“ได้เงินของฉันมารึยังคะเถ้าแก่ป๋อ”
เจิ้งลี่ซายืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานแล้วเลิกคิ้วขึ้น มองเถ้าแก่ป๋อกำลังยัดซาลาเปาลูกโตเข้าปาก และเธอก็แอบกังวลว่าเขาจะเอาเงินของเธอไปซื้อของกินหมดแล้ว เพราะบนโต๊ะของเขามีถุงของกินเต็มไปหมด
“ธนาคารให้ฉันมาได้แค่สองหมื่น” เขาพูดขณะที่ผักกาดแก้วกระเด็นออกจากปาก เธอเบือนหน้าหนีเมื่อท้องของเธอร้องขึ้นมา แล้วก็พยายามกลั้นหัวเราะ
“อ้อ พวกเขาเงินหมดเหรอคะ” เธอพูดแล้วหันกลับไปมอง เอามือขวาเท้าสะเอว
“ใช่” เขาพยักหน้า ดวงตาเล็ก ๆ ของเขามองเธออย่างระแวดระวัง “ฉันก็เลยให้เธอได้แค่สองพัน”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันว่าคุณคงจะต้องโทรหาเสี่ยวเจียแล้วล่ะค่ะ ว่าเธอจะรับงานนี้ได้ไหม” เธอหันหลัง “อ้อ แล้วก็ไปเปิดบัญชีกับธนาคารที่สามารถให้เงินลูกค้าได้มากกว่าสองหมื่นหยวนในครั้งเดียวด้วยนะคะ”
“เดี๋ยว ๆ” เถ้าแก่ป๋อกระโดดลุกขึ้น เธอจึงหันกลับไปอีกครั้ง “ฉันคุยกับผู้จัดการแล้ว เขาก็เลยให้ฉันมาอีกหมื่นนึง”
“เหรอคะ” เธอพูด สงสัยว่าเขาคิดว่าเธอโง่แค่ไหนกัน “เงินอยู่ไหนคะ” เธอแบมือออกแล้วรอ เถ้าแก่ป๋อดูหงุดหงิด และเธอก็บอกได้เลยว่าเขากำลังพยายามจะคิดหาคำพูดอื่นเพื่อจะเก็บเงินบางส่วนไว้
“นี่ไง” เถ้าแก่ป๋อยื่นปึกธนบัตรให้เธอ เธอขมวดคิ้วเมื่อมองลงไปแล้วเห็นแต่แบงค์ย่อยเต็มไปหมด ไอ้คนทุเรศ! “ทีนี้ เธอก็ต้องเซ็นสัญญาไม่เปิดเผยความลับด้วย”
“อะไรนะคะ” เธอหรี่ตามอง “ทำไมคะ”
“เธอห้ามบอกเจ้านายคนใหม่ของเธอว่าเพื่อนของเขาจ้างเธอมาแกล้ง”
“ฉันไม่บอกเขาหรอกค่ะ” เธอพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็คงจะ...จนกว่าจะถึงตอนเต้นยั่วปลอม ๆ แล้วก็ตอนที่เพื่อนเขาบุกเข้ามาในห้องตอนท้ายนั่นแหละ”
“เรื่องนั้นมันเปลี่ยนไปหน่อยน่ะ” เถ้าแก่ป๋อพูดขณะยื่นกระดาษกับปากกาให้เธอ “เซ็นตรงนี้”
เธอมองไปที่สัญญา ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยสักเล็กน้อย แล้วก็รีบเซ็นชื่อลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไรเปลี่ยนไปเหรอคะ”
“ก็...เธอจะยังไม่เปิดเผยตัวตนทันทีน่ะสิ” เขาคว้ากระดาษกลับไปจากมือเธอ
“หืม...ทำไมคะ” เธอขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ
“พวกที่จ้างเราคิดว่ามันจะสนุกกว่านี้อีก ถ้าเธอทำงานที่นั่นสักอาทิตย์หนึ่ง แล้วค่อยไปเต้นยั่วให้เขาดูในที่ประชุม”
“อะไรนะคะ!” เสียงของเธอแสดงความตกใจสุดขีด “คุณล้อเล่นรึเปล่า”
“เปล่า” เขายิ้มกว้าง “ฉันบอกพวกเขาไปแล้วว่าไม่มีปัญหา”
“ฉันไม่ทำงานที่นั่นหนึ่งอาทิตย์เพื่อเงินแค่สามหมื่นหรอกนะ” เสียงของเธอสูงขึ้น “คุณบังคับให้ฉันทำแบบนี้ไม่ได้นะเถ้าแก่ป๋อ”
“เธอก็เพิ่งจะเซ็นสัญญาไปนี่” เขายักไหล่แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง “แล้วเธอก็รับเงินไปแล้วด้วย”
“สำหรับงานแค่วันเดียว ไม่ใช่งานหนึ่งอาทิตย์” เธอประท้วง “นี่มันไม่ถูกต้องนะ เถ้าแก่ป๋อ แล้วมันก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับคุณฉู่เฮ่าหรานด้วย หนึ่งอาทิตย์มันนานเกินไปที่จะไปหลอกใครสักคน แล้วไอ้เรื่องเต้นยั่วตอนประชุมบริษัทน่ะมันก็ฟังดูน่ารังเกียจมาก”
“เราไม่ได้เป็นคนตั้งกฎ เราก็แค่ทำตาม”
“นี่มันไม่ใช่กฎนะเถ้าแก่ป๋อ นี่มันไร้สาระ”
“ฉันก็นึกว่าเธอเคยบอกว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่เก่งเสียอีก” เขาหยุดพูดแล้วก็ส่งสายตาเป็นเชิงถามมาให้เธอ และเธอก็รู้สึกได้ว่าในท้องของตัวเองมันกำลังปั่นป่วนไปหมด “นักแสดงที่เก่งน่ะรับงานได้ทุกประเภท”
“ฉันเป็นนักแสดงที่เก่ง” เธอเถียงกลับไป เธอเกลียดเวลาที่เขามากดดันให้เธอต้องรับบทบาทพวกนี้ ที่จริงแล้ว...เธอเกลียดเถ้าแก่ป๋อ เธอรู้ดีว่าตัวเองควรจะไปหางานใหม่ได้แล้ว แต่เธอก็แค่ขี้เกียจเกินกว่าจะไปหาน่ะสิ
“ถ้างั้นก็รับงานนี้ไปแล้วก็หุบปากซะ” เขาพูดขณะที่นั่งกลับลงไปบนเก้าอี้แล้วก็เริ่มกินเฟรนช์ฟรายส์ต่อ
“คุณมันคนทุเรศ” เธอพูดแล้วก็กำลังจะเดินออกจากออฟฟิศไป เมื่อเขาพูดคำพูดที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างออกมา
“เธอจะได้ค่าจ้างวันละสามพันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์” เขาพูดขึ้นแล้วเธอก็ตัวแข็งทื่อไปในทันที เขาพูดจริงอย่างนั้นเหรอ วันละสามพันมันเยอะมากเลยนะ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็เริ่มงานวันจันทร์แล้วก็จบวันศุกร์ใช่ไหมคะ”
“เธอเริ่มงานวันจันทร์หน้า” เขาพูดขณะที่ยกแก้วไดเอทโค้กขึ้นมาดื่ม โอ้...ช่างน่าขันสิ้นดี “เธอจะต้องไปฝึกงานเป็นเลขาฯ แล้วก็ต้องคอยอ่อยเขาไปตลอดทั้งอาทิตย์ งานปาร์ตี้ของบริษัทจะจัดขึ้นในวันเสาร์ เธอจะต้องไปที่งานปาร์ตี้ เต้นยั่วแบบถึงพริกถึงขิงให้เขาดู แล้วเพื่อนเขาก็จะเข้ามาบอกเขาว่า ‘เซอร์ไพรส์’ แล้วงานของเธอก็จบ”
“เอ่อ...แล้วเต้นยั่วแบบถึงพริกถึงขิงนี่มันเป็นยังไงเหรอคะ” เธอขมวดคิ้ว หัวใจเต้นระรัว ทุกอย่างมันก็ดูจะง่ายดายดี ยกเว้นก็แต่เรื่องเต้นยั่วแบบถึงพริกถึงขิงนี่แหละ แล้วไอ้พวกผู้ชายพวกนี้มันหวังจะให้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วก็ทำไมกัน
“ก็เต้นยั่วในกระโปรงสั้น ๆ กับเสื้อบิกินี่ท่อนบนน่ะสิ”
“คุณล้อเล่นรึเปล่า” เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “บิกินี่ท่อนบนเหรอคะ”
“ก็แกล้งทำเป็นว่าเธอกำลังแสดงอยู่ในหนังแนว ๆ นั้นไง” เขาหยุดกินไปครู่หนึ่งแล้วเธอก็เห็นว่าดวงตาของเขาเหม่อลอยไป “บางทีเธอน่าจะลองไปหาหนังแนว ๆ นั้นดูเป็นไอเดียนะ” เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบากขณะที่กำลังฝันกลางวันอยู่ “ดูสิว่านางเอกเขาโยกย้ายสะโพกยังไงตอนที่อยู่ในคาสิโนน่ะ แล้วก็ตอนที่เธองอตัวไปข้างหลังแล้วก็ถูไถหน้าอกของเธอเข้ากับหน้าเขา อืม...”
“เถ้าแก่ป๋อ!” เธอตะโกนเสียงดังลั่น รู้สึกคลื่นเหียนอยากจะอาเจียน “คุณเสียสติไปแล้วรึไง”
“เอ่อ...ฉันเผลออินไปหน่อย” เขามองเธออย่างรู้สึกผิด “ขอโทษที”
“เหอะ” เธอพึมพำกับตัวเอง รู้สึกเหมือนตัวเองต้องการจะไปอาบน้ำเสียเดี๋ยวนี้เลย
“ก็แค่ไปดูหนังมาสักสองสามเรื่อง เรียนรู้ท่าเต้น แล้วก็ไปทำงานในวันจันทร์แล้วก็ทำหน้าที่ของเธอซะ” เขาพูดแล้วก็เปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมา “อาทิตย์นี้เรามีงานวันเกิดเข้ามาสองสามงานนะ เธอคิดว่าจะพอแต่งตัวเป็นช้างได้ไหมในวันเสาร์น่ะ”
“ช้างเหรอคะ” เธอส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
“ฉันว่าฉันคงจะต้องไปถามเสี่ยวเจียดูแล้วล่ะ” เขาทำหน้าแหย ๆ “โอเค เธอไปได้แล้ว”
“แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เงินที่เหลือล่ะคะ” เธอเอ่ยถามเขา หยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้าองทำงานไป
“พวกเขาจะจ่ายให้เธอที่ทำงานนั่นแหละ” เขาพูดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขากำลังพูดความจริงอยู่ เพราะว่าเขากำลังดูหงุดหงิดมากแค่ไหน เธอก็รู้ดีว่าเขาหงุดหงิดเพราะว่านั่นมันหมายความว่าเขาจะไม่ได้มีโอกาสได้เอามือสกปรก ๆ ของเขามาแตะต้องเงินของเธออีกแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็แค่ไปที่บริษัทในวันจันทร์ แล้วก็บอกว่าฉันมารายงานตัวเพื่อทำงานเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของคุณฉู่เฮ่าหรานใช่ไหมคะ”
“ใช่ เดี๋ยวฉันจะอีเมลที่อยู่ไปให้”
“แล้วเขาจะไม่สงสัยเหรอคะ”
“ไม่หรอก” เขาส่ายหน้า “อ้อ ใช่แล้ว วันจันทร์ก็ใส่ชุดสูทเซ็กซี่ ๆ ไปทำงานด้วยนะ”
“อะไรนะคะ”
“จำไว้นะ งานของเธอก็คือการยั่วยวนเขา เพื่อที่เขาจะได้ยอมให้เธอเต้นยั่วให้เขาดูในวันเสาร์ที่งานปาร์ตี้น่ะ”
“ฉันไม่ค่อยเข้าใจเลยจริง ๆ ว่านี่มันจะตลกได้ยังไงกัน”
เจิ้งลี่ซาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เธอรู้ดีว่าเถ้าแก่ป๋อไม่แคร์หรอกว่าเธอจะคิดยังไง แต่เธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่านี่มันควรจะเป็นเรื่องตลกประเภทไหนกัน นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยทำมาก่อนเลยตอนที่ทำงานให้กับเถ้าแก่ป๋อและธุรกิจเอเจนซี่ของเขา ดูเหมือนว่าเถ้าแก่ป๋อกำลังจะรับลูกค้ารายใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ไม่ได้เป็นแค่การเซอร์ไพรส์วันเกิดธรรมดา ๆ อีกต่อไปแล้ว เธอเริ่มจะกังวลแล้วว่าตัวเองกำลังจะปล่อยให้เถ้าแก่ป๋อชักจูงเธอให้ถลำลึกลงไปในทางที่ผิด แล้วครั้งต่อไปเขาจะขอให้เธอทำอะไรอีกล่ะ กระโดดออกมาจากเค้กในสภาพเปลือยเปล่าแล้วก็เสนอเงินให้เธอห้าพันหยวนอย่างนั้นเหรอ
“มันไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย” เถ้าแก่ป๋อยักไหล่ “เราก็แค่รับเงินก็เท่านั้นเอง”
“แล้วนั่นมันเป็นวิธีที่เราอยากจะใช้ชีวิตจริง ๆ เหรอคะ” เธอเอ่ยถามเขาเสียงเบา “ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพื่อที่จะได้เงินมาเหรอคะ เราอยากจะขายวิญญาณของตัวเองเพื่อเงินไม่กี่หยวนจริง ๆ เหรอคะ”
“ฉันก็ไม่รู้เรื่องของเธอหรอกนะ” เถ้าแก่ป๋อพูดขณะที่เคี้ยวเกี๊ยวในปากต่อไป “แต่ฉันคิดว่าฉันคงจะมีความสุขมากแน่ ๆ ที่จะได้ค่าจ้างให้ไปอ่อยผู้ชายหล่อ ๆ ถ้าฉันเป็นเธอน่ะนะ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยจะมีใครเข้ามาในชีวิตเลยนี่นา”
“ฉันของตัวก่อนค่ะเถ้าแก่ป๋อ” เธอพูดอย่างฉุนเฉียวแล้วก็หันหลังเพื่อจะเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปให้พ้น ๆ ก่อนที่เธอจะเผลออาละวาดใส่เขาเข้า แต่แล้วก็หันกลับไปหาเขาอีกครั้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ้อ แล้วก็ ฉันขอสำเนาสัญญาที่เพิ่งจะเซ็นไปเมื่อกี้นี้ด้วยนะคะ”
“เออ ๆ เดี๋ยวฉันจะอีเมลไปให้”
เถ้าแก่ป๋อเหลือบตามองบน แล้วเธอก็เดินออกจากออฟฟิศไปพลางนึกสงสัยอยู่ในใจว่าตัวเองกำลังจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องบ้าอะไรอยู่กันแน่ เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาหลินซีเพื่อช่วยให้ตัวเองใจเย็นลง
“อะไรเหรอคะ”เธอถามเขาขณะที่นั่งลง หวังว่าตัวเองจะสามารถเช็กกระจกได้เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสำอางของเธอยังดูดีอยู่ หัวใจของเธอเต้นโครมครามขณะที่จ้องมองเขา เขายิ่งดูดีกว่าในรูปเสียอีก“คุณคงไม่ได้มาจากแอป ‘หาเสี่ยเลี้ยง’ อะไรทำนองนั้นใช่ไหมครับ” เขาถามเธอพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“ไม่ค่ะ” เธอหัวเราะพลางส่ายหน้า“อ๋อ...นึกว่ากำลังทำโปรเจกต์ ‘จับคนแก่ทำสามี’ อยู่ซะอีก”“ฮ่า ๆ ไม่ใช่ค่ะ!”“ดีมากครับ” เขายิ้มแล้วก็ยื่นมือออกมา “ถ้างั้นให้ผมแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการนะครับ ผมชื่อฉู่เฮ่าหราน”“เจิ้งลี่ซาค่ะ” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “แต่เพื่อนสนิทฉันเรียกฉันว่าลี่ซาค่ะ”“ลี่ซา...” เขาทวนชื่อนั้นเบา ๆ ก่อนจะยิ้มมุมปาก “ชื่อน่ารักดีนะครับ แต่ผมว่า...ผมชอบเรียกชื่อเต็มของคุณมากกว่านะ”เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “‘เจิ้งลี่ซา’...มันฟังดูเซ็กซี่ดีเวลาครางชื่อน่ะครับ”“นี่คุณ!” เธอร้องอุทานออกมา ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดจาสองแง่สองง่ามออกมาตรง ๆ แบบนี้“ผมพูดอะไรผิดไปเหรอครับ” เขาหัวเราะในลำคอ แววตาเต็มไปด้วยความขบขัน “ผู้ชายอย่างผมน่ะ...คิดแต่เรื่อง
“ทำไมฉันต้องฟังเธอด้วยนะ” เจิ้งลี่ซาครางใส่โทรศัพท์ขณะที่เดินไปยังร้านอาหารกึ่งบาร์ในกระโปรงสั้นสีดำของเธอ“ก็เพราะว่าถ้าเขาหล่อ เธอก็จะได้ขอบคุณตัวเองที่แต่งตัวดูเซ็กซี่ไปยังไงล่ะ”“แต่ว่ามันมีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่ระหว่างคำว่าเซ็กซี่กับคำว่าใจง่ายนะ” เธอพูดอย่างหงุดหงิดขณะที่หยุดอยู่หน้าร้าน “โอเค ฉันต้องไปแล้วนะ” เธอพูดขณะที่มองนาฬิกาข้อมือ “เขาคงจะรอฉันอยู่ข้างในแล้วล่ะ”“เดตจบเมื่อไหร่ก็โทรหาฉันทันทีเลยนะ แล้วก็อย่าทำอะไรที่ฉันจะไม่ทำล่ะ” หลินซีพูดอย่างตื่นเต้น “อ้อ แล้วก็พยายามจะส่งรูปของเขามาให้ฉันดูด้วยนะ ฉันอยากจะเห็นว่าตัวจริงเขาจะดูดีเหมือนในเน็ตรึเปล่า”“ฉันไม่ถ่ายรูปผู้ชายที่เพิ่งจะเจอเป็นครั้งแรกจากในเน็ตหรอกนะ แกบ้าไปแล้วรึไง”“ก็ทำแบบเนียน ๆ สิ” หลินซีพูดอย่างใจร้อน “เธอไม่จำเป็นต้องทำให้มันดูโจ่งแจ้งสักหน่อย”“เหอะ ก็เพราะว่ามันมีเหตุผลเป็นล้านแปดอย่างที่กล้องของฉันจะไปอยู่ตรงหน้าเขาในบาร์อย่างนั้นแหละ ยังไงก็ตาม ฉันต้องไปแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะโทรหาเธอทีหลังนะ”“เธอส่งสัญญาที่บอกว่าเพิ่งจะเซ็นไปให้ฉันรึยัง” หลินซีถามอย่างรวดเร็วแล้วเธอก็หยุดอยู่หน้าประตูหลัก“ส่งไปแล้ว มันจะ
“ใส่กางเกงในลูกไม้ไปนะ แล้วก็อย่าลืมแว็กซ์ขนด้วยล่ะ” หลินซีหัวเราะคิกคักใส่โทรศัพท์“กางเกงในลูกไม้เหรอ” เจิ้งลี่ซาถามกลับ “แกหมายถึงจีสตริงผ้าไหมรึเปล่า” เธอถามย้ำก่อนที่เพื่อนจะทันได้ตอบ “แล้วเผื่อแกจะเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ใส่จีสตริงผ้าไหมไปเหมือนกัน มันอึดอัดจะตายไป แล้วฉันก็ยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลยนะหลินซี นี่มันเดตแรกของเรา เขาไม่มีโอกาสได้เห็นกางเกงในฉันหรอก ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมหรือผ้าอะไรก็ตาม”“เลิกทำตัวเป็นป้าแก่ ๆ ได้แล้ว” น้ำเสียงของหลินซีฟังดูไม่ค่อยประทับใจนัก “แกต้องหาคนนอนด้วยได้แล้วนะ มันนานเกินไปแล้วสำหรับแก”“ไม่ใช่กับผู้ชายที่ฉันไม่เคยเจอหน้ามาก่อนแน่ ๆ เขาอาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือพวกฆ่าข่มขืนก็ได้นะหลินซี เดี๋ยวนี้แอปหาคู่น่ะมันไม่ปลอดภัยแล้ว”“แล้วมันเคยปลอดภัยด้วยเหรอลี่ซา” หลินซีถามกลับมา เธอจึงทำเป็นไม่ได้ยิน“แล้วฉันก็จะไม่แว็กซ์ขนด้วย” เธอพูดอย่างฉุนเฉียว ทั้งที่ความจริงแล้วนั่นเป็นเรื่องโกหก เพราะเธอจัดการแว็กซ์ไปเรียบร้อยแล้ว“ถ้างั้นก็ช่วยไปแว็กซ์ออกหน่อยก็แล้วกันนะ แล้วก็ขอแบบเกลี้ยงเกลาเลยนะ ได้โปรดเถอะ อย่าเหลือไว้เป็นแถบเล็ก ๆ นะ นี่แกไม่ได้อยู่ในป่า แล้
“สวัสดีค่ะ ที่นี่คือ ‘สายด่วนชวนฝัน’ บริการที่จะทำให้ค่ำคืนของคุณนั้นเร่าร้อนกว่าที่เคย” หลินซีรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงล้อเลียนเหมือนพนักงานต้อนรับ ก่อนที่เจิ้งลี่ซาจะครางออกมา“อย่าเพิ่งเล่นสิหลินซี”“อ้าว เป็นอะไรไปลี่ซา”“เจ้านายฉันมันทุเรศมากน่ะสิ แล้วฉันก็คิดว่าเขากำลังจะพยายามจะขายฉันไปค้าประเวณีหรืออะไรทำนองนั้นแหละ”“ขายเธอไปค้าประเวณีเหรอ”“หรือว่าค้าทาสหรืออะไรก็แล้วแต่เถอะน่า” เธอพูดอย่างหงุดหงิด “ฉันว่าฉันกำลังทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วล่ะ”“เธอหมายถึงงานนักเต้นยั่วนั่นน่ะเหรอ”“มันไม่ใช่งานนักเต้นยั่วสักหน่อย” เธอครวญคราง “ฉันจะต้องไปเป็นผู้ช่วยของเขาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ แล้วฉันก็จะต้องไปเต้นยั่วเร็ว ๆ ให้เขาดูในการประชุมของบริษัท แล้วเพื่อนเขาก็จะบุกเข้ามาแล้วก็พูดว่า ‘เซอร์ไพรส์’ หรืออะไรทำนองนั้นแหละ”“แล้วเรื่องนั้นมันมีอะไรผิดปกติล่ะ มันก็แค่งาน ๆ หนึ่งเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ” หลินซีถามอย่างใสซื่อ“ฉันรู้ว่ามันก็แค่งาน ๆ หนึ่ง แต่เขาดูหล่อ แล้วก็...แล้วถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาล่ะ”“เธอหมายความว่ายังไง มันจะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ” หลินซีพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง“แล้วถ้าเขาเกิดมีอารมณ
“ได้เงินของฉันมารึยังคะเถ้าแก่ป๋อ”เจิ้งลี่ซายืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานแล้วเลิกคิ้วขึ้น มองเถ้าแก่ป๋อกำลังยัดซาลาเปาลูกโตเข้าปาก และเธอก็แอบกังวลว่าเขาจะเอาเงินของเธอไปซื้อของกินหมดแล้ว เพราะบนโต๊ะของเขามีถุงของกินเต็มไปหมด“ธนาคารให้ฉันมาได้แค่สองหมื่น” เขาพูดขณะที่ผักกาดแก้วกระเด็นออกจากปาก เธอเบือนหน้าหนีเมื่อท้องของเธอร้องขึ้นมา แล้วก็พยายามกลั้นหัวเราะ“อ้อ พวกเขาเงินหมดเหรอคะ” เธอพูดแล้วหันกลับไปมอง เอามือขวาเท้าสะเอว“ใช่” เขาพยักหน้า ดวงตาเล็ก ๆ ของเขามองเธออย่างระแวดระวัง “ฉันก็เลยให้เธอได้แค่สองพัน”“ถ้าอย่างนั้น ฉันว่าคุณคงจะต้องโทรหาเสี่ยวเจียแล้วล่ะค่ะ ว่าเธอจะรับงานนี้ได้ไหม” เธอหันหลัง “อ้อ แล้วก็ไปเปิดบัญชีกับธนาคารที่สามารถให้เงินลูกค้าได้มากกว่าสองหมื่นหยวนในครั้งเดียวด้วยนะคะ”“เดี๋ยว ๆ” เถ้าแก่ป๋อกระโดดลุกขึ้น เธอจึงหันกลับไปอีกครั้ง “ฉันคุยกับผู้จัดการแล้ว เขาก็เลยให้ฉันมาอีกหมื่นนึง”“เหรอคะ” เธอพูด สงสัยว่าเขาคิดว่าเธอโง่แค่ไหนกัน “เงินอยู่ไหนคะ” เธอแบมือออกแล้วรอ เถ้าแก่ป๋อดูหงุดหงิด และเธอก็บอกได้เลยว่าเขากำลังพยายามจะคิดหาคำพูดอื่นเพื่อจะเก็บเงินบางส่วนไว้“นี่
“แล้วตกลงจะเอายังไงล่ะ ลี่ซา” คิ้วของเถ้าแก่ป๋อขมวดมุ่นขณะจ้องมองเธอด้วยสายตาคาดหวัง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะทำเป็นไม่สนใจว่าเธอจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ แต่เธอก็รู้ดีว่าในหัวของเขาคงคิดถึงแต่เงินก้อนโตที่กำลังจะได้เข้ากระเป๋า เธอมั่นใจว่าเขาต้องได้ส่วนแบ่ง 50% ซึ่งมันไม่ยุติธรรมอย่างร้ายกาจ แต่เธอจะพูดหรือทำอะไรได้ล่ะ“ฉันยังไม่แน่ใจเลยค่ะ”เธอตอบอย่างสบาย ๆ ทั้งที่ในใจเกือบจะแน่ใจแล้วว่าจะรับงานนี้ เธอหวังว่าการแกล้งทำเป็นไม่สนใจจะทำให้เถ้าแก่ป๋อตื่นตระหนกแล้วเสนอเงินเพิ่มให้ อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่หนังสือฮาวทูที่เธอเพิ่งอ่านมาบอกให้ทำ เวลาที่อยากให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนให้ ก็คือต้องทำให้เขาคิดว่ากำลังจะเสียคุณไป (ซึ่งจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อคุณเป็นพนักงานที่มีคุณค่า ซึ่งเธอก็หวังว่าตัวเองจะเป็นอย่างนั้น)“เธอจะได้สองหมื่นหยวนเลยนะ” ดวงตาหรี่เล็กของเถ้าแก่ป๋อแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เธอต้องกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา“ค่ะ แต่สองหมื่นมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ไม่คุ้มพอที่จะเสียศักดิ์ศรีหรอกค่ะ”เธอโกหกเรื่องแรก สองหมื่นหยวนสำหรับเธอนั้นเยอะมาก แต่เธอจะไม่ยอมให้เถ้าแก่ป๋อได้เงิน