรไหม”“เบียร์!” สองหนุ่มตอบมาพร้อมกัน ชนาธิปยิ้มเย็นพลางพูดว่า“No!” เขามองหน้าฝาแฝดทั้งสองคนแล้วลอบถอนหายใจแผ่ว สองหนุ่มนี่ยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งหล่อเหลา อีกทั้งรูปร่างยังสูงใหญ่จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบแปด“ถ้าพวกนายอยากดื่มก็ดื่มได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ เอารถที่บ้านออกไปหาร้านนั่งดื่มกันข้างนอกก็ได้ ตามสบาย”ชนาธิปบอกอย่างใจกว้าง เพราะอย่างไรเสียสองคนนี้เขาก็ถือว่าเป็นหลาน หรือญาติที่ใกล้ชิดที่สุด แต่เขาจะไม่วุ่นวายกับสองคนนี้เลยถ้าหากว่าทั้งคู่จะไม่มาวอแวชนกนันท์ สายตาหวานเชื่อมนั่นเขาดูออกว่าทั้งสองคนนั้นถูกใจบุตรสาวของเขา และกำลัง
“อ้าว คุณธิปพาภรรยามาด้วยหรือคะไม่น่าเชื่อ ปกติเห็นไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด” อีฟหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด“ลูกผมสองคนยังเล็กมากครับ ผมเลยไม่อยากให้ลูกไปงานเลี้ยงกับผม ภรรยาผมเขาก็เลยต้องอยู่ดูแลลูกที่บ้าน ผมก็ตามใจเธอ”เขาดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “ผมขอตัวก่อนดีกว่า ป่านนี้อาหารน่าจะมาเสิร์ฟแล้ว ฝากความระลึกถึงคุณเบิร์ดด้วยนะครับ”ชนาธิปยิ้มบาง ๆ ให้อีกครั้งแล้วเดินจากไป ทิ้งสายตาผิดหวังของหญิงสาวไว้ที่เดิมโดยไม่คิดหันกลับไปมองอีกเมื่อชนาธิปกลับเข้าไปในร้านอาหาร ชายหนุ่มก็เห็นภรรยาคนสวยนั่งจ้องตนเขม็งแทบไม่กะพริบตา เขาเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ เพราะเธอมองเขาแบบนี้ก็หมายความว่าเธอเห็นที่เขาหยุดคุยกับผู้หญิงคนนั้น“เลขาฯ ของคุณเบิร์ดเจ้าของโครงการบ้านในสวนน่ะ เขามาเดินซื้อของ เจอพี่พอดีเขาก็เลยทัก” ชายหนุ่มอธิบายให้ภรรยารู้โดยไม่รอให้เธอเปิดปากถาม“รักยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย เห็นรักเป็นคนขี้หึงไปได้” เธออมยิ้ม สีหน้าพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัดที่เขาบอกเธอไปตามตรง“หรือไม่ใช่ เห็นสายตาก
“อุ้ยเล่าให้ฟังว่าพี่ชายเขาทำงานหลายอย่างมาก พักผ่อนน้อย ความเครียดก็เยอะ แต่เพราะเขาไม่เคยป่วยก็เลยไม่เคยไปตรวจสุขภาพสักที จึงไม่รู้ว่าความจริงแล้วตัวเองเป็นโรคความดันสูง พออาการกำเริบ บทจะไปเขาก็ไปแบบกะทันหันจนคนในครอบครัวไม่ทันได้เตรียมใจเลยค่ะ”ชนาธิปยิ้มอ่อนพลางจูบหน้าผากภรรยาอย่างรักใคร่ เธอเคยบอกว่าเขาเปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเธอกับลูก เพราะฉะนั้นต้องรักจึงขอร้องเขาว่าอย่าทำอะไรที่เป็นการสุ่มเสี่ยงหรืออันตรายต่อชีวิตอย่างเด็ดขาด และเขาก็เคยรับปากเธอไว้แล้ว“เราก็เลยกลัวว่าพี่จะเป็นเหมือนพี่ชายของเพื่อนหรือ”ต้องรักพยักหน้าอยู่กับอกเขา “รักกับลูกไม่ต้องการอะไรค่ะ ขออย่างเดียวคือขอให้พี่อยู่กับเราแม่ลูกไปนาน ๆ รักอยากให้พี่อยู่ดูความสำเร็จของลูกด้วยกันกับรัก อยู่เป็นปู่ย่าให้หลานของเราแค่นี้ก็พอค่ะ”ชายหนุ่มยิ้มกว้างกับประโยคน่ารักน่าใคร่ของภรรยา เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เป็นคุณปู่อย่างเดียวเองหรือ พี่อยากเป็นคุณตาด้วยนะ เป็นทั้งปู่ทั้งตาเลยได้ไหมต้องรัก เธอจะได้เป็นทั้งคุณย่าและคุณยายไง”ต้องรักหัวเ
ต้องรักเหลือบมองสามีที่นั่งจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าด้วยแววตาหลงใหล เธอชอบแอบมองเวลาเขามีสมาธิอยู่กับอะไรบางอย่างเพราะความมุ่งมั่นเคร่งขรึมของเขานานวันก็ยิ่งมีเสน่ห์เสียจนไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าภรรยาคนนี้หลงรักเขามากขึ้นทุกวันหญิงสาวเห็นมุมปากเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก็รู้ทันทีว่าเขารู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกจับจ้องจึงทำทีเป็นเบนสายตาไปมองบุตรชายที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเบาะตรงหน้าแทน“ไม่แอบมองต่อแล้วหรือ” เสียงทุ้มถามขึ้นลอย ๆ“ไม่มองแล้วค่ะ คนถูกมองรู้ตัวแล้วอย่างงี้จะเรียกว่าแอบมองได้ยังไง” เธอตอบยิ้ม ๆ พลางรีบเอื้อมมือตบก้นบุตรชายที่เริ่มทำปากเบะเหมือนจะร้องไห้ และทำท่าจะตื่นชนาธิปวางมือจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าแล้วเดินมานั่งใกล้ภรรยา เขามองต้องรักกล่อมลูกให้หลับด้วยแววตาแสนรักนี่คือลูกกับเมียของเขา คือครอบครัวที่เขาเคยวาดฝันหลายต่อหลายครั้งว่าอยากมีตั้งแต่ยังไม่ได้เจอกับต้องรักก่อนหน้านั้นเขาทำงานให้นิโคลัส ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับมอบชีวิตทั้งชีวิตให้อีกฝ่
“อยากสิคะ แต่รักจำได้ว่าคุณธิปบอกให้ชะลอไปก่อน”ชนาธิปยื่นหน้าไปหอมแก้มเธออีกครั้ง ก่อนพูดให้เธอเข้าใจ“ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นฉันติดปัญหาเรื่องรับช่วงต่อจากรูคส์ ฉันเลยไม่อยากมีลูกให้เป็นภาระของเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ฉันไม่เกี่ยวข้องกับรูคส์แล้ว ฉันพร้อมเต็มที่สำหรับการเป็นพ่อคน”ต้องรักเบี่ยงหน้าไปมองเขาเต็มตา วันนี้เขาทำให้เธอซาบซึ้งจนเกือบร้องไห้ไปกี่ครั้งแล้วนะ แต่ที่แน่ๆ ก็คือเธอรักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน“รักก็พร้อมค่ะ”เสียงอ้อแอ้ที่ดังอยู่ข้างหูตามมาด้วยน้ำเปียกๆ ที่แตะลงบนแก้ม ส่งผลให้ชนาธิปต้องลืมตาตื่นขึ้นทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจของบุตรชายวัยเจ็ดเดือนตอนที่เขาลืมตาขึ้น“ว่าไงลูกพ่อ” เขาช้อนแขนเจ้าตัวจ้อยให้ขึ้นมายืนบนท้อง เจ้าตัวเล็กเห็นพ่อจับให้ยืนก็กระโดดผลุงๆ ไปมาบนท้องพร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดีจังหวะนั้น ต้องรักเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นสองพ่อลูกกำลังนอนเล่นกันอยู่บนเตียงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้&l
ให้ต้องรักไปปรากฏตัวสักทีก็ดีเหมือนกัน สาวๆ เหล่านั้นจะได้เลิกตอแยเขาเสียที แต่ทางออกที่ดีที่สุดก็คงไม่พ้น...การแต่งงาน“แต่งงานกันไหมต้องรัก”เคธี่เคยบอกกับเขาว่าผู้หญิงทุกคนล้วนมีความฝันอยากใส่ชุดแต่งงานสวยๆ ด้วยกันทั้งนั้น เพราะมันเป็นงานที่จัดครั้งเดียวในชีวิต แม้ต้องรักเคยบอกเขาว่าไม่ต้องการจัดงานใหญ่โตอะไร แต่เขาก็อยากให้เกียรติเธอ และจัดงานแต่งงานให้เธออยู่ดี“ก็เราแต่งกันไปแล้วไม่ใช่หรือคะ ที่วัดไง” เธอหลับตาพริ้มอยู่กับอกของเขา รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นเมื่อคิดถึงเช้าวันนั้น“หมายถึงจัดงานที่เป็นเรื่องเป็นราวน่ะ คนทั่วไปจะได้รับรู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว และเธอคือภรรยาของฉัน ฉันไม่ชอบเวลาที่มีคนมองว่าเธอเป็นของเล่นบนเตียงของฉัน แล้วก็เอาเธอไปพูดเสียๆ หายๆ” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง มือใหญ่เลื่อนมาวางที่หน้าท้องแบนราบของเธอแล้วลูบไล้แผ่วเบา“เวลามีลูก เราจะได้เอารูปแต่งงานให้ลูกดูได้ด้วยไง ไม่ดีหรือ”“ตามใจคุณธิปเลยค่ะ”ต้องรักคลี่ยิ้มอยู่กับอกกว้างของเขา เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งขึ้นอีก