แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: ซินโฟร์เน่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-21 11:11:36

เมื่อออกมาห่างจากสายตาผู้คนและเสียงวุ่นวายหน้าร้านแล้ว ไอริสเงยหน้ามองชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและหลากหลายคำถามในใจ แต่ตอนนี้เธอถูกเขาลากมาที่ชั้นสองของร้านเสียแล้ว

“ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยไอไว้”

เธอพูดเสียงเบา แต่ชัดเจนพอให้เขาได้ยิน มือเล็ก ๆ ของเธอยังถูกเขาเกาะกุมเอาไว้อยู่แบบนั้น

“ไม่เป็นไร”

ซันยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ราวกับจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“ปีไหนนะเราแล้วทำไมไม่เรียกชื่อฉัน…หรือว่าลืม?”

น้ำเสียงของเขาดูทุ้มต่ำลงอย่างจริงจัง ดวงตาคมสบตาเธอตรง ๆ ไม่ยอมให้หลบเลี่ยงเพื่อรอคำตอบ

“ว่าแต่…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”

ไอริสเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของคนตัวโต เธอทำราวกับว่าไม่ได้ยินมัน แต่เลือกจะตั้งคำถามกลับไปในสิ่งที่เธออยากรู้

“ดื้อ”

ซันยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะใช้สายตาจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความเอ็นดู เห็นแบบนี้ก็ดื้อตาใสเหมือนกันนิ

“ไอเปล่านะ”

ร่างบางรีบเอ่ยปฏิเสธ พร้อมกับหัวใจของเธอที่เต้นระรั่ว เขาจะบอกให้เธอเรียกชื่อเขาอีกได้ยังไง แค่จู่ ๆก็ได้มาเจอกันแบบไม่ทันตั้งตัวเธอก็ตกใจแทบแย่ แล้วเขายังเป็นคนมาช่วยเธอจากสถานการณ์บ้า ๆ นั้นอีก

“เปล่าได้ไง ก็ทำหน้าดื้ออยู่นี้ไง”

ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน ช่วงนี้เหมือนเธอจะบังเอิญเจอเขาบ่อยมากขึ้นหรือเปล่า

แค่ได้มาเจอกันแบบนี้ก็ทำเอาเธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ถึงเธอจะดื่มเข้าไปเยอะมากแต่เธอก็ยังมีสติ และจดจำได้ทุกสัมผัส

ความร้อนแรงของเขาก็ยังชัดเจนวนเวียนอยู่ในหัวของเธอจนยากจะลืม ยิ่งตอนนี้ที่เขาเข้ามาใกล้หัวใจของเธอก็ดันเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ

“หน้าแดงแบบนี้คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอหื้มมมม”

ซันหัวเราะในลำคอเบา ๆ ยิ่งเห็นใบหน้าเขินอายของคนตรงหน้าก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอย่างแกล้ง คนตัวสูงใช้ความได้เปรียบจากร่างกายที่สูงโปร่ง เดินเข้าประชิดคนตัวเล็กและค่อยๆ ไล่ต้อนให้จนมุม

“กำลังคิดเหมือนกันหรือเปล่า”

“อะ ไอเปล่า...อืมมมม”

เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในริมฝีปากหนาที่สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามากวาดต้อนความหวานอย่างดูดดื่มและไม่ทันตั้งตัว

“รู้ตัวไหมครับ ว่าหนูทั้งหอม ทั้งหวานเหมือนกลิ่นขนมเลย”

“ซัน ปล่อยก่อน เดียวใครมาเห็น”

เธอดันเขาออกเบา ๆ คนตัวโตค่อย ๆ ถอนริมฝีปากหนาที่บดคลึ่งริมฝีปากบางออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังไม่วายที่จะยังกระหวัดปลายลิ้นพันเกี่ยวเรียวลิ้นของเธอเอาไว้อย่างไม่ยอมลดละก่อนผละตัวออกมา

“ก็ตอบในสิ่งที่ถามมาก่อน”

“สถาปัตย์ ปีหนึ่งค่ะ”

ร่างบางก้มหน้าตอบเสียงแผ่วด้วยความเขินอาย ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาเช็ดความเปียกชื้นจากคราบน้ำลายที่เลอะมุมปาก

“ถ้างั้นฉันก็เป็นพี่เธอนะ ยัยดื้อ”

“ค่ะ แต่ช่วยถอยออกไปก่อนได้ไหมคะ...ไอมีเรื่องอยากคุยกับพี่”

“แล้วอยากยืนคุยหรือนอนคุยละ ถ้าจะยืนคุยตัวแค่นี้พี่น่าจะอุ้มได้นานอยู่นะ”

เขาไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น แต่ยังตั้งใจบดเบียดช่วงล่างให้เสียดสีไปกับร่างบางจนเธอสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่ดันนูนอยู่ข้างใน

“ทะลึ่ง!”

“ฮ่า ๆ รู้ว่าพี่คิดทะลึ่ง เพราะเราก็คิดเหมือนพี่ใช่ไหม”

“…”

ใบหน้าเรียวเล็กได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย ถึงแม้ว่าวันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน แต่นั้นก็เป็นเพราะความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เลยทำให้เธอใจกล้าจะทำอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เธอไม่ได้หน้ามึนเหมือนเขา ที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้กลางวันแสก ๆ หน้าไม่อาย!

“พูดมาสิ แต่มีเงื่อนไขต้องพูดกับพี่เพราะ ๆ กว่านี้นะ”

“ทำไมพี่ซันถึงมาอยู่ที่นี่ค่ะ”

“ฉันก็มาที่นี่เหมือนเธอนั่นแหละ…มาทำหน้าที่ของหุ้นส่วน”

“หุ้นส่วน?”

ไอริสขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับสมองของเธอคิดตามไม่ทันในความหมายของเขาที่ต้องการจะสื่อ

“ใช่…หลานชายของเจ้าร้านนี่ คือพี่เอง”

ซันยักคิ้วนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ราวกับตอกย้ำคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด ทั้งที่คำตอบมันชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ก็ยังอุตส่าห์อธิบายเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น

“...”

“หรือพี่ต้องบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ น้องไอหุ้นส่วนคนใหม่ของพี่”

หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเบิกตากว้างทั้งกับคำพูดและการกระทำของเขาที่เริ่มจะซุกซนด้วยการก้มมาสูดดมความหอมตามร่างกายของเธออีกแล้ว

“หมายความว่า…พี่เป็นหุ้นส่วนจริง ๆ เหรอ?”

“ใช่...และพี่ก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่ ห้องนี้ของพี่ ส่วนห้องตรงข้ามของหนู หรือดึก ๆ หนูเหงาจะแอบย่องมานอนด้วยก็บอกนะ พี่จะได้ไม่ล็อกประตู”

“คนบ้า”

หญิงสาวได้แต่ขึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ที่กำลังยกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี เขาทำเหมือนว่าการได้แกล้งเธอนั้นเป็นเรื่องสนุก

“ถ้างั้นไอ ฝากตัวด้วยนะคะ”

คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบา ๆ หมดแรงจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา ยิ่งได้รู้ว่าหลังจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่นี่ลำพัง ก็ทำเอาคิดหนักไม่น้อย เพราะจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับชายหนุ่มที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแบบสองต่อสองอย่างเลี่ยงไม่ได้

แต่สถานการณ์ของเธอตอนนี้ ก็ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้อีกแล้ว เธอจึงเลือกทำใจยอมรับมันไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีแก้ปัญหานี้ทีหลัง ก่อนจะหมุนตัวเพื่อกลับลงไปที่ชั้นล่างหนีจากคนตัวโต

“ถ้าไอกังวลเรื่องที่ต้องอยู่ด้วยกันที่นี่ พี่สัญญาจะไม่ทำอะไรรุ่มร่ามแต่ถ้าหนูเป็นฝ่ายยินยอมเองอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องนะ แต่ตอนนี้คิดถึงครับ ขอจูบอีกได้ไหม”

ไอริสเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา แต่แทนที่เธอจะถอยหนี เธอกลับยืนนิ่งอยู่แบบนั้น

“ถ้าไม่ตอบ พี่ถือว่าเราอนุญาตนะ”

คำถามนั้นไร้เสียงตอบรับ มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมระหว่างสองคน กับจังหวะหัวใจที่เต้นแรงเสียจนเหมือนจะได้ยินผ่านความเงียบงันนั้น ก่อนจะสอดประสานสายตาเข้าหากันแทนคำตอบ

ซันโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีการหยอกล้อ ไม่มีการรีบร้อนใด ๆ ริมฝีปากเขาแนบลงอย่างอ่อนโยน ทว่าแน่นหนักละเมียดละไม และยังคงความเร่าร้อนดังไฟที่พร้อมจะแผดเผาเธอ

ไอริสหลับตาลง ปล่อยให้สัมผัสจากเขากลืนกินความลังเลในใจไปทีละนิด มือหนายกขึ้นประคองท้ายทอยเธอไว้เบา ๆ ให้เธอได้รับสัมผัสที่เขาตั้งใจมอบให้ จูบที่เริ่มต้นอย่างแผ่วเบา ค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเมื่อเธอเองก็ไม่ยอมถอย

ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกัน เสียงจูบดังคละเคล้าสอดประสานไปกลับเสียงทุ้มครางต่ำ ที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของคนตัวโต

ภายในห้องที่เงียบสนิท หัวใจของไอริสเต้นระรัวแทบหลุดจากอก แต่เธอกลับไม่อยากหยุดมัน เรียวแขนบางโอบกอดร่างแกร่ง จนทุกส่วนในร่างกายเริ่มเบียดชิดเข้าหากันจนไร้ช่องว่าง

เขาขยับเข้าเธอก็เอียงคอตอบรับ ยอมให้เขาเข้าใกล้แนบแน่นขึ้นอย่างเต็มใจ มือบางเกาะแขนเขาแน่นเหมือนกลัวว่าความรู้สึกนี้จะหลุดลอย

“หืม…”

ซันครางต่ำในลำคอราวสัตว์ป่า เมื่อเธอตอบรับจูบกลับมาเบา ๆ เขาลากจูบไปตามมุมปาก แล้วเลื่อนไปที่ปลายคางของเธออย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะวกกลับมาที่กลีบปากนุ่มอีกครั้ง

“พี่ซัน…”

เสียงเรียกของเธอแผ่วเบาและสั่นพร่าเหมือนจะละลายไปกับลมหายใจ ฝ่ามือหนาสอดสัมผัสเข้าไปในสาบเสื้อ ก่อนเลื่อนมือลูบไปตามแผ่นหลัง บีบเคล้นผิวเนียนมาจนถึงเนินอกอวบอิ่มแสนนุ่มนิ่มที่เขาชื่นชอบ

แกร๊ก!

“เอ่อ โทษทีค่ะ! พิณแค่จะมาบอกว่ามีคนมาหา รออยู่ด้านล่าง”

เสียงเปิดประตูดังขึ้นในวินาทีถัดมา พร้อมการปรากฏตัวของพิณเพลงที่ทำหน้าตื่นตกใจ พร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาเพื่อรีบอธิบายอย่างเลิ่กลั่ก และชะงักค้างอยู่ตรงหน้าประตู

ใบหน้าเธอแดงซ่านเมื่อต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันระหว่างทั้งเพื่อนสนิทกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่กำลังแนบชิดเกินกว่าคนที่เพิ่งเคยเจอกัน ก่อนจะส่งสายตาล้อเลียนแสนกรุ้มกริ่มไปทางไอริสแล้วรีบผละหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้า

ไอริสที่สะดุ้งเฮือก ผละตัวออกทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแดงจัดจนแทบระเบิดออกมา

ซันเพียงหันไปมองอย่างใจเย็น แล้วตั้งสติให้อารมณ์ของเขาที่เตลิดไปไกลกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“เพื่อนพี่น่าจะมาแล้ว...เราลงไปข้างล่างกันเถอะ”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่หางเสียงติดขำเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายที่จะโน้มตัวลงมากระซิบใกล้หูเบา ๆ อีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

“หรือถ้าหนูอยากต่อ เดียวพี่เปิดประตูห้องไว้รอคืนนี้”

ชายหนุ่มผละตัวเดินลงไปก่อนพร้อมรอยยิ้ม ทิ้งให้ไอริสยืนนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่กลางห้อง ทั้งที่หัวใจยังไม่หยุดเต้นแรงด้วยความเขินอาย ราวกับเพิ่งรอดออกมาจากวังวนที่ทั้งหวานและร้อนแรงจนแทบละลาย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 65

    บ้านสวนคาเฟ่ไอริสแสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านไม้เลื้อยที่เกาะระแนงด้านหน้า เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน กลิ่นหอมของกาแฟคั่วสดผสมกับกลิ่นวานิลลาอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมาร่างเล็กในเดรสผ้าฝ้ายสีขาวบางเบานั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้ เธอลูบหน้าท้องกลมเบา ๆ อย่างเผลอไผล ก

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 64

    ซันมองเข้าไปในดวงตาสวยคู่นั้นก็จะเลื่อนมือข้างหนึ่งมาตรึงข้อมือเรียวของเธอไว้เหนือศีรษะ กดแผ่นหลังบางแนบกับผนังเย็น ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากอย่างร้อนแรงเรียวลิ้นหนาสอดเข้ามาหยอกล้อในโพรงปากนุ่มราวกับหลงใหลในรสหวานที่ไม่มีวันพอ รสจูบของเขาอ่อนโยนแต่ก็เร่าร้อนราวกับไฟฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้ไปตามร

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 63

    Dragon Clubภายใต้แสงไฟสลัวและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม “Dragon Club” ยังคงคึกคักไม่ต่างจากทุกคืน ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการกันแน่นขนัด ทั้งบนฟลอร์และรอบบาร์เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเร่าร้อนและแอลกอฮอล์ที่ลอยคลุ้งในอากาศบนโซฟาหนังริมกระจกบานใหญ่ ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่ปลดกระดุมไว้เพียงครึ่งเผย

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 62

    หลังจากช่วงเวลาแห่งความปีติยินดีผ่านไปเพียงไม่นาน ซันเอ่ยกับ ไอริสเบา ๆ“ไปบ้านสวนกันนะ พี่มีอะไรจะให้”เขาไม่รอให้เธอถามอะไรอีก มือหนาเลื่อนมากุมมือเล็ก ๆ นั้นไว้ ก่อนจะพาไปขึ้นรถ แล้วขับรถพาเธอมาจนถึงบ้านสวน ในบ่ายที่แสงแดดกำลังนวลพอดีแต่เมื่อรถเลี้ยวมาถึงทางเข้า เธอกลับต้องเบิกตากว้างด้วยความตก

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 61

    สองปีต่อมาเสียงประกาศชื่อบัณฑิตดังก้องอยู่ภายในหอประชุมใหญ่ บรรดานักศึกษาในชุดครุยสีดำขลิบทองทยอยเดินขึ้นเวทีตามลำดับรายชื่อ หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวร่างบางเจ้าของดวงตากลมโตที่ในวันนี้ดูโดดเด่นไม่แพ้ใครผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ทว่าเปล่งประกาย ใต้ครุยสถาปั

  • กรุ่นรักไอริส   บทที่ 60

    มือเรียวบางเริ่มบีบครีมกะทิมะพร้าวเป็นวงกลมบนเนื้อเค้กให้สูงขึ้นเล็กน้อย โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ราดซอสตะโก้เผือกที่เตรียมแล้ว จากนั้นก็บีบครีมกะทิลงไปอีกชั้นตามด้วยเนื้อเค้กที่แบ่งไว้ ก่อนจะบาดครีมกะทิมะพร้าวสีขาวละมุนรอบเนื้อเค้กให้เรียบ ตกแต่งหน้าเค้กด้วยซอสตะโก้เผือก ปิดท้ายด้วยการนำเอาไข่แดง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status