“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรจริง ๆ นะคะที่รัก” ฉู่ลี่เหยียนพูดขึ้นในที่สุดแล้วเดินเข้าไปประทับจูบที่แก้มของเขาอย่างแผ่วเบา “ไว้ฉันจะรีบชดเชยให้คุณทีหลังนะคะ”
หัวไหล่ที่เคยเกร็งแน่นของซ่งจื่อหานพลันผ่อนคลายลงในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนรัก เพื่อนไม่ได้เลือกกู้หยุนเฟิงแทนเธอจริง ๆ ด้วย
“ผมจะตั้งตารอทวงสัญญานั้นจากคุณเลยนะคนดี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกชวนฝัน ก่อนจะรั้งท้ายทอยเพื่อนสาวเข้ามาใกล้อีกนิด
ซ่งจื่อหานรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันทีเมื่อเห็นเขาโน้มใบหน้าลงไปบดจูบปากเพื่อนรักอย่างหนักหน่วงและดูดดื่ม!
โอ๊ยยยย! อิจฉาตาร้อนโว้ย! เธออยากให้ฉู่เฮ่าชวนคว้าเธอไปจูบอย่างเร่าร้อนแสดงความเป็นเจ้าของแบบนั้นบ้างจังเลย!
“ขอให้ดีขึ้นเร็ว ๆ นะครับ คุณจื่อหาน” กู้หยุนเฟิงหันมากล่าวคำอำลากับเธอก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอพยักหน้ารับแล้วรีบกระดกนมช็อกโกแลตในแก้วจนหมดในอึกเดียว
“จื่อหาน เดี๋ยวฉันจะรีบไปส่งหยุนเฟิงที่หน้าประตูแล้วจะรีบกลับมาหานะจ๊ะ” ฉู่ลี่เหยียนหันมามองเพื่อนอย่างเข้าใจ “เธอช่วยรินไวน์แดงรอให้พวกเราสองคนเลยนะ ฉันว่าคืนนี้เราคงจะต้องคุยกันยาวเหยียดแน่ ๆ เลยล่ะ”
“โอเค ได้เลยเพื่อน” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มกว้างให้เพื่อนรัก เธอไม่แน่ใจเลยจริง ๆ ว่าตัวเองจะโชคดีไปได้อีกสักแค่ไหนกันนะ ที่มีฉู่ลี่เหยียนเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในโลกแบบนี้ แต่เธอก็สาบานกับตัวเองเอาไว้ในใจแล้วว่า จะไม่มีวันมองข้ามหรือทำให้เพื่อนคนนี้ต้องเสียใจเด็ดขาด เธอมองหาแก้วไวน์ทรงสวยและขวดไวน์แดงรสเลิศในตู้เก็บของอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดตู้เย็น หยิบขนมปังฝรั่งเศสเนื้อนุ่มกับชีสรสกลมกล่อมที่เธอไม่ได้เป็นคนซื้อมาเอง หั่นขนมปังเป็นชิ้นพอดีคำแล้วนำไปใส่ในเตาอบไฟฟ้าขนาดเล็กที่ตั้งอยู่มุมห้อง สองสามนาทีต่อมาฉู่ลี่เหยียนก็เดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง ซ่งจื่อหานเผลอเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ กังวลอยู่ลึก ๆ ว่าเพื่อนจะโกรธเคืองที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนต้องรีบส่งกู้หยุนเฟิงกลับบ้านไปก่อนเวลาอันควร
“ว้าว! เธอกำลังอุ่นขนมปังให้ฉันอยู่เหรอจ๊ะเพื่อนรัก” ฉู่ลี่เหยียนเดินยิ้มเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วส่งยิ้มกริ่มมาให้
“อือหึ แล้วก็เอาชีสหอม ๆ ออกมาเตรียมไว้ให้ด้วยนะ” ซ่งจื่อหานเหลือบมองเพื่อนอย่างไม่แน่ใจนัก “หวังว่า...คงจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
“จะเป็นไรไปได้ล่ะจ๊ะ” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “แล้วฉันก็มีช็อกโกแลตของโปรดของเธอเตรียมไว้ให้ด้วยนะ”
“ดีเลย! สุดยอดไปเลยเพื่อน!”
“เป็นดาร์กช็อกโกแลตนะจ๊ะ ดีต่อสุขภาพหัวใจของเธอด้วย”
ฉู่ลี่เหยียนหยิบแท่งช็อกโกแลตสีเข้มออกมาจากตู้เย็นอย่างรวดเร็ว มันคือดาร์กช็อกโกแลตสอดไส้มินต์ยี่ห้อดังจากสวิตเซอร์แลนด์นั่นเอง ซ่งจื่อหานยิ้มกว้างออกมาจนแก้มแทบปริ มันเป็นดาร์กช็อกโกแลตชนิดเดียวในโลกที่เธอชอบมากที่สุด เพราะมันไม่ได้มีรสชาติหยาบกระด้างและขมปี๋เหมือนยี่ห้ออื่น ๆ รสชาติของมินต์ที่สอดไส้อยู่ในแท่งนี้มันทำให้ช็อกโกแลตมีรสชาติที่หอมหวานครีมมี่และอร่อยกลมกล่อมอย่างไม่น่าเชื่อ เกือบจะอร่อยล้ำเลิศและบาปหนาเท่ากับการกินช็อกโกแลตนมจริง ๆ เลยทีเดียว
“ฉันขอโทษจริง ๆ นะลี่เหยียน ที่ทำให้เธอต้องรีบส่งกู้หยุนเฟิงกลับบ้านไปก่อนน่ะ” ซ่งจื่อหานทำหน้าสลดเหมือนลูกหมาโดนเจ้าของดุ ขณะพลิกขนมปังที่กำลังปิ้งอยู่ในเตาอบเพื่อให้มันกรอบได้ที่ทั้งสองด้าน
“ไม่เป็นไรเลยสักนิดน่าเพื่อนรัก” ฉู่ลี่เหยียนเอื้อมมือมาลูบไหล่เพื่อนเบา ๆ อย่างปลอบใจ “ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องมานั่งเศร้าสร้อยหงอยเหงาอยู่คนเดียวหรอกน่า อีกอย่างนะ เขาก็รู้จักพวกเราดีพอที่จะรู้ว่าฉันคงจะนั่งนิ่งเฉยอยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอก ในตอนที่เธอเสียใจหรือกำลังมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ เขารู้ดีว่าเธอคือเพื่อนสนิทที่สุดในโลกของฉัน และไม่ว่าจะรักหรือจะเกลียด เขาก็จะต้องยอมรับมันให้ได้อยู่ดีนั่นแหละ”
“เขา...เขาเกลียดฉันอย่างนั้นเหรอ” ซ่งจื่อหานเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเนยสดก้อนใหญ่ออกมา เตรียมจะทาขนมปัง
“เปล่าเลยสักนิด ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อยนะ” ฉู่ลี่เหยียนรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวันแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “ฉันหมายถึงว่า...เขาอาจจะแค่เกลียด...เอ่อ...ก็ไม่ใช่เกลียดหรอกนะ ออกแนวไม่ค่อยจะชอบใจเสียมากกว่า เวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วดันทำตัวเหมือนเด็ก ๆ ไม่รู้จักโตน่ะสิ”
“เหมือนเด็กอย่างนั้นเหรอ!” ซ่งจื่อหานอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ! “เขาคิดว่าฉันทำตัวเหมือนเด็กอย่างนั้นเหรอ!”
“เขาคิดว่าพวกเราทั้งคู่เลยต่างหากล่ะ ที่ค่อนข้างจะทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตกันน่ะ” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะคิกคักออกมาอย่างขบขัน “ฉันก็บอกเขาไปแล้วนะว่าเขาคิดผิดมหันต์เลยล่ะ แต่เธอก็ต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งนะ ว่าบางทีพวกเราก็มีแนวโน้มที่จะทำตัวเหมือนพวกวัยรุ่นใจแตกจริง ๆ นั่นแหละ”
“ฉันไม่ยอมรับเรื่องนั้นเด็ดขาดเลยนะ” ซ่งจื่อหานหัวเราะร่วนออกมาแล้วส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “แล้วก็ไม่ใช่ตลอดเวลาด้วยนะยะ แค่บางครั้งบางคราวเท่านั้นแหละน่า”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันบอกเขาไปเหมือนกันเป๊ะเลย ทุกคนในโลกนี้มีสิทธิ์ที่จะทำตัวเป็นเด็กได้ทั้งนั้นแหละ เมื่อพวกเขาต้องการจะทำมันจริง ๆ น่ะ!”
“ก็ไปแอบส่องโซเชียลมีเดียมายังไงล่ะ แถมแม่นั่นก็ยังมีบล็อกส่วนตัวที่เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองด้วยนะ แล้วก็ยังมีรูปของเจ้าโฟรโด แฮมสเตอร์สุดที่รักของหล่อน กับเจ้าแบล็กกี้ หมาคู่ใจของหล่อนเต็มไปหมดเลย”“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าหมาของหล่อนน่ะมันสีดำ”“ใช่เลย เป๊ะเลย” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา “ใครกันนะช่างมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งชื่อหมาดำว่าแบล็กกี้เนี่ย”“ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลยจริง ๆด้วย” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้าอย่างเห็นด้วย “คนแบบนี้จะต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทาง เธอสิถึงจะเหมาะสมกับพี่เฮ่าชวนมากกว่าตั้งเยอะ”“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะคิดแบบนั้นกับฉันจริง ๆ รึเปล่าน่ะสิ”“พี่เฮ่าชวนก็แค่ตาไม่ถึงเองต่างหากล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือของเธอจะส่งเสียงเตือนขึ้นมา “อุ๊ย! พี่เฮ่าชวนนี่นา...เขาส่งข้อความมาบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งเขาจะมาถึงที่นี่แล้วนะ”“หา! แล้วฉันจะรีบไปใส่อะไรดีล่ะทีนี้ แล้วพี่เฮ่าชวนเขารู้ไหมว่าฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”“ก็รู้สิยะ! ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ!”“
“โอ๊ยตายแล้ว! จื่อหาน!” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ที่เผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไป “เธอน่ะไม่ควรรู้เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ จำได้ไหม” เธอแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาเล่นกับปอยผมของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอยู่ครู่หนึ่! ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “แล้ว...แล้วนายกู้หยุนเฟิงคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่เฮ่าชวนชอบฉันน่ะ”ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกว้างออกมาในทันที “ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าพี่เฮ่าหรานกับกู้เทียนอี้ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธออยู่เหมือนกันก็เถอะนะ อ้อ แล้วก็ยังมีนายผู้ชายคนนั้นอีกคนหนึ่งไงล่ะ ที่ชื่ออะไรนะ...”“ใครคือที่ชื่ออะไรนะ”“ก็นายเจเจยังไงล่ะ ไอ้คนที่พยายามจะมาแจกขนมจีบเธอในสนามตลอดเวลานั่นแหละ”“อ๋อ...ไอ้คนที่ตัวสูง ๆ แล้วก็จมูกดูเบี้ยว ๆ หน่อยนั่นน่ะเหรอ” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย ๆ “ฉันสาบานได้เลยนะว่าไอ้หมอนั่นมันพยายามจะมาแต๊ะอั๋งฉันอย่างชัดเจนเลยล่ะ”ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างขบขัน “ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามจะทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ แล้วกู้หยุนเฟิงก็เลยแอบเอาข้อศอกไปกระแทกใส่เข้าให้ทีหนึ่งน่ะสิ”“โอ้โห! กู้หยุนเฟิงนี่มันสุดยอดไปเลย!” ซ่งจื่อหา
“โอ๊ย...ปวดกล้ามเนื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะน่องเนี่ย ทำไมฉันถึงได้เดี้ยงขนาดนี้นะ ไม่ได้ฟิตเลยจริง ๆ” ซ่งจื่อหานครางเสียงโหยพลางใช้มือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อที่ยังคงตึงเปรี๊ยะราวกับจะฉีกออกจากกัน“ฉันก็เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องเริ่มเข้ายิมออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้วละมั้ง” ฉู่ลี่เหยียนทำหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป“อี๋...แค่คิดก็เหนื่อยจะตายแล้ว” ซ่งจื่อหานยู่หน้าใส่เพื่อนรัก“เหอะน่า ก็แค่เข้าฟิตเนส วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่สักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะไปหาที่ซ้อมตีแบดกัน ที่สวนสาธารณะก็น่าจะดีนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมุ่งมั่น พลางพยักหน้ากับตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง“จะไปซ้อมทำไมกันยะ”“ก็จะได้ซ้อมให้มันเก่ง ๆ ไง ฉันอยากให้คราวหน้าพวกเราไปถึงสนามแล้วก็เล่นให้มันเทพไปเลย เราต้องทำให้พี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงเห็นว่าพวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนหัดเล่นกีฬาไม่เป็น”“เออ...นั่นสิ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้“ใช่แล้ว เราต้องแสดงให้พวกผู้ชายพวกนั้นได้เห็นไปเลยว่าผู้หญิงอย่างพวกเราก็เล่นกีฬาเก่งได้เหมือนกัน” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างฮึกเหิมราวกับกำลังจะไปออกรบซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหยียดขาที่ยั
“ได้เลยสิครั! จื่อหานคุณสามารถมาที่ฟิตเนสของผมเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะครับ ผมน่ะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยนะจะบอกให้” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกว้างมาให้เธออย่างเป็นมิตร“ขอบคุณมากเลยค่!” ซ่งจื่อหานมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการเลยนะ! เธอเคยคิดว่ากู้เทียนอี้ก็แค่ทำดีกับเธอไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว หรือว่าเขากำลังจะจีบเธอจริง ๆ กันแน่นะ“ผมว่ามันคงจะสนุกมากแน่ ๆเลยนะครับ แล้วพวกเราก็จะได้มีโอกาสมาคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยที่ไม่มีเสียงนกหวีดน่ารำคาญมาเป่าไล่ใส่พวกเราด้วยยังไงล่ะครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย“คุยเรื่องอะไรกันต่ออย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมกริบของฉู่เฮ่าชวนหรี่ลง แล้วก็ก้าวเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว“ก็จื่อหานเธอกำลังจะบอกผมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำจริง ๆ ยังไงล่ะครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฉู่เฮ่าชวนกำลังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากนัก“เธออยากจะเป็นแคสติ้งเอเจนต์ให้กับพวกนักแสดงในรายการเรียลลิตี้โชว์ยังไงล่ะ” ฉู่เฮ่าชวนเหลือบมองมาที่ซ่งจื่อหานขณะที่พูด“แล้ว...แล้วพี่เฮ่าชวนรู้ได้ยังไง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณได้มาอยู่ทีมเดียวกับผม” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้างให้เธอขณะที่ยืนอยู่ที่สุดปลายคอร์ต หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ฉันก็รเหมือนกันค่ะ” ซ่งจื่อหานส่งยิ้มตอบกลับไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นส่ำจากการวิ่งทั้งหมด และเธอก็แค่อยากจะทรุดตัวลงนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย“ทีมฝั่งโน้นเขาดูจะจริงจังกับเกมเกินไปหน่อยนะว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และก็มองดูฉู่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงกำลังตีลูกโต้กันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงไปอยู่ทีมเดียวกันได้ยังไงกันน่ะ” เธอหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง “มันดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะว่าไหมคะ ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจมากที่ไม่ได้ไปอยู่ทีมเดียวกับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตามที”“น่าสงสารลี่เหยียนนะครับเนี่ย” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกริ่มมาให พวกเขาสองคนมองดูขณะที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มทั้งสองคนให้ช่วยส่งลูกมาให้เธอบ้างเธอหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสิคะ คุณว่าพวกเราควรจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเธอรับลูกบ้างไหมคะ”เขาส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “อืม...ผมว่ายังก่อนจะดีกว่านะครับ ดูเหมือนว่าคุณยังจะต้อ
บางครั้ง...คนเราก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน สับสนงุนงงจนสมองไม่อาจจะประมวลผลได้ว่าควรจะให้ร่างกายแสดงความรู้สึกใดออกมากันแน่การได้เห็นฉู่เฮ่าชวนในชุดกางเกงขาสั้นสีดำสนิทและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่ขับเน้นมัดกล้ามเป็นลอนสวย กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในคอร์ตแบดมินตันในบ่ายวันนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับซ่งจื่อหาน หัวใจของเธอราวกับถูกกระแทกอย่างจังจนจุก อารมณ์มากมายหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะตั้งรับไม่ทันโอ๊ย...หล่อ...หล่ออะไรเบอร์นี้! อยากจะร้องไห้เพราะความหล่อของเขา หรือจะหัวเราะให้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองดีนะ!“จื่อหาน! ยืนบื้อทำอะไรอยู่ยะ!” ฉู่ลี่เหยียนผลักหลังเพื่อนรักเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่กลางคอร์ต“พี่เฮ่าชวน...” ซ่งจื่อหานพึมพำเสียงอ่อนขณะที่เข่าเริ่มจะอ่อนแรงลงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่า และใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“เธอกำลัง ‘ทำ’ พี่เฮ่าชวนอยู่หรือไง ฮ่า ๆ นี่เธอโอเคดีอยู่ไหมเนี่ยจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา ทั้งขำทั้งเป็นห่วงในอาการของเพื่อน“ฉัน.