Masuk‘วินให้เวลาไอ แค่สามวัน มาย้ายของออกไปให้หมดด้วย’
ไอริสได้รับข้อความนั้นจากแฟนเก่าของเธอเมื่อสองวันก่อน หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลเพียงลำพัง เธอไม่เพียงแค่ถูกนอกใจ เขายังไล่เธอออกจากร้านอย่างไม่ไยดี
ถ้าแค่หยุดขายชั่วคราว เธอยังพอประคองตัวได้จากเงินเก็บที่มีอยู่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ร้าน แต่มันรวมถึงที่พักอาศัยชั้นบนที่เธอเคยใช้อยู่ก็ต้องย้ายออกด้วย เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเคยหลงรักผู้ชายแบบนั้นมาก่อน
ผ่านมาสองวันแล้วที่เธอต้องใช้เวลาหลังเลิกเรียนเพื่อออกตระเวนหาสถานที่เช่าแห่งใหม่ ที่เหมาะสำหรับสำหรับเปิดร้าน และที่พักอาศัยของตัวเอง
“ทำไม ทำเลดี ๆ มันหายากจังนะ”
ไอริสก้มมองดูรายชื่อที่เธอค้นหาข้อมูลจากในอินเตอร์มาก่อนแล้ว รายชื่อถูกขีดออกจนเกือบหมด หลังจากที่เธอมาดูสถานที่จริง แต่มันกลับไม่ตรงตามที่ลงโฆษณา บางที่ทั้งเปลี่ยวทั้งรกร้าง
เธอยังคงเดินต่อไปตามทางเดินแคบ ๆ ระหว่างอาคารพาณิชย์สองหลัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขณะเงยหน้ามองตึกเก่าเบื้องหน้า กระจกหน้าร้านบางบานแตกร้าว รอยปูนร่อนตามเสาให้ความรู้สึกให้ความรู้สึกน่ากลัว วังเวงและไม่น่าเข้าใกล้
‘อย่าเพิ่งท้อสิไอริส’
เธอเตือนตัวเองอีกครั้งแล้วค่อย ๆ ถอยออกมา ก่อนจะขีดรายชื่อออกไปอีกครั้ง แม้ว่าวันนี้เธอจะเดินหาร้านใหม่มาตั้งแต่เช้าและดูมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบแห่ง แต่ก็ยังไม่เจอร้านที่ใช่อย่างที่ต้องการเลยสักแห่ง
มือเล็กหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อเบา ๆ เพราะอากาศร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลซึมตรงขมับ แล้วตัดสินใจเดินต่อไป เพราะเธอเหลือเวลาไม่มาก ก่อนจะหันไปเห็นตึกอีกหลังที่อยู่เยื้องออกไป สีอาคารถูกทาทับใหม่จนดูสะอาดตา หน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติได้ดีและติดป้าย ‘ให้เช่า’ ห้อยอยู่ชัดเจน หรือจะเป็นที่นี่ดี
ไอริสสูดลมหายใจลึกเข้าปอด แม้จะรู้สึกว่าที่นี่จะดีกว่าผ่าน ๆ มา แต่ทำเลก็ยังไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร เธอตัดสินใจจดเบอร์โทรจากป้ายลงในสมุดโน้ตเล่มเล็กเอาไว้หากหมดหนทางแล้วจริง ๆ ที่นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ก่อนจะหันหลังเดินต่ออย่างช้า ๆ อย่างน้อยเธอก็เริ่มมองเห็นหนทางบ้างแล้ว ถึงแม้ทำเลตรงนี้อยู่ลึกและห่างไกลผู้คนมากเกินไปก็ตาม
แม้เธอจะยังไม่รู้คำตอบว่าจะลงเอยที่ไหน แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ เธอยังคงเดินต่อไป จนกระทั่ง… เธอมาหยุดยืนหน้าร้านเล็ก ๆ หลังตึกคณะสถาปัตยกรรม สถานที่คุ้นเคยที่ทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่
เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยมาที่ร้านแห่งนี้ ตอนที่เข้ามาสมัครเรียนใหม่ ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะปิดตัวลง ทั้ง ๆ ที่ร้านขายดีขนาดนั้น ดวงตากลมโตมองสำรวจไปรอบบริเวณอย่างรู้สึกสนใจ
“ที่นี่…”
เธอพึมพำเบา ๆ ขณะเดินเข้าไปใกล้ ก่อนแนบหน้าผากลงบนกระจกเย็นเฉียบ ดวงตากลมโตไล่มองภายในร้านที่ยังคงเค้าโครงเดิมไว้ทุกประการ หากได้เปิดร้านอีกครั้งที่นี่จริง ๆ เธอจะตกแต่งแบบไหนดีนะ? กลิ่นขนมอบตอนเช้าจะหอมแค่ไหน? กัน
ความรู้สึกตื่นเต้นกำลังก่อตัวในใจของเธอ มันทั้งถูกใจและถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก จนมีความคิดบางอย่างในใจเธอแว่วขึ้นเบา ๆ หรือเธออาจจะได้เริ่มต้นใหม่จากตรงนี้…ก็ได้นะ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่ระบุไว้ใต้ป้าย เสียงสัญญาณดังไม่กี่ครั้ง ก่อนหญิงวัยกลางคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ หนูสนใจอยากขอเช่าร้านที่ประกาศขายหลังมหาวิทยาลัยคะ อยากสอบถามว่าร้านให้เช่าไหมค่ะ?”
“อ๋อ ขอโทษนะคะ ร้านนี้ไม่ได้ให้เช่าค่ะ ต้องการขายอย่างเดียว พอดีกำลังจะย้ายไปต่างประเทศเลยต้องการเงินก้อนนะคะ”
ไอริสเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะฝืนยิ้มบาง ๆ แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปที่ชั้นสองของร้านอย่างนึกเสียดายแล้วตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เธอกดวางสาย มือบางยังจับโทรศัพท์แน่น แต่หัวใจกลับเต้นช้าลงอย่างแปลกประหลาด ความรู้สึกของเธอเหมือนกับคนที่ถูกดึงให้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มใหม่อีกครั้ง
ดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เพื่อข่มความรู้สึกเหนื่อยล้าที่ตีตื้นขึ้นมาอยู่ภายในใจ ก่อนจะสังเกตเห็นท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี แล้วมองร้านที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ไอริสยิ้มให้ตัวเองผ่านเงาที่สะท้อนบนกระจกใสเบื้องหน้า ก่อนจะตัดใจหันหลังแล้วเดินต่อไปยังร้านขายข้าวเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลแทน
“คุณป้าค่ะ กะเพราหมูกรอบไข่ดาวหนึ่งกล่องค่ะ”
“ได้เลยจ้ะ รอแป๊บนะ ว่าแต่หนูมาทำอะไรแถวนี้ ป้าไม่ค่อยเห็นหน้าเลย”
“มาดูร้านที่อยู่ตรงฝั่งนู้นค่ะ อยากเช่าทำร้านเบเกอรี่”
“อ้าว แล้วโทรติดไหม? แถวนี้คนเยอะนะ ถ้าได้เช่า ขายดีเลยแหละ”
“ติดค่ะ แต่เจ้าของเขาจะขายอย่างเดียว หนูไม่มีทุนมากขนาดนั้นหรอกค่ะ”
คนตัวเล็กตอบกลับเสียงแผ่ว แล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับคุณป้าเจ้าของร้านท่าทางใจดี ก่อนจะรับข้าวกล่องแล้วเดินออกจากร้านอย่างเงียบ ๆ
“ป้าครับ…ผู้หญิงเมื่อกี้มาทำอะไรเหรอครับ?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากชายหนุ่มรูปร่างร่างสูงที่เพิ่งเดินมาถึงหน้าร้าน พร้อมกับเพื่อน ๆ อีกสามคนที่เดินเข้าร้านไปก่อน
เพราะตึกคณะสถาปัตยกรรมอยู่ติดกลับตึกวิศวกรรมที่พวกเขาเรียนอยู่ และพวกเขามักจะเอารถมาจอดทางด้านหลังมหาลัยเป็นประจำ วันนี้จึงทำให้มีโอกาสได้วนมาเจอกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
“เห็นว่ามาถามเช่าร้านตรงหัวมุมน่ะจ้ะ ทำเลดีนะ แต่เจ้าของเขาจะขายอย่างเดียว ราคาก็ใช่จะถูก ๆ นังหนูมันคงไม่มีเงินซื้อหรอกก็เลยเดินหน้าเศร้าออกไป”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่กำลังเดินลับสายตาไป ก่อนจะเดินตรงไปยังร้านที่ติดป้ายขาย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่แปะไว้ด้านหน้า
จากวันนั้นที่คิดว่าร่างบางจะมาตามหาเขา ให้รับผิดชอบเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ผ่าน แต่กลับผิดคาด เพราะเธอดูจะไม่สนใจเขาเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นเขาที่เดินอยู่ไม่ไกล
‘มันน่าจับมาลงโทษอีกสักรอบสองรอบเอาซะให้เข็ด’
ซันที่แอบสังเกตเห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่นาน จนอดไม่ได้จะคิดถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวกับขนมหวานบนตัวเธอ ใบหน้าที่แสนดื้อรั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ แต่กลับยิ่งดึงดูดสายตาเขาให้จ้องมองไม่วางตา ยิ่งมองยิ่งคิดถึงผิวขาวเนียนละเอียดที่เคยได้สัมผัสทั้งในร่มและนอกร่มผ้าก็ยิ่งรู้สึกโมโหที่ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักดูแลตัวเองตากแดดจนผิวแดงไปหมด
รออยู่ไม่นานก็มีเสียงมาตามสาย
"สวัสดีค่ะ"
"ผมสนใจซื้อร้านครับ...แต่ผมมีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ"
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านสีเข้ม แทรกเข้ามาเพียงริ้วบาง ๆ ในห้องที่ยังเงียบสงบ สีสันภายในถูกขับเน้นด้วยโทนดำหม่น ราวกับสะท้อนสีของท้องฟ้ายามราตรีไม่มีผิดเรือนร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อไอริสขยับตัวช้า ๆ แต่ความอ่อนล้าของร่างกายยังถ่วงให้เธอจมอยู่กับเตียงมากกว่าจะลุกขึ้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเวลานี้ควรตื่นขึ้นมาได้แล้ว แต่ทุกส่วนของร่างกลับหนักอึ้งจนเกินจะขยับกลิ่นอุ่นคุ้นเคยจากผ้าห่มและหมอนที่รองศีรษะ ล้วนเป็นกลิ่นกายของเขา อบอุ่น ปลอดภัย และดึงรั้งให้เธอหลับใหลต่ออย่างง่ายดาย ความเหนื่อยล้าที่ยังตกค้างจากการถูกเขารังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไร้เรี่ยวแรง ทำให้เธอแทบไม่เหลือพลังจะฝืนลุกขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรกของเรา แต่กลับต่างจากครั้งไหน ๆ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีแรงผลักดันจากความอยากเอาชนะ มีเพียงแค่เขาและเธอ ที่ปล่อยให้สัมผัสนำพาความต้องการไป จนลืมทุกอย่างรอบตัวเธอจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นเขา ทั้งน้ำเสียง แรงกอด จังหวะหายใจ เสียงแหบพร่าที่กระซิบใกล้ข้างหู และมือของเขาที่โอบรั้งเธอไว้แน่นจนเหมือนจะหลอมละลายเข้าไปด้วยกัน เพราะครั้งนี้เธอเต็มใจไ
ไอริสเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ อย่างเหนื่อยหอบ เขายังคงกดแนบแก่นกายอยู่ในตัวเธอ ไม่ผละออก ไม่แม้แต่จะขยับถอย มือหนารั้งสะโพกเธอไว้แน่น หวงแหนราวกับยังไม่อยากปล่อยสัมผัสอุ่นร้อนให้หลุดจากอ้อมแขนไปไหน เพื่อซึมซับความรู้สึกของกันและกัน“หนูกำลังตัวสั่น”เสียงเขาทุ้มต่ำ พึมพำชิดข้างแก้ม ลมหายใจของเขาก็หอบเหนื่อยไม่ต่างจากเธอ ไอริสเม้มปากแน่น แก้มเห่อร้อนแดงจัด ขาทั้งสองข้างยังโอบรอบสะโพกเขาโดยไม่รู้ตัวร่างกายเธอเบาหวิวเหมือนไม่ได้อยู่กับพื้นอีกต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขาก็ขยับสะโพกออก พร้อมหยิบกล่องอุปกรณ์ป้องกันขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วจัดการแกะเปลี่ยนอันใหม่เอามาสวมลงไปอีกครั้ง“พี่ซันพอแล้ว”“แน่ใจเหรอครับ ว่าหนูไม่อยากให้พี่ทำต่อ”เสียงแหบทุ้มต่ำกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดใบหูอย่างคลอเคลีย แต่แฝงแรงปรารถนาอย่างชัดเจน ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่เป็นคำถามที่บ่งบอกว่าเขายังไม่อยากหยุดไอริสได้แต่เบี่ยงหน้าหลบด้วยความเขินอาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่เสียดสีกับร่องรักของเธออีกครั้งคนตัวโตค่อย ๆ ขยับสะโพกเพื่อถูไถ่แท่งเอ็นร้อนให้เส้นเลือดปูดโปนและรอยหยักสัมผัสไปกับความเปียกแฉะภา
“พะ พี่ซัน”เสียงหวานของไอริสหลุดลอยออกมาอย่างแผ่วเบา เธอพยายามตั้งสติไม่ให้หลงเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาที่กำลังยั่วเย้าอารมณ์ของเธอให้เตลิดไปไกล แต่เธอกลับถูกต้อนให้ตกลงไปในห้วงราคะของเขาด้วยไออุ่นร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดวนเวียนอยู่ข้างแก้มร่างสูงยังคงยืนอยู่ตรงหน้าบดเบียดร่างกายส่วนล่างของเขาให้แนบชิดคลอเคลียไปกับเรือนร่างของเธอจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลมหายใจของเขา มือหนายังคงวนเวียนอยู่บนบริเวณต้นขา ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนไกล แต่กลับลูบไล้เนิบช้า เฉียดใกล้รอยแยกเนินเนื้อนุ่มที่เริ่มเปียกแฉะคนตัวสูงกดจูบเบา ๆ บนเนินไหล่ ก่อนจะลากริมฝีปากลงต่ำอย่างเชื่องช้าจนถึงเนินอกแล้วใช้ปลายจมูกไล้ขึ้นมาที่ลำคออีกครั้ง เขากดจูบริมฝีปากซ้ำ ๆ ราวกับตั้งใจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกจุดที่เลื่อนผ่าน“อืมมมม”เสียงหวานของเธอเริ่มสั่นไหว พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก เมื่อเขาเลื่อนมือขึ้นจากต้นขา ค่อย ๆ สอดเข้าใต้ชายกระโปรงที่ขยับเลิกขึ้นจากตอนถูกอุ้มขึ้นมาบนโต๊ะ ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือร้อนแนบเข้ากับผิวเปลือยเปล่าใต้ลูกไม้บางตัวนั้น“พี่ซัน อย่า…”เสียงเธอเบาหวิว พยายามร้องห้ามอย่างติด ๆ ขัด ๆ แต่แว
“แก ๆ ดูนี่สิ!”พิณเพลงยื่นมือถือมาตรงหน้าไอริส หน้าจอแสดงภาพของนักแสดงชายจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ “โอ๊ย หล่ออะแก!”เสียงไอริสกรี๊ดออกเบา ๆ อย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ขณะที่รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า“ดูหุ่นสิ! โอ้โห…ซิกแพคแน่นมาก กล้ามแขนก็แบบ…แน่นสุด!”เธอพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว แขนเล็ก ๆ เอื้อมไปเกาะเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเคอะเขินไม่ต่างกัน“ไอ…ดูนี่สิ เขามีตารางบินมาไทยวันนี้นะ”“จริงเหรอ!?”สายตาไอริสกวาดมองไปรอบร้าน พอเห็นว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก สินค้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนเพื่อนสนิทอย่างพิณเพลงให้ลุกไปด้วยกันทันที“เดี๋ยวไอ จะไปไหน”“ไปหาสามีทิพย์! ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ได้หยุดเลย ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะ ” ร่างบางเกาะแขนเพื่อนแน่น เอาหน้าซบไหล่พร้อมส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์“ไม่ได้”ไอริสที่ได้ยินคำปฏิเสธก็เริ่มทำหน้าเหงาหงอยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ร้าน เพราะเพื่อนสนิทไม่ยอมไปด้วย หากแต่จะให้เธอไปเองคนเดียวก็ไม่กล้า“ไม่ได้...จะไปหน้าสด ชุดไม่สวยแบบนี้ไม่ได้”เธอหันกลับทันควัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นชั้
“คนบ้า…”เสียงหวานยังคงบ่นพึมพำในลำคอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างสูงที่ผละตัวออกจากเธอ ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับจังหวะหัวใจของเธอที่ยังสั่นระรัวไม่หยุดติ๊ง!เสียงเตาอบดังขึ้นและเงียบลงแทบในเวลาเดียวกัน ไอริสค่อย ๆ เปิดเตา ก่อนจะยกถาดขนมที่เพิ่งสุกออกมาวางบนตะแกรงพัก มือเรียวบางสั่นเล็กน้อยขณะยกถาดเอาขนมออกจัดวางอย่างเบามือไอร้อนพร้อมกลิ่นหอมของขนมลอยกรุ่นคลอเคล้ากลิ่นเนยผสมกลิ่นวนิลลาจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้อง แต่กลิ่นหอมของเค้กนั้นแทบจะสู้กลิ่นกายของเขาไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเขายังยืนอยู่ข้างหลัง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอย่างตั้งใจนั้น… มันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด“พี่เรียนมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว… ขึ้นไปพักเถอะค่ะ”เธอเอ่ยเบา ๆ โดยไม่หันกลับไปมอง พยายามเบี่ยงสายตาจากเขามาที่ขนมบนตะแกรง แล้วหันไปหยิบวัตถุดิบสำหรับเตรียมทำขนมคืนนี้แทน“ไม่เหนื่อย”เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาช้า ๆ พร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกจับไว้เบา ๆ จากมือของเขา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา“สนใจแต่ลูกค้ากับขนม…”เขากระซิบบอกเบา ๆ ราวกับกำลังน้อย
เช้าวันต่อมาแสงแดดยามเช้าสาดลอดผ่านกระจกหน้าร้านเข้ามาอย่างอบอุ่น กลิ่นขนมอบใหม่จากเตา หอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านไอริสยืนอยู่หน้าตู้เค้ก ตรวจความเรียบร้อยภายในร้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝากร้านกับพี่ ๆ พนักงานซึ่งเป็นคนเก่าที่เคยช่วยดูแลร้านระหว่างที่เธอไปเรียนเป็นโชคดีของเธอที่ร้านอยู่แค่หลักตึกคณะ สามารถเดินไปได้และใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ยังไม่ทันได้หยิบกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว ก็เห็นเงาของร่างสูงมายืนอยู่ไม่ไกลซันยืนอยู่ในชุดนักศึกษาวิศวะ เสื้อยืดสีขาวพับแขนลวก ๆ ทับด้วยช็อปที่พาดไว้บนไหล่ กับทรงผมที่ยุ่งนิดหน่อยตามสไตล์คนเพิ่งตื่น แต่กลับดูดีจนเธอรู้สึกหมั่นไส้“จะไปเรียนใช่ไหม เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”เสียงทุ้มต่ำของคนตัวโตบอกเธอเสียงเรียบ เขาพูดง่าย ๆ เหมือนแค่ชวนไปซื้อข้าวหน้าปากซอย โดยไม่ถามเธอเลยสักคำว่าจะยอมให้เขาไปส่งไหม“ร้านอยู่ใกล้แค่หลังตึก ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”เธอถอนหายใจเบา ๆ ใครจะอยากให้เขาไปส่งกันเล่า เมื่อวานหลังจากจัดร้านเรียบร้อย พิณเพลงก็ไม่วายเอาแต่พูดถึงเขากับเพื่อน ๆ หนุ่มวิศวะคนดังของมหา’ลัย ที่เห็นจากกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันก็ต้องยอมรับว่าทั้งหล่อ ทั้งดูดีแบบก







