LOGINแล้วความจริงอันโหดร้ายก็ถาโถมเข้าใส่...มันเป็นแค่ความฝัน
“โธ่...ไม่นะ...”
หลินซีครางออกมาอย่างขัดใจ ไม่ใช่แค่ความร้อนรุ่มและอับอายที่ฝันถึงเขาอีกแล้ว แต่ยังมีความผิดหวังที่กัดกินใจอย่างรุนแรง เมื่อไออุ่นที่สมจริงในความฝันเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความเย็นเยียบของห้องนอนในโลกแห่งความจริง
หญิงสาวพลิกตัวนอนคว่ำหน้าซบลงกับหมอน กรีดร้องใส่ความโง่ของตัวเองอย่างเงียบ ๆ โกรธ...โกรธร่างกายที่ทรยศ โกรธหัวใจที่ไม่รักดีของตัวเองซึ่งยังคงเต้นระรัวไม่หยุด
ก๊อก...ก๊อก...
“หลินซีตื่นรึยังแก”
เสียงเคาะประตูห้องนอนที่ดังขึ้นอย่างนุ่มนวลพร้อมกับเสียงเรียกของเจิ้งลี่ซา ดึงเธอให้หลุดออกจากภวังค์แห่งความหงุดหงิด
หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับรังนก พยายามปัดเป่าภาพใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของกู้เทียนอี้ให้ออกไปจากหัว แต่ก็ไม่สำเร็จ
“อือ...” เธอครางรับในลำคอพลางขยี้ตาอย่างแรง
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเจิ้งลี่ซาในชุดนอนลายการ์ตูนน่ารัก กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยมาก่อนตัวพร้อมกับแก้วสองใบในมือของเพื่อนรัก
“ลี่ซาฉันฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้วแก” เธอโพล่งขึ้นมาก่อนที่เพื่อนจะทันได้เอ่ยถามอะไร
“ฝันถึงกู้เทียนอี้อีกแล้วเหรอ” เจิ้งลี่ซาเลิกคิ้วมองอย่างจับผิดขณะเดินมานั่งลงบนเตียงแล้วยื่นแก้วกาแฟให้ รอยยิ้มล้อเลียนปรากฏขึ้นที่มุมปากของเพื่อน
“ก็นายนั้นแหละ” เธอครางออกมาอย่างหัวเสีย รับแก้วกาแฟมาถือไว้ สัมผัสอุ่น ๆ จากแก้วเซรามิกช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องฝันถึงเขาอยู่เรื่อย ฉันแทบไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำไป”
“แหม...แกก็รู้จักเขานะ และที่สำคัญคือแกคิดว่าเขาฮอตจะตายไป” เพื่อนหัวเราะ “นี่เจอหน้ากันแค่สองครั้งเองไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนี้”
“ฉันเจอเขาเพราะบังเอิญไปทำงานเสิร์ฟที่บ้านเขาย่ะ! ไม่ได้เจอเพราะอยากเจอสักหน่อย” เธอทำหน้าบึ้งใส่เพื่อน ก่อนจะพึมพำเสียงอ่อยแก้เกี้ยว “แล้วเขาก็ไม่ได้ฮอตสักหน่อย”
เธอโกหกคำโต และร่างกายก็ทรยศเธอในทันที ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อภาพดวงตาสีน้ำหมึกลุ่มลึกกับรอยยิ้มมุมปากร้ายกาจของเขาฉายชัดขึ้นมาในหัว
ไม่ใช่แค่ฮอต แต่ร้อนแรงดุจเปลวไฟนรกต่างหาก ร้อนแรงเสียจนร่างกายของเธอยังคงซาบซ่านไม่หาย
“หน้าแดงขนาดนั้นยังจะปากแข็งอีก” เจิ้งลี่ซาหัวเราะกิ๊ก จ้องมองเพื่อนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนผู้ล่าที่เจอเหยื่อ “นี่ฝันถึงเขาสองคืนติดแล้วนะ เขาคงจะสร้างความประทับใจให้แกมากเลยสินะที่งานปาร์ตี้นั่น เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าฝันว่าอะไร”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย!” เธอโอดครวญแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงอย่างยอมแพ้ ปล่อยให้กาแฟในแก้วแทบจะหกออกมา “ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับฉันด้วย ทำไมฉันถึงเอานายนั่นออกจากหัวไม่ได้เลย!”
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป... ราวกับเป็นคนละโลก... ความวุ่นวาย ความแตกสลาย และแรงดึงดูดอันตรายที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สุดสัปดาห์นั้น บัดนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงความฝันอันเลือนราง หลินซีกลับมาสู่โลกแห่งความจริง อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ที่ใช้ร่วมกับเพื่อนรัก กองต้นฉบับนิยายที่เขียนไม่ถึงไหน และบัญชีธนาคารที่ว่างเปล่า ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยกเว้นสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นั่นคือหัวใจของเธอเอง ความเจ็บปวดจากการถูกเจิ้งลี่ซาหักหลังค่อย ๆ ตกตะกอนลงกลายเป็นความเงียบงันที่น่าอึดอัดซึ่งคั่นกลางระหว่างพวกเธอ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจางหายไปไหน มันยังคงสดชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน นั่นก็คือคือเสียงกระซิบของผู้ชายคนนั้น “ผมชอบคุณ”&nb
“คุณแฉะไปหมดแล้ว เพื่อผมคนเดียวเลยใช่ไหม” เขาเร่งจังหวะปลายนิ้วให้เร็วขึ้น จนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอสั่นสะท้านอยู่แนบชิดกับเขา “คุณก็คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ” “คุณเฮ่าหราน...” เธอครางชื่อเขาออกมาอย่างทรมาน “ครับ...ที่รัก” เขาถอยห่างจากเธอเล็กน้อย แล้วรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดสิ้น ต้องการจะเปลือยเปล่าเคียงข้างเธอ ต้องการจะรู้สึกถึงผิวเนื้อที่แนบสนิทกัน ต้องการจะเข้าไปอยู่ในตัวเธอใจจะขาด ทันทีที่ร่างกายเป็นอิสระ เขาก็อุ้มร่างของเธอขึ้นมาวางลงบนเตียงอีกครั้ง จัดตำแหน่งตัวเองอยู่เหนือร่างของเธอ แล้วสอดแทรกกายเข้าไปในตัวหล่อนจนสุดลำในคราวเดียว “อ๊า...” “อืมมม...คุณรู้สึกดีมาก” เขาคำรามชิดริมฝีปากเธอขณะเริ่มขยับกา
“ครับ นั่นก็เข้าใจได้” เขาลังเลว่าจะเล่าเรื่องที่คุยกับกู้เทียนอี้ให้เธอฟังดีไหม แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำ เขาไม่อยากจะให้เธอคิดว่าเขากำลังไปยุ่งเรื่องของหลินซี และทำให้เธอกังวลไปมากกว่านี้ “ช่างเถอะค่ะ” จู่ ๆ เจิ้งลี่ซาก็เปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานหยดมาให้ รอยยิ้มที่สั่นคลอนปราการแห่งความอดทนสุดท้ายของเขาจนพังทลายลงไม่เป็นท่า และเพียงเท่านั้นฉู่เฮ่าหรานก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงชั่วพริบตาเขาก็โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มของเธออย่างโหยหา เป็นจูบที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ถูกเก็บกดไว้เนิ่นนาน “อืม...” เสียงหวานครางออกมาเบา ๆ ในลำคอ เมื่อลิ้นร้อนของเขาแทรกผ่า
ทันทีที่หลินซีและกู้เทียนอี้เดินแยกไปยังห้องพักของหลินซี โลกทั้งใบของฉู่เฮ่าหรานก็หดแคบลงเหลือเพียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา...เจิ้งลี่ซา “ผมหวังว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรนะ แต่เทียนอี้ให้เราพักห้องคู่ด้วยกัน แล้วก็ให้หลินซีพักห้องเดี่ยวน่ะ” เขาเอ่ยขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่หัวใจในอกกำลังเต้นระรัวด้วยความยินดีระคนประหม่า “แต่ถ้าคุณอยากจะนอนกับหลินซีมากกว่า ผมสลับห้องกับเธอได้เสมอ” “แล้วคุณอยากจะทำอย่างนั้นเหรอคะ” เจิ้งลี่ซาส่งยิ้มที่เขาอ่านไม่ออกมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ทั้งยั่วยวนและท้าทายในเวลาเดียวกัน และในวินาทีนั้นเอง สิ่งที่เขาอยากจะทำทั้งหมดก็คือรวบร่างเธอเข้ามาจูบให้หายคิดถึง “คุณก็รู้ว่าผมอยากได้อะไรมากกว่า” เขาตอบเสียงพร่า มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องแอบเลื่อนไปบีบสะโพกกลมกลึงของเธอเบา ๆ ผ่านเนื้อผ้า&n
“หลินซีเป็นเพื่อนสนิทของเจิ้งลี่ซา” ฉู่เฮ่าหรานเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง “และฉันก็...พยายามจะทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับลี่ซามันดีขึ้นอยู่ ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่าเจตนาของนายที่มีต่อหลินซีคืออะไร แต่จากที่ฉันรู้จักเธอมา เธอเป็นคนดีและค่อนข้างจะไร้เดียงสา ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะมาเล่นเกมด้วย ฉันไม่อยากจะเห็นเธอต้องเจ็บปวด...เพื่อตัวเธอเอง และเพื่อลี่ซาด้วย” “หมายความว่านายกำลังจะบอกให้ฉันอยู่ห่าง ๆ จากหลินซีงั้นสิ” น้ำเสียงของกู้เทียนอี้ทุ้มต่ำลงอย่างน่ากลัว แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มหยัน “ก็ไม่เชิง” เขาถอนหายใจ “ฉันก็แค่ไม่อยากเห็นเธอเสียใจ” “เข้าใจแล้ว” กู้เทียนอี้พยักหน้าช้า ๆ “นั่นก็ไม่ใช่เจตนาของฉันเหมือนกัน” เขายกมือขึ้นเคาะผนังเบา ๆ “แต่ฉันชื่นชมนะที่นายกล้ามาคุยกับฉันตรง ๆ แบบนี้ นายคงจะแคร์เจิ้งลี่ซามากจริง ๆ ถึงได้ห่วงใยเพื่อนของเธอขนาดนี้” “ใช่ ฉันแคร์...แคร์มาก” ฉู่เฮ่าหรานยอมรับโดยไม่ปิดบังก่อนถามกลับ “ถ้าอย่างนั้นเหตุผลจริง ๆ ที่นายเรียกฉันมาคุยคืออะไร” รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของกู้เทียนอี้จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมื
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พายุอารมณ์ลูกใหญ่จะพัดกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของหลินซีและเจิ้งลี่ซา ย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า ในเช้าวันเดียวกันนั้น บรรยากาศภายในคฤหาสน์ของกู้เทียนอี้ยังคงผ่อนคลายและเต็มไปด้วยเสียงหยอกล้ออย่างเป็นกันเองของเหล่าสมาชิกครอบครัวและเพื่อนสนิทที่เดินทางมาถึงก่อน แต่สำหรับฉู่เฮ่าหรานแล้ว ความสงบสุขนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าความกระวนกระวายใจของเขาเท่านั้น เขายืนมองออกไปนอกหน้าต่างครั้งแล้วครั้งเล่า รอคอยการมาถึงของคนเพียงคนเดียว... “กู้หยุนเฟิง! หยุดเลยนะ!” เสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของฉู่ลี่เหยียนดังขึ้น ขณะที่เจ้าตัวฟาดแขนสามีเบา ๆ “คุณน่ารังเกียจที่สุด!” “ผมไม่ได้น่ารังเกียจนะ ผมคือ ‘พี่ลิ้นดุ’ ของคุณต่างหาก” กู้หยุนเฟิงแกล้งหยอกภรรยาต่อหน้าทุกคน จนฉู่เฮ่าหรานต้องแสร้งทำเป็นครางออกมาอย่างระอา “กู้หยุนเฟิง นายพอเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มกริ่มให้น้องเขย ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้...กู้เทียนอี้ “ฉันไม่อยากจะนึกภาพนายกับน้องสาวฉันในทางนั้นเลยจริง ๆ” “ฉันมั่นใจเลยว่านายไม่อยาก” กู้หย







