เมื่อมาถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินเคียงกันเข้ามาด้วยรอยยิ้ม อิงลดากำลังจะเดินตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง แต่ภีมวัชกลับคว้ามือของเธอไว้เบาๆ
“จะไปไหน” เขาถามเสียงนุ่มนวล
“ก็เข้าห้องอิงไงคะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ห้องของอิงอยู่ที่นี่” เขาพูดพร้อมกับดึงมือเธอให้เดินตามเขามาที่หน้าห้องนอนของเขา อิงลดาชะงัก
“แต่ว่าเราแต่งงานกันในนาม ยังไม่ได้แต่งจริงเสียหน่อย อีกอย่างอิงยังไม่ได้ย้ายของเลยนะคะ”
“พี่ให้แม่จัดการให้แล้ว” ภีมวัชคลี่ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
คำพูดของภีมวัชทำให้อิงลดาถึงกับอ้าปากค้าง หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายและความตื่นเต้น
ภีมวัชเปิดประตูห้องนอนของเขาออก ภายในห้องที่ดูเรียบหรูและเป็นระเบียบเรียบร้อย บัดนี้มีข้าวของของเธอวางอยู่มุมห้องอย่างเป็นสัดส่วน
“ยินดีต้อนรับสู่ห้องของเรานะ” ภีมวัชพูดพร้อมกับโอบไหล่ของเธอให้เดินเข้าไปในห้องนอน
อิงลดามองสำรวจไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอรู้สึกประหม่า ตื่นเต้น และดีใจไปพร้อมๆ กัน จากที่คิดว่าเธอมาขอให้เขาช่วยแต่งงานบังหน้า ไหงตอนนี้รู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นฝ่ายถูกเขาหลอกให้แต่งงานด้วยจริงๆ
แพทย์หนุ่มโอบไหล่ภรรยาพาเข้าไปในห้องนอนที่ตอนนี้กลายเป็นห้องหอของทั้งสองคน อิงลดาเดินเข้ามาอย่างประหม่า เธอรู้สึกว่าทุกการก้าวเดินนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน
“อิงว่าเราแยกห้องนอนดีกว่าไหมคะ” เธอพูดเสียงตะกุกตะกัก ไม่กล้าแม้แต่จะเดินไปที่เตียง
ภีมวัชเห็นท่าทีของเธอ เขายิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วกระชับอ้อมแขนที่โอบไหล่เธอไว้ให้แน่นขึ้นเล็กน้อย
“แม่พี่บอกแล้วไงว่าอยากให้การแต่งงานของเรามันเกิดขึ้นจริง แล้วแม่ยังบอกว่าอยากอุ้มหลาน พี่ก็ได้ยินอิงตอบตกลงท่านไปแล้วด้วย”
“อิง...” เธอไม่รู้จะพูดอะไร ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเธอถูกเขาล่อลวงอย่างไรพิกล
“ไม่ล้อเล่นแล้ว ทำใจให้สบายเถอะ พี่จะไม่ทำอะไรอิงจนกว่าอิงจะเต็มใจ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังปนเอ้นดูท่าทางตระหนกของภรรยา
เธอเงยหน้ามองเขา เหมือนจะค้นหาความจริงจากสายตาคู่นั้น
“พี่อยากให้อิงมั่นใจว่าการแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย และพี่จะไม่หย่าหรอกนะ... ข้อตกลงบังหน้าอะไรนั่น พี่ไม่ยอมรับ” คำพูดของภีมวัชทำให้อิงลดาใจเต้นแรง
เขาไม่ได้บอกรักเธอ แต่ประโยคนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาอยากให้เธอเป็นภรรยาของเขา
ภีมวัชคลายมือออกจากไหล่ของเธอ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ในห้องน้ำมาส่งให้
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ” เขาบอกเธออย่างใส่ใจ สำหรับใครอย่างไรเธอไม่รู้ แต่การที่เธอได้ใช้ห้องน้ำแห่งๆก่อนสามี มันเหมือนว่าให้เกียรติเธอ
“แล้วพี่ภีม...” อิงลดาตกใจเล็กน้อย
“พี่อาบทีหลังก็ได้ ไปเถอะ” เขาพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกเขินอายมากขึ้นไปอีก
หญิงสาวหลบสายตาของเขา แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว พร้อมปิดประตูลงทันที ภีมวัชมองตามหลังเธอไป แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขารู้สึกว่าการได้อยู่ร่วมห้องกับเธอในคืนนี้มันโอกาสที่เขาจะเร่งให้เธอเต็มใจเป็นภรรยาอย่างสมบูรณ์
อิงลดาอยู่ในชุดนอนเสื้อกางเกง ชุดนอนเรียบง่ายแต่กลับทำให้เธอดูน่ารักและอ่อนหวาน เธออยู่บนเตียงด้วยท่าทีประหม่า
ภีมวัชที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จมองเห็นท่าทีของเธอ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเดินตรงไปที่เตียง นอนลงข้างๆ ด้วยท่าทีที่สบายๆ
อิงลดาเกร็งตัวจนแข็งทื่อ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอนึกถึงคำพูดที่เขาบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอจนกว่าเธอจะเต็มใจ
“พี่ภีม...” เธอพูดเสียงแผ่วเบา
“อืม” เขาขานรับ แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ก่อนจะโอบกอดเธอจากด้านหลัง
“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไงคะ!” ภรรยาสาวตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม
ภีมวัชหัวเราะเบาๆ ที่ข้างหูของเธอ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาทำให้เธอรู้สึกร้อนไปทั้งตัว
“พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่กอดเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหยอกล้อ
คำพูดของเขาทำให้อิงลดาใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม เธอไม่ได้ปัดป้อง ไม่ได้ขัดขืนใดๆ เธอยอมให้เขากอดเธอไว้ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนเธอได้ยินเสียงมันในหู
************************
ณ ตึกศัลยกรรมประสาทและสมอง ภีมวัชเดินเข้าโรงพยาบาลด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แสงแห่งความสุขฉายประกายอยู่ในดวงตาคมกริบของเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทางที่เคยสุขุมและเคร่งขรึมบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสดชื่นและมีชีวิตชีวา เรียกเสียงฮือฮาจากพยาบาลสาวได้เป็นอย่างดีเสียงซุบซิบดังขึ้นทันที“แกดูสิ คุณหมอภีมยิ้มอีกแล้ว” พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่มองตามหลังเขาไป“วันนี้ยิ้มกว้างกว่าเมื่อวานอีกนะ”“ใช่ แปลกมากเลยนะ ปกติจะเห็นแต่หน้านิ่งๆ” อีกคนเสริมไม่ใช่แค่ในแผนกของเขา แต่ข่าวการเปลี่ยนแปลงของ คุณหมอภีม แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แพทย์และพยาบาลต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงของเขาโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง ยกเว้นณัชชาที่พอจะเดาสาเหตุนั้นออกแพทย์หญิงณัชชาที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ในห้องทำงานได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพยาบาลสองสามคนดังแว่วเข้ามาในห้อง เธอจึงแอบเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ“แกได้ยินเรื่องคุณหมอภีมไหม สองวันมานี้อารมณ
ในตอนเช้า ภีมวัชตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขและอิ่มเอมใจ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วภาพแรกที่เห็นก็คือใบหน้าหวานที่กำลังหลับใหลอยู่บนอกของเขาอิงลดานอนหลับอย่างสบายใจ ผมยาวสลวยสีดำขลับระใบหน้าของเธอ ภีมวัชมองดูใบหน้านั้นอย่างหลงใหลและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ในที่สุดเขาก็ได้เป็นสามีของผู้หญิงที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเขาแล้ว หลังจากที่ต้องเฝ้ารอคอยมานานถึงสิบปีภีมวัชใช้ปลายนิ้วเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเธอออกอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้เปลือกตาของอิงลดาเริ่มขยับ เธอกำลังจะรู้สึกตัวแล้ว เขารีบหลับตาลงทันที ทำเป็นแกล้งหลับ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกอดภรรยาในนามไว้ไม่ยอมปล่อยอิงลดาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอรู้สึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นและแข็งแกร่งของเขา แล้วตกใจไม่น้อยที่ตนเองนอนในอ้อมอกของเขาแบบนี้หญิงสาวค่อยๆดันตัวออกไป เธอมองใบหน้าที่หล่อเหลาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนที่จะเอื้อมมือไปเขย่าแขนของเขาเบาๆ“พี่ภีมคะ ตื่นได้แล้ว”“ขออีกห้านาทีนะ” เขาพูดเสียงงัวเงีย ยังคงหลั
“จำที่พี่บอกได้ไหม หลังแต่งงานพี่มีบางอย่างจะบอกอิง” ภีมวัชพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้มจนทำให้เธอรู้สึกใจสั่นอิงลดาไม่ตอบ เธอเงียบฟังอย่างตั้งใจ“รู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงยอมแต่งงานกับอิง” คำถามของเขาทำให้อิงลดาชะงักไปเล็กน้อย“ทำไมเหรอคะ” เธอถามเสียงเบาด้วยความสงสัยภีมวัชกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย“เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”อิงลดาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ไม่จริง...เรา...เราเคยเจอกันแล้วเหรอคะ”“อืม เราเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว” เขาตอบสั้นๆอิงลดารีบหันไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัย“ที่ไหนคะ อิงจำไม่ได้เลย”ภีมวัชหัวเราะในลำคอเบาๆ“เมื่อสิบปีก่อน ที่มหาวิทยาลัย”คำพูดของเขาทำให้อิงลดาถึงกับเงียบไปทันที ความทรงจำของเธอถูกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน แต่มันว่างเปล่า เธอไม่เคยมีภาพความทรงจ
เมื่อมาถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินเคียงกันเข้ามาด้วยรอยยิ้ม อิงลดากำลังจะเดินตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง แต่ภีมวัชกลับคว้ามือของเธอไว้เบาๆ“จะไปไหน” เขาถามเสียงนุ่มนวล“ก็เข้าห้องอิงไงคะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย“ห้องของอิงอยู่ที่นี่” เขาพูดพร้อมกับดึงมือเธอให้เดินตามเขามาที่หน้าห้องนอนของเขา อิงลดาชะงัก“แต่ว่าเราแต่งงานกันในนาม ยังไม่ได้แต่งจริงเสียหน่อย อีกอย่างอิงยังไม่ได้ย้ายของเลยนะคะ”“พี่ให้แม่จัดการให้แล้ว” ภีมวัชคลี่ยิ้มบางๆ ที่มุมปากคำพูดของภีมวัชทำให้อิงลดาถึงกับอ้าปากค้าง หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายและความตื่นเต้นภีมวัชเปิดประตูห้องนอนของเขาออก ภายในห้องที่ดูเรียบหรูและเป็นระเบียบเรียบร้อย บัดนี้มีข้าวของของเธอวางอยู่มุมห้องอย่างเป็นสัดส่วน“ยินดีต้อนรับสู่ห้องของเรานะ” ภีมวัชพูดพร้อมกับโอบไหล่ของเธอให้เดินเข้าไปในห้องนอนอิงลดามองสำรวจไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอรู้สึก
ภีมวัชขับรถพาอิงลดามาที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก่อนจะเดินนำเธอไปยังร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นที่ขึ้นชื่อเมื่อพนักงานนำเมนูมาให้ ภีมวัชก็ยื่นเมนูนั้นให้กับอิงลดา“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ”อิงลดายิ้นรับ เธอเปิดเมนูดูอย่างตั้งใจ สั่งอาหารที่เธอชอบและคิดว่าเขาจะชอบด้วย พนักงานจดรายการอาหารแล้วเดินออกไป เหลือเพียงเขาสองคนนั่งอยู่ด้วยกันภีมวัชมองใบหน้าของอิงลดาอย่างหลงใหล ดวงตาคมกริบของเขาทอประกายความสุขอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนในแววตาของเขาหญิงสาวรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขานิดหน่อย“พี่ภีมมองอะไรคะ”“มองภรรยาของพี่ไง” ภีมวัชตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนทำให้เธอรู้สึกใจสั่นใบหน้าของอิงลดาแดงก่ำ เธอหลุบตาลงมองแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างเขินอาย หัวใจของเธอเต้นแรงกับคำว่าภรรยาที่เขาเรียกภีมวัชเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน คำพูดที่เขาพูดไปก็ไม่รู้ว่ามันจะฟังดูเสี่ยวเกินไปหรือไม่ ต่างคนก็ต่างขวยเขินและเงียบไปพักใหญ่ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอะไรกันดีเมื่ออาหา
ณัชชาพยายามหลบหน้าภีมวัชเพื่อที่จะลดความเจ็บปวดให้ตัวเอง เธอใช้เวลาทั้งหมดในห้องทำงานของตัวเอง หรือไม่ก็อยู่กับคนไข้ เพื่อให้ตัวเองไม่มีโอกาสได้พบกับเขาเลย เธอรู้ดีว่าเธอต้องทำใจกับความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แต่การกระทำของเธอมันช่างขัดแย้งกับความรู้สึกข้างในใจเหลือเกินพอถึงเวลาพักกลางวัน ณัชชาตัดสินใจเดินลงไปที่โรงอาหารของโรงพยาบาล เธอแอบหวังลึกๆ ว่าจะได้เจอภีมวัชที่นั่น เพราะปกติแล้วเขาจะมารับประทานอาหารกลางวันเป็นประจำสายตาของเธอสอดส่ายไปทั่วโรงอาหาร แต่ก็ไม่พบร่างสูงของคนที่เธอต้องการเจอ เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะประจำด้วยสีหน้าที่ผิดหวังเล็กน้อยทันใดนั้น นายแพทย์ธนินทร์ก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเดียวกับเธอ พร้อมด้วยเพื่อนแพทย์อีกสองคน“เป็นอะไรไปหมอนัท ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย”“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกหิว แต่ไม่รู้จะกินอะไรดี” ณัชชายิ้มเจื่อนๆ“วันนี้ร้านข้าวแกงมีขนมจีนแกงเขียวหวานด้วย ของโปรดหมอนัทนี่ครับ ทำทีไรก็ไปจัดตลอด” หมอธนินทร์ถามพร้อมกับรอยยิ้ม“วันนี้ไม่อยากกินเส้นค่ะ”&l