ในห้องครัวเล็ก ๆ ที่จัดได้อย่างน่ารัก เจ้าของห้องกำลังรื้อถุงใส่ของที่เธอลงทุนแหวกฝูงชนไปซื้อมาจากตลาดสด อย่างขมีขมัน
“นี่ไง ตัวช่วยของเรา สะตอ ปลาร้า” เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากจนชุ่ม ไม่ได้อยากกินของพวกนี้จนอดใจไม่ไหว แต่พอคิดถึงสรรพคุณของพวกมันโดยเฉพาะกลิ่น ความสุขของเธอก็กระเตื้องขึ้น “ดูสิว่าจะทนจูบกับฉันได้นานแค่ไหน ไม่รู้จักอรดีซะแล้ว แล้วจะรู้สึก”
เธอจัดของใช้บางส่วนเข้าตู้จนเสร็จ หลังจากนั้นก็แปลงกายเป็นแม่ครัว ปล่อยให้ผีแม่บ้านแม่เรือนเข้าสิงสักวัน เจ้าหล่อนสวมผ้ากันเปื้อนที่เพิ่งแกะออกจากถุงพลาสติก ปั้นไม้ปั้นมือเตรียมทำอาหาร มีเมนูหลายอย่างที่น่าจะทำได้ หลังจากคัดเลือกในหนังสือสอนทำอาหารอยู่นานเป็นชั่วโมง อย่างไรเสีย เธอก็ตั้งใจเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้แก่พีระนันทน์
ด้วยความที่เธอปฏิเสธการคบหาฉันคนรักกับเจ้าหนุ่มมาหลายครั้งหลายครา
“คราวนี้ อย่าหาว่าอรเห็นแก่ตัวเลยนะพี อรไม่มีทางเลือกจริงๆ พีจะเป็นเกราะป้องกันอรจากไอ้คนทุเรศนั่นได้ อรรับรองว่าอรจะเป็นแฟนที่ดีของพี”
เธอผิดตรงไหน ก็แค่จะตอบสนองความดีเสมอต้นเสมอปลายของเขา มันอาจถึงเวลาแล้วก็ได้ หญิงสาวพยักหน้ากับตัวเอง ลงมือทำอาหารไปอย่างเพลิดเพลินใจ ขณะทำไปได้แค่ครึ่งเดียว เสียงออดประตูก็ดังเข้ามา เทพบุตรขี่ม้าขาวที่เธอรอคอยเดินทางมาถึงแล้ว
“ผู้กองคะ”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าสวมชุดสูทอย่างดี เขาดูเนี๊ยบไปทั้งตัว หล่อสะอาดมาดขรึม ดูสุภาพนุ่มนวลยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยพบ เทียบกับหมอนั่น ต่างกันราวฟ้ากับเหว
พีระนันทน์ยอมถอดชุดตำรวจ ถอดศักดิ์ศรี ถอดความว่าวุ้นกังวลใจทั้งหมดทิ้งเสีย แล้วหันมาสวมชุดสุภาพบุรุษเพื่อผู้หญิงตรงหน้า แม้นเปลือกใจยังมีบางอย่างเคลือบแคลง แม้นสองหูยังมิอาจสลัดเสียงของผู้ชายคนนั้นทิ้งได้ แต่เขาก็จะมาหาเธอ มาให้เธอปั่นหัวเล่นได้ตามใจชอบ
“ผมดูเวอร์ไปไหม”
อรดียิ้มหัว พลางส่ายหน้า
“คุณพีระนันทน์หล่อกินขาดทุกคนเลยค่ะ เข้ามาข้างในก่อนดีกว่าค่ะ ไปนั่งดื่มกาแฟที่ระเบียงก่อนนะ อรยังทำอาหารไม่เสร็จเลย ก็พีเล่นมาก่อนเวลาตั้งเป็นชั่วโมงแน่ะ”
ขณะโดนมือบางลากเข้าไปในห้องกว้าง ไม่วายที่เขายังสอดสายตามองหาว่ามีใครอีกหรือไม่อยู่ในห้องนี้ แล้วเขาก็รู้สึกโกรธตัวเองอีกที่ยังไม่เลิกคิดฟุ้งซ่าน พีระนันทน์เลือกเข้าไปนั่งดื่มกาแฟในครัว เพื่อคุยเล่นกับเธอ ระหว่างทำอาหาร ดูเธอเพลิดเพลินจนเกินธรรมดา เธอชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนช่างพูด…หญิงสาวช่างพูดมาตั้งแต่เยาว์วัย เสียงของเธอใสดังแก้ว ฟังแล้วรื่นหู ฟังแล้วอยากฟังซ้ำ ผู้กองไม่เคยรู้สึกเบื่อที่ได้มองเธอ
“ไม่ยักรู้ กะโหลกกะลาอย่างอรก็ทำอาหารกับเขาเป็นด้วยเหมือนกัน”
เป็นที่ไหน ก็แม่ครัวเปิดตำราละนะ แต่ที่ชำนาญกว่าก็ตอนที่โม้นี่แหละ
“อร่อยด้วยนะจะบอกให้ ไม่เชื่อก็ลองชิมดูสิ”
พีระนันทน์ไม่รอช้า ยื่นมือไปตักอาหารเข้าปาก แล้วเคี้ยวช้าๆ เขาไม่กล้าที่จะกลืนมัน อยากจะวิ่งไปอาเจียนในพ้นปากเสียเดี๋ยวนั้น แต่เขาคงไม่อาจทำร้ายจิตใจเธอได้ ความมั่นใจในการเป็นแม่บ้านที่ดี อาจสละทิ้งจากร่างนี้ไปตลอดกาล เขาจึงฝืนพูด
“อย่างกับเชฟใหญ่มาปรุงเองแน่ะ”
เสียงหัวเราะล้นโต๊ะอาหาร ตรงริมระเบียงอากาศเย็นสบายดี ยิ่งคืนนี้พระจันทร์โตเต็มที่ ยิ่งเป็นใจให้ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยบางอย่างแก่หญิงสาว หลังจากที่เธอบ่ายเบี่ยงจะฟังมานาน
“อร…ตกลงคุณรักใครหรือยัง”
คำถามนี้ทำให้หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมายิ้มอาย ๆ
“พีถามอย่างนี้ อรไม่รู้จะตอบยังไง”
“ก็ตอบตามความเป็นจริงสิ”
แสงเทียนส่องประกายวูบวาบคั่นกลางระหว่างหนุ่มสาว อรดีจ้องมองเข้าไปในดวงตาดำขลับของชายหนุ่ม ผู้จงรักภักดีต่อเธอมาตลอดชีวิต…มันจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าเธอจะตกลงกับคนที่เอาใจใส่เธออย่างดี แถมรักเธอหัวปักหัวปำอีกต่างหาก แม้นใจเธอจะรู้สึกเฉยชากับความพิเศษของชายหนุ่มแสนดีคนนี้ก็ตาม
“พี…อรไม่ขอตอบคำถามนี้ได้ไหม อรไม่อยากโกหกพีเพื่อให้พีสบายใจหรือเพื่ออะไรก็ตามแต่ แต่อรอยากจะบอกพีว่า พีคือผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ชีวิตอรจะมีได้ อรรู้ว่าพีคิดอะไรกับอร อรซึ้งกับมันเสมอ และ…” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมาจับมืออ่อนนุ่ม ดวงตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“อรรู้มานานแล้วนี่ว่าพีรักอรมากแค่ไหน แล้วทำไมอรไม่ลองให้โอกาสพีบ้างล่ะ”
อรดียิ้มบางๆ ยื่นมืออีกข้างไปกุมมือชายหนุ่มไว้
“แล้วใครบอกล่ะว่า…อรจะไม่ให้โอกาสพี”
“อร!”
“ดีใจไหมล่ะ ได้เป็นแฟนกับดารา”
“ดีใจที่สุดเลย อรตกลงเป็นแฟนกับพีแล้ว ให้ตายเหอะ นี่พีฝันไปรึเปล่าเนี่ย แล้วเราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ เราจะมีลูกกันสักกี่คนดี”
“ใจเย็นๆสิคะคุณตำรวจ นี่เราเพิ่งจะเป็นแฟนกันเมื่อสักครู่เองนะ เหิมเกริมใหญ่แล้ว”
หลังจากจบมื้ออาหารแสนหวาน…พีระนันทน์เก็บความรักล้นอกกลับบ้านมานอนยิ้มหวานทั้งคืน ชายหนุ่มนอนตาค้าง นอนไม่หลับจนถึงรุ่งสาง ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่คำตอบเดียวของหญิงสาวจะทำให้โลกของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาลงมาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับครอบครัวตามปกติ ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขที่ค่อนข้างประหลาดตากว่าทุกวัน
“วันนี้ดูเหมือนผู้กองจะมีความสุขเป็นพิเศษนะ”
ภาคินเดินผ่านโถงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ มาเหยียบยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นสู่ชั้นบน เขาเงยหน้ากวาดมองบ้านที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกซอกหลืบยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย มิใช่หน่ายจากการเดินทางอันแสนสั้น แต่เหนื่อยกับความทรงจำเดิม ๆ ที่มักจะไหลผ่านเข้ามาทุกครั้ง เมื่อต้องมาเยือนในที่ที่เขากับเธอเคยเดินทางมาด้วยกันไม่ทันนานนักที่เขาจมหายในภวังค์อันแสนเศร้า มีบางเสียงดังแว่วมาเข้าหู เสียงประหลาดนั่นดังมาจากด้านบนอย่างแน่นอน เขาเอะใจอะไรบางอย่าง ใจเต้นตูมๆขณะเยื้องย่างขึ้นสู่ด้านบนด้วยความเร็วรี่“ไม่ใช่แน่ สมองเราเบลอไปใช่ไหม”เจ้าหนุ่มมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง เสียงหายใจถี่ยิบดังกังวานสดใส เขาแนบใบหูข้างขวาเข้าประกบที่บานไม้แข็งแรง เงี่ยหูฟังเสียงที่ถูกส่งมาจากด้านใน ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งตื่นเต้นรนราน ใจมันรู้สึกแปลกๆพิกล แต่ยิ่งเสียงนั่นดังจนจวนจะทะลุหูเขาได้ ใจของเขากลับพองตัวขึ้นจนใหญ่กว่าเกาะสราญรมย์แล้วด้วยซ้ำ เขาไม่คิดจะเคาะประตูเลยแม้แต่น้อยภาคินภาวนาระงมว่าเสียงเด็กร้องที่เขาได้ยินเต็มสองรูหู ไม่ได้อยู่ในความฝั
“ยังไม่มีวี่แววเลยครับ เธอใจแข็งจัง”ภาคินยื่นบุหรี่ให้พ่อของอรดี เขารับไปคาบ แล้วรอปลายไฟแช็กจากเจ้าหนุ่ม“พาหลานของพ่อไปอยู่เสียที่ไหน”“เธอน่าจะติดต่อมาหาคุณบ้าง”“ผมรอคอย หวังว่าสักวัน”เขาสังเกตเห็นว่านายนภดลมีหงอกเพิ่มขึ้น นั่นคงเป็นเพราะความเครียดเรื่องลูกสาวจอมดื้อ ภาคิน ปล่อยควันบุหรี่เป็นสาย แสงตะวันสุดท้ายกำลังจะบอกลาเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง“ผมไม่อยากให้คุณไปจากที่นี่”“ถึงที่นี่จะไม่ใช่กาสิโนอีกแล้ว แม้จะเป็นสวนสนุกที่มีแต่พวกเด็กๆ ถ้าคุณยังคิดจะจ้างคนแก่คนนี้ ผมก็ยินดีที่จะอยู่เป็นเพื่อนคุณเพื่อรอคอยลูกสาวกลับมา อย่างน้อยก็จนกว่าคุณจะเลิกตามหาลูกสาวของผม หรือมีภรรยาใหม่”เจ้าหนุ่มสูดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะดีดเถ้าทิ้งลงในถ้วยใบเล็กใกล้มือ เขายิ้มบางๆ“ภรรยาของคุณเป็นคนยังไงครับ”“ถ้าคุณรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงและคุณเชื่อคำโบราณที่ว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ คุณคงไม่กล้าแตะอรดีแน่ ผมรับประกัน”หนึ่งปีผ่านไปช้า ๆ ภาคินรู้สึกถึงความยาวนานที่เขาต้องประสพกับความทรมาน อ้างว้าง เดียวดายราวกับสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาหวาดกลัวเล่นงานเขาจนใจพังพินาศไปหมด ที่เขาฝืนยืนอยู่ได้จนทุกวัน
“ตอนปลายเดือนฉันได้รับใบเสร็จจ่ายเงินค่าเบอร์โทรศัพท์บ้านทุกเดือน แล้วในกระดาษแผ่นนั้นก็ระบุเบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนหลายครั้งซึ่งไม่ใช่ฝีมือการกดของฉันอย่างแน่นอน ฉันจึงได้รู้ว่าคนที่ซื้อคอนโดของอรไปคือพี่โตค่ะ”“พี่โต” เขาพอจะเค้าหน้าหนุ่มใหญ่เจ้าของกล้องที่เขาช่วยทำพังเมื่อครั้งไปทำงานที่เกาะมุกคราวก่อนออก “ผมจะไปหาหมอนั่นเดี๋ยวนี้”ชิดชนกยกสองมือขึ้นห้าม “ใจเย็นสิคะคุณภาคิน เราสองคน คือฉันหมายถึงฉันกับนายเช็คน่ะค่ะ เราไปสอบถามพี่โตมาแล้วเมื่อเช้านี้เอง เป็นเพราะมีเช็คไปด้วยทุกอย่างก็เลยง่ายขึ้น” สาวเจ้าหันไปยิ้มหวาน กระพริบตาปริบๆให้บุรุษยอดดวงใจ ภาคินกระแอมเสียงดังขร่มด้วยความหมั่นไส้“ตกลงว่าไงเช็ค อยากได้เงินขอเมียสักล้านสองล้านไหม”ดวงตาสมุนคู่ใจเกิดประกาย รีบรายงานนายน้อยทันท่วงที“หมอนั่น บอกว่าคุณอรดีไปสิงคโปร์กับช่างภาพที่ชื่อปีเตอร์ครับ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่เอง นี่ครับนายน้อย เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานที่นายปีเตอร์ทำงานอยู่”“สิงคโปร์”แผนที่ประเทศสิงคโปร์ลอยผ่านหน้าเขาไปช้า ๆ รูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำใส่หน้าของเขาจนเปียกปอนไปหมด ภาคินกำลังจินตนาการว่าอรดีกำลังเดินชอปปิ้งอยู่ใ
“แต่ว่าตอนนี้ คุณอรดีไม่รู้ว่าเธอหายไปอยู่ที่ไหนสิครับ”ภาคินหยุดทุกอย่างแม้แต่ลมหายใจ แล้วมองหน้าเช็คนิ่ง ๆ เช็คยกไหล่ แบฝ่ามือที่ว่างเปล่าทั้งสองด้าน เช็คไม่เคยมีท่าทางแบบนี้ ดูเป็นคนละคนกับที่เขาเคยรู้จัก ใครเสี้ยมสอนให้สมุนคู่ใจของเขาทำซุ่มเสียงไม่ยี่หระต่อความทุกข์ของนายแบบนี้ ราวกับสมน้ำหน้าเขาอย่างนั้น“แหล่งข่าวของผม บอกว่าเธอหายตัวไปเกือบสัปดาห์แล้วครับ ไม่มีใครติดต่อเธอได้ และเธอก็ไม่ยอมติดต่อกลับมาหาใครอีกเลย เหมือนกับว่าเธอจงใจจะไปนะครับ อาจเพราะเธอตั้งท้องก็ได้ ท้องไม่มีพ่อสำหรับผู้หญิง เป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าที่สุด และท้องสำหรับคนมีชื่อเสียง คงเป็นอะไรที่คล้ายกับโลกแตก”คนฟังเงียบกริบ เพราะหัวใจเขาต่างหากที่กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ในคอตีบตันไปหมด“ถ้าไม่มีพ่อ แล้วไอ้หนูนั่นจะไปอยู่ในท้องของเธอได้ยังไง คุณคิดว่าจะหนีผมไปอยู่ที่ไหนได้อรดี คอยเดี๋ยว ผมจะไปล่าหัวคุณกลับมาด้วยมือของผมเอง”ท้องฟ้าสว่างสวยทีเดียวถ้าคนที่มองขึ้นไปไม่ได้มีความเครียดห่อหุ้มสมอง ตาพร่า ล้า ช้ำ บวม แดง และไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งปฏิกูลอัดแน่นอยู่ในช่องท้องตลอด
“รับผิดชอบยังไง แม้แต่จูบ ผมก็ไม่เคยคิดจะทำกับคุณเลย แล้วคุณจะเป็นภรรยาของผมได้ยังไง คุณคงไม่เคยเห็นว่าจริงๆแล้วผมเป็นคนยังไงปารดา ก่อนที่ผมจะยิงคุณไส้แตก กรุณารีบยกก้นของคุณออกไปจากห้องทำงานของผมเดี๋ยวนี้ หรือมากกว่านั้น ออกไปจากเกาะเฮงซวยนี่ซะ”ปารดากลืนน้ำลายเฮือก ถอยล่นไปจนชิดบานประตู“คอยดูเถอะ ฉันจะฟ้องหย่าเรียกค่าเสียหายให้คุณหมดตัวเลย”เขาหัวเราะหึ ๆ ส่ายหน้าราวกับเห็นลาโง่เต้นระบำอยู่ตรงหน้า“เชิญเลย ถ้าคุณคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น คุณคงรวยเละ ถ้าหากว่าใบทะเบียนสมรสที่คุณจดกับผมไม่ได้เป็นของปลอม และเจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่ใช่ลูกน้องที่ผมกุขึ้นมาให้ผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณตื่นเต้นตาโต”“อะไรนะ”“กลับไปหาพ่อซะไป แล้วก็กลับไปหาผู้ชายรวยๆหน้าโง่คนอื่นแต่งงานด้วย คนสวยอย่างคุณคงมีใครสักคนหลงเข้ามาบ้างละ”ปารดากรีดร้องจนสุดเสียง แล้วก็เต้นเร่าดีดดิ้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกบังคับให้ไปโรงเรียนวันแรก แววตาคลอน้ำคลั่งแค้นเขม้นมองบ่อเงินบ่อทองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะดึงประตูเปิดออกแล้วก้าวล่วงไป แรงกระแทกดังสนั่น จนข้าวของตามตู้โชว์บางชิ้นยังสั่นไม่หาย แม้จะผ่านมาหลายวินาทีแล้วก็ตามภาคินวางห
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคนสวยอย่างคุณ”เขายื่นมือมาให้จับ ดวงตาเปล่งรอยแจ่มใส เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจของหนุ่มลูกครึ่ง เธอกับลูกจึงยื่นมือไปจับตอบน้ำใจของเขา“ฉันก็สุดแสนจะยินดีค่ะคุณปีเตอร์”ลูกต้องร่วมมือกับแม่นะ อย่าเพิ่งเกเรจนทำให้ผิวหน้าท้องของแม่ยืดออก อดทนไว้แค่สัปดาห์หน้าเท่านั้น หลังจากแม่เปลือยกายเพื่อถ่ายงานศิลปะจากฝีมือช่างภาพชื่อดังที่ติดอันดับเอเชียแล้ว เราสองคนก็จะไปหาที่อยู่ใหม่ ที่ไหนก็ได้ ที่สงบ ๆ อากาศดี และไม่มีคนรู้จักอรดีไม่ได้กลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอกนะ แต่เธอหวาดกลัวต่อเจ้าพ่อไห่ปิง เพราะตาเฒ่าเคยบอกเอาไว้ว่าจะยึดลูกคนแรกของเธอกับหมอนั่นไปเป็นสมบัติส่วนตัว“มันเรื่องอะไรที่แม่จะต้องทำอย่างนั้น อดทนเอาไว้ลูก เดี๋ยวเราก็เจอทางออกจนได้นั่นแหละ”นอกจากเธอจะตกลงทำงานกับปีเตอร์ในปลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้แล้ว ช่วงกลางสัปดาห์ พี่โตก็เซ็นต์เช็กซื้อคอนโดมิเนียมของเธอด้วยราคางดงาม นับว่าโชคที่ที่พี่โตกำลังมองหาที่อยู่ให้เมียน้อยที่เพิ่งตกลงจะแอบอยู่ด้วยกันอรดีสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ใคร แลกกับที่พี่โตเองก็จะไม่บอกเรื่องที่เธอบินไปเปลื้องผ้าที่สิงคโปร์ให้ใครฟังด้ว