ภีมวัชขับรถพาอิงลดามาที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก่อนจะเดินนำเธอไปยังร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นที่ขึ้นชื่อ
เมื่อพนักงานนำเมนูมาให้ ภีมวัชก็ยื่นเมนูนั้นให้กับอิงลดา
“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ”
อิงลดายิ้นรับ เธอเปิดเมนูดูอย่างตั้งใจ สั่งอาหารที่เธอชอบและคิดว่าเขาจะชอบด้วย พนักงานจดรายการอาหารแล้วเดินออกไป เหลือเพียงเขาสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน
ภีมวัชมองใบหน้าของอิงลดาอย่างหลงใหล ดวงตาคมกริบของเขาทอประกายความสุขอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนในแววตาของเขา
หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขานิดหน่อย
“พี่ภีมมองอะไรคะ”
“มองภรรยาของพี่ไง” ภีมวัชตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนทำให้เธอรู้สึกใจสั่น
ใบหน้าของอิงลดาแดงก่ำ เธอหลุบตาลงมองแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างเขินอาย หัวใจของเธอเต้นแรงกับคำว่าภรรยาที่เขาเรียก
ภีมวัชเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน คำพูดที่เขาพูดไปก็ไม่รู้ว่ามันจะฟังดูเสี่ยวเกินไปหรือไม่ ต่างคนก็ต่างขวยเขินและเงียบไปพักใหญ่ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอะไรกันดี
เมื่ออาหารมาถึง ทั้งสองก็ลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า แล้วเริ่มหัวข้อการสนทนาเรื่องอาหารและบรรยากาศของร้าน
“จริงสิคะ พี่ภีมเคบบอกว่าหลังแต่งงานจะบอกอะไรบางอย่างกับอิง ตกลงเรื่องอะไรเหรอคะ” เธอถามเขาด้วยความสงสัย
“ยังไม่อยากพูดตอนนี้”
“แต่อิงอยากรู้แล้วนี่คะ”
“พี่ยังบอกชตอนนี้ไม่ได้ เรื่องมันยาว” ยิ่งเขาทำเหมือนมีความลับเธอก็ยิ่งอยากรู้
ภีมวัชยังไม่อยากเล่าเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้ เขาไม่อยากให้เธอรักเขาเพียงเพราะว่ารู้ถึงอดีตที่เขาแอบรักเธอ แต่อยากให้เธอรักเขาเพราะตัวตนของเขาเองจริงๆ
“หึ ไม่อยากรู้แล้ว” เธอย่นจมูกใส่เขา ภีมวัชอมยิ้ม วันนี้เขามีความสุขมากจริงๆ
หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อค่ำ ภีมวัชก็พาอิงลดาเดินออกมาจากร้านอาหาร เขาไม่ได้บอกว่าจะพาเธอไปไหนต่อ จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าร้านเพชรชื่อดังแห่งหนึ่ง
“พี่ภีมพาอิงมาที่นี่ทำไมคะ” อิงลดาถามด้วยความสงสัย
“มาซื้อแหวนแต่งงาน” ภีมวัชตอบสั้นๆ แล้วเดินนำเธอเข้าร้านไป
พนักงานในร้านรีบเข้ามาต้อนรับทั้งสองคนอย่างดีเยี่ยม อิงลดารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเห็นแหวนเพชรที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ภายในตู้กระจกมากมาย
“พี่ภีมคะ ไม่จำเป็นต้องซื้อแหวนก็ได้นะคะ แค่เราจดทะเบียนกันก็พอแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
ภีมวัชหันมาสบตาเธอ สีหน้าของเขาจริงจังขึ้น
“จำเป็นสิ” เขาจับมือของเธอขึ้นมา แล้วลูบไปตามนิ้วนางที่เรียวยาว
“พี่ไม่อยากให้ภรรยาของพี่นิ้วโล่งแบบนี้ เดี๋ยวใครไม่รู้ว่าแต่งงานแล้ว ต้องมีเครื่องหมายในการจับจองเป็นเจ้าของ” คำพูดของภีมวัชทำให้ใบหน้าของอิงลดาแดงก่ำ เธอหลุบตาลงมองมือของตัวเองที่อยู่ในมือของเขา หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก พนักงานในร้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ยิ้มอย่างเขินอาย
“เชิญคุณผู้หญิงเลือกแบบที่ชอบได้เลยค่ะ” พนักงานพูดพร้อมกับนำถาดใส่แหวนมาให้
อิงลดาเลือกแหวนเพชรวงหนึ่งที่ดูเรียบง่ายแต่สวยงาม เธอหันไปมองภีมวัช
“งั้นอิงไม่เกรงใจแล้วนะคะ ระดับพี่ภีมหากเม็ดเล็กไปก็คงไม่สมฐานะ” เธอพูดหยอกเขา แต่ภีมวัชกลับพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
“แล้วแต่อิงเลยครับ เลือกวงที่ชอบ เพราะหลังจากนี้อิงต้องใส่มันตลอดไป” เขาพูดเป็นนัยว่าอยากให้เธอเป็นภรรยาของเขาไปตลอด ทำให้คนฟังนั้นอมยิ้มด้วยความเขินอายที่ถุกเขาหยอดอีกแล้ว
หญิงสาวหันไปเลือกแหวนเพชรที่เรียงราย จนไปสะดุดตาเข้ากับแหวนแต่งงานคู่หนึ่ง
“อิงว่าวงนี้สวยดีนะคะ ไม่มากไม่น้อย เป็นแหวนคู่ด้วย”
ภีมวัชมองแหวนวงนั้นแล้วพยักหน้าให้พนักงานโดยไม่ถามราคา พนักงานวัดไซซ์แหวนให้พอดีกับนิ้วของทั้งคู่ ก่อนจะเดินไปหลังร้านแล้วเอาแหวนที่มีขนาดพอดีกับนิ้วมาให้
นายแพทย์หนุ่มหยิบแหวนเพชรเม็ดขนาดกลางขึ้นมา แล้วบรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภรรยาอย่างอ่อนโยน
“สวยมาก” เขาพูดเสียงแผ่วเบา มองดูแหวนเพชรที่เปล่งประกายอยู่บนนิ้วของเธอ
อิงลดายิ้มหวานอย่างเอียงอาย แล้วค่อยๆ สวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขากลับ ภีมวัชมองดูแหวนที่นิ้วของตัวเอง แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
หญิงสาวหุบยิ้มไม่ลง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไป ความสุขที่เธอได้รับจากเขาในวันนี้มันเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการไว้มากนัก
************************
ณ ตึกศัลยกรรมประสาทและสมอง ภีมวัชเดินเข้าโรงพยาบาลด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แสงแห่งความสุขฉายประกายอยู่ในดวงตาคมกริบของเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทางที่เคยสุขุมและเคร่งขรึมบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสดชื่นและมีชีวิตชีวา เรียกเสียงฮือฮาจากพยาบาลสาวได้เป็นอย่างดีเสียงซุบซิบดังขึ้นทันที“แกดูสิ คุณหมอภีมยิ้มอีกแล้ว” พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่มองตามหลังเขาไป“วันนี้ยิ้มกว้างกว่าเมื่อวานอีกนะ”“ใช่ แปลกมากเลยนะ ปกติจะเห็นแต่หน้านิ่งๆ” อีกคนเสริมไม่ใช่แค่ในแผนกของเขา แต่ข่าวการเปลี่ยนแปลงของ คุณหมอภีม แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แพทย์และพยาบาลต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงของเขาโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง ยกเว้นณัชชาที่พอจะเดาสาเหตุนั้นออกแพทย์หญิงณัชชาที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ในห้องทำงานได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพยาบาลสองสามคนดังแว่วเข้ามาในห้อง เธอจึงแอบเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ“แกได้ยินเรื่องคุณหมอภีมไหม สองวันมานี้อารมณ
ในตอนเช้า ภีมวัชตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขและอิ่มเอมใจ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วภาพแรกที่เห็นก็คือใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหลอยู่บนอกของเขาอิงลดานอนหลับอย่างสบายใจ ผมยาวสลวยสีดำขลับระใบหน้าของเธอ ภีมวัชมองดูใบหน้านั้นอย่างหลงใหลและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ในที่สุดเขาก็ได้เป็นสามีของผู้หญิงที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเขาแล้ว หลังจากที่ต้องเฝ้ารอคอยมานานถึงสิบปีภีมวัชใช้ปลายนิ้วเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเธอออกอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้เปลือกตาของอิงลดาเริ่มขยับ เธอกำลังจะรู้สึกตัวแล้ว เขารีบหลับตาลงทันที ทำเป็นแกล้งหลับ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกอดภรรยาในนามไว้ไม่ยอมปล่อยอิงลดาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอรู้สึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นและแข็งแกร่งของเขา แล้วตกใจไม่น้อยที่ตนเองนอนในอ้อมอกของเขาแบบนี้หญิงสาวค่อยๆดันตัวออกไป เธอมองใบหน้าที่หล่อเหลาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนที่จะเอื้อมมือไปเขย่าแขนของเขาเบาๆ“พี่ภีมคะ ตื่นได้แล้ว”“ขออีกห้านาทีนะ” เขาพูดเสียงงัวเงีย ยังคงหลั
“จำที่พี่บอกได้ไหม หลังแต่งงานพี่มีบางอย่างจะบอกอิง” ภีมวัชพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้มจนทำให้เธอรู้สึกใจสั่นอิงลดาไม่ตอบ เธอเงียบฟังอย่างตั้งใจ“รู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงยอมแต่งงานกับอิง” คำถามของเขาทำให้อิงลดาชะงักไปเล็กน้อย“ทำไมเหรอคะ” เธอถามเสียงเบาด้วยความสงสัยภีมวัชกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย“เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”อิงลดาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ไม่จริง...เรา...เราเคยเจอกันแล้วเหรอคะ”“อืม เราเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว” เขาตอบสั้นๆอิงลดารีบหันไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัย“ที่ไหนคะ อิงจำไม่ได้เลย”ภีมวัชหัวเราะในลำคอเบาๆ“เมื่อสิบปีก่อน ที่มหาวิทยาลัย”คำพูดของเขาทำให้อิงลดาถึงกับเงียบไปทันที ความทรงจำของเธอถูกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน แต่มันว่างเปล่า เธอไม่เคยมีภาพความทรงจ
เมื่อมาถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินเคียงกันเข้ามาด้วยรอยยิ้ม อิงลดากำลังจะเดินตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง แต่ภีมวัชกลับคว้ามือของเธอไว้เบาๆ“จะไปไหน” เขาถามเสียงนุ่มนวล“ก็เข้าห้องอิงไงคะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย“ห้องของอิงอยู่ที่นี่” เขาพูดพร้อมกับดึงมือเธอให้เดินตามเขามาที่หน้าห้องนอนของเขา อิงลดาชะงัก“แต่ว่าเราแต่งงานกันในนาม ยังไม่ได้แต่งจริงเสียหน่อย อีกอย่างอิงยังไม่ได้ย้ายของเลยนะคะ”“พี่ให้แม่จัดการให้แล้ว” ภีมวัชคลี่ยิ้มบางๆ ที่มุมปากคำพูดของภีมวัชทำให้อิงลดาถึงกับอ้าปากค้าง หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายและความตื่นเต้นภีมวัชเปิดประตูห้องนอนของเขาออก ภายในห้องที่ดูเรียบหรูและเป็นระเบียบเรียบร้อย บัดนี้มีข้าวของของเธอวางอยู่มุมห้องอย่างเป็นสัดส่วน“ยินดีต้อนรับสู่ห้องของเรานะ” ภีมวัชพูดพร้อมกับโอบไหล่ของเธอให้เดินเข้าไปในห้องนอนอิงลดามองสำรวจไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอรู้สึก
ภีมวัชขับรถพาอิงลดามาที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก่อนจะเดินนำเธอไปยังร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นที่ขึ้นชื่อเมื่อพนักงานนำเมนูมาให้ ภีมวัชก็ยื่นเมนูนั้นให้กับอิงลดา“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ”อิงลดายิ้นรับ เธอเปิดเมนูดูอย่างตั้งใจ สั่งอาหารที่เธอชอบและคิดว่าเขาจะชอบด้วย พนักงานจดรายการอาหารแล้วเดินออกไป เหลือเพียงเขาสองคนนั่งอยู่ด้วยกันภีมวัชมองใบหน้าของอิงลดาอย่างหลงใหล ดวงตาคมกริบของเขาทอประกายความสุขอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนในแววตาของเขาหญิงสาวรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขานิดหน่อย“พี่ภีมมองอะไรคะ”“มองภรรยาของพี่ไง” ภีมวัชตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนทำให้เธอรู้สึกใจสั่นใบหน้าของอิงลดาแดงก่ำ เธอหลุบตาลงมองแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างเขินอาย หัวใจของเธอเต้นแรงกับคำว่าภรรยาที่เขาเรียกภีมวัชเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน คำพูดที่เขาพูดไปก็ไม่รู้ว่ามันจะฟังดูเสี่ยวเกินไปหรือไม่ ต่างคนก็ต่างขวยเขินและเงียบไปพักใหญ่ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอะไรกันดีเมื่ออาหา
ณัชชาพยายามหลบหน้าภีมวัชเพื่อที่จะลดความเจ็บปวดให้ตัวเอง เธอใช้เวลาทั้งหมดในห้องทำงานของตัวเอง หรือไม่ก็อยู่กับคนไข้ เพื่อให้ตัวเองไม่มีโอกาสได้พบกับเขาเลย เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำใจกับความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แต่การกระทำของเธอมันช่างขัดแย้งกับความรู้สึกข้างในใจเหลือเกินพอถึงเวลาพักกลางวัน ณัชชาตัดสินใจเดินลงไปที่โรงอาหารของโรงพยาบาล เธอแอบหวังลึกๆ ว่าจะได้เจอภีมวัชที่นั่น เพราะปกติแล้วเขาจะมารับประทานอาหารกลางวันเป็นประจำสายตาของเธอสอดส่ายไปทั่วโรงอาหาร แต่ก็ไม่พบร่างสูงของคนที่เธอต้องการเจอ เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำด้วยสีหน้าที่ผิดหวังเล็กน้อยทันใดนั้น นายแพทย์ธนินทร์ก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเดียวกับเธอ พร้อมด้วยเพื่อนแพทย์อีกสองคน“เป็นอะไรไปหมอนัท ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย”“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกหิว แต่ไม่รู้จะกินอะไรดี” ณัชชายิ้มเจื่อนๆ“วันนี้ร้านข้าวแกงมีขนมจีนแกงเขียวหวานด้วย ของโปรดหมอนัทนี่ครับ ทำทีไรก็ไปจัดตลอด” หมอธนินทร์ถามพร้อมกับรอยยิ้ม“วันนี้ไม่อยากกินเส้นค่ะ”&l