LOGINเสียงโอดครวญอย่างสิ้นหวังของหลินซีดึงเจิ้งลี่ซาให้หลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เธอมองเพื่อนรักที่ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงด้วยท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“อะไรจะขนาดนั้นยัยหลินซี”
“ก็ขนาดนั้นแหละแก!” หลินซีโวยวายใส่หมอนอู้อี้ “ฉันเกลียดสมองตัวเอง! เกลียดที่มันทรยศฉันแบบนี้!”
“ทำไมอะไรกันล่ะ! แกก็รู้ลึก ๆ อยู่แล้วว่าแกน่ะชอบเขา” เจิ้งลี่ซาแกล้งหยอก ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวไปกับความทุกข์ของเพื่อนเลยสักนิด “ว่าแต่...พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันมีเรื่องจะบอกแกพอดีเลย”
“เอ๋?” หลินซีดีดตัวขึ้นนั่งอีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “เรื่องอะไรอะแก”
“ก็...เมื่อคืนฉู่เฮ่าหรานบอกฉันว่า...” เจิ้งลี่ซาจงใจลากเสียงยาว ทำท่าเหมือนกำลังจะเล่าความลับสุดยอด “กู้เทียนอี้ชวนเราสองคนไปปาร์ตี้สุดสัปดาห์นี้ที่คฤหาสน์ต่างเมืองของเขาน่ะ แกว่าเราจะไปกันดีไหม”
เจิ้งลี่ซาจ้องมองเพื่อนรักอย่างคาดหวัง และหลินซีก็ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนอ่านไม่ออกว่าภายใต้ใบหน้าที่พยายามทำให้นิ่งเฉยนั้น หัวใจของเธอกำลังเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก
“เขา...ว่าอะไรนะ!” เธอเผลออุทานเสียงหลง “กู้เทียนอี้ชวนเราไปปาร์ตี้เหรอ!”
“ใช่ ฉันก็งงเหมือนกัน เขาแทบไม่รู้จักเราเลยด้วยซ้ำไป” เจิ้งลี่ซาส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ “นี่แกแน่ใจนะว่าไม่ได้แอบไปทำอะไรกับเขาลับหลังฉันน่ะ”
“แน่ใจสิ! เชื่อฉันเถอะ” เธอรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “ถึงแม้ว่าส่วนลึก ๆ ของฉันมันก็อยากจะทำก็เถอะ แต่ส่วนที่ยังมีสติอยู่ก็รู้ดีว่าเขาคือ ‘ข่าวร้าย’ ดี ๆ นี่เอง แล้วฉันก็ไม่อยากได้ผู้ชายที่เป็นข่าวร้ายเข้ามาในชีวิตอีกแล้ว ไม่ใช่หลังจากเรื่องของเจียเหวิน”
ชื่อของแฟนเก่าทำให้บรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนไป เจิ้งลี่ซามองไปทางอื่น สีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “เราไม่ต้องไปก็ได้นะ ถ้าแกไม่อยากไป”
“แล้ว...แกคิดว่าเราควรไปไหม” เธอถามกลับไป พยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินงาม
ทำไม...ทำไมกู้เทียนอี้ถึงชวนพวกเธอ เขาต้องการอะไร
ความคิดนั้นวนเวียนอยู่ในหัว ความตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นแล่นพล่านไปทั่วร่างเมื่อนึกถึงการได้ใช้เวลาทั้งสุดสัปดาห์อยู่กับชายหนุ่ม เธอแทบไม่รู้จักเขาเลย แต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับไม่สนใจเหตุผลบ้า ๆ นั่นสักนิด
หญิงสาวเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยังคงนิ่งเงียบ เธอรู้ดีว่าคำตอบของเพื่อนมีความหมายต่อการตัดสินใจของเธอมากแค่ไหน
“เราควรจะไป” ในที่สุดเจิ้งลี่ซาก็พยักหน้าช้า ๆ “ถ้าแกแน่ใจนะ ว่านี่คือสิ่งที่แกต้องการ”
“อืม...”
หลินซีครางรับในลำคอ ทั้งที่ไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ เธอโง่หรือเปล่าที่มานั่งฝันกลางวันถึงผู้ชายที่ทั้งร้ายกาจและดูถูกเธอนักหนา เธอรู้ดีว่าตัวเองโง่ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า แค่สุดสัปดาห์เดียว มันคงจะไม่เสียหายอะไรหรอก...ใช่ไหม...
**********
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป... ราวกับเป็นคนละโลก... ความวุ่นวาย ความแตกสลาย และแรงดึงดูดอันตรายที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สุดสัปดาห์นั้น บัดนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงความฝันอันเลือนราง หลินซีกลับมาสู่โลกแห่งความจริง อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ที่ใช้ร่วมกับเพื่อนรัก กองต้นฉบับนิยายที่เขียนไม่ถึงไหน และบัญชีธนาคารที่ว่างเปล่า ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยกเว้นสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นั่นคือหัวใจของเธอเอง ความเจ็บปวดจากการถูกเจิ้งลี่ซาหักหลังค่อย ๆ ตกตะกอนลงกลายเป็นความเงียบงันที่น่าอึดอัดซึ่งคั่นกลางระหว่างพวกเธอ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจางหายไปไหน มันยังคงสดชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน นั่นก็คือคือเสียงกระซิบของผู้ชายคนนั้น “ผมชอบคุณ”&nb
“คุณแฉะไปหมดแล้ว เพื่อผมคนเดียวเลยใช่ไหม” เขาเร่งจังหวะปลายนิ้วให้เร็วขึ้น จนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอสั่นสะท้านอยู่แนบชิดกับเขา “คุณก็คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ” “คุณเฮ่าหราน...” เธอครางชื่อเขาออกมาอย่างทรมาน “ครับ...ที่รัก” เขาถอยห่างจากเธอเล็กน้อย แล้วรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดสิ้น ต้องการจะเปลือยเปล่าเคียงข้างเธอ ต้องการจะรู้สึกถึงผิวเนื้อที่แนบสนิทกัน ต้องการจะเข้าไปอยู่ในตัวเธอใจจะขาด ทันทีที่ร่างกายเป็นอิสระ เขาก็อุ้มร่างของเธอขึ้นมาวางลงบนเตียงอีกครั้ง จัดตำแหน่งตัวเองอยู่เหนือร่างของเธอ แล้วสอดแทรกกายเข้าไปในตัวหล่อนจนสุดลำในคราวเดียว “อ๊า...” “อืมมม...คุณรู้สึกดีมาก” เขาคำรามชิดริมฝีปากเธอขณะเริ่มขยับกา
“ครับ นั่นก็เข้าใจได้” เขาลังเลว่าจะเล่าเรื่องที่คุยกับกู้เทียนอี้ให้เธอฟังดีไหม แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำ เขาไม่อยากจะให้เธอคิดว่าเขากำลังไปยุ่งเรื่องของหลินซี และทำให้เธอกังวลไปมากกว่านี้ “ช่างเถอะค่ะ” จู่ ๆ เจิ้งลี่ซาก็เปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานหยดมาให้ รอยยิ้มที่สั่นคลอนปราการแห่งความอดทนสุดท้ายของเขาจนพังทลายลงไม่เป็นท่า และเพียงเท่านั้นฉู่เฮ่าหรานก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงชั่วพริบตาเขาก็โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มของเธออย่างโหยหา เป็นจูบที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ถูกเก็บกดไว้เนิ่นนาน “อืม...” เสียงหวานครางออกมาเบา ๆ ในลำคอ เมื่อลิ้นร้อนของเขาแทรกผ่า
ทันทีที่หลินซีและกู้เทียนอี้เดินแยกไปยังห้องพักของหลินซี โลกทั้งใบของฉู่เฮ่าหรานก็หดแคบลงเหลือเพียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา...เจิ้งลี่ซา “ผมหวังว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรนะ แต่เทียนอี้ให้เราพักห้องคู่ด้วยกัน แล้วก็ให้หลินซีพักห้องเดี่ยวน่ะ” เขาเอ่ยขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่หัวใจในอกกำลังเต้นระรัวด้วยความยินดีระคนประหม่า “แต่ถ้าคุณอยากจะนอนกับหลินซีมากกว่า ผมสลับห้องกับเธอได้เสมอ” “แล้วคุณอยากจะทำอย่างนั้นเหรอคะ” เจิ้งลี่ซาส่งยิ้มที่เขาอ่านไม่ออกมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ทั้งยั่วยวนและท้าทายในเวลาเดียวกัน และในวินาทีนั้นเอง สิ่งที่เขาอยากจะทำทั้งหมดก็คือรวบร่างเธอเข้ามาจูบให้หายคิดถึง “คุณก็รู้ว่าผมอยากได้อะไรมากกว่า” เขาตอบเสียงพร่า มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องแอบเลื่อนไปบีบสะโพกกลมกลึงของเธอเบา ๆ ผ่านเนื้อผ้า&n
“หลินซีเป็นเพื่อนสนิทของเจิ้งลี่ซา” ฉู่เฮ่าหรานเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง “และฉันก็...พยายามจะทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับลี่ซามันดีขึ้นอยู่ ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่าเจตนาของนายที่มีต่อหลินซีคืออะไร แต่จากที่ฉันรู้จักเธอมา เธอเป็นคนดีและค่อนข้างจะไร้เดียงสา ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะมาเล่นเกมด้วย ฉันไม่อยากจะเห็นเธอต้องเจ็บปวด...เพื่อตัวเธอเอง และเพื่อลี่ซาด้วย” “หมายความว่านายกำลังจะบอกให้ฉันอยู่ห่าง ๆ จากหลินซีงั้นสิ” น้ำเสียงของกู้เทียนอี้ทุ้มต่ำลงอย่างน่ากลัว แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มหยัน “ก็ไม่เชิง” เขาถอนหายใจ “ฉันก็แค่ไม่อยากเห็นเธอเสียใจ” “เข้าใจแล้ว” กู้เทียนอี้พยักหน้าช้า ๆ “นั่นก็ไม่ใช่เจตนาของฉันเหมือนกัน” เขายกมือขึ้นเคาะผนังเบา ๆ “แต่ฉันชื่นชมนะที่นายกล้ามาคุยกับฉันตรง ๆ แบบนี้ นายคงจะแคร์เจิ้งลี่ซามากจริง ๆ ถึงได้ห่วงใยเพื่อนของเธอขนาดนี้” “ใช่ ฉันแคร์...แคร์มาก” ฉู่เฮ่าหรานยอมรับโดยไม่ปิดบังก่อนถามกลับ “ถ้าอย่างนั้นเหตุผลจริง ๆ ที่นายเรียกฉันมาคุยคืออะไร” รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของกู้เทียนอี้จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมื
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พายุอารมณ์ลูกใหญ่จะพัดกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของหลินซีและเจิ้งลี่ซา ย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า ในเช้าวันเดียวกันนั้น บรรยากาศภายในคฤหาสน์ของกู้เทียนอี้ยังคงผ่อนคลายและเต็มไปด้วยเสียงหยอกล้ออย่างเป็นกันเองของเหล่าสมาชิกครอบครัวและเพื่อนสนิทที่เดินทางมาถึงก่อน แต่สำหรับฉู่เฮ่าหรานแล้ว ความสงบสุขนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าความกระวนกระวายใจของเขาเท่านั้น เขายืนมองออกไปนอกหน้าต่างครั้งแล้วครั้งเล่า รอคอยการมาถึงของคนเพียงคนเดียว... “กู้หยุนเฟิง! หยุดเลยนะ!” เสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของฉู่ลี่เหยียนดังขึ้น ขณะที่เจ้าตัวฟาดแขนสามีเบา ๆ “คุณน่ารังเกียจที่สุด!” “ผมไม่ได้น่ารังเกียจนะ ผมคือ ‘พี่ลิ้นดุ’ ของคุณต่างหาก” กู้หยุนเฟิงแกล้งหยอกภรรยาต่อหน้าทุกคน จนฉู่เฮ่าหรานต้องแสร้งทำเป็นครางออกมาอย่างระอา “กู้หยุนเฟิง นายพอเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มกริ่มให้น้องเขย ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้...กู้เทียนอี้ “ฉันไม่อยากจะนึกภาพนายกับน้องสาวฉันในทางนั้นเลยจริง ๆ” “ฉันมั่นใจเลยว่านายไม่อยาก” กู้หย







