ธีร์มองจ้องพี่ชายแล้วก็ยกยิ้ม พี่ชายเอาแต่จ้องจอโทรศัพท์และดูโทรศัพท์ ไม่สนใจน้องชายอย่างตน แปลก...คนไม่ติดโทรศัพท์อย่างพี่ชายตอนนี้ติดแทบไม่ให้ห่างมือตนเอง สายตาก็คอยจับจ้องหน้าจอเหมือนกำลังรอคอยใครบางคนส่งข้อความหรือโทรเข้า
“มือถือมีอะไรดีรึเปล่านะ พี่ชายผมถึงเอาแต่จ้องไม่วางตา” ธีร์เอ่ยและนั่นทำให้พี่ชายเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง
“ก็ดูหุ้นทั่วไป” เขาตอบแล้วหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาจิบดื่ม
“พี่อยากกินอะไรสั่งได้เลย มื้อนี้พี่จ่ายอยู่แล้ว”
“นายสั่งเถอะ พี่ยังไงก็ได้”
“งั้นผมจะสั่งง่ายๆ แล้วกัน กับข้าวสักสามอย่างก็พอ ทานกันสองคนเอง”
“แล้วแต่นาย”
แล้วธีร์ก็ยกมือกวักเรียกพนักงานมารับออเดอร์อาหารจากตนเอง พอพนักงานมา เขาก็สั่งไข่เจียวปู ผัดผักรวมมิตรหมู ต้มยำไก่บ้าน และข้าวหนึ่งโถ พอสั่งเสร็จระหว่างรอก็มาคุยถึงธุระที่นัดทานข้าวกับพี่ชายเย็นนี้ทันที
“พี่เห็นค่าไตของพ่อรึยัง?”
“เห็นแล้ว มันก็ปกติ และมันก็ถือว่าดีแล้วสำหรับคนวัยนี้” ภีร์เอ่ย เพราะได้อ่านผลตรวจของพ่อแล้ว
“ก็ยังถือว่าดีอยู่ แต่ช่วงนี้พ่อจะเพลียเหนื่อยง่าย ผมว่าจะแวะไปที่บ้านพรุ่งนี้ แต่ไม่อยากไปเจอผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเลยอยากชวนพี่ไปด้วย”
“พี่...” ภีร์คิดครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้ารับคำชวนน้องชาย
“งั้นเจอกันหน้าบ้านพรุ่งนี้สิบโมงก็แล้วกันนะครับ”
“อือ...”
“พรุ่งนี้เจอกันตอนเย็นแล้วกันนะครับ ลงเวรก็ไปกัน ว่าแต่พรุ่งนี้พี่เวรเช้าหรือกลางคืน”
“พรุ่งนี้พี่หยุด”
“งั้นก็ดีเลย ค่าไต ค่าตับ ผลเลือดของพ่อถึงไม่ดี แต่ก็ถือว่าดีมากในวัยนี้ เพราะพ่อก็อายุเยอะแล้ว” ธีร์เอ่ย
แม้ว่ากับน้องชายจะไม่ค่อยได้กลับบ้านไปดูแลพ่อ แต่ทั้งสองก็เฝ้าดูแลติดตามอาการป่วยและเฝ้าติดตามการรักษาท่านตลอด ปากบอกไม่ ‘ห่วง’ แต่การกระทำสวนทางกับคำพูด
“ถ้าแค่จะชวนพี่กลับบ้าน ไม่จำเป็นต้องนัดมากินข้าวด้วยหรอกนะธีร์ โทรบอกหรือไลน์บอกก็ได้” ภีร์เอ่ยแล้วอาหารก็ถูกพนักงานของร้านนำมาเสิร์ฟ
“ทำไม...ไม่อยากกินข้าวกับน้องแล้วเหรอตอนนี้ หรือว่ามีใครรออยู่คอนโด” ธีร์ถามยิ้มๆ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับพี่ชายที่ตนไม่รู้
“ก่อนจะสนใจเรื่องของพี่เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะธีร์” น้องรู้จักเขา เขาเองก็รู้จักเรื่องของธีร์เช่นกัน แม้จะทำเหมือนไม่สนใจ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของน้องชายอยู่ในสายตาของภีร์มาตลอด และเรื่องของ ‘บุญสิตา’ กับน้องชาย เขาก็พอรู้ ใช่ว่าจะปิดหูปิดตา
“ถือว่าพี่น้องกัน” ธีร์ไม่พูดต่อก็ตักข้าวในโถให้พี่ชายแล้วก็ของตัวเอง
“รีบกินจะได้รีบกลับ เหนื่อย”
“ครับผม ดีนะพรุ่งนี้ผมทำงานเวรเช้า กินอิ่มก็จะกลับไปนอนต่อ”
อือ!
แล้วสองพี่น้องก็ลงมือทานมื้อเย็นด้วยกันและพูดคุยถึงเรื่องงานของตนเองไปด้วยแลกเปลี่ยนกันเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบจนเกินไป
อ้อมดาวทานมื้อเย็นคนเดียว เมื่อตอนห้าโมงเย็นหมอภีร์โทรมาบอกว่าวันนี้ไม่ได้ทานมื้อเย็นด้วยจะไปทานมื้อเย็นกับน้องชาย เธอก็เข้าใจจึงต้มมาม่าใส่หมูสับไข่ดาวทานง่ายๆ พอทานอิ่มก็มานอนอ่านหนังสือนิยายที่เพิ่งโหลดซื้ออีบุ๊กมาใหม่เมื่อช่วงบ่าย
“หมอภีร์คงไม่ไปดื่มต่อหรอกนะ” เมื่ออ่านหนังสือจบแล้วสี่ทุ่มภีร์ก็ยังไม่กลับ สาวน้อยก็เป็นห่วงกังวลกลัวว่าเขาจะไปดื่มกับน้องชายต่อจนเมากลับบ้านเองไม่ได้จึงยังไม่นอน เฝ้ารอรับสายโทรศัพท์จากภีร์เผื่อเขาให้ไปรับ
แอค!
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น เธอรีบลุกยืนแล้วเดินไปส่องหน้าประตูห้อง พอเห็นเขาเดินเข้ามาในห้องก็อมยิ้ม
“ดาวนึกว่าหมอภีร์จะไปดื่มจนเมาแล้วกลับบ้านเองไม่ได้ซะแล้วค่ะวันนี้”
“หืม! เห็นฉันเป็นคนขี้เหล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่ดื่มให้ตัวเองเมาจนกลับบ้านไม่ได้หรอกนะ” เขาเดินมาจิ้มนิ้วกับลักยิ้มของหญิงสาวแล้วเดินไปยังตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำโดยมีอ้อมดาวเดินตามไปด้วย
“ก็เป็นห่วงนี่คะ ว่าแต่หมอภีร์ดื่มมาเหรอคะวันนี้” เธอถามเพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งรอบตัวเขา
“นิดหน่อยน่ะ กินอิ่มธีร์มันชวนไปต่อร้านเหล้าเลยไปกับมัน แต่ดื่มไม่เยอะหรอก เพราะมันมีงานพรุ่งนี้เช้า” เขาชอบที่กลับมาแล้วมีอ้อมดาวรอและถามตนเองแบบนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือน ‘ภรรยา’ รอสามียังไงก็ไม่รู้ ให้ตายสิ เขาคิดแบบนี้ได้ยังไงกัน แต่ก็ยอมรับว่าคิดแบบนี้มาสักพักแล้ว และตอนไหนก็ไม่รู้ที่เขาเฝ้าคิดถึงแต่สาวน้อยคนนี้
“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ หมอภีร์ถึงห้องปลอดภัยแล้ว ดาวก็นอนหลับสบายแล้วค่ะคืนนี้”
“เป็นห่วงฉันเหรอ?” เขาเปิดฝาขวดน้ำกระดกดื่ม แต่สายตามองจ้องสองแก้มนวลแดงปลั่งของสาวน้อย ทำไมจะมองไม่ออกว่าอ้อมดาวก็คิดไม่ซื่อกับตนเช่นกัน
“ก็ต้องห่วงสิคะ หมอภีร์คือผู้ปกครองของดาวนะคะ”
“แน่ใจว่าคิดกับฉันแค่ผู้ปกครองเท่านั้น” เขาดื่มน้ำหมดขวดแล้วปิดฝาโยนทิ้งถังขยะข้างตู้เย็นแล้วเดินต้อนเธอจนมุมกับผนังด้านหลังพร้อมก้มโน้มหน้าลงมาใกล้หน้าสวยหวานจิ้มลิ้มของเด็กสาว และยิ่งแก้มแดงก็ยิ่งน่ามันเขี้ยวจนใช้มือเชยคางมนเล็กให้แหงนเงยขึ้น พอสาวน้อยจะเบี่ยงตัวหนีก็ใช้มืออีกข้างดันผนังด้านหลังกักร่างน้อยไว้
“เด็กแก่แดด อะ...อื้อ” แล้วคนพูดก็ทาบทับริมฝีปากหนานุ่มสุขภาพดีของตนกับปากอวบอิ่มจิ้มลิ้มของสาวน้อยโดยไม่ปล่อยโอกาสให้อ้อมดาวได้พูดโต้ตอบตนเอง
“อะ...อื้อ ฝันดีนะ” ภีร์ผละปากออกแล้วเดินผ่านเธอกลับห้องนอนตัวเองปล่อยสาวน้อยยืนเคว้งคว้างอยู่ลำพังกับที่
“มะ...เมื่อกี้หมอภีร์จูบเรา จูบแรกของเรา” เธอพึมพำลูบริมฝีปากตัวเองแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเมื่อแข้งขาอ่อนแรง หัวใจของอ้อมดาวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะจนต้องก้มหน้าซุกกับมือตัวเอง อยากจะร้องกรี๊ดแต่ก็ร้องกรี๊ดไม่ออก ทุกครั้งแค่จุ๊บหน้าผาก แต่เมื่อกี้หมอภีร์จูบปากของเธอ
อุ๊ย! เด็กน้อยในชุดนักเรียนคอซอง ผมสั้นเห็นติ่งหูล้มลงกับพื้นหญ้าเมื่อชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ตรงหน้า ด้วยความไม่ทันระวัง นายแพทย์หนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับเด็กนักเรียนที่วิ่งมาทางตนพอดี “เป็นอะไรรึเปล่าหนู” ภีร์ถามพร้อมย่อตัวคุกเข่ากับพื้นหญ้าหนึ่งข้างแล้วส่งยื่นมือไปให้เด็กนักเรียนจับลุกขึ้น “หนูไม่เป็นอะไรค่ะ ขอโทษด้วยนะคะคุณหมอ” เด็กหญิงอ้อมดาวยื่นมือไปจับมือใหญ่นุ่มของคุณหมอแล้วคุณหมอก็จับดึงพาลุกขึ้น “แล้วจะรีบไปไหนเด็กหญิงอ้อมดาว” เมื่อช่วยดึงเด็กนักเรียนลุกขึ้นก็เอ่ยถามเมื่อได้อ่านชื่อของอ้อมดาวที่อกเสื้อ “หนูรีบกลับบ้านไปหาข้าวให้ยายทานค่ะ พอดีวันนี้ยายหนูไม่สบายค่ะคุณหมอ”&
ณ จังหวัดกำแพงเพชร บ้านเกิดของอ้อมดาว ตอนนี้อ้อมดาวในวัยยี่สิบสามปี เธอเรียนจบปริญญาตรีเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะมีสามีและลูกแล้ว แต่เธอก็ไม่ทิ้งการเรียน เธอโชคดีที่ได้เจอกับหมอภีร์และครอบครัวของหมอภีร์ ที่รักและเอ็นดูตนเอง “ขอบคุณนะคะที่พาดาวกลับมาไหว้ยาย ตา และพ่อกับแม่” เธอหันมาขอบคุณสามีหลังจากไหว้อัฐิของทั้งสามคนที่จากตนไปอยู่อีกภพภูมิหนึ่ง “ฉันจะพาดาวและลูกมาไหว้พวกท่านทุกปี อาทิตย์มาไหว้คุณยายทวด คุณตาทวด และคุณตา คุณยายเร็วลูก” ภีร์เรียกลูกชายวัยสี่ขวบให้มากราบไหว้ท่านทั้งสี่พร้อมตนและภรรยา “ก๊าบ!” หนุ่มน้อยอาทิตย์ ผู้ถอดแบบพ่อมาทุกตารางนิ้วและมีสิ่งเดียวที่เหมือนแม่คือลักยิ้ม และนั่นทำให้พ่อหลงลูกชายมาก จิ้มหยิกแก้มหอมแก้มลูกได้ทั้งวันไม่เบื่อ “ระวังล้มนะลูก” อ้อมดาวบอกลูกชายพร้อมยื่นมือไปให้ลูกน้อยจับ&n
ภีร์ไม่รู้จะขอบคุณอ้อมดาวยังไงดี เพราะมีสาวน้อยเข้ามาในชีวิต โลกของเขาก็เริ่มสว่างสดใสขึ้น เงาดำมืดที่เกาะกินจิตใจก็ถูกดวงดาวดวงนี้ทอแสงกลบจนไม่เหลือเงาดำแฝงเร้นในจิตใจ เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นเหตุผลของผู้ใหญ่ว่าเพราะเหตุใดถึงต้องแยกทางและทิ้งตนและน้องชาย พอมาวันนี้ตนเองได้มีครอบครัว เป็นหัวหน้าครอบครัวและกำลังจะเป็นพ่อคนก็ได้รู้และเข้าใจท่านทั้งสอง หากวันนั้นท่านทั้งสองไม่ตัดสินใจแยกทางกันแบบนั้นก็คงจะมีข่าวหน้าหนึ่งสามีภรรยาทะเลาะกันจนพลั้งมือทำร้ายกันถึงชีวิตเป็นได้ “ขอบคุณนะดาว ขอบคุณที่อยู่กับฉันและทำให้ฉันกับพ่อและแม่เข้าใจกัน เพราะมีเธอ ฉันถึงไม่ติดใจเรื่องในอดีตที่ผ่านมา ขอบคุณที่ฉุดดึงฉันออกมาจากความมืดนั้น” ภีร์บอกภรรยาที่นอนซบอกตนเองพร้อมกับจับกุมมือน้อยทาบทับอกขึ้นมาจูบ “ดาวดีใจนะคะที่หมอภีร์กับคุณพ่อคุณแม่เข้าใจกันได้ จริงๆ แล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับดาวเลยสักนิด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้เพราะหมอภีร์ ดาวรู้นะคะ แม้ว่าหมอภีร์จะพูดถึงท่านทั้งส
“หมอภีร์คุยกับท่านทั้งสองนะคะ ดาวจะไปช่วยที่ห้องครัวเผื่อมีอะไรให้ช่วยค่ะ”เมื่อเห็นว่าตัวเองควรปล่อยให้พ่อแม่ลูกอยู่คุยกันตามลำพัง แม้ก่อนหน้าบอกสามีแพทย์ว่าตนจะอยู่ด้วย แต่ตอนนี้เขาควรอยู่กับพ่อกับแม่เขาตามลำพังมากกว่า “ไหนบอกจะอยู่กับฉัน” “ดาวไม่ได้ไปไหนค่ะ ดาวก็อยู่ตรงนี้ของหมอภีร์แล้วไงคะ ดาวอยู่ตรงนี้ตลอดค่ะจะไม่ไปไหนจนกว่าหมอภีร์ไม่ต้องการดาวแล้ว” มือเล็กยกจิ้มอกซ้ายของสามีบอกเขาว่าตนอยู่ตรงนี้ของเขาตลอด “ขอบใจนะดาว ขอบใจที่เข้าใจฉัน ระวังด้วยนะเข้าไปในครัวน่ะ ห้ามยกของหนักรู้ไหม”ก่อนหญิงสาวจะลุกเดินจากไปก็ไม่ลืมบอกเธอด้วยความเป็นห่วง “รู้แล้วค่ะ ดาวไปนะคะ คุยกันดีๆ นะคะ หมอภีร์ถามใจตัวเองดีๆ นะคะว่าลึกๆ แล้วหมอภีร์มีความสุขกับที่ผ่านมาแล้วรึยัง ไปนะคะ” แล้วอ้อมดาวก็ลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นปล
ภีร์มองภรรยาเด็กของตนลุกจากเตียงนอนเดินเข้าห้องน้ำ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กในครรภ์อายุได้สี่เดือนสองสัปดาห์ ร่างเล็กเปราะบางเพรียวระหงตอนนี้จับเคล้นตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ จะว่าไปล้นมือเสียด้วยซ้ำ อ้อมดาวมีน้ำมีนวลอวบอิ่มและสวยวันสวยคืนจนเขาเริ่มหวงเธอ เพราะได้ยินเธอบอกว่าวันสอบปิดภาคเรียนมีหนุ่มต่างคณะมาทำความรู้จัก แต่เธอก็บอกผู้ชายคนนั้นไปว่า ‘แต่งงาน’ แล้ว “ดาวไปซื้อแหวนแต่งงานกันเถอะ เพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามาจีบเมียฉัน” ภีร์เดินมาสวมกอดอ้อมดาวจากด้านหลังที่กำลังบีบยาสีฟันใส่แปรงตัวเองกับของเขา “ใครจะมาจีบได้อีกคะ ตอนนี้ท้องดาวก็เริ่มโตแล้วนะคะ ใครก็มองออกว่าดาวกำลัง ‘ท้อง’ ค่ะ” สาวน้อยตอบ “แต่ท้องดาวมองเผินๆ ก็ไม่เหมือนคนท้องนะ” เขาบอกเธอ “แปรงฟันกันเถอะค่ะ แล้วรีบไปทานมื
ภีร์วิ่งเข้ามาในห้องน้ำ เขามาส่องกระจกดูตัวเองในห้องน้ำแล้วก็ขบกรามแน่น เมื่อกี้เขาร้องไห้ ร้องไห้เพราะผู้หญิงคนนั้น สองมือกำแน่นเข้าหากันแล้วเปิดน้ำวักน้ำใส่หน้าตัวเองจนเปียกไปทั้งตัวแล้วทุบชกกระจกตรงหน้าตัวเองเมื่อเห็นว่าตนกำลังอ่อนไหวกับคนที่ทิ้งตนไปตอนนั้นตุ้บ!กระจกร้าวแตกเมื่อโดนกำปั้นใหญ่ชกเต็มแรง และกำปั้นของเขาก็แตกไม่ต่างจากกระจกที่ชก เจ็บมือไม่เท่าไหร่ แต่ใจของเขานี่สิ มันเจ็บเหลือเกินตอนนี้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นต้องการอะไรกันแน่“ให้ช่วยไหมครับ?” เสียงของคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นเขาเอ่ยถาม“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” แล้วเขาก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไป ส่วนกระจกที่ร้าวเขาค่อยไปแจ้งให้ฝ่ายช่างมาจัดการ เขาจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง เพราะเขาใช้มันระบายอารมณ์“ภีร์” เมริษาร้องเรียกคนที่กำลังเดินผ่านตนเองรั้งไว้พร้อมกับฉวยโอกาสคว้าจับข้อมือใหญ่ดึงรั้งไว้ให้หยุด“ปล่อยเมย์” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยเสี