เข้าสู่ระบบ“แล้วตกลงจะเอายังไงล่ะ ลี่ซา” คิ้วของเถ้าแก่ป๋อขมวดมุ่นขณะจ้องมองเธอด้วยสายตาคาดหวัง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะทำเป็นไม่สนใจว่าเธอจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ แต่เธอก็รู้ดีว่าในหัวของเขาคงคิดถึงแต่เงินก้อนโตที่กำลังจะได้เข้ากระเป๋า เธอมั่นใจว่าเขาต้องได้ส่วนแบ่ง 50% ซึ่งมันไม่ยุติธรรมอย่างร้ายกาจ แต่เธอจะพูดหรือทำอะไรได้ล่ะ
“ฉันยังไม่แน่ใจเลยค่ะ”
เธอตอบอย่างสบาย ๆ ทั้งที่ในใจเกือบจะแน่ใจแล้วว่าจะรับงานนี้ เธอหวังว่าการแกล้งทำเป็นไม่สนใจจะทำให้เถ้าแก่ป๋อตื่นตระหนกแล้วเสนอเงินเพิ่มให้ อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่หนังสือฮาวทูที่เธอเพิ่งอ่านมาบอกให้ทำ เวลาที่อยากให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนให้ ก็คือต้องทำให้เขาคิดว่ากำลังจะเสียคุณไป (ซึ่งจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อคุณเป็นพนักงานที่มีคุณค่า ซึ่งเธอก็หวังว่าตัวเองจะเป็นอย่างนั้น)
“เธอจะได้สองหมื่นหยวนเลยนะ” ดวงตาหรี่เล็กของเถ้าแก่ป๋อแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เธอต้องกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา
“ค่ะ แต่สองหมื่นมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ไม่คุ้มพอที่จะเสียศักดิ์ศรีหรอกค่ะ”
เธอโกหกเรื่องแรก สองหมื่นหยวนสำหรับเธอนั้นเยอะมาก แต่เธอจะไม่ยอมให้เถ้าแก่ป๋อได้เงินไปอีกครึ่งแน่ ๆ ไม่ใช่ในเมื่อเธอเป็นคนที่ต้องแกล้งทำเป็นดาวยั่วแล้วไปส่ายสะโพกใส่คนอื่น เธอจะไม่ทำตัวเป็นดาวยั่วเพื่อเงินแค่สองหมื่นหยวนแน่ ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะหล่อเหมือนฉู่เฮ่าหรานก็ตาม
“ฉันก็นึกว่าเธอเคยบอกว่าต้องการเก็บเงินเสียอีก” เถ้าแก่ป๋อมองเธออย่างสงสัย เธอรู้จากสายตาที่หรี่ลงของเขาว่าเขากำลังสงสัยว่าเธอโกหก
“ก็ใช่ค่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดที่จะยอมทิ้งมาตรฐานของตัวเองไปทั้งหมดหรอกนะคะ”
“งั้น...สามหมื่น” เขาพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ตกลงค่ะ!”
เธอตอบอย่างรวดเร็ว ลืมเรื่องความลังเลใจไปในทันที สามหมื่นหยวนจะช่วยให้เธออยู่ได้สบายไปอีกหลายเดือนและยังซื้อตั๋วเครื่องบินให้หลินซีมาเยี่ยมเธอได้ แล้วก็ยังจ่ายค่าบิลรายเดือนทั้งหมดของเธอได้อีกด้วย เธอจะรู้สึกเหมือนตัวเองรวยขึ้นมาทันที ไม่ต้องกังวลว่าค่าไฟจะถูกตัดก่อนวันเงินเดือนออก เธอรู้ว่าตัวเองมีทางเลือกที่จะหางานประจำทำ งานเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นที่จะช่วยจ่ายค่าบิลได้ดีกว่านี้เล็กน้อย แต่เธอก็รู้ดีว่างานแบบนั้นจะไม่มีทางทำให้เธอมีเวลาไปออดิชั่นได้ และถ้าไม่ได้ไปออดิชั่น เธอก็จะไม่มีวันได้เป็นนักแสดง
“ถ้าอย่างนั้นสองหมื่นห้า” เถ้าแก่ป๋อพูดขึ้น เธอจึงส่ายหน้าให้เขา สงสัยว่าเซลล์สมองของเขาหายไปไหนหมด
“คุณเสนอสามหมื่นแล้ว และฉันก็ตกลงแล้ว และฉันต้องการเงินสดก่อนเริ่มงาน ไม่อย่างนั้นฉันไม่ทำ” เธอพูดอย่างหนักแน่น
“เธอเชื่อใจฉันได้น่าลี่ซา” เขาพูดพลางขมวดคิ้ว “ไม่ต้องมาทำตัวหัวสูงกับฉันตอนนี้หรอกน่า เธอก็รู้ว่าเธอจะได้เงินแน่ ๆ”
“ฉันต้องการเงินสดเต็มจำนวนในมือ” เธอเม้มปากแล้วเอามือเท้าสะเอว “ถ้าไม่ได้ ฉันไม่รับงานนี้”
“ฉันหาคนอื่นมาทำแทนก็ได้นะจะบอกให้”
เขาพูดอย่างฉุนเฉียว แต่ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าเขาโกหก เถ้าแก่ป๋อมีพนักงานอีกแค่สามคน คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่คิดว่าตัวเองเป็นดาวค้างฟ้า อีกคนเป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่า และเธอก็มั่นใจว่าหญิงชราคนนั้นเป็นแม่ของนักกล้ามคนนั้นแน่ ๆ แล้วก็ยังมีเสี่ยวเจียอีกคน เสี่ยวเจียอายุสิบแปดและเป็นหนอนหนังสือ เธอเอาเงินทั้งหมดที่หาได้ไปซื้อหนังสือ เธอใส่แว่นตาทรงกลมโต กางเกงยีนทรงหลวม และไม่เคยออกเดตเลยสักครั้ง เธอรู้ดีว่าไม่มีทางที่เสี่ยวเจียจะรับงานนี้แน่ ๆ และเถ้าแก่ป๋อก็ขี้เหนียวเกินกว่าจะจ้างใครเพิ่ม
“อ้อ โอเคค่ะ ถ้าคุณอยากจะทำอย่างนั้นนะคะ” เธอยิ้มหวาน หันหลังแล้วเดินไปที่ประตู “ฉันจะไปเอาชุดตัวตลกสำหรับงานวันเกิดบ่ายนี้ก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
“เดี๋ยว” เสียงของเถ้าแก่ป๋อดูตื่นตระหนก “เธอรับงานของฉู่เฮ่าหรานไปเลย ฉันเสนองานนี้ให้เธอก่อน มันคงจะไม่ยุติธรรมกับเธอถ้าฉันจะให้เสี่ยวเจียทำ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ เถ้าแก่ป๋อ” เธอเหลือบตามองบนก่อนจะหันกลับไปมองเขา “เตรียมเงินของฉันให้พร้อมพรุ่งนี้นะคะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน”
“ไม่เลย อ้อ...เมื่อหลายปีก่อนตอนลูกอยู่มหาวิทยาลัยน่ะ เขาเคยโทรมาหาพ่อ บอกว่าเป็นแฟนลูกและบอกว่าพ่อทำร้ายจิตใจลูกมากแค่ไหน พ่อก็วางสายใส่เขาไป แต่ก็เก็บเบอร์เขาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”“เขาเคยโทรหาพ่อ...ตอนที่เรายังคบกันเหรอคะ” เธอถามเสียงเบา หัวใจอ่อนยวบลงเล็กน้อย บางทีเฉินอาจจะเคยรักเธอจริง ๆ ก็ได้“ใช่ แต่พ่อเป็นคนโทรหาเขาเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง พ่อบอกเขาว่าพ่อกำลังจะตายและอยากจะทิ้งมรดกไว้ให้ลูก”“ค่ะ...” เธอขมวดคิ้ว “เขาไม่เคยบอกหนูเลยว่าคุณพ่อกำลังจะตาย”“มันเป็นคนไม่ดี” พ่อของเธอถอนหายใจ “มันพยายามจะรีดไถเงินจากพ่อ อ้างว่าลูกกับมันยังคบกันอยู่และลูกไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพ่อ พ่อเลยบอกมันไปว่าจะไม่โอนเงินให้เด็ดขาดจนกว่าจะได้เจอลูกตัวต่อตัว นั่นแหละมันถึงได้ยอมพาลูกไปหาพ่อ”“อ้อ...”“พ่อมารู้ทีหลังว่ามันมีปัญหาเรื่องการพนัน มันแค่ต้องการเงินไปใช้หนี้”“และนั่นคือเหตุผลที่เฉินอยากคืนดีกับหนู” เธอถอนหายใจ และแล้วทุกอย่างก็กระจ่างชัด “เหตุผลที่เขาแกล้งทำเป็นว่ายังรักแล้วทำทุกวิถีทางที่จะได้แต่งงานกับหนู”“พ่อขอโทษนะลูก พ่อไม่ได้ตั้งใจจะดึงผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาในชีวิตลูกเลย”“ไม่เป็นไร
“ฉันไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ” เธอเบือนหน้าหนีอีกครั้ง “ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเขาจะพูดอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาได้”“บางทีมันอาจจะมอบคำตอบที่คุณตามหามาทั้งชีวิตก็ได้นะ” เขาจับมือเธอไว้แน่น “บางทีท่านอาจจะอยากขอให้คุณให้อภัย”“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะให้อภัยเขาได้รึเปล่า” เธอพูดแล้วนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะหันกลับมาสบตาเขาแล้วถอนหายใจยาว “ฉันต้องโทรหาเขาจริง ๆ ใช่ไหมคะ ฉันคงจะไปคาดหวังให้หลินซีให้อภัยและยอมคุยกับฉันไม่ได้ ถ้าตัวฉันเองยังไม่ยอมเผชิญหน้ากับต้นตอของบาดแผลทั้งหมด”“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมกำลังจะพูดนะลี่ซา” เขาทำหน้ากังวลเธอเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากของเขาเบา ๆ เพื่อหยุดคำพูดของเขาไว้“ฉันรู้ค่ะ แต่มันก็เป็นความจริง ฉันจะไปเรียกร้องการให้อภัยจากคนอื่นได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองยังไม่ยอมให้อภัยใครเลย พ่อของฉัน เขาอาจจะไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดเลยก็ได้ แต่บางทีเขาก็อาจจะมี ฉันคิดว่าฉันติดค้างเรื่องนี้ทั้งกับเขาและกับตัวเองที่จะต้องค้นหาคำตอบให้เจอ”เธอคว้าโทรศัพท์ของตัวเองบนโต๊ะทำงานของเขาขึ้นมาแล้วส่งสายตาที่มุ่งมั่นให้เขา “ฉันจะโทรหาเขาตอนนี้เลย”“คุณแน่ใจเหรอ” ฉู่เฮ่าหรานดูประหม่า “ค
เสียงรูดซิปกางเกงของเขาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงานที่หรูหรา เป็นเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบได้อย่างน่าอัศจรรย์ เธอรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของเขาที่แนบชิดอยู่ด้านหลัง ต้นขาแกร่งเบียดชิดกับบั้นท้ายของเธอ ลมหายใจของเขารินรดอยู่บนต้นคอ ก่อนที่ปลายนิ้วแกร่งจะเกี่ยวขอบกางเกงชั้นในลูกไม้ของเธอไปด้านข้างอย่างไม่รีบร้อนเขาไม่ได้รุกล้ำเข้ามาในทันที แต่กลับใช้ความร้อนชื้นจากแก่นกายถูไถไปตามร่องหลืบที่อ่อนนุ่มและเปียกชื้นของเธออย่างเชื่องช้า เป็นการทรมานที่แสนหวานจนเธอแทบทนไม่ไหว“ได้โปรด...” เธออ้อนวอนเสียงสั่น“ได้โปรดอะไรครับ...หืม?” เขาแกล้งถาม พลางขบเม้มติ่งหูของเธอเบา ๆ“คุณรู้ว่าฉันต้องการอะไร...”คำตอบของเขาคือการสอดแทรกความแข็งขืนเข้ามาในตัวเธออย่างรวดเร็ว ลึกซึ้ง และหนักหน่วงจนเธอร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“อ๊า...คุณเฮ่าหราน...”เธอครางชื่อเขาออกมากับแผ่นไม้เย็นเฉียบของโต๊ะทำงาน มือทั้งสองข้างจิกลงบนขอบโต๊ะเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว ความรู้สึกคับแน่นและสมบูรณ์แบบนี้มันเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ เขากระชับสะโพกของเธอไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เริ่มขยับจังหวะเข้าออกที่เร่าร้อ
สองสัปดาห์ต่อมา...กาลเวลาที่ควรจะช่วยเยียวยา...กลับทำหน้าที่ของมันได้เชื่องช้าจนน่าใจหาย“นี่มันสองอาทิตย์แล้วเหรอเนี่ย เป็นสองอาทิตย์เต็ม ๆ ที่หลินซีไม่แม้แต่จะอ่านข้อความของฉัน” เจิ้งลี่ซาพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับใคร เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่เริ่มก่อตัวขึ้นรอบดวงตาขณะทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มคนรักฉู่เฮ่าหรานนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้สักตัวมหึมาในอาณาจักรของเขา ห้องทำงานของประธานบริหารที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้ทั้งเมือง ร่างสูงสง่าในชุดสูทสั่งตัดพอดีตัวนั้นดูหล่อเหลาและเปี่ยมไปด้วยอำนาจจนน่าหวั่นไหว เส้นผมสีดำขลับถูกจัดทรงอย่างประณีต แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีปอยหนึ่งหล่นลงมาปรกหน้าผากอย่างมีเสน่ห์ยามที่เขาก้มลงจรดปากกาเซ็นเอกสารความคิดชั่ววูบแล่นปราดขึ้นมาในใจของเธอ ถ้าตอนนี้เธอค่อย ๆ ใช้ปลายเท้าเกี่ยวชายกระโปรงของตัวเองให้ร่นสูงขึ้นอีกสักนิด...และอีกสักนิด...เขาจะยอมละสายตาจากกองเอกสารมูลค่าหลายร้อยล้านนั่น แล้วหันมาสนใจ ‘ของว่างยามบ่าย’ ที่พร้อมจะถูกเสิร์ฟบนโต๊ะทำงานตัวนี้แทนหรือเปล่านะราวกับอ่านใจเธอออก เขาเงยหน้าขึ้นจากงาน ดวงตาคมกริบคู่นั้นสบตากับเธอผ่านกระจกใ
“ผมรู้ เราทุกคนต่างก็เคยหวังแบบนั้น” เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง ปล่อยให้เธอซบหน้าร้องไห้กับแผงอกของเขา “มันจะโอเคนะ คุณไม่ได้ตั้งใจ คุณไม่ใช่คนชั่วร้ายโดยกำเนิด ทุกอย่างจะต้องโอเค เชื่อผมนะ”“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองทำร้ายหลินซีได้ลงคอ” เธอกระซิบเสียงเครือ “แล้วฉันก็ยังสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีใครรักฉันเลยสักคน”“ผมรักคุณ” เขาเอ่ยคำนั้นออกมา แผ่วเบาราวกับเป็นความลับ แต่ก็หนักแน่นราวกับขุนเขา “ผมรักคุณ...เจิ้งลี่ซา...และผมจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณ ผมอยู่ตรงนี้เพื่อคุณเสมอ ร้องไห้ออกมาเถอะ ปลดปล่อยมันออกมาให้หมด ผมจะไม่ตัดสินคุณ”“คุณ...รักฉันเหรอคะ” เธอมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ และปล่อยให้ทุกความรู้สึกที่เก็บงำไว้ทะลักทลายออกมา“ผมรักคุณ...ลี่ซา...ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ คุณเป็นความคิดแรกของผมในยามเช้า และความคิดสุดท้ายก่อนข่มตาหลับในทุกคืน รอยยิ้มของคุณตามหลอกหลอนผมในความฝัน แววตาของคุณจ้องมองผมอยู่ในความมืด จินตนาการถึงสัมผัสของคุณมันเผาไหม้ผมในยามที่ต้องอยู่ลำพัง ผมใช้เวลาทั้งวันเพื่อรอคอยวินาทีที่จะได้อยู่กับคุณ และใช้เวลาทั้งคืนเพื่อโหยหาคุณอย่างท
“หลินซี?”ราวกับโลกทั้งใบถล่มลงมาทับร่างเจิ้งลี่ซาในวินาทีนั้น ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด“หลินซี!” เธอเปล่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนรักออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะถลาลงจากเตียงและพุ่งเข้าไปหาทว่าหลินซีกลับถอยหลังกรูด ราวกับร่างกายของเธอขยะแขยงที่จะให้เพื่อนสัมผัส น้ำเสียงของหลินซีว่างเปล่า ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ มีเพียงความจริงอันโหดร้ายที่ถูกเอ่ยซ้ำ ๆ“แกนอนกับเจียเหวินเหรอ” ใบหน้าของเธอขาวซีดราวกับกระดาษ น้ำตาไหลเป็นทางยาว “แก...นอนกับแฟนฉันเหรอ”“ได้โปรดเถอะหลินซี ฟังฉันก่อน แกไม่เข้าใจ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริง ๆ” เจิ้งลี่ซาพร่ำพูดอย่างไร้สติ ยื่นมือออกไปหวังจะเหนี่ยวรั้ง“ฉันรับไม่ไหว” หลินซีส่ายหน้าช้า ๆ ราวกับร่างกายของเธอไม่ยอมรับฟังความจริงที่เพิ่งได้ยิน “ตอนนี้ฉันรับไม่ไหวจริง ๆ”สิ้นคำร่างของเธอก็หันหลังกลับ วิ่งหนีออกไปจากห้องราวกับกำลังวิ่งหนีจากปีศาจร้าย“หลินซี! อย่าเพิ่งไป!”เจิ้งลี่ซากรีดร้องออกมาแต่เสียงนั้นกลับเบาจนแทบกระซิบ เธอทำท่าจะพุ่งตามไป แต่แขนที่แข็งแรงของฉู่เฮ่าหรานก็รวบเอวเธอไว้จากด้านหลังรั้งเธอไว้ไม่ให้ไป“ลี่ซา”“ปล่อยฉัน!” เธอหันมาทุบตีแผงอกของเขาอย







