แสงไฟสลัวบนชั้นสองของตึกในห้องพักที่เธออาศัยมาร่วมเดือน หลังจากทำสัญญาเช่าจากญาติของวินมาได้เกือบสองเดือนแล้วเปลี่ยนพื้นที่ชั้นล่างเป็นร้านคาเฟ่เล็ก ๆ เพื่อหาเงินดูแลตัวเองระหว่างเรียน แต่วันนี้เธอกลับต้องย้ายออกอย่างกะทันหัน
ดวงตากลมโตมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง พลางคิดถึงความทรงจำช่วงแรก ๆ ตอนที่เธอกำลังเตรียมร้านนี้ขึ้นมาด้วยความทุ่มเท
ไอริสโยนกระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ ลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตามไป กระทั้งกล่องข้าวที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ เธอก็หมดแรงแม้แต่จะเปิดฝา
ความรู้สึกของเธอได้พังลงไม่เป็นท่า มันไม่ใช่แค่การถูกนอกใจ แต่มันเหมือนกับเธอกำลังถูกเหยียบย่ำความตั้งใจในการสร้างร้านนี้ขึ้นมา ‘นี่สินะที่เขาบอกกันว่าอย่างไปสร้างความไว้ใจบนที่ของคนอื่น การทำธุรกิจสิ่งแรกที่ควรมีคือสัญญา และครั้งนี้เธอพลาดเองคงโทษใครไม่ได้’
วันนี้ทั้งวันเธอเดินจนแทบไม่มีแรงจะขยับขา แต่ไม่มีที่ไหนตรงใจ เธอเอนหลังพิงพนัก โยนผ้าเช็ดหน้าลงข้างตัว แล้วเงยหน้ามองเพดานห้อง
“เหลือเวลาอีกแค่วันเดียว”
เสียงพึมพำหลุดจากริมฝีปากบางอย่างคิดไม่ตกว่าควรทำยังไงต่อไปดี พร้อมกับมือถือที่วางอยู่ข้างตัวส่งเสียงดังขึ้นกะทันหัน เธอสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู
เรียวคิ้วบางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายอย่างลังเล
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ หนูใช่คนที่โทรมาขอเช่าร้านป้าเมื่อเย็นหรือเปล่าจ๊ะ?”
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นทางปลายสาย ทำให้คนตัวเล็กดีดตัวลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง ก่อนจะก้มมองดูเบอร์ที่โทรเข้ามาอย่างไม่มั่นใจ
“ค่ะ…ใช่ค่ะ”
เธอตอบรับเสียงแผ่ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงได้รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงมากกว่าที่เคย เธอไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าของร้านถึงได้โทรกลับมา หรือเธอจะเผลอไปทำข้าวของเขาเสียหายกัน
“คือ ตอนนี้ป้าเปลี่ยนใจแล้ว ป้าจะยอมให้หนูเปิดร้านในที่ของป้า แต่ป้ามีเงื่อนไขว่าต้องให้หลานชายป้าเข้ามาเป็นหุ้นส่วน”
ไอริสเงียบไปชั่วขณะ เหมือนสมองยังตามไม่ทันกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง
“ขอโทษนะคะ ป้าหมายถึงว่า…ให้หนูมาเปิดร้านและทำสัญญาเป็นหุ้นส่วนกับหลานคุณป้าเหรอค่ะ?”
“ใช่จ้ะ ๆ ไหน ๆ ร้านนี้ก็ขายไม่ออกแล้ว ป้าเองก็ต้องขึ้นเครื่องไปต่างประเทศวันพรุ่งนี้แล้ว ป้าก็ยังอยากให้ร้านเปิดต่อไป ดีกว่าปิดเอาไว้เฉย ๆ แล้วไม่มีคนดูแล แต่หนูไม่ต้องกังวลนะ เดียวเรื่องเงินลงทุนป้าจะจัดการเอง ค่าเช่าไม่ต้องเสีย ส่วนหนูลงแรงบริหารร้านดี ๆ กำไรเราก็แบ่งกันคนละครึ่ง”
ดวงตาของไอริสเบิกกว้าง ความรู้สึกตื้นตันจุกแน่นอยู่ในอก เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“หนู…หนูไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ หนูจะตั้งใจให้ดีที่สุด!”
เรียวมือเล็กยกหลังมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเหมือนกับว่าปัญหาทุกอย่างที่กำลังรุมเร้าคลี่คลายลงตัวสักที
“ดีจ้ะ งั้นไว้พรุ่งนี้มาคุยรายละเอียดกันนะ”
“ได้เลยค่ะ หนูจะไปแต่เช้าเลยค่ะ!”
เธอวางสาย ราวกับยังไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ริมฝีปากเริ่มคลี่ยิ้มจาง ๆ เปี่ยมด้วยความหวัง แล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาพิณเพลงทันที พร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านน้ำตาแห่งความดีใจ
ไอริสยิ้มให้กลับตัวเองกับข่าวดีที่เธอเพิ่งได้รับ แล้วมองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยกล่องเก็บของบางส่วนที่วางระเกะระกะ ก่อนจะยิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง
พรุ่งนี้เธอจะกลับไปที่ร้านนั้น ไม่ใช่ในฐานะคนที่เดินผ่าน แต่ในฐานะหุ้นส่วนเจ้าของร้าน และเธอสัญญากับตัวเองว่า เธอจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมืออีกเป็นครั้งที่สอง
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่ทำสัญญาเสร็จไอริสกับพิณเพลงเดินทางมาที่ร้านตั้งแต่เช้า วันนี้ทั้งสองคนตั้งใจลาเรียนหนึ่งวัน เพื่อมาช่วยกันทำความสะอาดร้านและย้ายของจากที่พักเดิมเพราะมีเวลาเหลือแค่วันนี้วันสุดท้าย
คนตัวเล็กหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์คาเฟ่เล็ก ๆ ที่อยู่ถัดมา เธอยิ้มจาง ๆ พลางหันกลับไปมองที่หน้าร้านอีกครั้ง
“ไอ…ไอมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
วินถามอดีตคนรักด้วยเสียงต่ำ เจือปนไปด้วยความสงสัยไม่เชื่อว่าจะได้มาเจอกับคนตัวเล็กที่นี่ เพราะวันนี้เขากับฝ้ายตั้งใจจะเข้ามาติดต่อขอซื้อร้านนี้แล้วเปลี่ยนร้านให้เป็นร้านเหล้าหลังมหาลัยแทน
“แล้วคุณคิดว่าฉันจะมาเดินเที่ยวเล่นแถวนี้หรือไง?”
ไอริสหันไปสบตาเขาโดยตรง ดวงตาของเธอสงบไม่มีความสั่นไหวหรืออาลัยอาวรณ์หลงเหลืออยู่ เธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอกับสองคนนี้เหมือนกัน
“ถ้าไอจะมาดักรอวิน วินว่าหยุดเถอะนะยังไงวินก็เลือกฝ้าย”
หญิงสาวกระตุกยิ้มเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเคยรักผู้ชายแบบนี้ ก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงหยัน
“ไอไม่ได้มารอวิน ไอมาทำสัญญากับเจ้าของร้านนี้”
“แต่ฉันไม่ให้ คนที่จะได้ร้านนี้ต้องเป็นฉันกับวิน อย่างเธอจะไหวเหรอ? ร้านนี้แพงนะ”
“ทำไมเพื่อนฉันต้องขออนุญาตเธอด้วยล่ะ ในเมื่อไอริสเพิ่งทำสัญญากับเจ้าของที่นี่ไปแล้วเมื่อเช้า”
พิณเพลงที่ได้ยินเสียงดังโวยวาย ก็รีบเดินออกมาหาเพื่อนของเธอทันที ก่อนจะเจอกับใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่
“ไม่จริง อย่างเธอเหรอจะมีปัญญาซื้อที่นี่”
ฝ้ายกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ เพราะเธอเป็นคนใช้โทรศัพท์ของแฟนหนุ่มส่งข้อความให้อีกฝ่ายเร่งให้ย้ายออกไปเอง อีกทั้งเมื่อวานเธอก็ได้ข่าวว่าไอริสมาดูร้านที่นี่เลยตั้งใจจะมาแย่งซื้อตัดหน้าไป
ความจริงฝ้ายก็ไม่ได้รู้สึกชอบอะไรในตัววินขนาดนั้น เพียงแต่เธอไม่ชอบไอริส ที่ดูจะเด่นและเป็นที่สนใจจากทุกคนรอบตัว มากกว่าเธอที่ได้รับเลือกให้เป็นลงประกวดดาวคณะ แต่สุดท้ายก็ได้มารู้ทีหลังว่าสาเหตุที่เธอได้รับเลือกก็เพราะไอริสปฏิเสธการลงประกวดครั้งนี้ มันทำให้เธอรู้แพ้ จนอยากแย่งทุกอย่างของไอริสมาเป็นของตัวเองให้หมด
“จริงค่ะ ฉันคงไม่มีปัญญาซื้อที่นี่ แต่ฉันเพิ่งทำสัญากับเจ้าของที่นี่ในฐานะเป็นหุ้นส่วนร้าน ก่อนที่เขาจะบินไปต่างประเทศเมื่อเช้าเอง”
คำพูดนั้นเรียบนิ่ง แต่กลับทำคนฟังเจ็บราวกับเอามีดบาง ๆ กรีดลงกลางใจ วินนิ่งไปมือกำแน่นอยู่ข้างลำตัว
“ไอ…”
เขาเอ่ยขึ้นราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไอริสยกมือห้ามก่อน
“ขอโทษนะ ฉันไม่มีเวลาพอจะคุยกับ ‘คนเก่า’ แล้วน่ะ”
เธอเน้นคำนั้นชัดเจน ก่อนจะหันหลังกลับ สองสามก้าวที่เธอเดินออกไป มันเต็มไปด้วยความมั่นใจ เสียงจากด้านหลังยังแว่วมาเบา ๆ
“ออกไปจากร้านนี้ เธอไม่มีสิทธิ์”
เรียวแขนเล็กถูกอีกฝ่ายกระชากให้หันกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้จนเกิดรอยแดง ก่อนจะถูกดึงมาไว้ในอ้อมกอดของใครบางคนจนแผ่นแนบชิดอย่างไม่ทันตั้งตัว
“มาอยู่ตรงนี้เอง…”
น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นของซันดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่อ้อมแขนจะโอบกระชับรอบไหล่ของเธอให้แน่นขึ้นอย่างเป็นเจ้าของ
วินเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มแปลกหน้าที่โอบกอดร่างของไอริสเอาไว้อย่างหวงแหน
“มันเป็นใคร...ไอ”
มาวินถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ซันไม่แม้แต่จะหันไปมองอีกฝ่าย เขาก้มลงพูดกับไอริสเบา ๆ ข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจนเธอรู้สึกขนลุก
“ขอโทษที่มาช้า”
เธอรู้ว่าเป็นเขาตั้งแต่แรก แม้จะไม่ได้หันกลับไปมอง ถึงจะเจอกันไม่กี่ครั้งแต่เธอก็จำกลิ่นน้ำหอมของคนที่ยืนซ้อนแผ่นหลังเธอตอนนี้ได้ดี
“มันเป็นใครไอ...บอกวินมา”
“เป็นผัว”
“…”
คำพูดนั้นกระแทกใจวินเต็มแรง คนตัวเล็กไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เธอแค่ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่แขนของเขา ราวกับเป็นการตอบรับในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดว่ามันคือเรื่องจริง
“ทำไมกับมันถึงยอมง่ายจังวะ ที่กับวินทำไมไอต้องทำเป็นเล่นตัว”
ผลัวะ!!
ไม่มีคำพูดหรือเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา นอกจากหมัดที่กระแทกเข้าหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง
“มีของดีแต่ไม่รู้จักรักษา ก็อย่าปากหมากับผู้หญิงของกู”
“…”
“ไปกันเถอะ”
ซันกระซิบบอกไอริสอย่างนุ่มนวล เธอพยักหน้า แล้วปล่อยให้เขาจูงมือพาเดินออกมา