LOGIN“ดิ้นทำไม ไหนบอกว่าอยากกอดกันอวดชาวบ้าน”
“ขิมอยากกอดกับพี่วิน ไม่ใช่คุณ”
“รสจูบของไอ้วินซาบซ่านมากไหม”
“หยุดพูด หยุดถามเรื่องบ้าๆ พวกนี้เสียที มันเรื่องส่วนตัวที่ขิมไม่จำเป็นต้องบอกใคร” ภัคธีมาต้องเงยหน้าขึ้นพูดกับเขาเพราะเขาสูง ตระหง่านค้ำศีรษะ ส่วนเธอสูงแค่หัวไหล่เขาเท่านั้น
“เคยนอกใจไอ้วินแล้วลองจูบกับคนอื่นบ้างหรือเปล่าล่ะ” เขายังคงถามต่ออย่างไม่คิดจะสนใจว่าภัคธีมาจะเคืองขุ่นแค่ไหน
“ขิมไม่เคยนอกใจพี่วิน และไม่เคยคิดจะให้ใครจูบหรือจูบกับใคร”
“ดีนี่...ไอ้วินมันรู้คงชื่นใจตายที่มีแฟนแสนซื่อบื้อแบบนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาลองจูบกับผมหน่อยไหม เผื่อจะได้เอาไว้เปรียบเทียบรสชาติ ว่าระหว่างพี่กับน้องใครจะเผ็ดร้อนถูกใจคุณมากกว่ากัน”
เจ้าของใบหน้าคมคายก้มลงมาถามใกล้ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคมดุไหวระริกเมื่อหลุบมองริมฝีปากรูปกระจับนั้น เขาทำท่าเหมือนกำลังจะจูบ ทำเอาลมหายใจของภัคธีมาแทบจะหยุดชะงัก ทว่าเขากลับไม่จูบ แต่ไล้มือแกร่งไปตามสะโพกบั้นท้ายงอนงาม เล่นงานแบบนั้นจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งร่างแทน
“บ้า! คุณมันเลว” เสียงหวานแหวลั่น
“เลวตรงไหน”
“ก็เลวตรงที่คิดจะทำอะไรแบบนี้กับแฟนน้อง ทำเลวๆ ลับหลังน้อง คุณเป็นพี่ชายประเภทไหนกัน”
“เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวที่ชวนผู้หญิงจูบ ผมก็นึกว่าคุณกำลังรอให้ผมจูบอยู่เสียอีก เห็นยืนนิ่ง แถม...เผยอปากแบบเชิญชวนอีกต่างหาก” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงล้อเลียน
“คุณมันหยาบเกินกว่าจะบรรยาย! ป่วยการจะเสวนาด้วย ปล่อยนะ ขิมจะกลับ!”
“โอเคกลับก็กลับ” น้ำเสียงทุ้มลึกเอ่ยขึ้นก่อนจะคลายวงแขนออกจากเอวเล็ก ทำเอาภัคธีมารู้สึกงงเล็กน้อยที่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนท่าทีกะทันหันแถมยอมอย่างง่ายดายอีกต่างหาก ซึ่งมันไม่ใช่วิสัยของคนอย่างพ่อเลี้ยงศาสตราเลย
“ไม่อยากกลับเหรอถึงได้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หรืออยากให้ผมกอดอีก” เขาก้มลงมากระซิบใกล้ๆ หู และถือโอกาสปัดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนวลเหมือนหยอกล้อ ปลุกให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ทันที
“บ้า!”
ภัคธีมาได้สติก็รีบผลักเขาออกห่างพลางมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าไม่มีใครสนใจคู่ของเธอ
มือเล็กหยิบเอากระเป๋าถือของตัวเอง ก้าวฉับๆ ออกจากผับ แล้วมองหาแท็กซี่เพื่อเรียกให้ไปส่งที่บ้าน แต่ก็ยังช้ากว่าร่างสูงที่ก้าวตามมาติดๆ เมื่อถึงตัวมือแกร่งก็ฉวยข้อมือเล็ก กึ่งลากกึ่งจูงให้เดินตามไปที่รถของเขา เมื่อถึงรถศาสตราจัดการเปิดประตู ดันร่างบางให้เข้าไปนั่งข้างใน โดยไม่สนใจว่าเธอจะมีอาการฮึดฮัดแค่ไหน
แอร์เย็นๆ และความเงียบในรถไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเธอเย็นลงเลย ใบหน้าสวยหวานตวัดไปมองคนที่นั่งประจำที่คนขับอย่างโกรธเคือง ความหยิ่งทะนงซึ่งมีอยู่ในตัวเสมอ บัดนี้ถูกเขาเหยียบย่ำด้วยการกระทำและคำพูดของคนร้ายกาจจนแทบไม่เหลืออะไรให้หยิ่งอีกแล้ว
“ทำไมมองผมเหมือนจะฆ่าแบบนั้น”
“ถ้าฆ่าคนแล้วไม่ผิดกฎหมาย ขิมจะฆ่าคุณตอนนี้เลย”
“หึ หึ” เขาหัวเราะในลำคอพลางบังคับรถให้แล่นออกจากลานจอด “แน่ใจเหรอว่าอยากให้ผมตาย”
“ไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อน” เธอตอบโต้อย่างเกรี้ยวกราด มือกำเข้าหากันแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ ที่เหลืออีกเพียงนิดเดียวมันก็จะขาดผึงเพราะทั้งถูกยั่วถูกหยาม
“คนพูดแบบนี้เสียใจมาหลายคนแล้วนะ เวลาที่กลืนน้ำลายตัวเอง”
“แต่ขิมจะเป็นคนแรก ที่จะไม่เสียใจถ้าคุณตายจริงๆ ขิมจะจัดงานฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืนพร้อมกับงานสวดศพของคุณเลย คอยดูสิ”
“ตายแล้วจะดูได้ยังไง หรือต้องให้มาหาในสภาพของวิญญาณ”
“คนอย่างคุณพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอก”
“แล้วต้องพูดภาษาอะไรดี ภาษากายดีไหม ผมว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีนะ”
“เลว!”
“ผมก็เป็นคนเลวที่รักเธอไง”
“หยุดพูดพล่อยๆ แบบนั้นเสียที ก่อนที่ขิมจะเกลียดคุณไปมากกว่านี้”
“ถึงไม่พูดคุณก็เกลียดผมอยู่ดี”
“คุณต่างหากที่เกลียดขิม ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงทุนมาขัดขวางขิมกับพี่วินแบบนี้หรอก แต่รู้ไว้เลยนะว่าขิมไม่เคยอยากอยู่ใกล้คนร้ายกาจอย่างคุณแม้แต่เสี้ยววินาที”
“ยังไงคุณก็ต้องได้อยู่กับผมภัคธีมา อย่างน้อยก็ได้อยู่ร่วมบ้านกันแน่ๆ ‘ถ้า’คุณได้แต่งงานกับไอ้วิน”
ศาสตราเน้นคำว่า ‘ถ้า’ เป็นพิเศษ ทำให้ภัคธีมาเชิดหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกเย้ยหยัน จริงอยู่ว่าฐานะของครอบครัวเธอด้อยกว่าครอบครัวภูวเดชาธรมาก มากชนิดเทียบกันไม่ติดฝุ่นเลยก็ว่าได้ ไร่เดชาธรใหญ่โตกินอาณาเขตหลายร้อยไร่ ขณะที่บ้านไร่ของครอบครัวเธอมีพื้นที่เล็กๆ เพียงแค่สิบไร่เท่านั้น แต่เธอก็มั่นใจในความรักที่มั่นคงระหว่างเธอกับธาวิน
“ไม่ต้องใช้คำว่าถ้าหรอกค่ะ ยังไงขิมกับพี่วินก็จะได้แต่งงานกัน เพราะฉะนั้นคุณควรจะให้เกียรติขิมบ้าง”
“ออกตัวแรง ระวังจะหัวทิ่มเอาล่ะ”
“ขิมไม่ได้ออกตัวแรง แค่มั่นใจในความรักของตัวเองกับพี่วินเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็เลยไม่กลัวหัวทิ่ม”
“ไว้ผมจะรอดูตำนานรักก็แล้วกัน แต่ถึงจะทิ่มก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะผมรอรับอยู่”
บทที่ 6“ดิ้นทำไม ไหนบอกว่าอยากกอดกันอวดชาวบ้าน”“ขิมอยากกอดกับพี่วิน ไม่ใช่คุณ”“รสจูบของไอ้วินซาบซ่านมากไหม”“หยุดพูด หยุดถามเรื่องบ้าๆ พวกนี้เสียที มันเรื่องส่วนตัวที่ขิมไม่จำเป็นต้องบอกใคร” ภัคธีมาต้องเงยหน้าขึ้นพูดกับเขาเพราะเขาสูง ตระหง่านค้ำศีรษะ ส่วนเธอสูงแค่หัวไหล่เขาเท่านั้น“เคยนอกใจไอ้วินแล้วลองจูบกับคนอื่นบ้างหรือเปล่าล่ะ” เขายังคงถามต่ออย่างไม่คิดจะสนใจว่าภัคธีมาจะเคืองขุ่นแค่ไหน“ขิมไม่เคยนอกใจพี่วิน และไม่เคยคิดจะให้ใครจูบหรือจูบกับใคร”“ดีนี่...ไอ้วินมันรู้คงชื่นใจตายที่มีแฟนแสนซื่อบื้อแบบนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาลองจูบกับผมหน่อยไหม เผื่อจะได้เอาไว้เปรียบเทียบรสชาติ ว่าระหว่างพี่กับน้องใครจะเผ็ดร้อนถูกใจคุณมากกว่ากัน”เจ้าของใบหน้าคมคายก้มลงมาถามใกล้ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคมดุไหวระริกเมื่อหลุบมองริมฝีปากรูปกระจับนั้น เขาทำท่าเหมือนกำลังจะจูบ ทำเอาลมหายใจของภัคธีมาแทบจะหยุดชะงัก ทว่าเขากลับไม่จูบ แต่ไล้มือแกร่งไปตามสะโพกบั้นท้ายงอนงาม เล่นงานแบบนั้นจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งร่างแทน“บ้า! คุณมันเลว” เสียงหวานแหวลั่น“เลวตรงไหน”“ก็เลวตรงที่คิดจะทำอะไรแบบนี้กับแฟนน้อง ทำเลวๆ ล
บทที่ 5“พี่กริช!” ธาวินอุทานชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอาการตกใจไม่น้อยภัคธีมาเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน เมื่อสายตาปะทะกับเจ้าของร่างสูงเกือบสองเมตร แม้จะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เธอจำได้แม่นว่าเขาคือ ‘ศาสตรา ภูวเดชาธร’ ผู้ชายซึ่งเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ดิบเถื่อนและแข็งกระด้างเป็นที่สุด!คำว่าดิบเถื่อนและแข็งกระด้าง มันคือสิ่งที่เธอนิยามขึ้นสำหรับผู้ชายคนนี้โดยเฉพาะ ยิ่งตอนนี้เขาก็ยิ่งดูเหมาะกับคำนี้มากที่สุด ร่างสูงแต่งตัวแบบสบายๆ ด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนและรองเท้าหนัง ดูบึกบึนกำยำกว่าตอนที่เธอเจอเขาครั้งล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อนเสียอีก แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือหน้าตาคมเข้มและน่าเกรงขาม สมกับที่ใครๆ เรียกเขาว่า ‘พ่อเลี้ยงศาสตรา’ เขามาได้ยังไง? หรือว่ามากีดกันเธอกับพี่วิน?คำถามเกิดขึ้นในใจรัวๆ แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือยกมือขึ้นไหว้เขา แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความเอ็นดูใดๆ ให้กับเธอ และเธอก็ค่อนข้างจะเกลียดความหยิ่งทะนงของเขา แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกชายของเจ้านายเก่าพ่อ และที่สำคัญเขาคือพี่ชายของธาวินคนรักของเธอ“สวัสดีค่ะ”ภัคธีมายกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาทแม้จะไม
บทที่ 4“ยังไงก็อย่าพาน้องกลับดึกนะครับ”“ขอบคุณครับคุณอา ผมจะรีบพาขิมกลับมาไม่เกินสามทุ่มครับ” ธาวินรับปากหนักแน่น“งั้นขิมไปก่อนนะคะพ่อ”ภัคธีมาพูดกับบิดา ก่อนจะเดินตามธาวินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน“ไปไหนกันน่ะคะ” มธุรสที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเอ่ยถามพี่เขยเมื่อเห็นหลังหลานสาวไวๆ“เข้าเมืองกัน”“จะดีหรือคะพี่ยุทธ คุณวินกำลังจะ...”“เอาน่าน้องรส พี่ว่าให้ขิมรู้จากปากคุณวินน่าจะดีที่สุด” อยุทธเอ่ยปลอบให้มธุรสคลายความกังวล และได้แต่หวังว่าธาวินจะรักษาความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งยังเชื่อใจลูกสาวว่ารักนวลสงวนตัวมากพอที่จะไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาภัคธีมาก็ดำรงความเป็นกุลสตรีที่รักและหยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมาตลอดธาวินพาภัคธีมามายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขานั่งฟังภัคธีมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในระหว่างออดิชันจนกระทั่งผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันร้องเพลงรายการใหญ่ระดับประเทศ รอยยิ้มของภัคธีมาเต็มไปด้วยความสดใสและมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังแทรกเป็นระยะ เมื่อเล่าถึงวีรกรรมของตัวเองตอนอยู่ต่อหน้ากรรมการ“เล่ามาเยอะแล้วแต่ยังไม่จบนะคะ ขิมว่าขิมเก็บไว้เล่าให้พี่วินฟัง
บทที่ 3ภัคธีมาพยายามครุ่นคิดหาเหตุผล แต่ที่สุดแล้วสิ่งเดียวที่เธอคิดออกก็คือ ธาวินคงโดนทางครอบครัวของเขากีดกัน เพราะทั้งแม่เลี้ยงแสงหล้าและศาสตรา ต่างก็เห็นว่าเธอไม่เหมาะสมกับธาวิน!หญิงสาวสลัดความคิดนั้นทิ้ง พยายามข่มตานอนให้หลับเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เกิดจากการเข้าออดิชันรอบสุดท้ายเกือบทั้งวัน จากนั้นก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่เลยกริ๊ง กริ๊งงง...เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พร้อมด้วยแรงสั่นของตัวเครื่องเป็นระลอก ปลุกให้ร่างบางสะดุ้งตื่นหลังจากหลับ มือเรียวเล็กควานหาโทรศัพท์ยกขึ้นดู ก่อนที่อาการงัวเงียจะหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นหน้าจอแสดงชื่อและเบอร์โทร.แสนคุ้นเคย“สวัสดีค่ะพี่วิน” เสียงหวานกรอกผ่านเครื่องมือสื่อสารนั้นไปด้วยความดีใจ“สวัสดีครับขิม นอนหรือยัง” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ตามแบบที่ภัคธีมาคุ้นเคยเป็นอย่างดี“เพิ่งนอนค่ะ นึกว่าพี่วินจะไม่โทร.กลับมาซะแล้วสิ” เสียงหวานกระเง้ากระงอดใส่ตามอารมณ์ ก็นี่แฟนเธอ เธอทำแบบนี้กับเขามันก็ไม่ได้น่าเกลียด“ขอโทษด้วยครับ พอดีช่วงนี้พี่ยุ่งมาก”“ขิมเข้าใจค่ะ รู้ไหมคะว่าตอนนี้ขิมอยู่ที่บ้าน”“จร
บทที่ 2“ขิมผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะพ่อ รายการเพิ่งประกาศวันนี้ แต่อีกสองอาทิตย์ถึงจะออนแอร์ ขิมรู้ปุ๊บก็รีบกลับมาหาพ่อกับน้ารสทันทีเลย ดีใจกับขิมไหมคะ”“ดีใจสิลูก ขิมเก่งมากลูก” อยุทธกอดลูกสาวแน่นด้วยความดีใจสุดจะบรรยาย เขารู้ดีว่าภัคธีมารักการร้องเพลงมากแค่ไหน พรสวรรค์นี้ลูกสาวของเขาได้มาจากภรรยาที่เสียไปแล้ว ซึ่งถ้าหทัยรัตน์ได้รู้ เธอจะต้องภูมิใจในตัวนางฟ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัวมากแน่ๆ“แต่ว่าพ่อกับน้ารสคงต้องทนคิดถึงขิมหน่อยนะคะ เพราะเวลาเข้าเก็บตัวช่วงที่แข่งขัน ทางรายการจะไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ขิมก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพ่อกับน้ารสก่อน”“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับน้ารสจะไปเชียร์หนูทุกสัปดาห์ เราคงได้เจอกันที่นั่น แม้จะไม่นานแต่ก็น่าจะชดเชยความคิดถึงได้”“ขอให้ขิมประสบความสำเร็จในการแข่งขันสมดังหวังนะลูก” มธุรสกล่าวอวยพรพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย“ขอบคุณค่ะน้ารส ขิมรักพ่อกับน้ารสนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆ ก่อนจะซุกเข้าหาอกพ่ออีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตามกันเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอันอบอว
บทที่ 1แสงสีส้มอมแดงของพระอาทิตย์ในยามเย็น ส่องสะท้อนมายังอาชาไนยสองตัวที่ตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวตองซึ่งกำลังบานสะพรั่ง จนทำให้ภูเขาทั้งลูกแทบจะถูกปกคลุมด้วยสีเหลืองอร่าม เหล่าผีเสื้อบินโฉบเชยชมความงามของดอกบัวตองดอกนั้นดอกนี้ บางทีก็หยุดดอมดมดอกไม้สีเหลืองนั้นเนิ่นนานเป็นพิเศษ คล้ายกับจะหลอกล่อให้เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังรอให้พ่อมารับกลับบ้านต้องวิ่งเข้ามาจับ ครั้นพอเธอเข้าใกล้ มันก็โบยบินขึ้นสู่อากาศ ทำให้เท้าเล็กๆ ต้องขยับวิ่งตามไปเรื่อยๆ“ฮะๆ รอด้วยเจ้าผีเสื้อ!”เสียงหัวเราะที่ใสกังวานราวกับระฆังแก้ว บวกกับภาพการวิ่งเล่นอย่างร่าเริง เรียกความสนใจจากเด็กชายวัยเก้าขวบที่กำลังถูกพี่เลี้ยงสอนให้หัดขี่ม้า กับหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดคนหนึ่งที่นั่งอย่างสง่างามอยู่บนหลังม้าสีดำอีกตัว ท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย และมาดอันแสนองอาจนั้นทำให้รู้โดยปริยายว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป “อุ๊ย! ฮือๆๆๆ” เสียงหัวเราะของเด็กหญิงกลายเป็นเสียงอุทานและเสียงร้องไห้ เมื่อเท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าผ้าใบถูกเกี่ยวด้วยเถาของดอกบัวตอง ทำให้ร่างเล็กเสีย







![บำเรอรักบอดี้การ์ดของคุณพ่อ [ Love Slave ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)