เมื่อออกมาห่างจากสายตาผู้คนและเสียงวุ่นวายหน้าร้านแล้ว ไอริสเงยหน้ามองชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและหลากหลายคำถามในใจ แต่ตอนนี้เธอถูกเขาลากมาที่ชั้นสองของร้านเสียแล้ว
“ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยไอไว้”
เธอพูดเสียงเบา แต่ชัดเจนพอให้เขาได้ยิน มือเล็ก ๆ ของเธอยังถูกเขาเกาะกุมเอาไว้อยู่แบบนั้น
“ไม่เป็นไร”
ซันยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ราวกับจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ปีไหนนะเราแล้วทำไมไม่เรียกชื่อฉัน…หรือว่าลืม?”
น้ำเสียงของเขาดูทุ้มต่ำลงอย่างจริงจัง ดวงตาคมสบตาเธอตรง ๆ ไม่ยอมให้หลบเลี่ยงเพื่อรอคำตอบ
“ว่าแต่…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ไอริสเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของคนตัวโต เธอทำราวกับว่าไม่ได้ยินมัน แต่เลือกจะตั้งคำถามกลับไปในสิ่งที่เธออยากรู้
“ดื้อ”
ซันยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะใช้สายตาจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความเอ็นดู เห็นแบบนี้ก็ดื้อตาใสเหมือนกันนิ
“ไอเปล่านะ”
ร่างบางรีบเอ่ยปฏิเสธ พร้อมกับหัวใจของเธอที่เต้นระรั่ว เขาจะบอกให้เธอเรียกชื่อเขาอีกได้ยังไง แค่จู่ ๆก็ได้มาเจอกันแบบไม่ทันตั้งตัวเธอก็ตกใจแทบแย่ แล้วเขายังเป็นคนมาช่วยเธอจากสถานการณ์บ้า ๆ นั้นอีก
“เปล่าได้ไง ก็ทำหน้าดื้ออยู่นี้ไง”
ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน ช่วงนี้เหมือนเธอจะบังเอิญเจอเขาบ่อยมากขึ้นหรือเปล่า
แค่ได้มาเจอกันแบบนี้ก็ทำเอาเธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ถึงเธอจะดื่มเข้าไปเยอะมากแต่เธอก็ยังมีสติ และจดจำได้ทุกสัมผัส
ความร้อนแรงของเขาก็ยังชัดเจนวนเวียนอยู่ในหัวของเธอจนยากจะลืม ยิ่งตอนนี้ที่เขาเข้ามาใกล้หัวใจของเธอก็ดันเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ
“หน้าแดงแบบนี้คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอหื้มมมม”
ซันหัวเราะในลำคอเบา ๆ ยิ่งเห็นใบหน้าเขินอายของคนตรงหน้าก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอย่างแกล้ง คนตัวสูงใช้ความได้เปรียบจากร่างกายที่สูงโปร่ง เดินเข้าประชิดคนตัวเล็กและค่อยๆ ไล่ต้อนให้จนมุม
“กำลังคิดเหมือนกันหรือเปล่า”
“อะ ไอเปล่า...อืมมมม”
เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในริมฝีปากหนาที่สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามากวาดต้อนความหวานอย่างดูดดื่มและไม่ทันตั้งตัว
“รู้ตัวไหมครับ ว่าหนูทั้งหอม ทั้งหวานเหมือนกลิ่นขนมเลย”
“ซัน ปล่อยก่อน เดียวใครมาเห็น”
เธอดันเขาออกเบา ๆ คนตัวโตค่อย ๆ ถอนริมฝีปากหนาที่บดคลึ่งริมฝีปากบางออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังไม่วายที่จะยังกระหวัดปลายลิ้นพันเกี่ยวเรียวลิ้นของเธอเอาไว้อย่างไม่ยอมลดละก่อนผละตัวออกมา
“ก็ตอบในสิ่งที่ถามมาก่อน”
“สถาปัตย์ ปีหนึ่งค่ะ”
ร่างบางก้มหน้าตอบเสียงแผ่วด้วยความเขินอาย ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาเช็ดความเปียกชื้นจากคราบน้ำลายที่เลอะมุมปาก
“ถ้างั้นฉันก็เป็นพี่เธอนะ ยัยดื้อ”
“ค่ะ แต่ช่วยถอยออกไปก่อนได้ไหมคะ...ไอมีเรื่องอยากคุยกับพี่”
“แล้วอยากยืนคุยหรือนอนคุยละ ถ้าจะยืนคุยตัวแค่นี้พี่น่าจะอุ้มได้นานอยู่นะ”
เขาไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น แต่ยังตั้งใจบดเบียดช่วงล่างให้เสียดสีไปกับร่างบางจนเธอสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่ดันนูนอยู่ข้างใน
“ทะลึ่ง!”
“ฮ่า ๆ รู้ว่าพี่คิดทะลึ่ง เพราะเราก็คิดเหมือนพี่ใช่ไหม”
“…”
ใบหน้าเรียวเล็กได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย ถึงแม้ว่าวันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน แต่นั้นก็เป็นเพราะความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เลยทำให้เธอใจกล้าจะทำอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เธอไม่ได้หน้ามึนเหมือนเขา ที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้กลางวันแสก ๆ หน้าไม่อาย!
“พูดมาสิ แต่มีเงื่อนไขต้องพูดกับพี่เพราะ ๆ กว่านี้นะ”
“ทำไมพี่ซันถึงมาอยู่ที่นี่ค่ะ”
“ฉันก็มาที่นี่เหมือนเธอนั่นแหละ…มาทำหน้าที่ของหุ้นส่วน”
“หุ้นส่วน?”
ไอริสขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับสมองของเธอคิดตามไม่ทันในความหมายของเขาที่ต้องการจะสื่อ
“ใช่…หลานชายของเจ้าร้านนี่ คือพี่เอง”
ซันยักคิ้วนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ราวกับตอกย้ำคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด ทั้งที่คำตอบมันชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ก็ยังอุตส่าห์อธิบายเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น
“...”
“หรือพี่ต้องบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ น้องไอหุ้นส่วนคนใหม่ของพี่”
หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเบิกตากว้างทั้งกับคำพูดและการกระทำของเขาที่เริ่มจะซุกซนด้วยการก้มมาสูดดมความหอมตามร่างกายของเธออีกแล้ว
“หมายความว่า…พี่เป็นหุ้นส่วนจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่...และพี่ก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่ ห้องนี้ของพี่ ส่วนห้องตรงข้ามของหนู หรือดึก ๆ หนูเหงาจะแอบย่องมานอนด้วยก็บอกนะ พี่จะได้ไม่ล็อกประตู”
“คนบ้า”
หญิงสาวได้แต่ขึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ที่กำลังยกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี เขาทำเหมือนว่าการได้แกล้งเธอนั้นเป็นเรื่องสนุก
“ถ้างั้นไอ ฝากตัวด้วยนะคะ”
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบา ๆ หมดแรงจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา ยิ่งได้รู้ว่าหลังจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่นี่ลำพัง ก็ทำเอาคิดหนักไม่น้อย เพราะจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับชายหนุ่มที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแบบสองต่อสองอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่สถานการณ์ของเธอตอนนี้ ก็ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้อีกแล้ว เธอจึงเลือกทำใจยอมรับมันไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีแก้ปัญหานี้ทีหลัง ก่อนจะหมุนตัวเพื่อกลับลงไปที่ชั้นล่างหนีจากคนตัวโต
“ถ้าไอกังวลเรื่องที่ต้องอยู่ด้วยกันที่นี่ พี่สัญญาจะไม่ทำอะไรรุ่มร่ามแต่ถ้าหนูเป็นฝ่ายยินยอมเองอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องนะ แต่ตอนนี้คิดถึงครับ ขอจูบอีกได้ไหม”
ไอริสเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา แต่แทนที่เธอจะถอยหนี เธอกลับยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
“ถ้าไม่ตอบ พี่ถือว่าเราอนุญาตนะ”
คำถามนั้นไร้เสียงตอบรับ มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมระหว่างสองคน กับจังหวะหัวใจที่เต้นแรงเสียจนเหมือนจะได้ยินผ่านความเงียบงันนั้น ก่อนจะสอดประสานสายตาเข้าหากันแทนคำตอบ
ซันโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีการหยอกล้อ ไม่มีการรีบร้อนใด ๆ ริมฝีปากเขาแนบลงอย่างอ่อนโยน ทว่าแน่นหนักละเมียดละไม และยังคงความเร่าร้อนดังไฟที่พร้อมจะแผดเผาเธอ
ไอริสหลับตาลง ปล่อยให้สัมผัสจากเขากลืนกินความลังเลในใจไปทีละนิด มือหนายกขึ้นประคองท้ายทอยเธอไว้เบา ๆ ให้เธอได้รับสัมผัสที่เขาตั้งใจมอบให้ จูบที่เริ่มต้นอย่างแผ่วเบา ค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเมื่อเธอเองก็ไม่ยอมถอย
ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกัน เสียงจูบดังคละเคล้าสอดประสานไปกลับเสียงทุ้มครางต่ำ ที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของคนตัวโต
ภายในห้องที่เงียบสนิท หัวใจของไอริสเต้นระรัวแทบหลุดจากอก แต่เธอกลับไม่อยากหยุดมัน เรียวแขนบางโอบกอดร่างแกร่ง จนทุกส่วนในร่างกายเริ่มเบียดชิดเข้าหากันจนไร้ช่องว่าง
เขาขยับเข้าเธอก็เอียงคอตอบรับ ยอมให้เขาเข้าใกล้แนบแน่นขึ้นอย่างเต็มใจ มือบางเกาะแขนเขาแน่นเหมือนกลัวว่าความรู้สึกนี้จะหลุดลอย
“หืม…”
ซันครางต่ำในลำคอราวสัตว์ป่า เมื่อเธอตอบรับจูบกลับมาเบา ๆ เขาลากจูบไปตามมุมปาก แล้วเลื่อนไปที่ปลายคางของเธออย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะวกกลับมาที่กลีบปากนุ่มอีกครั้ง
“พี่ซัน…”
เสียงเรียกของเธอแผ่วเบาและสั่นพร่าเหมือนจะละลายไปกับลมหายใจ ฝ่ามือหนาสอดสัมผัสเข้าไปในสาบเสื้อ ก่อนเลื่อนมือลูบไปตามแผ่นหลัง บีบเคล้นผิวเนียนมาจนถึงเนินอกอวบอิ่มแสนนุ่มนิ่มที่เขาชื่นชอบ
แกร๊ก!
“เอ่อ โทษทีค่ะ! พิณแค่จะมาบอกว่ามีคนมาหา รออยู่ด้านล่าง”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นในวินาทีถัดมา พร้อมการปรากฏตัวของพิณเพลงที่ทำหน้าตื่นตกใจ พร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาเพื่อรีบอธิบายอย่างเลิ่กลั่ก และชะงักค้างอยู่ตรงหน้าประตู
ใบหน้าเธอแดงซ่านเมื่อต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันระหว่างทั้งเพื่อนสนิทกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่กำลังแนบชิดเกินกว่าคนที่เพิ่งเคยเจอกัน ก่อนจะส่งสายตาล้อเลียนแสนกรุ้มกริ่มไปทางไอริสแล้วรีบผละหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้า
ไอริสที่สะดุ้งเฮือก ผละตัวออกทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแดงจัดจนแทบระเบิดออกมา
ซันเพียงหันไปมองอย่างใจเย็น แล้วตั้งสติให้อารมณ์ของเขาที่เตลิดไปไกลกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“เพื่อนพี่น่าจะมาแล้ว...เราลงไปข้างล่างกันเถอะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่หางเสียงติดขำเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายที่จะโน้มตัวลงมากระซิบใกล้หูเบา ๆ อีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
“หรือถ้าหนูอยากต่อ เดียวพี่เปิดประตูห้องไว้รอคืนนี้”
ชายหนุ่มผละตัวเดินลงไปก่อนพร้อมรอยยิ้ม ทิ้งให้ไอริสยืนนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่กลางห้อง ทั้งที่หัวใจยังไม่หยุดเต้นแรงด้วยความเขินอาย ราวกับเพิ่งรอดออกมาจากวังวนที่ทั้งหวานและร้อนแรงจนแทบละลาย