เคยได้ยินสุภาษิตโบราณ (ที่ซ่งจื่อหานเพิ่งจะบัญญัติขึ้นเองสด ๆ ร้อน ๆ) ที่ว่า...ยิ่งจ้องโทรศัพท์ด้วยจิตอธิษฐานแรงกล้าเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่ยอมดังสักแอะไหม? บอกเลยว่า...ไม่จริงเลยสักนิด! เพราะโทรศัพท์มือถือของซ่งจื่อหานคนนี้ มันดังไม่หยุดหย่อนมาตั้งแต่ไก่โห่! แต่คนเดียว! คนเดียวในจักรวาล! ที่เธออยากให้โทรหาใจจะขาด...กลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเลย!
สายแรกที่ถล่มเข้ามาคือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเจ้ากรรมนายเวร ที่พยายามจะเกลี้ยกล่อม (หรือขู่เข็ญ?) ให้เธอเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่ให้ได้ ซ่งจื่อหานเลยยื่นข้อเสนอสุดปังกลับไปว่า ‘จะเปลี่ยนให้ก็ได้นะ...ถ้าพวกคุณกล้าสัญญาว่าจะคิดค่าบริการแค่เดือนละไม่กี่หยวนไปอีกสิบปี แถมยังต้องแถมทีวีจอแบน 50 นิ้วเครื่องใหม่เอี่ยมให้เป็นของกำนัลด้วยนะ’ ผลลัพธ์น่ะเหรอ พนักงานสาวเสียงหวานในตอนแรก ถึงกับสบถคำหยาบที่เธอฟังไม่ทัน ใส่หูเธอก่อนจะกดวางสายดังปัง! สะใจเล็ก ๆ!
สายต่อมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...คลินิกทำฟันเจ้าประจำนั่นเอง พนักงานต้อนรับเสียงใสราวกับนางฟ้าโทรมาแจ้งเตือน ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังจะบอกว่าเธอทำผิดกฎหมายร้ายแรง ว่าเธอพลาดนัดตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนสองครั้งล่าสุด และจะต้องรีบเข้าไปให้คุณหมอคนเก่งจัดการโดยด่วน! ฝันไปเถอะค่ะคุณหมอ ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน! ครั้งล่าสุดที่เธอหลวมตัวไปขูดหินปูนน่ะเหรอ กลับต้องเจอค่าอุดฟันเพิ่มมาอีกหลายซี่ ป่านนี้ยังผ่อนจ่ายบิลไม่หมดเลย ขอบใจจริง ๆ นะ ไอ้ค่าประกันสุขภาพแสนแพงที่ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยยย
และแน่นอนที่สุด สายที่ไม่เคยพลาดเลยสักเทศกาล...คุณย่าสุดที่รักของเธอนั่นเอง ที่โทรมาไถ่ถามแกมบังคับ ว่าเมื่อไหร่จะยอมสละโสด แต่งงานมีลูกมีเต้าให้ท่านได้อุ้มเหลนอุ้มหลานกับเขาสักที เธอเลยแกล้งบอกให้ท่านลองไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถวบ้านดู เผื่อจะได้เห็นเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันให้ชื่นใจบ้าง แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ขำด้วยสักนิด
สรุปคือ...ใช่! วันนี้เธอได้รับสายโทรศัพท์เยอะมาก เยอะจนหูแทบจะไหม้ แต่...แต่ก็ไม่มีสักสายจากฉู่เฮ่าชวน ผู้ชายที่เธออยากจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขามากที่สุดในสามโลก
ฉู่เฮ่าชวน...พี่ชายคนโตสุดหล่อจนวัวตายควายล้มของฉู่ลี่เหยียนเพื่อนซี้สุดที่รักของเธอ ซ่งจื่อหานรู้จักเขามาตั้งแต่สมัยยังใส่ชุดนักเรียน และก็แอบปิ๊งเขาหัวปักหัวปำมาตั้งแต่อายุสิบขวบ ส่วนเขาน่ะเหรอ ตอนนั้นก็ปาเข้าไปสิบหกแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยมองเธอเลยสักนิด ไม่เคยชายตาแล เธอเป็นได้แค่เพื่อนสนิทสุดซี้ของน้องสาวจอมน่ารำคาญของเขามาโดยตลอด
อืม...ก็เกือบจะตลอดนั่นแหละนะ...ถ้าไม่นับคืนนั้น...
มันเคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง...แค่ครั้งเดียวเท่านั้น...ที่เธอเป็นมากกว่านั้น ครั้งหนึ่งที่เราสองคนมีความทรงจำลับสุดยอดร่วมกัน ซึ่งเธอย้อนกลับไปนึกถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน...ทุกคืน...นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะกล้าเอ่ยปากพูดคุยกับเขาได้เลย ไม่เลยสักนิดเดียว โชคดีแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่เขายังอุตส่าห์ยอมพูดคุยกับเธออยู่บ้างหลังจากเรื่องราวในคืนนั้น และความลับสุดยอดนั้นก็มีเพียงเธอกับเขาสองคนเท่านั้นที่ล่วงรู้
เธอไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฉู่ลี่เหยียนฟังในตอนนั้น...ทั้งที่เพื่อนคนนี้คือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตของเธอ เธออยากจะบอกใจจะขาด อยากจะเล่าให้ฟังทุกรายละเอียด แต่จะให้บอกเรื่องแบบนั้นกับใครสักคนได้อย่างไรกันล่ะ จะให้บอกเพื่อนสนิทสุดที่รักได้อย่างไรว่าพี่ชายสุดหล่อของเพื่อนดันพูดจาถูกเผง และเธอก็คือตัวอิทธิพลร้ายกาจที่ไม่มีใครอยากจะให้เข้าใกล้ลูกหลานตัวเองเลยแม้แต่น้อย เธอควรจะจุดธูปขอบคุณสวรรค์ด้วยซ้ำไปที่ฉู่เฮ่าชวนไม่เคยแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้ เดาว่าเขาเองก็คงจะอับอายขายขี้หน้าไม่แพ้กัน หรือไม่ก็ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่เธอไม่อาจจะหยั่งรู้ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาป่าวประกาศให้ชาวบ้านชาวช่องได้รับรู้กันได้ง่าๆ อยู่แล้ว
‘นี่ ๆ ลี่เหยียน...จะบอกอะไรให้นะ ฉันน่ะ...แอบไปนอนกับเพื่อนสนิทเธอมา จริง ๆ แล้ว...จะว่าไป...ฉันก็เป็นคนพรากพรหมจรรย์ของเธอเองนั่นแหละ!’
เขาไม่ได้พูดแบบนั้นออกมาหรอก และเธอก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉู่ลี่เหยียนเช่นกัน
แล้วจะให้บอกเพื่อนได้อย่างไรกัน ว่าเธอแอบย่องเข้าไปในห้องนอนของพี่ชายเพื่อนด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมว่าจะยั่วยวนเขาให้สำเร็จ จะให้บอกเพื่อนได้อย่างไรว่าพวกเธอสองคนได้ร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนดูดดื่ม และมันก็คือค่ำคืนที่ดีที่สุด สุดยอดที่สุด ในชีวิตของเธอเลยทีเดียว เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังยังไงดี แล้วหลังจากนั้น เธอก็รู้สึกผิดบาปเกินกว่าจะกล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่ในที่สุด ตอนนี้เพื่อนรักของเธอก็รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว และบอกตามตรงเลยนะว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิดเดียว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคนเดียวที่เธอจะต้องเปิดอกคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องราวในคืนนั้น...ก็คือผู้ชายคนเดียวในโลกที่ไม่ต้องการจะข้องแวะอะไรกับเธออีกเลยนั่นเอง
“จื่อหาน! ยัยตัวแสบ! เธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ย!” เสียงแหลมปรี๊ดของฉู่ลี่เหยียนตะโกนลั่นบ้านขณะที่เจ้าตัวเดินสับขาเข้ามาในคอนโดราวกับพายุทอร์นาโด
“ฉันอยู่นี่! ในห้องนั่งเล่นนี่แหละ!” เธอตะโกนตอบกลับไปสุดเสียง ก่อนจะลดระดับเสียงลงจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ “ว่าแต่...ทำไมพวกเราจะต้องมาตะโกนคุยกันให้ชาวบ้านเขาแตกตื่นด้วยเนี่ยหา”
“ฉันมีไอเดียสุดบรรเจิดเลิศสะแมนแตนมาบอกเธอ!” ดวงตาของฉู่ลี่เหยียนเป็นประกายวิบวับราวกับเจอขุมทรัพย์โจรสลัดขณะที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องนั่งเล่น เธอปรบมือแปะ ๆ อย่างตื่นเต้นแล้วก็เริ่มเต้นดุ๊กดิ๊กไปมารอบ ๆ ห้อง พลางส่งยิ้มกว้างเสียจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ ความกระตือรือร้นต่อความคิดสุดบรรเจิดของตัวเองนั้นมันช่างเอ่อล้นออกมาจนปิดไม่มิด
“ไอเดีย...อะไรของเธอยะ” ซ่งจื่อหานหรี่ตามองเพื่อนรักที่ในที่สุดก็ยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่เสียที หลังจากที่เต้นเป็นเจ้าเข้าจนเธอเริ่มจะเวียนหัว
“ฉันไม่ได้ก้นใหญ่สักหน่อยนะ! ถอนคำพูดของคุณออกมาเดี๋ยวนี้เลย!” ฉู่ลี่เหยียนแหวเสียงดังลั่น“ถอนคำพูดอะไรกันที่รัก” กู้หยุนเฟิงทำหน้างุนงงซ่งจื่อหานถึงกับหัวเราะลั่นออกมาอย่างสุดจะกลั้น“เงียบไปเลยนะกู้หยุนเฟิง!” ฉู่ลี่เหยียนตวาดใส่คนรักของตัวเองเสียงดัง แล้วหันมามองเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง “เธอเห็นไหมจื่อหาน ว่าเขาเพิ่งจะบอกว่าฉันน่ะตูดใหญ่เป็นตุ่มเลย!”“อืมมม...ดูท่าว่างานจะเข้าคุณจริง ๆ แล้วล่ะ” ซ่งจื่อหานส่ายหน้ามองกู้หยุนเฟิงอย่างสมเพชเวทนา“งานเข้าเรื่องอะไรกันครับ” ชายหนุ่มมองสองสาวสลับกันไปมาด้วยสีหน้างุนงงสับสนยิ่งกว่าเดิม “ผมไม่เคยบอกเลยนะว่าคุณตูดใหญ่ ผมบอกว่าคุณก้นใหญ่ต่างหาก ก้นใหญ่ ๆ อวบ ๆ ที่ผมชอบมาก! รักเลยด้วยซ้ำไป” แล้วเขาก็เผลอครางออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเอาเรื่องเอาราวของฉู่ลี่เหยียน “เอ่อ...ผมว่า...ตอนนี้ผมควรจะเงียบปากไปเลยจะดีกว่า”“ใช่! คุณควรจะเงียบปากไปได้ตั้งนานแล้ว!” ฉู่ลี่เหยียนยืนตัวตรงแหน่ว “จื่อหาน เธอพร้อมจะเล่าให้พ่อแฟนงี่เง่าสมองทึบของฉันฟังรึยังล่ะ ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นบ้างกับพี่เฮ่าชวนน่ะ พวกเราจะไ
“มันก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวนี่นา ใช่ไหมล่ะจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด “ฉันหมายถึง...ในตอนแรกน่ะ...พี่เฮ่าชวนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปนะว่าเป็นเธอน่ะ”“โอ๊ย! ไม่ต้องมาย้ำเรื่องนั้นเลยนะลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานโอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้ด้วยความอับอาย “ฉันอายมากเลยนะจะบอกให้ ฉันควรจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปให้หมดเลย ไม่มีทางที่พี่เฮ่าชวนเขาจะสามารถก้าวข้ามเรื่องนั้นไปได้ง่าย ๆ หรอกน่า”“เธอก็ไม่รู้หรอกน่าเพื่อนรัก” ฉู่ลี่เหยียนบอกแล้วส่งยิ้มหวานไปให้กู้หยุนเฟิง ขณะที่เขาโน้มตัวลงมาจูบที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบาแล้วลูบหลังปลอบใจเธออย่างอ่อนโยนซ่งจื่อหานอยากจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ที่เห็นคนทั้งคู่กำลังทำตัวสวีตหวานแหววใส่กันอยู่ตรงหน้า “แล้วคุณว่ายังไงบ้างล่ะคะ คุณกู้หยุนเฟิง”“ผมว่า...ผมก็คงจะต้องรู้ให้ได้ก่อนล่ะครับว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่” เขามองมาที่ซ่งจื่อหาน ดวงตาที่เคยทอประกายขบขันเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ผมรู้ดีว่าคุณอาจจะกำลังรู้สึกอั
“ฉันก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะน่า ก็ฉันเป็นน้องสาวสุดที่รักของเขานี่นา แต่พี่เฮ่าชวนเขาก็มีความรู้สึกพิเศษ ๆ กับเธอเหมือนกันนะ ความรู้สึกที่มันมีอะไรมากกว่าแค่การเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทน่ะ ฉันพนันด้วยชีวิตเลยก็ได้นะว่าตอนนี้พี่เฮ่าชวนเขากำลังสับสนหัวใจตัวเองอยู่แน่ ๆ”“สับสน...สับสนเรื่องอะไรกันยะ” ซ่งจื่อหานถามอย่างใคร่รู้“ก็สับสนเรื่องที่เขาเคยเผลอตัวไปนอนกับเธอเมื่อหลายปีก่อนยังไงล่ะ ซึ่งพี่เฮ่าชวนเองก็คงจะมีความสุขกับมันมากเลยทีเดียว แต่มันก็คงจะทำให้เขารู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกัน แล้วตอนนี้เขาก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะทำตัวยังไงต่อไปกับเรื่องนี้น่ะสิ”“เธอ...เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานถามอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม“ใช่สิ ฉันคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นอีกครั้ง “ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือพี่เฮ่าชวนเขายังคงมองว่าเธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่นกะโปโลคนหนึ่งอยู่เลยน่ะสิ เธอจะต้องทำให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจนเลยนะว่าตอนนี้เธอโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วจริง ๆ”“แล้ว...แล้วการไปตีแบดมินตันมันจะช่วยได้จริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานยังคงไม่เห็นความเชื่อม
“ฉันมีวิธีเด็ดที่จะทำให้เธอกับพี่เฮ่าชวนสุดหล่อของฉันได้กลับมาพูดคุยคืนดีกันอีกครั้งแล้วยังไงล่ะ”“หา?!” หัวใจของซ่งจื่อหานเต้นระรัวราวกับรัวกลองศึกเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอมองเพื่อนรักอย่างพิจารณา สำรวจใบหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน “วิธีที่ดี...หรือว่าเป็นวิธีบ้า ๆ บอ ๆ เพี้ยน ๆ ของเธออีกแล้วล่ะยะ”“จื่อหาน!” ฉู่ลี่เหยียนทำปากยื่นเหมือนเด็กโดนขัดใจ ดวงตาคู่สวยมองมาอย่างเจ้าเล่ห์แสนกล “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันยะ ที่ฉันคนนี้เคยมีความคิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ น่ะ”“ก็ตั้งแต่เธอมาเป็นเพื่อนสนิทของฉันยังไงล่ะยะ” ซ่งจื่อหานหัวเราะร่วนออกมาแล้วส่ายหน้าอย่างเอ็นดู น่าเสียดายที่มันเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก พวกเธอทั้งคู่ดูเหมือนจะมีความคิดและแผนการปุบปับสุดเพี้ยนที่มักจะพาตัวเองไปเจอกับปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่เสมอ แต่ถ้าจะพูดให้ยุติธรรมกับฉู่ลี่เหยียนสักหน่อยล่ะก็...ปกติแล้วเธอต่างหากที่เป็นคนมีความคิดอะไรต่อมิอะไรที่มันงี่เง่าหลุดโลกอยู่เรื่อย แต่พักหลังมานี้ดูเหมือนว่าฉู่ลี่เหยียนก็เริ่มจะตามเธอทันแล้วเหมือนกันนะ“พวกเราจะไปสมัครเข้าชมรมแบดมินตันกัน” ฉู่ลี่เหยียนประกาศ
เคยได้ยินสุภาษิตโบราณ (ที่ซ่งจื่อหานเพิ่งจะบัญญัติขึ้นเองสด ๆ ร้อน ๆ) ที่ว่า...ยิ่งจ้องโทรศัพท์ด้วยจิตอธิษฐานแรงกล้าเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่ยอมดังสักแอะไหม? บอกเลยว่า...ไม่จริงเลยสักนิด! เพราะโทรศัพท์มือถือของซ่งจื่อหานคนนี้ มันดังไม่หยุดหย่อนมาตั้งแต่ไก่โห่! แต่คนเดียว! คนเดียวในจักรวาล! ที่เธออยากให้โทรหาใจจะขาด...กลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเลย!สายแรกที่ถล่มเข้ามาคือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเจ้ากรรมนายเวร ที่พยายามจะเกลี้ยกล่อม (หรือขู่เข็ญ?) ให้เธอเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่ให้ได้ ซ่งจื่อหานเลยยื่นข้อเสนอสุดปังกลับไปว่า ‘จะเปลี่ยนให้ก็ได้นะ...ถ้าพวกคุณกล้าสัญญาว่าจะคิดค่าบริการแค่เดือนละไม่กี่หยวนไปอีกสิบปี แถมยังต้องแถมทีวีจอแบน 50 นิ้วเครื่องใหม่เอี่ยมให้เป็นของกำนัลด้วยนะ’ ผลลัพธ์น่ะเหรอ พนักงานสาวเสียงหวานในตอนแรก ถึงกับสบถคำหยาบที่เธอฟังไม่ทัน ใส่หูเธอก่อนจะกดวางสายดังปัง! สะใจเล็ก ๆ!สายต่อมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...คลินิกทำฟันเจ้าประจำนั่นเอง พนักงานต้อนรับเสียงใสราวกับนางฟ้าโทรมาแจ้งเตือน ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังจะบอกว่าเธอทำผิดกฎหมายร้ายแรง ว่าเธอพลาดนัดตรวจสุขภาพฟันและข
“ถูกเผงเลย แล้วพวกเราก็เพิ่งจะอายุยี่สิบสองกันเองนะ ยังไม่แก่เลยสักนิด” ซ่งจื่อหานวางขนมปังปิ้งร้อน ๆ ลงบนจานสวย พร้อมกับชีสหอมกรุ่นน่ากิน “ฉันจะเอาอาหารไปวางรอที่ห้องนั่งเล่นนะ แล้วเธอก็เอาไวน์กับแก้วตามมาก็แล้วกัน”“ได้เลย!” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับคำอย่างกระตือรือร้นแล้วรีบเดินตามเพื่อนรักเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันที แต่แล้วก็ต้องยอมรับว่าตัวเองรู้สึกแย่ขึ้นมาจับใจ เมื่อเหลือบไปเห็นเทียนหอมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ที่กำลังจุดส่องสว่างอยู่บนโต๊ะกาแฟ พร้อมกับผ้าห่มขนสัตว์เทียมสีครีมอ่อนผืนโปรดของฉู่ลี่เหยียนที่วางพาดอยู่บนโซฟาอย่างตั้งใจ นอกจากนี้ก็ยังมีดอกกุหลาบสีแดงสดดอกเดียววางประดับอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เทียนหอมเล่มนั้นด้วย“โอ๊ยตายแล้ว! แย่จังเลยลี่เหยียน!” ซ่งจื่อหานหันมามองเพื่อนรักด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยอย่างสุดซึ้ง “ฉัน...ฉันทำลายค่ำคืนสุดแสนจะโรแมนติกของพวกเธอจนพังพินาศหมดเลยใช่ไหมเนี่ย”“ไม่เป็นไรเลยสักนิดน่า อย่าคิดมากไปเลย” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนรักอย่างจริงใจ“เขา...เขาให้ดอกกุหลาบสีแดงกับเธอด้วยอย่างนั้นเหรอ” หัวใจของจื่อหานพลันปวดแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ “น่ารักจังเลยนะ”“