로그인“ถูกเผงเลย แล้วพวกเราก็เพิ่งจะอายุยี่สิบสองกันเองนะ ยังไม่แก่เลยสักนิด” ซ่งจื่อหานวางขนมปังปิ้งร้อน ๆ ลงบนจานสวย พร้อมกับชีสหอมกรุ่นน่ากิน “ฉันจะเอาอาหารไปวางรอที่ห้องนั่งเล่นนะ แล้วเธอก็เอาไวน์กับแก้วตามมาก็แล้วกัน”
“ได้เลย!” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับคำอย่างกระตือรือร้นแล้วรีบเดินตามเพื่อนรักเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันที แต่แล้วก็ต้องยอมรับว่าตัวเองรู้สึกแย่ขึ้นมาจับใจ เมื่อเหลือบไปเห็นเทียนหอมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ที่กำลังจุดส่องสว่างอยู่บนโต๊ะกาแฟ พร้อมกับผ้าห่มขนสัตว์เทียมสีครีมอ่อนผืนโปรดของฉู่ลี่เหยียนที่วางพาดอยู่บนโซฟาอย่างตั้งใจ นอกจากนี้ก็ยังมีดอกกุหลาบสีแดงสดดอกเดียววางประดับอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เทียนหอมเล่มนั้นด้วย
“โอ๊ยตายแล้ว! แย่จังเลยลี่เหยียน!” ซ่งจื่อหานหันมามองเพื่อนรักด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยอย่างสุดซึ้ง “ฉัน...ฉันทำลายค่ำคืนสุดแสนจะโรแมนติกของพวกเธอจนพังพินาศหมดเลยใช่ไหมเนี่ย”
“ไม่เป็นไรเลยสักนิดน่า อย่าคิดมากไปเลย” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนรักอย่างจริงใจ
“เขา...เขาให้ดอกกุหลาบสีแดงกับเธอด้วยอย่างนั้นเหรอ” หัวใจของจื่อหานพลันปวดแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ “น่ารักจังเลยนะ”
“เขาบอกว่าเขาไม่เคยให้ดอกกุหลาบสีแดงกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยในชีวิตนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดพลางพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ “เขาบอกว่าเขาสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้ดอกกุหลาบสีแดงกับผู้หญิงคนไหนเด็ดขาด จนกว่าเขาจะได้เจอคนที่เขารักจริง ๆ เท่านั้น”
“โอ๊ย...น่ารักมากเลยอะลี่เหยียน!” ซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาอย่างเพ้อฝัน “แล้วทำไมเขาถึงจะต้องมาทำตัวเพอร์เฟกต์อะไรขนาดนี้ด้วยนะ ฉันอิจฉาเธอจะแย่อยู่แล้ว”
“เขาบอกฉันด้วยนะว่าเขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะโชคดีได้มากขนาดนี้ เขาบอกว่าฉันทำให้เขาเชื่อมั่นในความรักอีกครั้ง และเขาก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่มีฉันอยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้ว” ฉู่ลี่เหยียนพูดเสียงสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความสุข
“ว้าว! ขอบใจมากเลยนะที่อุตส่าห์มาช่วยซ้ำเติมทำให้ฉันรู้สึกแย่ลงไปอีกเป็นกองเลยน่ะ” ซ่งจื่อหานครางออกมาอย่างท้อแท้ใจ “เขาน่ารักขนาดนั้นเลยจริง ๆ เหรอ ฉันไม่น่าจะไปทำให้เขาต้องรีบกลับไปก่อนเลยนะ โทรหาเขาแล้วก็บอกให้เขารีบกลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลยสิ พวกเราค่อยมานั่งคุยกันเรื่องของฉันพรุ่งนี้ก็ได้” เธอถอนหายใจออกมาอย่างปลง ๆ
“ไม่! ไม่ได้เด็ดขาด!” ฉู่ลี่เหยียนรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “พวกเราจะคุยกันเรื่องของเธอคืนนี้เดี๋ยวนี้เลย ฉันอยากจะรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ จื่อหาน!” ฉู่ลี่เหยียนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างรวดเร็วแล้วรีบเปิดขวดไวน์แดงที่วางรออยู่ทันที
“มันไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก” ซ่งจื่อหานยังคงยืนกราน “รีบโทรหากู้หยุนเฟิงแล้วก็บอกให้เขากลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย พวกเธอจะได้มีเซ็กซ์ร้อน ๆ แซ่บ ๆ ด้วยกัน แล้วเธอก็บอกเขาไปเลยนะว่าเธอเองก็ไม่อยากจะใช้เวลาแม้แต่คืนเดียวโดยที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้างเหมือนกันนั่นแหละ”
“จื่อหาน!” ฉู่ลี่เหยียนร้องเสียงหลง “เขาอดทนรอแค่คืนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอกน่า อีกอย่างนะ การทำแบบนี้มันอาจจะทำให้เขาคิดถึงฉันมากขึ้นกว่าเดิมอีกก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
ซ่งจื่อหานหัวเราะตามเพื่อนรักอย่างอดไม่ได้ “เธอนี่มันติงต๊องจริง ๆ เลยนะ แต่ว่ามันมีคำพูดที่เขาว่ากันว่ายังไงนะ...ยิ่งร้ายก็ยิ่งรัก...อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันว่ามันน่าจะเป็น...ยิ่งปล่อยให้รอนานก็ยิ่งเกลียด...มากกว่านะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดพลางหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“หรือไม่ก็อาจจะทำให้เขาหงุดหงิดจนทนไม่ไหวก็ได้นะ ระวังจะโดนเขาจับขย้ำเอาล่ะ” ซ่งจื่อหานพูดกลั้วหัวเราะ
“ไม่ ๆ ๆ ๆ ฉันรู้แล้ว! ต้องทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวจนต้องช่วยตัวเอง แล้วก็ทำให้เขาไอค่อกแค่กออกมาเลย” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะร่วนออกมาอย่างหยุดไม่อยู่
“ไอเหรอ? หา?” ซ่งจื่อหานถึงกับหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม “นั่นมันไม่เมคเซนส์เอาเสียเลยนะ”
“ก็ทำให้เขาไอออกมาเป็นแหวนเพชรเม็ดเป้ง ๆ วงโตเท่าไข่ห่านยังไงล่ะยะ” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะจนตัวงอ เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มด้วยความขบขัน
“นั่นมันงี่เง่ามากเลยนะ” ซ่งจื่อหานยังคงหัวเราะไม่หยุดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์ “แต่ก็ขอบใจมากเลยนะ ที่อุตส่าห์ช่วยทำให้ฉันหัวเราะออกมาได้บ้างน่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วเพื่อนรัก ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อเธอเสมอ” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกริ่มมาให้เพื่อน ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอย่างจริงจัง “ทีนี้...ก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องบอกความจริงทั้งหมดกับฉันมาได้แล้ว ว่าเธอยังมีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังอีกบ้าง”
ซ่งจื่อหานยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอีกอึกใหญ่ กลืนของเหลวสีแดงก่ำรสเลิศลงคอไปอย่างช้า ๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
“ฉัน...ฉันเสียความบริสุทธิ์ให้กับพี่เฮ่าชวนไปแล้วล่ะ” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบ
พรวด!!!
ฉู่ลี่เหยียนถึงกับพ่นไวน์ที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปพรวดออกมาเต็มตักด้วยความตกใจสุดขีด! ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเพื่อนรักอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะได้ยิน
“คืนนี้เราไม่เล่นไพ่นกกระจอกกันแล้วนะ” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพร้อมหน้ากันรอบโต๊ะอาหารเย็นที่บ้านของพ่อแม่เธอ หญิงสาวจงใจพูดประโยคนี้กับฉู่เฮ่าชวนโดยตรง เขาจึงแกล้งทำหน้าเบ้ใส่เธออย่างหมั่นไส้“ก็ได้ แล้วเธออยากจะเล่นอะไรแทนล่ะ” เขาตอบรับ พลางแอบจับมือของซ่งจื่อหานไว้ใต้โต๊ะอย่างแนบเนียน“ฉันยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ” ฉู่ลี่เหยียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปมองทางเจิ้งลี่ซา “แล้วคุณล่ะคะ อยากจะเล่นอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”“ใคร...ใครเหรอคะ ฉันเหรอคะ” เจิ้งลี่ซาหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างประหม่า “ฉัน...ฉันแค่ดีใจมากเลยค่ะที่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย ประหลาดใจอยู่เหมือนกันนะคะที่ได้รับเชิญมาในวันนี้” เธอมองมาทางซ่งจื่อหานอย่างเกรงใจ “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าคุณจะรู้สึกยังไงที่ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยน่ะค่ะ”“โอ้! ฉันไม่เป็นอะไรเลยค่ะ!” ซ่งจื่อหานหัวเราะออกมาเบา ๆ “คุณเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ แล้วคุณก็นิสัยดีกับฉันเสมอด้วย ฉันดีใจมากเลยค่ะที่คุณมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ลี่เหยียนกับฉันก็กำลังต้องการผู้หญิงอีกสักคนมาเข้ากลุ่มอยู่พอดีเลยค่ะ”“แหม...ขอบ
“แล้ว...เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์บ้างไหมล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังนั่งรอให้ศิลปินวงเปิดได้เริ่มทำการแสดงซ่งจื่อหานหัวเราะออกมาเบา ๆ “ที่พี่อุตส่าห์ลงทุนพาฉันบินมาถึงเซี่ยงไฮ้ในเดตแรกอย่างเป็นทางการของพวกเราน่ะเหรอคะ ก็ต้องเซอร์ไพรส์สิคะ นี่มันเป็นเดตแรกที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมาในชีวิตเลยนะคะ ฉันไม่แน่ใจเลยจริง ๆ นะว่าต่อจากนี้ไปจะมีผู้ชายคนอื่นคนไหนที่สามารถจะทำเดตแรกให้มันยอดเยี่ยมไปกว่านี้ได้อีกน่ะ”“ฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะไม่มีผู้ชายคนอื่นคนไหนที่จะมีโอกาสได้ทำอย่างนั้นหรอกนะ” เขาพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นในทันทีหัวใจของหญิงสาวแทบจะระเบิดออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้นยินดีกับคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ เธอตกใจระคนดีใจจนแทบจะทำอะไรไม่ถูกนี่เขา...นี่เขาแทบจะขอเธอแต่งงานอยู่แล้วนะ!อืมมม...ก็อาจจะไม่ใช่เชิงนั้นเสียทีเดียวหรอก เธออยากจะรีบส่งข้อความไปหาฉู่ลี่เหยียนเพื่อนรักเสียเดี๋ยวนี้เลยจริง ๆ แล้วก็อยากจะถามว่าเพื่อนของเธอจะคิดยังไงกับความคิดเห็นของพี่ชายตัวเองเมื่อกี้นี้บ้าง แต่เธอก็รู้ดีว่าในตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสักเ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ นะคะว่าพี่จะยอมลงทุนพาฉันบินมาถึงเซี่ยงไฮ้เพื่อจะมาดูคอนเสิร์ตของเซวียจือเชียนในวันเกิดของฉันโดยเฉพาะ” ซ่งจื่อหานมองใบหน้าคมคายของฉู่เฮ่าชวนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนตื้นตันใจอย่างสุดซึ้ง “พี่น่ารักมากเลยค่ะ น่ารักที่สุดในโลกเลย”“ก็แค่...ลี่เหยียนเขารู้สึกแย่น่ะ ที่ต้องพลาดฉลองวันเกิดของเธอในปีนี้ แล้วยัยนั่นก็เลยคิดว่านี่คงจะเป็นความคิดที่ดี” ฉู่เฮ่าชวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แววตากลับทอประกายขี้เล่นใช่สิ...ลี่เหยียนติดไปทริปท่องยุโรปกับนายกู้หยุนเฟิงสุดหล่อของหล่อน เลยไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดกับฉันเหมือนอย่างทุกปี“ถ้าอย่างนั้นที่พี่พาฉันมาที่นี่ก็เพราะว่าทำตามคำสั่งของลี่เหยียนอย่างนั้นเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเสียงแผ่ว พยายามจะซ่อนความผิดหวังเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจเอาไว้“ที่ฉันอุตส่าห์บินพาเธอมาตั้งไกลถึงที่นี่ เพียงเพราะว่ายัยน้องสาวตัวแสบของฉันรู้สึกแย่อย่างนั้นเหรอ” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก “แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ หืมมม...จื่อหาน”“ฉัน...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เธอเม้มริม
เธอเผลอหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้นเมื่อเห็นว่ามีสายวิดีโอคอลเรียกเข้าจากฉู่เฮ่าชวนปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ในทันที“ฉันบอกว่า ‘อาจจะ’ นะคะ ไม่ใช่ ‘ใช่’ เสียหน่อย!” เธอหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดีขณะกดรับสาย“ฉันอยากเห็นเธอ” ดวงตาคมกริบมองตรงเข้ามาในหน้าจอโทรศัพท์ และเธอก็บอกได้เลยว่าเขากำลังพยายามจะมองให้เห็นว่าเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอย่างที่เพิ่งจะบอกเขาไปจริง ๆ หรือไม่ “แต่...ฉันมองเธอไม่ค่อยเห็นชัดเลยแฮะ” เขาครางออกมาอย่างขัดใจ“พี่มองไม่เห็นหน้าฉันเหรอคะ”“ฉันเห็นหน้าสวย ๆ ของเธอชัดเจนเลยล่ะ แต่ไม่เห็นอย่างอื่นเลยสักนิด”“แล้วพี่อยากจะเห็นอะไรของฉันอีกล่ะคะ”“อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ” เขาหัวเราะร่วนออกมาอย่างอารมณ์ดี “และก็...ทุกสิ่งทุกอย่างเลยด้วย!”“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ฉันได้เห็นพี่บ้างสิคะ” เธอลื่นตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้างตามเดิม แล้วเอนหลังพิงหัวเตียงอย่างสบายอารมณ์“ก็ได้ ตามใจเธอเลย”เขาลดกล้องโทรศัพท์มือถือลงต่ำ แล้วก็โชว์ให้เธอได้เห็นแก่นกายร้อนระอุที่กำลังแข็งขืนชูชันขึ้นอย่างท้าทาย ซึ่งถูกกอบกุมไว้ด้วยมือขวาของ
“ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอนะ มันก็คงจะยากอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ที่จะต้องนอนกับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันความสัมพันธ์ของเราได้อย่างชัดเจนจริง ๆ น่ะ”ซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ถ้าให้พูดกันตามตรงเลยนะ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงใจง่ายราคาถูกอยู่หน่อย ๆ เลยล่ะ” หญิงสาวถอดเสื้อยืดตัวเก่าออก แล้วดึงเสื้อครอปสีน้ำเงินกรมท่าตัวใหม่มาสวมใส่แทน “ฉันหมายถึง...อย่าเข้าใจฉันผิดนะ...ฉันสนุกกับเซ็กซ์ที่ได้ทำกับพี่เฮ่าชวนมากจริง ๆ แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่าเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น ฉันเคยคิดมาตลอดนะว่า ถ้าผู้ชายสามารถจะมีเซ็กซ์กับใครก็ได้ตอนที่ยังไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่จริงจัง ฉันก็ควรจะทำแบบนั้นได้เหมือนกันกับเขาสิ แต่มันก็แค่...รู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ เท่านั้นเอง”“ฉันว่าที่เธอรู้สึกแบบนั้นมันก็เป็นเพราะว่าเธออยากจะคบกับพี่เฮ่าชวนมาก ๆ ต่างหากล่ะ ดังนั้นตอนนี้เธอถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในช่วงครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของความสัมพันธ์ยังไงล่ะ”“ใช่” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับขณะดึงกางเกงยีนส์ตัวเก่งขึ้นมาสวมใส่ “ฉั
“ฉันจะไปฆ่ากู้หยุนเฟิงทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เลย! เขากล้าคิดแผนการบ้า ๆ นี่ แล้วก็ยังไม่ยอมปริปากบอกอะไรฉันเลยสักคำเดียว!” ฉู่ลี่เหยียนอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด หลังจากที่ซ่งจื่อหานเพิ่งจะเล่าเรื่องราวค่ำคืนอันเร่าร้อนของเธอกับฉู่เฮ่าชวนให้ฟังจนจบ“มันบ้ามาก ๆ เลยเนอะ ใช่ไหมล่ะ” ซ่งจื่อหานยิ้มกว้างให้เพื่อนรักอย่างอารมณ์ดี ในที่สุดเธอกับพี่เฮ่าชวนก็ได้เปิดอกคุยกันอย่างซื่อสัตย์จริงใจเสียที จนเธอไม่สามารถจะปิดบังความตื่นเต้นยินดีที่เอ่อล้นอยู่ในใจเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว“อืมมม ฉันว่ามันยิ่งกว่าคำว่าบ้าเสียอีกนะ” ลี่เหยียนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอนของซ่งจื่อหาน ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ นะ ว่าพี่เฮ่าชวนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับเธอน่ะ ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางเลยที่พี่ชายฉันจะเป็นพวกชอบควบคุมบังคับใครต่อใครได้จริง ๆ น่ะ”“อืมมม แต่บางทีเขาอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ได้นะ เชื่อฉันสิ” ซ่งจื่อหานแกล้งทำเป็นตัวสั่นระริกอย่างหวาดกลัว “เธอควรจะได้เห็นกับตาตัวเองจริง ๆ นะ ตอนที่เขาจับฉันพาดลงบนเข่าของเขาน่ะ”“ต้องยอมรับตามตรงเลยนะ







