กลางดึก
คฤหาสน์ลูคัส
กลุ่มควันสีขาวถูกพ่นออกมาคละคลุ้งห้องทำงานใหญ่จนบรรยากาศช่างน่าอึดอัด นัยน์ตาสีดำสนิทไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ เหลือบมองผ่านกระจกบานสูงภายในห้องก็พบกับความเงียบสงบของท้องฟ้ายามราตรี
ก้านนิ้วยาวคีบมวนบุหรี่ในมือขึ้นสูบอีกครั้ง ปล่อยให้นิโคตินแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานสั่นเรียกสติของชายหนุ่มให้หันกลับไปมอง เขาอัดควันพิษเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงขยี้ก้นกรองลงบนที่เขี่ยบุหรี่ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
“ว่าไง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดของห้องทำงาน
(นายครับ ตอนนี้เกิดการปะทะกับกลุ่มของตระกูลหลินหลายจุด)
“มันบุกไปที่ไหนบ้างล่ะ”
(มีพวกมันบางส่วนบุกเข้ามาในคาสิโนของเราครับ แล้วก็มีการปิดล้อมเซฟเฮาส์ของเราอีกสองจุด เรากำลังตรึงกำลังสกัดเอาไว้ คาดว่าหากมันรู้ว่านายไม่อยู่ที่นั่นคงบุกไปคฤหาสน์เป็นลำดับถัดไปแน่นอน)
“หึ ดิ้นพล่านเชียวนะไอ้ดีแลน”
มุมปากหยักหยัดยิ้มพึงพอใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นอีกฝ่ายร้อนรนนั่งไม่ติด เขาก็ยิ่งสะใจมากขึ้นเท่านั้น
(จะเอายังไงต่อดีครับ ผมว่าปิดบังสถานที่กักตัวคุณหนูตระกูลหลินได้ไม่นานแน่)
“กูจัดการส่งมือปืนรับจ้างไปดักรอพวกมันระหว่างทางมาที่นี่แล้ว พวกมันไม่มีทางบุกมาคฤหาสน์นี้สบาย ๆ แน่นอน”
(ครับนาย)
“รายงานสถานการณ์มาเป็นระยะด้วย ถ้ามีโอกาสก็เด็ดหัวไอ้ดีแลนทิ้งซะ”
(ครับ)
ลูกน้องคนสนิทขานรับหนักแน่น พวกเขาพูดคุยกันอีกสองสามประโยคก่อนที่จะวางสายไป ทำให้ตอนนี้ห้องทำงานซึ่งถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มในสไตล์จีนกลับมาสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
ร่างสูงโปร่งเอนกายพิงเก้าอี้ตัวหนาด้วยความอ่อนล้า เฝ้ามองภาพถ่ายครอบครัวด้วยความเจ็บปวด
ภาพของชายวัยกลางคนผมเริ่มมีสีขาวแซมประปรายนั่งบนเก้าอี้ไม้จ้องตอบกลับด้วยสายตาทรงอำนาจ ด้านหลังมีภาพหญิงสาววัยยี่สิบปี เจ้าของใบหน้าสะสวยฉีกยิ้มกว้างมาให้ และอีกข้างมีเด็กชายรูปร่างผอมยืนมองกล้องนิ่ง ๆ
แม้ภาพนี้จะถูกถ่ายมานานหลายปีแล้ว แต่มันก็เป็นภาพครอบครัวเดียวที่พวกเขาเคยถ่าย
ภาพรอยยิ้มสดใสของหญิงสาวในรูปทำใจของลูคัสเจ็บร้าวทุกครั้งที่ได้มอง
“พ่อครับ...ลูน่า รอก่อนนะ พวกมันต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม!”
ฝ่ามือหนาบีบกำแน่นจนเส้นเลือดตามท่อนแขนปูดโปดขึ้นมา พร้อมระดับความเคียดแค้นทะยานขึ้นสูง นัยน์ตาที่เคยไร้อารมณ์แข็งกร้าว จำต้องขบสันกรามเพื่อระบายโทสะที่เกิดขึ้น
ลูคัสเติบโตมาโดยการเลี้ยงดูของบิดาและพี่สาวซึ่งอายุมากกว่าเขาสามปี เนื่องจากมารดาเสียชีวิตด้วยโรคร้ายตั้งแต่เขายังอยู่ชั้นประถม ชีวิตที่ขาดความอบอุ่นของคนแม่มันแสนลำบาก เพราะบิดาเป็นคนจริงจังและเคี่ยวเข็ญลูกชายเพียงคนเดียวอย่างลูคัสเข้มงวดมาก
แต่เขาไม่เคยนึกโกรธเคืองบิดาแม้แต่น้อย ทราบดีว่ายิ่งตระกูลของพวกเขาทรงอิทธิพลมากเท่าไร ความรับผิดชอบที่ตามมามันก็มากขึ้นตาม
ทำให้ลูน่า หยาง พี่สาวที่แสนดีของเขาเป็นทุกอย่างในชีวิตอันเงียบเหงาของเขา เป็นทั้งแม่ ทั้งพี่ และเป็นเพื่อน พวกเขาทั้งคู่สนิทกันมาก และทุกครั้งที่เขาทำผิดจนบิดาหัวเสีย เธอก็จะเป็นคนคอยไกล่เกลี่ย ประคับประคองครอบครัวตลอดมา
การตายของบุคคลอันเป็นที่รักในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำมาเฟียหนุ่มถึงกับเขวไปชั่วขณะ
นัยน์ตาดำสนิทยังคงจ้องตรงไปยังใบหน้าของพี่สาวซึ่งส่งยิ้มน่ารักกลับมา ยิ่งทำให้จิตใจของเขาย่ำแย่ เหมือนเป็นเครื่องตอกย้ำว่าบัดนี้เหลือเพียงเขาคนเดียว
เหตุผลที่ลูคัสปักใจว่าตระกูลหลินมีส่วนกับการตายของลูน่า ก็มาจากพี่สาวของตนคัดค้านเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์นี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่บิดายกขึ้นมาพูด แต่สุดท้ายท่านก็สามารถหว่านล้อมลูน่าให้ยอมเข้าพิธีได้สำเร็จ โดยอ้างเรื่องความสงบสุขของสองตระกูลและธุรกิจที่จะเกื้อหนุนกันในอนาคต
ยิ่งเข้าใกล้งานแต่ง พี่สาวที่แข็งแกร่งและสดใสร่าเริงของเขาก็ดูเศร้าหมองขึ้นเรื่อย ๆ
การแต่งงานทำให้ลูคัสแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าพี่สาวตัวเองบ่อยนัก แต่ช่วงหนึ่งเดือนก่อนลูน่าเสียชีวิตพวกเขาได้มีโอกาสกินข้าวด้วยกัน และนั่นทำให้ลูคัสพบสิ่งผิดปกติในตัวพี่สาว
นัยน์ตาที่เคยเป็นประกายของเธอหม่นแสง สีหน้าก็ดูซีดเซียว เขายังจำได้แม่นว่าวันนั้นลูน่าสวมเดรสสีครีมแขนยาว ซึ่งขัดกับลุคปกติที่จะเป็นสาวลุย ๆ แถมระหว่างทานข้าวเขาก็เห็นรอยแดงช้ำบนข้อมือของเธอด้วย
ชายหนุ่มหัวเสียมาก เค้นถามพี่สาวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ก้มหน้าไม่ยอมอธิบายแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องไป
ตั้งแต่วันนั้นลูคัสก็พอคาดการณ์ได้ว่าความสัมพันธ์ของลูน่าและดีแลนคงไม่ราบรื่น แม้เขาจะเป็นน้องชาย แต่เมื่อคนพี่ไม่ปริปากพูดสิ่งใด เขาจึงไม่อาจจะเอาเรื่องดีแลนได้
จนกระทั่งเดือนต่อมา เขาและบิดาก็ได้รับข่าวร้ายจากตระกูลหลินว่าพี่สาวอันเป็นที่รักจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แถมสถานที่พบศพก็ยังเป็นในส่วนเรือนหอของคนทั้งคู่
ทางตำรวจสรุปจบคดีรวดเร็วว่าเป็นอุบัติเหตุเนื่องจากไม่มีร่องรอยการต่อสู้ แถมดีแลนก็ยังปฏิเสธที่จะมอบภาพในกล้องวงจรปิดให้ทางตำรวจ สิ่งนั้นทำให้ทั้งเขาและบิดาทำใจยอมรับไม่ได้จริง ๆ
แม้กระทั่งในงานศพของลูน่า ชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามียังโผล่หน้ามาแค่วันเดียว ด้วยท่าทางเฉยเมยไร้ความเสียใจ ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้ลูคัสปักใจเชื่อมั่นเต็มอกว่าดีแลนต้องมีส่วนในการตายของลูน่าแน่นอน
ความทรงจำเก่า ๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง พร้อมความเจ็บแค้นที่ไม่อาจจะระบายที่ใดได้ ทำให้ลูคัสจำต้องคว้าซองบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างคนจนตรอก สูบอัดกลุ่มควันขาวเข้าเต็มปอดหวังให้สารพิษในมวนบุหรี่ดับความเสียใจซึ่งท่วมอกจนหายใจไม่ออก แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
ร่างสูงหยัดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงอีกครั้ง คว้าโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะขึ้นมากดต่อสายโทรออก
ภาพชายที่กำลังอ่อนล้าเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงมาดมาเฟียหนุ่มทรงอำนาจเท่านั้น
ปลายนิ้วที่คีบมวนบุหรี่เคาะลงบนโต๊ะทำงานไม้เป็นจังหวะ ระหว่างรอสาย นัยน์ตาดุดันจ้องตรงไปในความมืด พร้อมแผนการมากมายในหัว
(ฮัลโหล) เสียงแหบห้าวดูกวนอารมณ์ดังขึ้นจากปลายสาย เรียกสติของลูคัสให้กลับมาสนใจบทสนทนา
“ไง...หวังว่าจะไม่โทรมารบกวนคุณตอนนี้”
(ตีสอง หึ! ถ้าคุณว่าไม่รบกวนก็คงต้องแบบนั้น ผมไม่มีสิทธิ์ตำหนิลูกค้าวีไอพีอยู่แล้ว)
“ดีแล้ว เพราะผมต้องการสั่งของเพิ่ม”
(สั่งเพิ่ม? ถามจริง แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้เมาอยู่) ปลายสายถามย้ำ ดูตกใจไม่น้อยกับคำพูดของลูคัส
“ใช่! รีบจัดส่งของมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ ทันทีที่ของถึงท่าเรือ ผมจะโอนเงินไป”
(เฮ้! นี่คิดว่ากำลังซื้อขนมอยู่งั้นเหรอ ปืนนะโว้ยปืน! แถมครั้งก่อนเพิ่งส่งให้เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเอง)
“มีเหตุจำเป็นนิดหน่อย”
(เฮ้อออออออ ~ ที่ไอ้ลีออนเคยแซวว่าแม่งจะเปิดสงครามดูท่าจะจริงสินะ)
หัวคิ้วของลูคัสขมวดเข้าหากันเล็กน้อยกับเสียงพึมพำเป็นภาษาไทยที่เขาไม่เข้าใจ
“คุณว่ายังไงนะ” ชายหนุ่มถามกลับเป็นภาษาอังกฤษ
(เออ ๆ ช่างเถอะ เดี๋ยวจัดการเร่งให้ก็แล้วกัน) คู่ค้าตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน แม้มันจะดูห้วนก็ตาม
“โอเค ขอบคุณมาก ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีก”
(อืม)
มาเฟียหนุ่มพ่นลมหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะทันทีที่สิ้นเสียง อืม คู่ค้าของเขาก็กดตัดสายทิ้งไปทันทีอย่างไม่ไยดี ดูท่าเขาคงจะโทรไปรบกวนเวลานอนของอีกฝ่ายจริง ๆ นั่นแหละ
ตั้งแต่การปะทะระหว่างสองตระกูลรุนแรงขึ้น ลูคัสจำเป็นต้องกว้านซื้ออาวุธมาตุนเอาไว้เป็นจำนวนมาก และก็มีเพื่อนเก่าแนะนำให้รู้จักกับ ‘วิคเตอร์’ ทายาทนักธุรกิจดังของเมืองไทย แม้เบื้องหน้าเขาจะมีสนามแข่งรถ หรือกิจการนำเข้ารถหรูของครอบครัว แต่เบื้องหลังนั้นไม่ต่างกับมาเฟียดี ๆ นี่เอง
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้รู้จักหนุ่มลูกครึ่งหน้าหล่อแต่นิสัยเลวอย่างวิคเตอร์
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นไม้ปาเก้ของทางเดินยาวทำให้เกิดเสียงดัง แต่เพราะความเงียบในยามค่ำคืนทำให้บรรยากาศตอนนี้ดูน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
ดวงตาวูบไหวของชายหนุ่มเหลือบมองบานประตูไม้ของห้องฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีแม่กุญแจขนาดใหญ่คล้องเอาไว้ ก่อนที่เขาจะระบายลมหายใจแห่งความอ่อนล้าออกมาอีกครั้ง รีบหมุนกายผลักบานประตูลักษณะเดียวกันเข้าไปด้านใน
ความเย็นฉ่ำของแอร์กระทบใบหน้าหล่อร้าย ขณะเพ่งสายตาผ่านความมืดมิด ก็พบเห็นเค้าโครงร่างของใครบางคนนอนหลับใหลไม่ได้สติบนเตียงกว้าง
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นยังมุมปากของเขาอีกครั้ง
เอื้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นรอยสักรูปมังกรขนาดใหญ่ที่หน้าอกขวาพาดขึ้นไปถึงลำคอ พลางสืบเท้าเข้าหาเตียงใหญ่อย่างไม่รีบร้อน ไม่สนใจว่าเชลยสาวจะอ่อนแรงแค่ไหน
ผ้าห่มสีขาวถูกกระชากออก ปรากฏเรือนกายเย้ายวนนอนนิ่งอยู่กลางเตียง ไม่ได้รับรู้เลยว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้าใกล้
และไม่นานเสียงหอบกระเส่า อ้อนวอนด้วยความสุขสมแสนทรมานก็ดังก้องห้องนอนใหญ่อีกครั้ง พร้อมร่างแข็งแกร่งอัดแน่นด้วยมัดกล้ามขยับเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงไม่หยุดเกือบทั้งคืน