แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ซินโฟร์เน่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-21 11:11:12

แสงไฟสลัวบนชั้นสองของตึกในห้องพักที่เธออาศัยมาร่วมเดือน หลังจากทำสัญญาเช่าจากญาติของวินมาได้เกือบสองเดือนแล้วเปลี่ยนพื้นที่ชั้นล่างเป็นร้านคาเฟ่เล็ก ๆ เพื่อหาเงินดูแลตัวเองระหว่างเรียน แต่วันนี้เธอกลับต้องย้ายออกอย่างกะทันหัน

ดวงตากลมโตมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง พลางคิดถึงความทรงจำช่วงแรก ๆ ตอนที่เธอกำลังเตรียมร้านนี้ขึ้นมาด้วยความทุ่มเท

ไอริสโยนกระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ ลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตามไป กระทั้งกล่องข้าวที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ เธอก็หมดแรงแม้แต่จะเปิดฝา

ความรู้สึกของเธอได้พังลงไม่เป็นท่า มันไม่ใช่แค่การถูกนอกใจ แต่มันเหมือนกับเธอกำลังถูกเหยียบย่ำความตั้งใจในการสร้างร้านนี้ขึ้นมา ‘นี่สินะที่เขาบอกกันว่าอย่างไปสร้างความไว้ใจบนที่ของคนอื่น การทำธุรกิจสิ่งแรกที่ควรมีคือสัญญา และครั้งนี้เธอพลาดเองคงโทษใครไม่ได้’

วันนี้ทั้งวันเธอเดินจนแทบไม่มีแรงจะขยับขา แต่ไม่มีที่ไหนตรงใจ เธอเอนหลังพิงพนัก โยนผ้าเช็ดหน้าลงข้างตัว แล้วเงยหน้ามองเพดานห้อง

“เหลือเวลาอีกแค่วันเดียว”

เสียงพึมพำหลุดจากริมฝีปากบางอย่างคิดไม่ตกว่าควรทำยังไงต่อไปดี พร้อมกับมือถือที่วางอยู่ข้างตัวส่งเสียงดังขึ้นกะทันหัน เธอสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู

เรียวคิ้วบางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายอย่างลังเล

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีจ้ะ หนูใช่คนที่โทรมาขอเช่าร้านป้าเมื่อเย็นหรือเปล่าจ๊ะ?”

เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นทางปลายสาย ทำให้คนตัวเล็กดีดตัวลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง ก่อนจะก้มมองดูเบอร์ที่โทรเข้ามาอย่างไม่มั่นใจ

“ค่ะ…ใช่ค่ะ”

เธอตอบรับเสียงแผ่ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงได้รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงมากกว่าที่เคย เธอไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าของร้านถึงได้โทรกลับมา หรือเธอจะเผลอไปทำข้าวของเขาเสียหายกัน

“คือ ตอนนี้ป้าเปลี่ยนใจแล้ว ป้าจะยอมให้หนูเปิดร้านในที่ของป้า แต่ป้ามีเงื่อนไขว่าต้องให้หลานชายป้าเข้ามาเป็นหุ้นส่วน”

ไอริสเงียบไปชั่วขณะ เหมือนสมองยังตามไม่ทันกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง

“ขอโทษนะคะ ป้าหมายถึงว่า…ให้หนูมาเปิดร้านและทำสัญญาเป็นหุ้นส่วนกับหลานคุณป้าเหรอค่ะ?”

“ใช่จ้ะ ๆ ไหน ๆ ร้านนี้ก็ขายไม่ออกแล้ว ป้าเองก็ต้องขึ้นเครื่องไปต่างประเทศวันพรุ่งนี้แล้ว ป้าก็ยังอยากให้ร้านเปิดต่อไป ดีกว่าปิดเอาไว้เฉย ๆ แล้วไม่มีคนดูแล แต่หนูไม่ต้องกังวลนะ เดียวเรื่องเงินลงทุนป้าจะจัดการเอง ค่าเช่าไม่ต้องเสีย ส่วนหนูลงแรงบริหารร้านดี ๆ กำไรเราก็แบ่งกันคนละครึ่ง”

ดวงตาของไอริสเบิกกว้าง ความรู้สึกตื้นตันจุกแน่นอยู่ในอก เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“หนู…หนูไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ หนูจะตั้งใจให้ดีที่สุด!”

เรียวมือเล็กยกหลังมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเหมือนกับว่าปัญหาทุกอย่างที่กำลังรุมเร้าคลี่คลายลงตัวสักที

“ดีจ้ะ งั้นไว้พรุ่งนี้มาคุยรายละเอียดกันนะ”

“ได้เลยค่ะ หนูจะไปแต่เช้าเลยค่ะ!”

เธอวางสาย ราวกับยังไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ริมฝีปากเริ่มคลี่ยิ้มจาง ๆ เปี่ยมด้วยความหวัง แล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาพิณเพลงทันที พร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านน้ำตาแห่งความดีใจ

ไอริสยิ้มให้กลับตัวเองกับข่าวดีที่เธอเพิ่งได้รับ แล้วมองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยกล่องเก็บของบางส่วนที่วางระเกะระกะ ก่อนจะยิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง

พรุ่งนี้เธอจะกลับไปที่ร้านนั้น ไม่ใช่ในฐานะคนที่เดินผ่าน แต่ในฐานะหุ้นส่วนเจ้าของร้าน และเธอสัญญากับตัวเองว่า เธอจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมืออีกเป็นครั้งที่สอง

เช้าวันต่อมา

หลังจากที่ทำสัญญาเสร็จไอริสกับพิณเพลงเดินทางมาที่ร้านตั้งแต่เช้า วันนี้ทั้งสองคนตั้งใจลาเรียนหนึ่งวัน เพื่อมาช่วยกันทำความสะอาดร้านและย้ายของจากที่พักเดิมเพราะมีเวลาเหลือแค่วันนี้วันสุดท้าย

คนตัวเล็กหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์คาเฟ่เล็ก ๆ ที่อยู่ถัดมา เธอยิ้มจาง ๆ พลางหันกลับไปมองที่หน้าร้านอีกครั้ง

“ไอ…ไอมาทำอะไรที่นี่เหรอ”

วินถามอดีตคนรักด้วยเสียงต่ำ เจือปนไปด้วยความสงสัยไม่เชื่อว่าจะได้มาเจอกับคนตัวเล็กที่นี่ เพราะวันนี้เขากับฝ้ายตั้งใจจะเข้ามาติดต่อขอซื้อร้านนี้แล้วเปลี่ยนร้านให้เป็นร้านเหล้าหลังมหาลัยแทน

“แล้วคุณคิดว่าฉันจะมาเดินเที่ยวเล่นแถวนี้หรือไง?”

ไอริสหันไปสบตาเขาโดยตรง ดวงตาของเธอสงบไม่มีความสั่นไหวหรืออาลัยอาวรณ์หลงเหลืออยู่ เธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอกับสองคนนี้เหมือนกัน

“ถ้าไอจะมาดักรอวิน วินว่าหยุดเถอะนะยังไงวินก็เลือกฝ้าย”

หญิงสาวกระตุกยิ้มเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเคยรักผู้ชายแบบนี้ ก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงหยัน

“ไอไม่ได้มารอวิน ไอมาทำสัญญากับเจ้าของร้านนี้”

“แต่ฉันไม่ให้ คนที่จะได้ร้านนี้ต้องเป็นฉันกับวิน อย่างเธอจะไหวเหรอ? ร้านนี้แพงนะ”

“ทำไมเพื่อนฉันต้องขออนุญาตเธอด้วยล่ะ ในเมื่อไอริสเพิ่งทำสัญญากับเจ้าของที่นี่ไปแล้วเมื่อเช้า”

พิณเพลงที่ได้ยินเสียงดังโวยวาย ก็รีบเดินออกมาหาเพื่อนของเธอทันที ก่อนจะเจอกับใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่

“ไม่จริง อย่างเธอเหรอจะมีปัญญาซื้อที่นี่”

ฝ้ายกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ เพราะเธอเป็นคนใช้โทรศัพท์ของแฟนหนุ่มส่งข้อความให้อีกฝ่ายเร่งให้ย้ายออกไปเอง อีกทั้งเมื่อวานเธอก็ได้ข่าวว่าไอริสมาดูร้านที่นี่เลยตั้งใจจะมาแย่งซื้อตัดหน้าไป

ความจริงฝ้ายก็ไม่ได้รู้สึกชอบอะไรในตัววินขนาดนั้น เพียงแต่เธอไม่ชอบไอริส ที่ดูจะเด่นและเป็นที่สนใจจากทุกคนรอบตัว มากกว่าเธอที่ได้รับเลือกให้เป็นลงประกวดดาวคณะ แต่สุดท้ายก็ได้มารู้ทีหลังว่าสาเหตุที่เธอได้รับเลือกก็เพราะไอริสปฏิเสธการลงประกวดครั้งนี้ มันทำให้เธอรู้แพ้ จนอยากแย่งทุกอย่างของไอริสมาเป็นของตัวเองให้หมด

“จริงค่ะ ฉันคงไม่มีปัญญาซื้อที่นี่ แต่ฉันเพิ่งทำสัญากับเจ้าของที่นี่ในฐานะเป็นหุ้นส่วนร้าน ก่อนที่เขาจะบินไปต่างประเทศเมื่อเช้าเอง”

คำพูดนั้นเรียบนิ่ง แต่กลับทำคนฟังเจ็บราวกับเอามีดบาง ๆ กรีดลงกลางใจ วินนิ่งไปมือกำแน่นอยู่ข้างลำตัว

“ไอ…”

เขาเอ่ยขึ้นราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไอริสยกมือห้ามก่อน

“ขอโทษนะ ฉันไม่มีเวลาพอจะคุยกับ ‘คนเก่า’ แล้วน่ะ”

เธอเน้นคำนั้นชัดเจน ก่อนจะหันหลังกลับ สองสามก้าวที่เธอเดินออกไป มันเต็มไปด้วยความมั่นใจ เสียงจากด้านหลังยังแว่วมาเบา ๆ

“ออกไปจากร้านนี้ เธอไม่มีสิทธิ์”

เรียวแขนเล็กถูกอีกฝ่ายกระชากให้หันกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้จนเกิดรอยแดง ก่อนจะถูกดึงมาไว้ในอ้อมกอดของใครบางคนจนแผ่นแนบชิดอย่างไม่ทันตั้งตัว

“มาอยู่ตรงนี้เอง…”

น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นของซันดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่อ้อมแขนจะโอบกระชับรอบไหล่ของเธอให้แน่นขึ้นอย่างเป็นเจ้าของ

วินเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มแปลกหน้าที่โอบกอดร่างของไอริสเอาไว้อย่างหวงแหน

“มันเป็นใคร...ไอ”

มาวินถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ซันไม่แม้แต่จะหันไปมองอีกฝ่าย เขาก้มลงพูดกับไอริสเบา ๆ ข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจนเธอรู้สึกขนลุก

“ขอโทษที่มาช้า”

เธอรู้ว่าเป็นเขาตั้งแต่แรก แม้จะไม่ได้หันกลับไปมอง ถึงจะเจอกันไม่กี่ครั้งแต่เธอก็จำกลิ่นน้ำหอมของคนที่ยืนซ้อนแผ่นหลังเธอตอนนี้ได้ดี

“มันเป็นใครไอ...บอกวินมา”

“เป็นผัว”

“…”

คำพูดนั้นกระแทกใจวินเต็มแรง คนตัวเล็กไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เธอแค่ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่แขนของเขา ราวกับเป็นการตอบรับในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดว่ามันคือเรื่องจริง

“ทำไมกับมันถึงยอมง่ายจังวะ ที่กับวินทำไมไอต้องทำเป็นเล่นตัว”

ผลัวะ!!

ไม่มีคำพูดหรือเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา นอกจากหมัดที่กระแทกเข้าหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง

“มีของดีแต่ไม่รู้จักรักษา ก็อย่าปากหมากับผู้หญิงของกู”

“…”

“ไปกันเถอะ”

ซันกระซิบบอกไอริสอย่างนุ่มนวล เธอพยักหน้า แล้วปล่อยให้เขาจูงมือพาเดินออกมา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 65

    บ้านสวนคาเฟ่ไอริสแสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านไม้เลื้อยที่เกาะระแนงด้านหน้า เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน กลิ่นหอมของกาแฟคั่วสดผสมกับกลิ่นวานิลลาอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมาร่างเล็กในเดรสผ้าฝ้ายสีขาวบางเบานั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้ เธอลูบหน้าท้องกลมเบา ๆ อย่างเผลอไผล ก

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 64

    ซันมองเข้าไปในดวงตาสวยคู่นั้นก็จะเลื่อนมือข้างหนึ่งมาตรึงข้อมือเรียวของเธอไว้เหนือศีรษะ กดแผ่นหลังบางแนบกับผนังเย็น ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากอย่างร้อนแรงเรียวลิ้นหนาสอดเข้ามาหยอกล้อในโพรงปากนุ่มราวกับหลงใหลในรสหวานที่ไม่มีวันพอ รสจูบของเขาอ่อนโยนแต่ก็เร่าร้อนราวกับไฟฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้ไปตามร

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 63

    Dragon Clubภายใต้แสงไฟสลัวและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม “Dragon Club” ยังคงคึกคักไม่ต่างจากทุกคืน ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการกันแน่นขนัด ทั้งบนฟลอร์และรอบบาร์เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเร่าร้อนและแอลกอฮอล์ที่ลอยคลุ้งในอากาศบนโซฟาหนังริมกระจกบานใหญ่ ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่ปลดกระดุมไว้เพียงครึ่งเผย

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 62

    หลังจากช่วงเวลาแห่งความปีติยินดีผ่านไปเพียงไม่นาน ซันเอ่ยกับ ไอริสเบา ๆ“ไปบ้านสวนกันนะ พี่มีอะไรจะให้”เขาไม่รอให้เธอถามอะไรอีก มือหนาเลื่อนมากุมมือเล็ก ๆ นั้นไว้ ก่อนจะพาไปขึ้นรถ แล้วขับรถพาเธอมาจนถึงบ้านสวน ในบ่ายที่แสงแดดกำลังนวลพอดีแต่เมื่อรถเลี้ยวมาถึงทางเข้า เธอกลับต้องเบิกตากว้างด้วยความตก

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 61

    สองปีต่อมาเสียงประกาศชื่อบัณฑิตดังก้องอยู่ภายในหอประชุมใหญ่ บรรดานักศึกษาในชุดครุยสีดำขลิบทองทยอยเดินขึ้นเวทีตามลำดับรายชื่อ หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวร่างบางเจ้าของดวงตากลมโตที่ในวันนี้ดูโดดเด่นไม่แพ้ใครผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ทว่าเปล่งประกาย ใต้ครุยสถาปั

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 60

    มือเรียวบางเริ่มบีบครีมกะทิมะพร้าวเป็นวงกลมบนเนื้อเค้กให้สูงขึ้นเล็กน้อย โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ราดซอสตะโก้เผือกที่เตรียมแล้ว จากนั้นก็บีบครีมกะทิลงไปอีกชั้นตามด้วยเนื้อเค้กที่แบ่งไว้ ก่อนจะบาดครีมกะทิมะพร้าวสีขาวละมุนรอบเนื้อเค้กให้เรียบ ตกแต่งหน้าเค้กด้วยซอสตะโก้เผือก ปิดท้ายด้วยการนำเอาไข่แดง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status