LOGINรสสุคนธ์ถอนหายใจอย่างอึดอัด หากไม่มีคำสั่งตรงจากเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วพ่อเลี้ยงจอมทัพให้เกียรติในบริหารและการทำงานของทุกฝ่าย ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงการทำงานเลยสักครั้ง ป่านนี้ เธอคงดำเนินการสัมภาษณ์เจ้าหล่อนไปแล้ว
“พี่ต้องขอโทษคุณจริงๆ นะคะ ที่ไม่สามารถสัมภาษณ์งานในตำแหน่งที่คุณยื่นใบสมัครไว้ได้”
แวบหนึ่ง คนกำลังหาหนทางรอดรู้สึกท้อ ไม่คิดว่าไร่ใหญ่โตมีมาตรฐานขนาดนี้ซึ่งควรจะมีการบริหารจัดการที่ดี จะปฏิเสธการมาสัมภาษณ์ของเธอเอาดื้อๆ
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” ศศิกาญจน์ยกมือไหว้และกล่าวลาอย่างคนมีมารยาท
เรือนร่างเพรียวบางสมส่วนหมุนตัวกำลังจะเดินออกจากห้องแผนกฝ่ายบุคคล แต่เพียงขยับเท้าได้ไม่ถึงสองก้าวก็มีเสียงเรียกชื่อขึ้น
“เดี๋ยวค่ะคุณศศิกาญจน์ อย่าเพิ่งไปค่ะ พี่ยังแจ้งให้คุณทราบไม่หมด” รสสุคนธ์ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้หนังสีน้ำตาล
“มีอะไรเหรอคะ” ศศิกาญจน์หันกลับมามองสาวใหญ่อย่างแปลกใจ
“แม้ว่าทางเราจะขอระงับการสัมภาษณ์งานของคุณในตำแหน่งผู้จัดการไร่ แต่พ่อเลี้ยงจอมทัพมีความสนใจ ต้องการสัมภาษณ์คุณในตำแหน่งอื่นนะคะ”
ซึ่งคนพูดเองก็ยังไม่รู้ว่าเจ้านายใหญ่ของทุกคนในไร่นั้นเล็งตำแหน่งอะไรให้สาวสวยตรงหน้า ถึงได้มีคำสั่งให้ยุติการสัมภาษณ์งานของผู้สมัครรายนี้ในตำแหน่งผู้จัดการไร่ และบอกให้รีบส่งตัวขึ้นไปพบที่ห้องทำงานชั้นสองเพี่อจะสัมภาษณ์เธอด้วยตนเอง ซึ่งหากไม่มีกิจใดๆ พนักงานที่นี่ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรขึ้นไปรบกวนบริเวณพื้นที่ส่วนตัวของพ่อเลี้ยงจอมทัพ
“เอ่อ ดิฉันงงไปหมดแล้วค่ะ”
มีที่ไหนเขาทำกัน สมัครมาตำแหน่งหนึ่ง แต่กลับถูกขอให้เข้ารับสัมภาษณ์ในตำแหน่งที่ไม่ได้สมัคร ทว่าเวลานี้ หนทางของเธอมันช่างตีบตัน หากนึกถึงสภาพความเป็นจริง แม้จะคว้าเกียรตินิยมติดมือออกมาจากมหาวิทยาลัย แต่ที่ไหนๆ ก็คงอยากได้คนมีประสบการณ์ หากคิดบวกขึ้นอีกนิด ทางไร่ทับตะวันอาจเล็งเห็นว่ามีตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกับเธอมากกว่า
แวบหนึ่งคำพูดของผู้ชายปากเสียขัดกับใบหน้าก็ดังก้องเข้ามาในโสตประสาท
‘หรือว่าเธอจะมาสัมภาษณ์งานตำแหน่งเมียน้อยคนที่ร้อยสี่สิบสองของเจ้าของไร่ทับตะวัน หือ’
เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ดูจากยานพาหนะที่ใช้คงไม่ธรรมดา เป็นนักท่องเที่ยวหรือคู่ค้าของไร่ทับตะวันแห่งนี้หรือเปล่า ศศิกาญจน์อดคิดไม่ได้ว่า บางที ความปากเสียของชายคนนั้นทำให้เธอชวดงานตำแหน่งที่ยื่นใบสมัครไป
ผู้จัดการสาวใหญ่มองริมฝีปากสวยที่ขยับร้องขึ้นอย่างพลั้งเผลอ
“ไอ้คนบ้า! ปากเสีย”
เมื่อโพล่งออกไปแล้ว มือบางก็รีบยกขึ้นปิดริมฝีปาก ดวงหน้าน่ารักแดงซ่าน เมื่อเห็นว่าคนที่บอกให้เธอขึ้นไปพบเจ้าของไร่บนห้องทำงานชั้นสอง กำลังมองมาด้วยสายตาประหลาดแกมสงสัย
“ขอโทษด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ตอนนี้เชิญคุณขึ้นไปพบคุณจอมทัพเถอะค่ะ พ่อเลี้ยงไม่ชอบคอยอะไรนานๆ”
“ค่ะ”
ศศิกาญจน์ถอนหายใจยาวพร้อมด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะเดินตามหญิงสาวรายหนึ่งที่คุณรสสุคนธ์เรียกมาเพื่อให้พาเธอขึ้นไปพบเจ้าของไร่ที่ห้องทำงานข้างบน
เสียงเคาะประตูห้องทำงานเบาๆ สามครั้งติดกัน ทำให้เจ้าของห้องทำงานหมุนเก้าอี้ผู้บริหารทำจากวัสดุชั้นดี และละสายตาจากหน้าต่างแบบพาโนรามาที่มองเห็นไร่กาแฟกว้างเหยียดยาวสุดลูกหูลูกตา กลับมามองที่ประตูห้องทำงาน
“เข้ามาได้” เสียงเข้มจัดเอ่ยอนุญาต ก่อนที่ประตูห้องทำงานจะถูกผลักเข้ามา
ศศิกาญจน์เดินตามพนักงานสาวร่างอวบในชุดฟอร์มของไร่ทับตะวันเข้ามาในห้องทำงานที่สวยโปร่ง เห็นวิวไร่ทับตะวันในแบบพาโนรามา แต่เมื่อสายตาปะทะกับผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่กำลังจ้องมายังเธอเช่นเดียวกัน ก็ตกตะลึงจนเท้าของหญิงสาวขยับถอยหลังไปอย่างอัตโนมัติ คิ้วเรียวบนใบหน้าหวานขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม
“คุณ!”
แทบจะอ้าปากค้าง ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ไม่คิดว่าจะเจอเขาในห้องนี้ สมองหญิงสาวคิดไว เขาไม่มีทางมาอยู่ในห้องนี้ได้ ถ้าไม่ใช่เจ้าของไร่ทับตะวัน ดวงหน้าหล่อเหลาดิบเถื่อนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ มองหน้านิ่งข้ามไหล่พนักงานที่นำทางศศิกาญจน์ขึ้นมา
“คุณออกไปได้แล้ว เดี๋ยวผมจะสัมภาษณ์ผู้สมัครเอง” เสียงเข้มของพ่อเลี้ยงจอมทัพทำให้พนักงานสาวรีบตอบรับด้วยท่าทีนอบน้อม
“ค่ะ พ่อเลี้ยง” จากนั้น พนักงานสาวฝ่ายบุคคลก็หมุนกายหันกลับออกไปจากห้อง ศศิกาญจน์มองสาวที่พาขึ้นมาส่งกำลังจะผลักประตูออกไปอย่างลังเลว่าควรจะเดินตามไปด้วยดีไหม
“เธอ! ยืนงงอะไร นั่งลงสิ”
ศศิกาญจน์หน้าเหวอเมื่อถูกเขาสั่งเสียงเข้ม พอตั้งสติได้ เธอก็รีบเก็บสีหน้าตื่นตกใจเมื่อครู่ ในเมื่อต้องการงาน ต้องการที่หลบภัย ที่นี่ตอบโจทย์ทุกอย่างแล้ว
มือบางเลื่อนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานสีควันบุหรี่แล้วนั่งลงมองสบตากับหนุ่มหล่อเข้มตรงหน้า ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นว่าใบสมัครของเธอที่ยื่นมาทางออนไลน์นั้นอยู่ในมือของเขา
“เอ่อ ฉันชื่อศศิกาญจน์ หรือจะเรียกว่าซอก็ได้ค่ะ ฉันมาสัมภาษณ์งานตำแหน่งผู้จัดการไร่ค่ะ แต่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลขอยกเลิกการสัมภาษณ์ฉันในตำแหน่งผู้จัดการไร่ และให้ฉันขึ้นมาพบ เอ่อ...คุณ...?”
“ผมจอมทัพ เป็นเจ้าของไร่ทับตะวันและรีสอร์ตที่นี่”
ดวงตากลมโตลุกวาวด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าวินาทีแรกที่พบเขาในห้องนี้ เธอก็พอจะเดาได้ว่า ชายหนุ่มเป็นเจ้าของไร่ที่ตนเองอยากเข้ามาทำงาน และเรื่องน่าเสียใจที่สุดก็คือ เธอนั้นถูกปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่ได้สัมภาษณ์
”ทำไมต้องนอนคะ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ฉันเป็นลูกชาวสวนผัก งานหนักๆ ก็เคยทำ แค่หกล้มแค่นี้ เรื่องธรรมดามาก” ศศิกาญจน์จะเดินผ่านออกไปแต่ถูกคว้าข้อศอกไว้ จนร่างบางหมุนมาประสานสายตากับคนตัวโตดวงตาคมกริบแฝงแววน่าหลงใหลทำให้หญิงสาวใจเต้นแรง ฝืนสู้สายตากับเขาอยู่ครู่ จอมทัพจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น“เธอล้มสะโพกเจ็บไม่ใช่เหรอ กินยาแล้วก็นอนลง ฉันจะดูว่าสะโพกเธอบวมหรือเปล่า”‘ดูสะโพก’ เขาเป็นคนหน้าด้านเบอร์ไหน จะมาขอดูสะโพกคนที่ไม่ใช่ภรรยาจริงๆ“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แล้วอีกอย่าง ใครจะยอมให้คุณดูสะโพกกัน หน้าไม่อาย”“งั้นก็กินยาแก้ปวดก่อนผมจะไปหยิบให้ รอที่นี่เฉยๆ ไม่ต้องวิ่งหนีไปไหน ถ้าทำให้ผมเหนื่อยวิ่งตาม ผมจะทำให้คุณเหนื่อยกว่าอีกหลายเท่า”“นี่คุณ ทำไมต้องมาวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นด้วย”จอมทัพหันหลังให้แล้วยักไหล่อย่างไม่สนใจ ไม่อยากบอกว่าลึกๆ รู้สึกเป็นห่วง เขาไม่ชอบเห็นเธอเจ็บ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องตรงส่วนนั้นมีตู้เย็น
“ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจแบบนี้เสมอ ไม่อยากเถียงด้วย หุบปากสักแป๊บหนึ่งได้ไหม ไม่อยากเดินไปเถียงไปด้วย ตัวเธอก็หนัก เปลืองพลังงานพี่อยู่แล้ว”“ไม่อยากเถียงด้วย แล้วอุ้มทำไมล่ะ”“เมื่อกี้เธอล้มกระแทกพื้นไม่ใช่หรือไง พี่ใจดีแค่ไหนที่อุ้มเธอกลับ แทนที่จะขอบคุณสักคำกลับไม่มี แถมยังด่าปาวๆ ไม่หยุด” จอมทัพบ่นคืนบ้าง พร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนก้มมองหน้าสวยหวานของคนในอ้อมแขน “ตรงนี้ตั้งไกล เดินมาทำอะไร”“ฉันเดินมาดูดอกไม้ค่ะ เห็นสวยดี ก็เลยเพลินไปหน่อย”“อ๋อ อ่อยเพลิน”“นี่คุณ!” เสียงหวานแหวใส่ “บอกแล้วว่าไม่ได้อ่อย”คราวนี้ชายหนุ่มทำเสียงหึขึ้นจมูก “แล้วแน่ใจว่ามาดูดอกไม้? หรือว่าหาทางมาแจกไลน์ไอ้แสนชัยกันแน่ ที่ตลาดถูกพี่ขัดจังหวะใช่ไหม”ศศิกาญจน์จ้องตาเขาเขม็ง ปากก็แย้งไป “ฉันไม่รู้ว่าที่นี่ไร่คุณแสน ฉันแค่เดินหลงเข้าไป”“เฮอะ...เชื่อตายละ”ศศิกาญจน์ฉุนจัด ในเมื่อพูดความจริงไม่เชื่อ เธอก็จัดให
ศศิกาญจน์รีบส่ายหน้าทันที เธอไม่ใช่คนบอบบางอะไรปานนั้น เจ็บแค่นี้สบายมาก “ไม่ต้องหรอกค่ะ ซอแค่เจ็บสะโพกนิดเดียว เดี๋ยวกลับไปกินยาที่บ้านก็ได้ ทายาหน่อยก็หายแล้ว”“แต่ผมเป็นห่วงนะครับ ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับที่ทำน้องซอเจ็บ”แสนชัยบอก เมื่อเห็นศศิกาญจน์ทำท่าจะพยายามเดินเลยช่วยพยุงแขนอีกข้างไว้“ให้ผมไปส่งนะครับ” เขามีเรื่องมากมายอยากจะคุยกับเธอ เพราะรู้ปัญหาของศศิกาญจน์มาจากน้องสาว จึงอยากจะเสนอตัวเข้าไปช่วยแก้ไขแสนชัยสนใจศศิกาญจน์นานแล้ว แต่ที่ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกเพราะก่อนหน้านี้มีคนรักอยู่แล้ว ทำให้ถูกข้าวสวยน้องสาวเบรกจนตัวโก่ง แต่ตอนนี้เขากับคนรักเลิกกันเพราะหลายอย่างไปด้วยกันไม่ได้ โดยไม่เกี่ยวกับสาวสวยตรงหน้า คงถึงเวลาแล้วที่จะสานต่อความรู้สึกที่มีต่อศศิกาญจน์ ต่อให้ต้องมีปัญหากับพ่อเลี้ยงจอมทัพก็ยอมศศิกาญจน์ก้มหน้าปัดฝุ่นและเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปฏิเสธแสนชัย พร้อมรอยยิ้มใสเป็นปกติ เพราะเธอเองก็เดินไหว คงไม่ต้องให้ใครช่วยพยุง“ซอเดินเองได้ค่ะ คุณแสนไม่ต้องพยุงหรอก ซอไหวค่ะ”&ldquo
ศศิกาญจน์เดินไปตรงบริเวณที่จอมทัพชี้มือบอก ไม่นานก็เจอสวนผักสลัดขนาดใหญ่ ผักไฮโดรโปนิกส์พวกนี้ที่สวนของเธอก็ปลูก แต่ปลูกบนดิน ส่วนที่นี่ปลูกบนน้ำหรือที่เรียกว่าผักไฮโดรโปนิกส์ ผักจะเจริญเติบโตไวกว่า ศัตรูพืชน้อยกว่า แต่ถ้าให้เทียบรสชาติระหว่างผักปลูกด้วยน้ำกับดิน โดยเฉพาะดินที่มีส่วนผสมของปุ๋ยคอก เธอชอบรสชาติของผักที่ปลูกด้วยดินมากกว่าศศิกาญจน์มองเห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังเก็บผักใส่ตะกร้า จำได้ดีว่าคือป้าสาย หัวหน้าแม่บ้านที่นี่ ร่างบางสวยจึงเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม“มาเก็บผักเหรอคะ ให้ซอช่วยเก็บไหมคะ” ศศิกาญจน์เสนอตัว ต้องการผูกมิตรกับคนที่นี่ไว้บ้าง เพราะไม่รู้ว่าต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหนหัวหน้าแม่บ้านเงยหน้าขึ้นจากกอผัก มืออีกข้างหยิบผักใส่ตะกร้าที่เกือบจะเต็มแล้ว “อ๋อ คุณนั่นเอง ป้ามาเก็บผักไปขึ้นโต๊ะน่ะค่ะ ปล่อยเอาไว้ก็เสียดายของ”ศศิกาญจน์ชักสีหน้ามึนงง อีกฝ่ายเห็นใบหน้าสวยมีคำถามจึงอธิบายให้กระจ่าง “เมื่อก่อนเราปลูกผักพวกนี้ส่งตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ร้านอาหารใหญ่ แต่พอลูกค้าเจ้าใหญ่พบสารปนเปื้อนก็ไม่ย
ศศิกาญจน์ได้ยินจอมทัพพูดแบบนั้นพร้อมมองตรงมาก็รีบลดเมนูลง แล้วมองคนตรงหน้าที่กินดุจริงๆ อาหารมากมายบนโต๊ะถูกเขาจัดการเกือบเกลี้ยงทุกจานแล้วยังพูดอีกว่าหิว นี่เธอกำลังเผชิญกับตัวอะไร“พ่อเลี้ยง...” พอนึกขึ้นได้ศศิกาญจน์ก็ถึงกับชะงัก “กินอาหารไปตั้งเยอะ ยังไม่อิ่มอีกเหรอคะ”จอมทัพพูดแก้เก้อ เขาไม่ได้หิวข้าว ที่หิวก็คือคนน่าอร่อยตรงหน้าต่างหาก“ช่วงนี้ พี่หิวบ่อย” แล้วแก้เก้อด้วยการขอให้ศศิกาญจน์ช่วยสั่งของหวานเหมือนของเธอให้เขาอีกถ้วยจอมทัพกินขนมหวานที่ศศิกาญจน์สั่งมาเหมือนแบบเดียวกับเธอ พร้อมลอบมองใบหน้าหวานๆ ก่อนจะสะดุดตากับนิ้วนางข้างขวาที่มี ‘แหวนคลัดดาห์’ ซึ่งเป็นเครื่องประดับดั้งเดิมของชาวไอริช แหวนชนิดนี้มีลักษณะเป็นรูปมือทั้งสองข้าง โอบประคองหัวใจ เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ ความรัก และความภักดีจอมทัพรู้สึกคุ้นตากับแหวนวงนี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แม้ว่าแหวนคลัดดาห์จะมีมากมาย แต่แหวนคลัดดาห์วงนี้มีเพชรรูปหัวใจสีฟ้าซึ่งหาได้ยาก และเขาต้องเคยเห็นแหวนวงนี้ที่ไหนมาก่อน พอเห็นศศิกาญจน์สว
อีกฟากเป็นเวลาใกล้เที่ยง จอมทัพเหลียวมองคนนั่งข้างๆ พลางเอ่ยขึ้น เพราะคนที่ต้องใช้ทั้งแรงและสมองในการทำงานอย่างเขาต้องกินให้อิ่มท้อง จะได้มีเรี่ยวแรงทำงาน“ใกล้เที่ยงแล้ว ซอหิวไหม”ศศิกาญจน์มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เมื่อเช้าเธอกินอาหารได้ไม่กี่คำ อาจเป็นเพราะมีเรื่องเครียดๆ ในหัว พอถูกเขาสะกิดเรื่องอาหารเที่ยง น้ำย่อยในกระเพาะก็ร้องประท้วงว่าหิวแล้ว หญิงสาวจึงไม่ทันจะตอบร่างกายมันก็ตอบแทนไปก่อนจอมทัพได้ยินเสียงน้ำย่อยก็นึกขำ แต่ยังตีหน้าขรึม ไม่พูดอะไรออกมา เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเขิน“เดี๋ยวข้างหน้าจะผ่านร้านอาหาร เป็นร้านอร่อยแถวนี้ แวะกินอะไรกันหน่อย กินเสร็จเราจะได้เข้าไร่กัน”“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณหิว เดี๋ยวฉันลงไปกินเป็นเพื่อน”จอมทัพเหลือบมอง ใบหน้าหล่อขรึมขึ้น “บอกแล้วไงว่าให้เรียกผมว่าพี่ แล้วแทนตัวเองว่าซอ มันดูสนิทกันมากว่า จะได้ไม่มีใครสงสัย”เธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ต่อไปซอจะเรียกคุณว่าพี่”“พูดง่ายๆ แบบนี้น่ารักมาก แต่พี่จะไม่ให







