ปารดามองไปที่พี่ชายนอกไส้ด้วยความสงสัย เธอรู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาออกไปข้างนอก เพราะเธอเฝ้าจับตามองเขาตลอด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นผู้หญิงคนอื่น ในชีวิตของพี่พี ไม่เคยมีใครอื่น จงรักภักดีอยู่แต่กับ…
“ยัยอร” หญิงสาวพูดเบาๆกับตัวเองแล้วก้มหน้าหงิกๆเขี่ยข้าวต้มจนเละเทะคามือ
ขณะหนุ่มแน่นเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะไม่ยอมตอบคำถาม สนทนาเรื่องงานกับบิดาเลี้ยงซึ่งมีตำแหน่งใหญ่โตในกรมตำรวจแทน
“ช่วงนี้งานหนักนิดหน่อยครับคุณพ่อ เพราะมีแก๊งค์มาเฟียเข้ามาอาละวาดในหลายท้องที่ เรากำลังสืบกันอยู่ว่าเป็นพวกไหนกันแน่ คิดว่าจะจัดการล้างระบบเจ้าพ่อให้มันเด็ดขาดซะที เพราะถ้าเรากำจัดคนพวกนี้ให้อยู่เป็นที่เป็นทางได้ อาชญากรรมลดลงอย่างแน่นอน”
นายประวิตรพยักหน้าช้าๆ
“ยาเสพติดก็ด้วย ยังไงก็ฝากคนหนุ่มรุ่นใหม่ดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วยละกัน ถ้ามีอะไรอยากปรึกษา ก็เข้าไปหาท่านรองได้ทุกเมื่อ”
คุณหญิงแสงเดือนยิ้มจนแก้มปริ เห็นสามีกับลูกชายเข้ากันได้ดี แต่คนเป็นแม่ก็อดเป็นห่วงลูกชายมิได้
“ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะตาพี ทำงานแบบนี้มันเสี่ยง ถึงจะรักงานมากแค่ไหนก็เถอะ ถ้าหากว่ามันอันตรายนักก็ปล่อยๆให้คนอื่นเขาทำบ้างก็ได้”
“โถ่คุณแม่ก็ ทำไมถึงสั่งให้ตำรวจละเว้นหน้าที่ซะล่ะครับ อย่างนี้ผมก็ไม่ใช่ตำรวจที่ดีสิครับ แล้วผมจะเอาอะไรมาภาคภูมิใจล่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงพีนะครับ พีดูแลตัวเองได้ แล้วอีกอย่าง ทีมของพีก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์เหล็กซะอีก ต่อให้มาเฟียมากันเป็นกองทัพ พวกเราก็ไม่มีวันถอยหรอกครับ”
“ดีมากผู้กอง อย่างนี้ไม่นานหรอก เดี๋ยวจะได้เป็นสารวัตร”
พ่อแม่ลูกพากันครื้นเครง มีเพียงคนเดียวที่ยังคงแค่ยิ้มจืดชืด จนโดนถามขึ้นจากมารดานั่นแหละ ปารดาถึงได้ส่งเสียงว่ายังร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
“ลูกดาล่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นออกไปไหนเลย ไม่มีงานแสดงเข้ามาเลยหรือจ๊ะ”
“ช่วงนี้ดาว่าจะพักน่ะค่ะ หลังจากเล่นเรื่องเมียทาสแล้วพลังงานสูญเสียไปเยอะเลย รู้สึกว่ามันเหนื่อยๆชอบกล”
บิดาบังเกิดเกล้าแสดงความเป็นห่วงทันที
“ดีแล้วลูก พักเสียบ้าง นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นงานที่ลูกรัก พ่อไม่ยอมให้ลูกสาวของพ่อต้องไปตรากตรำตากแดดตากลมเล่นละครหรอก”
“เอ๊ะเรื่องเมียทาสที่ลูกดาเล่นนี่ มันใช่เรื่องเดียวกับที่…” คนเป็นแม่พูดขณะหันไปมองหน้าลูกชายอย่างจับผิด “แม่ดาราท้ายซอยเป็นนางเอกใช่ไหม”
ปารดาดวงตาแดงก่ำขณะกล่าว
“ค่ะ…อรดีเป็นนางเอก”
“อรดี…นางเอกท้ายซอย ใครหรือคุณหญิง” สามีหันมาถามอย่างสนใจ
“เด็กที่เคยอาศัยอยู่ในตึกแถวท้ายซอยบ้านเรานี่แหละค่ะคุณพี่ คุณพี่จำเด็กผู้หญิงตัวมอมแมมที่เคยมาสอยมะม่วงที่ริมรั้วบ้านเราได้ไหมล่ะคะ ตอนนี้เขาเป็นดาราแล้วนะคะ”
คุณหญิงมักจะนำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างให้เขาเลิกสนใจอรดีเสมอ ชายหนุ่มรู้ดี แต่เขาไม่สนใจ…ก็มะม่วงมันห้อยโตงเตงออกไปนอกรั้ว…มันอยู่นอกรั้วนี่คะ คุณหญิงลองไปแจ้งตำรวจดูสิคะ ไม่มีใครเอาผิดหนูได้หรอก…ใช่แล้ว ตอนนั้นคุณพ่อยังหัวเราะเลยพอรู้ข่าว
“อ๋อ…ผมนึกออกแล้ว เด็กที่ท่าทางเอาเรื่องคนนั้นน่ะเอง…จำได้ว่า…ตอนนั้น เด็กชายพีระนันทน์ประกาศว่าจะแต่งงานกับยัยหนูนั่นนี่ใช่ไหม” ยิงมุกเตือนความจำแล้วเสร็จ คุณผู้ชายของบ้านก็หัวเราะร่วนอยู่คนเดียว อีกสามคนที่เหลือทำหน้าแทบไม่ถูก
พีระนันทน์ที่อยากยิ้มยังไม่กล้าต้องอมมันลงคอไป!
อรดีตื่นนอนตั้งแต่เช้า แล้วออกกำลังกายโดยการเต้นแอโรบิคอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเหงื่อซึมจนแฉะไปทั้งร่างแล้วก็เลิก กลับเข้าไปในห้องนอน จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดรำรองสบายๆ วันนี้เธอไม่มีงาน งานยังไม่ชุกจนถึงขนาดไม่มีวันหยุดให้นอนกลางวัน ดาราสาวไม่คิดจะออกไปเที่ยวที่ไหน เพราะกลัวเปลือง นี่เป็นความทรมานอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในช่วงเวลานี้
“เพราะหมอนั่นคนเดียวเลย ทำให้ชีวิตดี ๆ ของฉันต้องลำบากแบบนี้”
เธออดปวดหัวไม่ได้เมื่อคิดว่าต้องเดินออกจากห้องเพื่อไปจ่ายดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้ไร้มนุษยธรรมอีกครั้ง…เธอจะถูกฆ่าตายทุกเช้า ส่วนเขาจะอิ่มเอมความสุขที่ได้ทำหยาบคายกับเธอ เธอรู้ดี เธอมองเห็นแววตาเขา
ต่อหน้ากระจกเครื่องแป้ง ขณะยื่นลิปสติกทาปาก เธอชะงัก มองปากของตัวเองด้วยความช้ำใจ เลื่อนมือขึ้นไปแตะเบา ๆ นึกถึงปากเขา ขนก็ลุกเกรียวไปทั้งตัว ใจก็ดีดดิ้นพลุ่งพล่าน
“ขยะแขยงที่สุดเลย ทำไมสลัดภาพอุจาดนั่นไม่หลุดนะ นี่เราเป็นอะไรไป โอย...ไม่เอาไม่คิด ถือซะว่าทำบุญทำทานให้แก่หมาแก่แมวมันไปก็แล้วกัน แล้วก็ต้องท่องเอาไว้ เพื่อพ่อ เพื่อพ่อ เพื่อพ่อ”
ขณะกำลังหลับตาพริ้ม ตั้งสมาธิ ทำใจให้สงบ ทำจิตตื่นตระหนกให้เย็นลง พลันเสียงโทรศัพท์ติดห้องก็ดังแทรกขึ้น ทำลายภาวะสงบของหญิงสาวจนหมดสิ้น เธอตกใจจนขวัญกระเจิง พ่นลมหายใจอย่างหัวเสียขณะเดินไปรับสาย ส่งเสียงใสแจ๋วไร้พิรุธทั้งปวง
“สวัสดีค่ะ พี่นกเหรอคะ อย่าบอกนะว่ามีข่าวดี มีงานวันนี้แน่ๆเลย”
คนฟังหัวเราะคิก
“คุณลืมอะไรไปรึเปล่าที่รัก อย่าปล่อยให้ผมคอยนานเกินสิบนาทีนี้นะ รีบมาเดี๋ยวนี้เลย”
แล้วโทรศัพท์ก็กระแทกโครม ทำเอาหูของคนรับชาทีเดียว
“ไอ้คน ๆ นี้นี่ ฉันจะเรียกมันว่าอะไรถึงจะเหมาะสมนะ”
อรดีสะกดกลั้นอย่างเต็มกลืน สองมือยกขึ้นกุมขมับ หลับตาแน่นเพื่อทำใจ แต่เมื่อความคิดอุตริที่เธอเตรียมการเอาไว้โผล่เข้ามาในหัว เจ้าหล่อนกลับยิ้มร่า รีบวิ่งเข้าไปในครัวทันที
ภาคินเดินผ่านโถงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ มาเหยียบยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นสู่ชั้นบน เขาเงยหน้ากวาดมองบ้านที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกซอกหลืบยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย มิใช่หน่ายจากการเดินทางอันแสนสั้น แต่เหนื่อยกับความทรงจำเดิม ๆ ที่มักจะไหลผ่านเข้ามาทุกครั้ง เมื่อต้องมาเยือนในที่ที่เขากับเธอเคยเดินทางมาด้วยกันไม่ทันนานนักที่เขาจมหายในภวังค์อันแสนเศร้า มีบางเสียงดังแว่วมาเข้าหู เสียงประหลาดนั่นดังมาจากด้านบนอย่างแน่นอน เขาเอะใจอะไรบางอย่าง ใจเต้นตูมๆขณะเยื้องย่างขึ้นสู่ด้านบนด้วยความเร็วรี่“ไม่ใช่แน่ สมองเราเบลอไปใช่ไหม”เจ้าหนุ่มมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง เสียงหายใจถี่ยิบดังกังวานสดใส เขาแนบใบหูข้างขวาเข้าประกบที่บานไม้แข็งแรง เงี่ยหูฟังเสียงที่ถูกส่งมาจากด้านใน ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งตื่นเต้นรนราน ใจมันรู้สึกแปลกๆพิกล แต่ยิ่งเสียงนั่นดังจนจวนจะทะลุหูเขาได้ ใจของเขากลับพองตัวขึ้นจนใหญ่กว่าเกาะสราญรมย์แล้วด้วยซ้ำ เขาไม่คิดจะเคาะประตูเลยแม้แต่น้อยภาคินภาวนาระงมว่าเสียงเด็กร้องที่เขาได้ยินเต็มสองรูหู ไม่ได้อยู่ในความฝั
“ยังไม่มีวี่แววเลยครับ เธอใจแข็งจัง”ภาคินยื่นบุหรี่ให้พ่อของอรดี เขารับไปคาบ แล้วรอปลายไฟแช็กจากเจ้าหนุ่ม“พาหลานของพ่อไปอยู่เสียที่ไหน”“เธอน่าจะติดต่อมาหาคุณบ้าง”“ผมรอคอย หวังว่าสักวัน”เขาสังเกตเห็นว่านายนภดลมีหงอกเพิ่มขึ้น นั่นคงเป็นเพราะความเครียดเรื่องลูกสาวจอมดื้อ ภาคิน ปล่อยควันบุหรี่เป็นสาย แสงตะวันสุดท้ายกำลังจะบอกลาเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง“ผมไม่อยากให้คุณไปจากที่นี่”“ถึงที่นี่จะไม่ใช่กาสิโนอีกแล้ว แม้จะเป็นสวนสนุกที่มีแต่พวกเด็กๆ ถ้าคุณยังคิดจะจ้างคนแก่คนนี้ ผมก็ยินดีที่จะอยู่เป็นเพื่อนคุณเพื่อรอคอยลูกสาวกลับมา อย่างน้อยก็จนกว่าคุณจะเลิกตามหาลูกสาวของผม หรือมีภรรยาใหม่”เจ้าหนุ่มสูดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะดีดเถ้าทิ้งลงในถ้วยใบเล็กใกล้มือ เขายิ้มบางๆ“ภรรยาของคุณเป็นคนยังไงครับ”“ถ้าคุณรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงและคุณเชื่อคำโบราณที่ว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ คุณคงไม่กล้าแตะอรดีแน่ ผมรับประกัน”หนึ่งปีผ่านไปช้า ๆ ภาคินรู้สึกถึงความยาวนานที่เขาต้องประสพกับความทรมาน อ้างว้าง เดียวดายราวกับสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาหวาดกลัวเล่นงานเขาจนใจพังพินาศไปหมด ที่เขาฝืนยืนอยู่ได้จนทุกวัน
“ตอนปลายเดือนฉันได้รับใบเสร็จจ่ายเงินค่าเบอร์โทรศัพท์บ้านทุกเดือน แล้วในกระดาษแผ่นนั้นก็ระบุเบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนหลายครั้งซึ่งไม่ใช่ฝีมือการกดของฉันอย่างแน่นอน ฉันจึงได้รู้ว่าคนที่ซื้อคอนโดของอรไปคือพี่โตค่ะ”“พี่โต” เขาพอจะเค้าหน้าหนุ่มใหญ่เจ้าของกล้องที่เขาช่วยทำพังเมื่อครั้งไปทำงานที่เกาะมุกคราวก่อนออก “ผมจะไปหาหมอนั่นเดี๋ยวนี้”ชิดชนกยกสองมือขึ้นห้าม “ใจเย็นสิคะคุณภาคิน เราสองคน คือฉันหมายถึงฉันกับนายเช็คน่ะค่ะ เราไปสอบถามพี่โตมาแล้วเมื่อเช้านี้เอง เป็นเพราะมีเช็คไปด้วยทุกอย่างก็เลยง่ายขึ้น” สาวเจ้าหันไปยิ้มหวาน กระพริบตาปริบๆให้บุรุษยอดดวงใจ ภาคินกระแอมเสียงดังขร่มด้วยความหมั่นไส้“ตกลงว่าไงเช็ค อยากได้เงินขอเมียสักล้านสองล้านไหม”ดวงตาสมุนคู่ใจเกิดประกาย รีบรายงานนายน้อยทันท่วงที“หมอนั่น บอกว่าคุณอรดีไปสิงคโปร์กับช่างภาพที่ชื่อปีเตอร์ครับ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่เอง นี่ครับนายน้อย เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานที่นายปีเตอร์ทำงานอยู่”“สิงคโปร์”แผนที่ประเทศสิงคโปร์ลอยผ่านหน้าเขาไปช้า ๆ รูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำใส่หน้าของเขาจนเปียกปอนไปหมด ภาคินกำลังจินตนาการว่าอรดีกำลังเดินชอปปิ้งอยู่ใ
“แต่ว่าตอนนี้ คุณอรดีไม่รู้ว่าเธอหายไปอยู่ที่ไหนสิครับ”ภาคินหยุดทุกอย่างแม้แต่ลมหายใจ แล้วมองหน้าเช็คนิ่ง ๆ เช็คยกไหล่ แบฝ่ามือที่ว่างเปล่าทั้งสองด้าน เช็คไม่เคยมีท่าทางแบบนี้ ดูเป็นคนละคนกับที่เขาเคยรู้จัก ใครเสี้ยมสอนให้สมุนคู่ใจของเขาทำซุ่มเสียงไม่ยี่หระต่อความทุกข์ของนายแบบนี้ ราวกับสมน้ำหน้าเขาอย่างนั้น“แหล่งข่าวของผม บอกว่าเธอหายตัวไปเกือบสัปดาห์แล้วครับ ไม่มีใครติดต่อเธอได้ และเธอก็ไม่ยอมติดต่อกลับมาหาใครอีกเลย เหมือนกับว่าเธอจงใจจะไปนะครับ อาจเพราะเธอตั้งท้องก็ได้ ท้องไม่มีพ่อสำหรับผู้หญิง เป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าที่สุด และท้องสำหรับคนมีชื่อเสียง คงเป็นอะไรที่คล้ายกับโลกแตก”คนฟังเงียบกริบ เพราะหัวใจเขาต่างหากที่กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ในคอตีบตันไปหมด“ถ้าไม่มีพ่อ แล้วไอ้หนูนั่นจะไปอยู่ในท้องของเธอได้ยังไง คุณคิดว่าจะหนีผมไปอยู่ที่ไหนได้อรดี คอยเดี๋ยว ผมจะไปล่าหัวคุณกลับมาด้วยมือของผมเอง”ท้องฟ้าสว่างสวยทีเดียวถ้าคนที่มองขึ้นไปไม่ได้มีความเครียดห่อหุ้มสมอง ตาพร่า ล้า ช้ำ บวม แดง และไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งปฏิกูลอัดแน่นอยู่ในช่องท้องตลอด
“รับผิดชอบยังไง แม้แต่จูบ ผมก็ไม่เคยคิดจะทำกับคุณเลย แล้วคุณจะเป็นภรรยาของผมได้ยังไง คุณคงไม่เคยเห็นว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนยังไงปารดา ก่อนที่ผมจะยิงคุณไส้แตก กรุณารีบยกก้นของคุณออกไปจากห้องทำงานของผมเดี๋ยวนี้ หรือมากกว่านั้น ออกไปจากเกาะเฮงซวยนี่ซะ”ปารดากลืนน้ำลายเฮือก ถอยล่นไปจนชิดบานประตู“คอยดูเถอะ ฉันจะฟ้องหย่าเรียกค่าเสียหายให้คุณหมดตัวเลย”เขาหัวเราะหึ ๆ ส่ายหน้าราวกับเห็นลาโง่เต้นระบำอยู่ตรงหน้า“เชิญเลย ถ้าคุณคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น คุณคงรวยเละ ถ้าหากว่าใบทะเบียนสมรสที่คุณจดกับผมไม่ได้เป็นของปลอม และเจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่ใช่ลูกน้องที่ผมกุขึ้นมาให้ผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณตื่นเต้นตาโต”“อะไรนะ”“กลับไปหาพ่อซะไป แล้วก็กลับไปหาผู้ชายรวยๆหน้าโง่คนอื่นแต่งงานด้วย คนสวยอย่างคุณคงมีใครสักคนหลงเข้ามาบ้างละ”ปารดากรีดร้องจนสุดเสียง แล้วก็เต้นเร่าดีดดิ้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกบังคับให้ไปโรงเรียนวันแรก แววตาคลอน้ำคลั่งแค้นเขม้นมองบ่อเงินบ่อทองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะดึงประตูเปิดออกแล้วก้าวล่วงไป แรงกระแทกดังสนั่น จนข้าวของตามตู้โชว์บางชิ้นยังสั่นไม่หาย แม้จะผ่านมาหลายวินาทีแล้วก็ตามภาคินวางห
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคนสวยอย่างคุณ”เขายื่นมือมาให้จับ ดวงตาเปล่งรอยแจ่มใส เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจของหนุ่มลูกครึ่ง เธอกับลูกจึงยื่นมือไปจับตอบน้ำใจของเขา“ฉันก็สุดแสนจะยินดีค่ะคุณปีเตอร์”ลูกต้องร่วมมือกับแม่นะ อย่าเพิ่งเกเรจนทำให้ผิวหน้าท้องของแม่ยืดออก อดทนไว้แค่สัปดาห์หน้าเท่านั้น หลังจากแม่เปลือยกายเพื่อถ่ายงานศิลปะจากฝีมือช่างภาพชื่อดังที่ติดอันดับเอเชียแล้ว เราสองคนก็จะไปหาที่อยู่ใหม่ ที่ไหนก็ได้ ที่สงบ ๆ อากาศดี และไม่มีคนรู้จักอรดีไม่ได้กลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอกนะ แต่เธอหวาดกลัวต่อเจ้าพ่อไห่ปิง เพราะตาเฒ่าเคยบอกเอาไว้ว่าจะยึดลูกคนแรกของเธอกับหมอนั่นไปเป็นสมบัติส่วนตัว“มันเรื่องอะไรที่แม่จะต้องทำอย่างนั้น อดทนเอาไว้ลูก เดี๋ยวเราก็เจอทางออกจนได้นั่นแหละ”นอกจากเธอจะตกลงทำงานกับปีเตอร์ในปลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้แล้ว ช่วงกลางสัปดาห์ พี่โตก็เซ็นต์เช็กซื้อคอนโดมิเนียมของเธอด้วยราคางดงาม นับว่าโชคที่ที่พี่โตกำลังมองหาที่อยู่ให้เมียน้อยที่เพิ่งตกลงจะแอบอยู่ด้วยกันอรดีสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ใคร แลกกับที่พี่โตเองก็จะไม่บอกเรื่องที่เธอบินไปเปลื้องผ้าที่สิงคโปร์ให้ใครฟังด้ว