LOGINเสียงทุ้มเข้มขึ้น “ใช่ ที่นี่ไร่ทับตะวัน เธอฟังไม่ผิดหรอก”
จอมทัพกวาดตามองสำรวจเครื่องหน้าสวยหวาน พลางคิดถึงตำแหน่งงานที่ทางไร่เปิดรับสมัคร ไม่เห็นจะมีตำแหน่งใดเหมาะกับเธอ หรือเธอคิดจะแต่งเรื่องอะไรหลอกเขาอีก
“คิดจะหลอกอะไรอีก หน้าอย่างเธอจะมาสัมภาษณ์งานประเภทไหนที่ไร่นี้ ดูทรงไม่ออกจริงๆ”
คนตัวโตที่มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรที่โอบล้อมด้วยขุนเขาแห่งนี้ไล่สายตาจากเครื่องหน้าสวยลงมาที่ลำคอระหง จนมาหยุดกึกบริเวณหน้าอกที่ดันเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมาอย่างหาคำตอบให้กับความสงสัยของตนเอง ดูจากการแต่งกาย เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงเข้ารูปสีดำ ไม่น่าจะใช่ประเภทไก่หลง ไก่เล้าที่ไหน แต่ก็ไว้ใจไม่ได้หรอกผู้หญิงสมัยนี้
“หรือว่าเธอจะมาสัมภาษณ์งาน ตำแหน่งเมียน้อยคนที่ร้อยสี่สิบสองของเจ้าของไร่ทับตะวัน หือ?” พ่อเลี้ยงหนุ่มยิ้มหยัน
คำพูดของเขาทำให้เลือดบนใบหน้าของศศิกาญจน์สูบฉีดแรงจนเห่อแดงเป็นสีลูกพีชสุกฉ่ำ
“คนบ้า!” ถ้าเธอเลือกทางเดินเพื่อหนีปัญหาแบบนั้น คงไม่ต้องมาถึงที่นี่ “ฉันมาสมัครงานที่นี่ในตำแหน่งผู้จัดการไร่ ไม่ใช่ตำแหน่งเมียน้อยเจ้าของไร่”
คนโดนดูถูกพ่นลมหายใจแรงๆ ปากผู้ชายตรงหน้าช่างย้อนแย้งกับใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่น่าให้อภัย จ้องหน้าเขานิ่งแล้วเอ่ยต่อ
“ช่วยกรุณาปลดล็อกประตูรถยนต์ให้ฉันด้วยค่ะ ฉันจะลง”
“มาสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการไร่?”
พ่อเลี้ยงจอมทัพหัวเราะหึๆ ในลำคอ เขาไม่เห็นใบสมัครของเธอมาวางที่โต๊ะทำงาน คนตัวใหญ่จึงตวาดคำโต
“โกหก!”
ชายหนุ่มแค่นยิ้มที่มุมปาก ตอนแรก เขาพาเธอมาเพราะอยากทาบทามให้มาร่วมงานแสดงละครตบตาแม่เลี้ยงดอกปีบ แต่เธอยังโกหกไม่หยุด หน้าตาซื่อๆ ใสๆ แต่โกหกไฟแลบจนเขาชักจะลังเล
เธอพูดเรื่องจริง แต่ถูกเขาปรามาส ตวาดใส่หน้าว่าเป็นคนโกหก ทำให้ศศิกาญจน์ฉุนจัด
“ฉันไม่ได้โกหกค่ะ ฉันตั้งใจเดินทางมาสัมภาษณ์งานกับฝ่ายบุคคลของไร่ทับตะวันจริงๆ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ ฉันคงบังคับความคิดคุณไม่ได้”
หญิงสาวรั้งแขนบอบบางที่ถูกเขาบีบกำจนเจ็บไปหมด พยายามขืนออกจากการจับกุม
“แต่คุณไม่มีสิทธิ์มากักขังหน่วงเหนี่ยวฉันไว้ในรถยนต์แบบนี้ หรือว่าคุณเห็นฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่มีทางสู้ ถึงได้คิดจะรังแกกัน กรี๊ดดด!”
ศศิกาญจน์หลับตาปี๋ ตกใจสุดขีดเมื่อถูกเขากระชากอย่างแรง ดึงเข้าไปใกล้ด้วยอารมณ์และสีหน้าเอาเรื่อง
“ปากดี ถ้าคนอย่างผมคิดจะรังแกคุณ คงเลี้ยวเข้าม่านรูดไปแล้ว”
เขาไม่เคยเจอคนอะไรหลับสนิทเหมือนซ้อมตาย ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน ใบหน้าหล่อที่ก้มต่ำลงมาจนจมูกโด่งรั้นนั้นห่างจากใบหน้านวลไม่ถึงคืบ ทำให้เธอตัวแข็งทื่อ พยายามเบี่ยงใบหน้าหนีเขา หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว
“อย่า อย่า ทำอะไรฉันนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
ทว่า ปลายนิ้วแข็งกลับกดลงที่ล็อกประตู เสียงปลดล็อกทำให้ศศิกาญจน์ลืมตาขึ้น และเป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มคลายการกระชับแขนออก พามือหนากลับไปวางบนพวงมาลัยตามเดิม
“รีบๆ ลงไปเลย”
เขาปล่อยเธอลงจากรถ เพราะอยากรู้ว่าเธอมีแผนมาทำอะไรที่ไร่ของเขา กระนั้น สายตาคมดุยังมองตามสรีระอ้อนแอ้นโค้งเว้าไปอย่างคาดโทษ เพราะไม่เชื่อว่าเธอจะมาสัมภาษณ์งานตำแหน่งผู้จัดการไร่ที่กำลังเปิดรับสมัครอยู่จริง
ด้วยสัญชาตญาณ ศศิกาญจน์รีบร้อนลงจากรถของเขาอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอีก แต่กระนั้นสองหูกลับได้ยินเสียงคำรามแว่วตามหลังฝากสายลมมา
“ถ้าโกหกอีกละก็ เธอโดนเล่นงานหนักแน่”
มือหนาคว้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทร.ออกไปยังเบอร์ส่วนตัวของผู้จัดการฝ่ายบุคคล ใบหน้าหล่อเหลาแบบเถื่อนๆ ขึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้รับรายงานจากฝ่ายบุคคลว่า วันนี้มีนัดสัมภาษณ์งานหญิงสาวคนหนึ่งในตำแหน่งผู้จัดการไร่จริงๆ แม้ผู้สมัครรายนี้จะอายุน้อยและเป็นผู้หญิง แต่จากประวัติการศึกษาของ ‘นางสาว ศศิกาญจน์ ปานชีวา’ นั้นจบปริญญาตรีคณะเกษตรศาสตร์ สาขาพืชไร่โดยตรง ซ้ำยังได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง มีความสามารถพูดได้ถึงสี่ภาษา และโครงงานที่หญิงสาวทำขึ้นสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนั้นยังได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดระดับประเทศ
จอมทัพตัดสายสนทนาพร้อมกับรอยยิ้มหยัน ยอมรับว่าผิดคาด เธอไม่ได้โกหกว่ามาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งผู้จัดการไร่ ถึงแม้โปรไฟล์ของเธอจะเข้าตาฝ่ายบุคคล แต่ในฐานะเจ้าของไร่ เขาถือว่าประสบการณ์ทำงานเป็นเรื่องสำคัญ...
ครึ่งชั่วโมงถัดมา...
ภายในสำนักงานของไร่ทับตะวันที่โอ่อ่ากว้างขวาง แลดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ แบ่งโซนแต่ละแผนกด้วยพาร์ทิชั่นสูงราวร้อยยี่สิบเซนติเมตร ทำจากกระจกใสครึ่งบน ส่วนครึ่งล่างทำจากไม้เคลือบเมลาลามีนสีเทาอ่อนเงาวับ เพิ่มความหรูหรามีระดับสมกับเป็นไร่กาแฟที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของประเทศ
ศศิกาญจน์ยืดอกเดินลำตัวตั้งตรงอย่างคนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เข้าไปยังห้องตรงมุมซ้ายด้านในสุดที่เป็นที่ตั้งของผู้จัดการฝ่ายบุคคล
“อะไรนะคะ! ฉันเดินทางมาตั้งไกล แต่ทางฝ่ายบุคคลขอยกเลิกการสัมภาษณ์งานของดิฉัน” ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากแนะนำตัวเองให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้รู้จักตามที่ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ก็ถูกบอกยกเลิกนัด ความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างจากถูกเสาไฟฟ้าล้มฟาดใส่หัวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“เพราะอะไรเหรอคะ?” ศศิกาญจน์ยืดตัวตรงจ้องมอง ‘คุณรสสุคนธ์’ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล วัยสี่สิบห้าปีของไร่แห่งนี้
“เป็นเพราะฉันไม่มีประสบการณ์ในการทำงานหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันอยากให้คุณลองพิจารณาใหม่ได้ไหมคะ ครอบครัวของดิฉันมีอาชีพทำสวนผักแบบเดิมๆ อย่างที่เคยทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งยิ่งทำก็ยิ่งประสบปัญหา แต่ดิฉันนำความรู้ที่เรียนมาใช้ปรับปรุงสวนผักของเราจนได้รับรางวัลจากการประกวดเกษตรก้าวหน้า ดิฉันอยากให้คุณลองเปิดใจสัมภาษณ์ดิฉันก่อนค่ะ”
เธอเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับไร่แห่งนี้มาเป็นอย่างดี แต่กลับมาตกม้าตายเพราะถูกยกเลิกการสัมภาษณ์เนี่ยนะ ทำไมโชคชะตาถึงใจร้ายกับเธอนัก ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
สาวใหญ่ผู้มีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบุคคลของไร่ทับตะวันส่ายหน้า ทอดมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกเห็นใจ รสสุคนธ์เป็นคนหัวสมัยใหม่จึงเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เจ้าของไร่นี้ก็เช่นกัน ถึงได้ตัดสินใจเรียกศศิกาญจน์เข้ามาเพื่อสัมภาษณ์ ยิ่งได้เห็นท่าทางทะมัดทะแมงขัดกับรูปร่างบอบบางและแววตามุ่งมั่นนั้น ยิ่งทำให้เปิดใจรับหญิงสาวมากขึ้น
”ทำไมต้องนอนคะ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ฉันเป็นลูกชาวสวนผัก งานหนักๆ ก็เคยทำ แค่หกล้มแค่นี้ เรื่องธรรมดามาก” ศศิกาญจน์จะเดินผ่านออกไปแต่ถูกคว้าข้อศอกไว้ จนร่างบางหมุนมาประสานสายตากับคนตัวโตดวงตาคมกริบแฝงแววน่าหลงใหลทำให้หญิงสาวใจเต้นแรง ฝืนสู้สายตากับเขาอยู่ครู่ จอมทัพจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น“เธอล้มสะโพกเจ็บไม่ใช่เหรอ กินยาแล้วก็นอนลง ฉันจะดูว่าสะโพกเธอบวมหรือเปล่า”‘ดูสะโพก’ เขาเป็นคนหน้าด้านเบอร์ไหน จะมาขอดูสะโพกคนที่ไม่ใช่ภรรยาจริงๆ“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แล้วอีกอย่าง ใครจะยอมให้คุณดูสะโพกกัน หน้าไม่อาย”“งั้นก็กินยาแก้ปวดก่อนผมจะไปหยิบให้ รอที่นี่เฉยๆ ไม่ต้องวิ่งหนีไปไหน ถ้าทำให้ผมเหนื่อยวิ่งตาม ผมจะทำให้คุณเหนื่อยกว่าอีกหลายเท่า”“นี่คุณ ทำไมต้องมาวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นด้วย”จอมทัพหันหลังให้แล้วยักไหล่อย่างไม่สนใจ ไม่อยากบอกว่าลึกๆ รู้สึกเป็นห่วง เขาไม่ชอบเห็นเธอเจ็บ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องตรงส่วนนั้นมีตู้เย็น
“ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจแบบนี้เสมอ ไม่อยากเถียงด้วย หุบปากสักแป๊บหนึ่งได้ไหม ไม่อยากเดินไปเถียงไปด้วย ตัวเธอก็หนัก เปลืองพลังงานพี่อยู่แล้ว”“ไม่อยากเถียงด้วย แล้วอุ้มทำไมล่ะ”“เมื่อกี้เธอล้มกระแทกพื้นไม่ใช่หรือไง พี่ใจดีแค่ไหนที่อุ้มเธอกลับ แทนที่จะขอบคุณสักคำกลับไม่มี แถมยังด่าปาวๆ ไม่หยุด” จอมทัพบ่นคืนบ้าง พร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนก้มมองหน้าสวยหวานของคนในอ้อมแขน “ตรงนี้ตั้งไกล เดินมาทำอะไร”“ฉันเดินมาดูดอกไม้ค่ะ เห็นสวยดี ก็เลยเพลินไปหน่อย”“อ๋อ อ่อยเพลิน”“นี่คุณ!” เสียงหวานแหวใส่ “บอกแล้วว่าไม่ได้อ่อย”คราวนี้ชายหนุ่มทำเสียงหึขึ้นจมูก “แล้วแน่ใจว่ามาดูดอกไม้? หรือว่าหาทางมาแจกไลน์ไอ้แสนชัยกันแน่ ที่ตลาดถูกพี่ขัดจังหวะใช่ไหม”ศศิกาญจน์จ้องตาเขาเขม็ง ปากก็แย้งไป “ฉันไม่รู้ว่าที่นี่ไร่คุณแสน ฉันแค่เดินหลงเข้าไป”“เฮอะ...เชื่อตายละ”ศศิกาญจน์ฉุนจัด ในเมื่อพูดความจริงไม่เชื่อ เธอก็จัดให
ศศิกาญจน์รีบส่ายหน้าทันที เธอไม่ใช่คนบอบบางอะไรปานนั้น เจ็บแค่นี้สบายมาก “ไม่ต้องหรอกค่ะ ซอแค่เจ็บสะโพกนิดเดียว เดี๋ยวกลับไปกินยาที่บ้านก็ได้ ทายาหน่อยก็หายแล้ว”“แต่ผมเป็นห่วงนะครับ ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับที่ทำน้องซอเจ็บ”แสนชัยบอก เมื่อเห็นศศิกาญจน์ทำท่าจะพยายามเดินเลยช่วยพยุงแขนอีกข้างไว้“ให้ผมไปส่งนะครับ” เขามีเรื่องมากมายอยากจะคุยกับเธอ เพราะรู้ปัญหาของศศิกาญจน์มาจากน้องสาว จึงอยากจะเสนอตัวเข้าไปช่วยแก้ไขแสนชัยสนใจศศิกาญจน์นานแล้ว แต่ที่ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกเพราะก่อนหน้านี้มีคนรักอยู่แล้ว ทำให้ถูกข้าวสวยน้องสาวเบรกจนตัวโก่ง แต่ตอนนี้เขากับคนรักเลิกกันเพราะหลายอย่างไปด้วยกันไม่ได้ โดยไม่เกี่ยวกับสาวสวยตรงหน้า คงถึงเวลาแล้วที่จะสานต่อความรู้สึกที่มีต่อศศิกาญจน์ ต่อให้ต้องมีปัญหากับพ่อเลี้ยงจอมทัพก็ยอมศศิกาญจน์ก้มหน้าปัดฝุ่นและเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปฏิเสธแสนชัย พร้อมรอยยิ้มใสเป็นปกติ เพราะเธอเองก็เดินไหว คงไม่ต้องให้ใครช่วยพยุง“ซอเดินเองได้ค่ะ คุณแสนไม่ต้องพยุงหรอก ซอไหวค่ะ”&ldquo
ศศิกาญจน์เดินไปตรงบริเวณที่จอมทัพชี้มือบอก ไม่นานก็เจอสวนผักสลัดขนาดใหญ่ ผักไฮโดรโปนิกส์พวกนี้ที่สวนของเธอก็ปลูก แต่ปลูกบนดิน ส่วนที่นี่ปลูกบนน้ำหรือที่เรียกว่าผักไฮโดรโปนิกส์ ผักจะเจริญเติบโตไวกว่า ศัตรูพืชน้อยกว่า แต่ถ้าให้เทียบรสชาติระหว่างผักปลูกด้วยน้ำกับดิน โดยเฉพาะดินที่มีส่วนผสมของปุ๋ยคอก เธอชอบรสชาติของผักที่ปลูกด้วยดินมากกว่าศศิกาญจน์มองเห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังเก็บผักใส่ตะกร้า จำได้ดีว่าคือป้าสาย หัวหน้าแม่บ้านที่นี่ ร่างบางสวยจึงเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม“มาเก็บผักเหรอคะ ให้ซอช่วยเก็บไหมคะ” ศศิกาญจน์เสนอตัว ต้องการผูกมิตรกับคนที่นี่ไว้บ้าง เพราะไม่รู้ว่าต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหนหัวหน้าแม่บ้านเงยหน้าขึ้นจากกอผัก มืออีกข้างหยิบผักใส่ตะกร้าที่เกือบจะเต็มแล้ว “อ๋อ คุณนั่นเอง ป้ามาเก็บผักไปขึ้นโต๊ะน่ะค่ะ ปล่อยเอาไว้ก็เสียดายของ”ศศิกาญจน์ชักสีหน้ามึนงง อีกฝ่ายเห็นใบหน้าสวยมีคำถามจึงอธิบายให้กระจ่าง “เมื่อก่อนเราปลูกผักพวกนี้ส่งตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ร้านอาหารใหญ่ แต่พอลูกค้าเจ้าใหญ่พบสารปนเปื้อนก็ไม่ย
ศศิกาญจน์ได้ยินจอมทัพพูดแบบนั้นพร้อมมองตรงมาก็รีบลดเมนูลง แล้วมองคนตรงหน้าที่กินดุจริงๆ อาหารมากมายบนโต๊ะถูกเขาจัดการเกือบเกลี้ยงทุกจานแล้วยังพูดอีกว่าหิว นี่เธอกำลังเผชิญกับตัวอะไร“พ่อเลี้ยง...” พอนึกขึ้นได้ศศิกาญจน์ก็ถึงกับชะงัก “กินอาหารไปตั้งเยอะ ยังไม่อิ่มอีกเหรอคะ”จอมทัพพูดแก้เก้อ เขาไม่ได้หิวข้าว ที่หิวก็คือคนน่าอร่อยตรงหน้าต่างหาก“ช่วงนี้ พี่หิวบ่อย” แล้วแก้เก้อด้วยการขอให้ศศิกาญจน์ช่วยสั่งของหวานเหมือนของเธอให้เขาอีกถ้วยจอมทัพกินขนมหวานที่ศศิกาญจน์สั่งมาเหมือนแบบเดียวกับเธอ พร้อมลอบมองใบหน้าหวานๆ ก่อนจะสะดุดตากับนิ้วนางข้างขวาที่มี ‘แหวนคลัดดาห์’ ซึ่งเป็นเครื่องประดับดั้งเดิมของชาวไอริช แหวนชนิดนี้มีลักษณะเป็นรูปมือทั้งสองข้าง โอบประคองหัวใจ เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ ความรัก และความภักดีจอมทัพรู้สึกคุ้นตากับแหวนวงนี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แม้ว่าแหวนคลัดดาห์จะมีมากมาย แต่แหวนคลัดดาห์วงนี้มีเพชรรูปหัวใจสีฟ้าซึ่งหาได้ยาก และเขาต้องเคยเห็นแหวนวงนี้ที่ไหนมาก่อน พอเห็นศศิกาญจน์สว
อีกฟากเป็นเวลาใกล้เที่ยง จอมทัพเหลียวมองคนนั่งข้างๆ พลางเอ่ยขึ้น เพราะคนที่ต้องใช้ทั้งแรงและสมองในการทำงานอย่างเขาต้องกินให้อิ่มท้อง จะได้มีเรี่ยวแรงทำงาน“ใกล้เที่ยงแล้ว ซอหิวไหม”ศศิกาญจน์มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เมื่อเช้าเธอกินอาหารได้ไม่กี่คำ อาจเป็นเพราะมีเรื่องเครียดๆ ในหัว พอถูกเขาสะกิดเรื่องอาหารเที่ยง น้ำย่อยในกระเพาะก็ร้องประท้วงว่าหิวแล้ว หญิงสาวจึงไม่ทันจะตอบร่างกายมันก็ตอบแทนไปก่อนจอมทัพได้ยินเสียงน้ำย่อยก็นึกขำ แต่ยังตีหน้าขรึม ไม่พูดอะไรออกมา เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเขิน“เดี๋ยวข้างหน้าจะผ่านร้านอาหาร เป็นร้านอร่อยแถวนี้ แวะกินอะไรกันหน่อย กินเสร็จเราจะได้เข้าไร่กัน”“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณหิว เดี๋ยวฉันลงไปกินเป็นเพื่อน”จอมทัพเหลือบมอง ใบหน้าหล่อขรึมขึ้น “บอกแล้วไงว่าให้เรียกผมว่าพี่ แล้วแทนตัวเองว่าซอ มันดูสนิทกันมากว่า จะได้ไม่มีใครสงสัย”เธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ต่อไปซอจะเรียกคุณว่าพี่”“พูดง่ายๆ แบบนี้น่ารักมาก แต่พี่จะไม่ให







