Share

บทที่ 5

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 11:47:50

บรรพตกับเกษมและดวงใจกำลังนั่งทานข้าวด้วยกันอยู่ในร้านหรูแห่งหนึ่งอย่างเป็นกันเองตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปีบทสนทนาที่คุยกันก็หนีไม่พ้นเรื่องธุรกิจกับเรื่องลูกๆ ที่โสดด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าเป็นไปได้บรรพตอยากจะให้ทั้งสองครอบครัวมาดองเป็นครอบครัวเดียวกัน

"ว่าแต่ลูกสาวของนายสวยเหมือนแม่เขาหรือเปล่าล่ะ" บรรพตถามขึ้นเพราะเคยเห็นแค่ตอนเด็กๆเท่านั้น

"สวยสิ ไว้วันหลังจะพามาเจอนะ"เกษมเอ่ยขึ้น

"ว่าแต่ลูกสาวชื่อว่าอะไรนะ" บรรพตถามต่อ

"ชื่อน้ำน่ะ"

"ชื่อนี้มันคุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินและเจอที่ไหนสักที่" บรรพตขบคิดอยู่ในหัว

"น้ำเขาเป็นช่างภาพอิสระน่ะ จะคุ้นก็ไม่แปลกหรอกมั้ง"

"นั้นสิคะ ลูกสาวเราคงมีคนรู้จักบ้างแล้วแหละ" ดวงใจส่งยิ้มให้บรรพต

"ว่าแต่หนูน้ำเขามีเพื่อนชื่อพิมพ์หรือเปล่าล่ะ"บรรพตยังไม่เลิกสนใจ

"มีค่ะ เราก็พึ่งจะไปร่วมงานศพพ่อหนูพิมพ์เขามาไม่กี่วันนี้เอง"ดวงใจเอ่ยขึ้น

"นั้นไงถึงว่าทำไมคุ้นๆ ฉันพึ่งจะเจอหนูน้ำที่งานนี่เองแหละ แต่เจอกันแค่ครั้งเดียวนะ ฉันสารภาพเลยนะว่าชอบตั้งแต่แรกเจอเลย เอาเจ้าภูมิอยู่หมัดแน่" บรรพตหัวเราะเสียงดัง

"ขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน" เกษมเอ่ยขึ้น

"ฉันพูดจริงๆ"

"แต่ภูมิเขาเจ้าชู้นะคะ ฉันว่าน้ำไม่เหมาะกับภูมิหรอกค่ะ" ดวงใจพูดไปตามที่เห็น

"ผมยอมรับนะ ว่าภูมิเขาเจ้าชู้แต่ผมอยากจะให้เด็กทั้งสองคนมาเจอกันก่อน เผื่อจะเข้ากันได้" บรรพตไม่ยอมลดล่ะความพยายาม

"แล้วนายคิดว่าลูกชายนายจะเปลี่ยนได้เหรอ จะให้ลูกสาวฉันไปคบหาดูใจด้วยมันคงจะไม่ไหวนะ" เกษมพูดไปตามที่คิด

"นายเชื่อมั่นในรักแท้หรือเปล่าล่ะ เมื่อก่อนภูมิเขาไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก เขาเลิกไปนานแล้ว แต่พอถูกหักอกก็กลับมาประชดตัวเองอีก ถ้าภูมิเขาเจอผู้หญิงดีๆ สักคน ฉันเชื่อนะว่าภูมิเขาจะเปลี่ยนได้"

"ฉันว่าให้เป็นเรื่องของหัวใจดีกว่าค่ะ เพราะเราจะไปบังคับหัวใจใครให้ชอบหรือรักกันไม่ได้" ดวงใจพูดในหลักความเป็นจริง

"ครับ ผมเข้าใจ" บรรพตพยักหน้ารับรู้

"เอาเป็นว่าเราค่อยนัดมาเจอกันอีกทีก็แล้วกัน" เกษมเอ่ยขึ้น

"งั้นก็ตกลงตามนั้นนะ" บรรพตรับคำ

หนึ่งเดือนต่อมา

ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาบรรพตพยายามจะนัดให้ภูมิกับน้ำได้เจอกันแต่ก็ไม่ผลเพราะทั้งคู่ติดงานตลอด ไม่เคยได้เจอกันอย่างที่หวังไว้สักที เพราะคนทั้งคู่ต่างก็รู้ทันว่าผู้ใหญ่จะพยายามหาคู่ให้ตัวเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงและหาข้ออ้างอยู่ตลอด เมื่อถึงเวลานัดหมายทุกครั้งไป แต่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าคนที่พ่อแม่จะแนะนำให้รู้จักกันจริงๆแล้วเป็นใคร บรรพตรู้ดีว่าภูมิกับน้ำเคยเจอกันแล้ว แต่ทั้งคู่ยังไม่รู้ว่าทั้งสองครอบครัวรู้จักกัน แต่ถึงยังไงเขาก็จะไม่ลดละความพยายาม

ช่วงเย็นของวันน้ำเดินเข้าไปในงานแต่งงานของพิมพ์กับปีเตอร์พร้อมกับของขวัญเพื่อแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่

"ฉันยินดีด้วยนะพิมพ์" น้ำเดินเข้าไปสวมกอดพิมพ์

"ขอบใจจ้ะ"

"นี้จ้ะ ของขวัญวันแต่งงานจากฉัน" น้ำยื่นกล่องขวัญให้พิมพ์

"ขอบคุณนะ ว่าแต่แต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะวันนี้" พิมพ์มองน้ำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

"ก็งานแต่งเพื่อนทั้งทีขอจัดเต็มสักวันก็แล้วกัน แต่เสียดายไม่ได้มาร่วมงานตอนเช้าพอดีฉันติดงานอะ"

"ไม่เป็นไรเธอมาร่วมงานฉันก็ดีใจแล้ว"

"งั้นฉันขอตัวก่อนนะ พอดีรองเท้ามันกัดเท้าฉัน ขอตัวก่อนนะคะคุณปีเตอร์" น้ำหันไปทางปีเตอร์

"ครับ" ปีเตอร์พยักหน้าให้

คล้อยหลังน้ำเดินออกไปภูมิก็เดินเข้าไปแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเช่นกัน

"ยินดีด้วยนะครับคุณพิมพ์คุณปีเตอร์" ภูมิเอ่ยขึ้น

"ค่ะ/ครับ"

"นี้ครับ ของขวัญวันแต่งงาน" ภูมิยื่นกล่องของขวัญไปให้พิมพ์

"ขอบคุณค่ะ"

"ผมว่าเชิญคุณด้านในดีกว่า"ปีเตอร์โอบเอวพิมพ์ไว้แน่น ไม่พอใจที่ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กัน

"ครับ" เดินเข้าไปในงานทันที

"คุณเป็นอะไรคะ" พิมพ์ถามขึ้น

"เปล่า แค่รักเมีย" ยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนทีหนึ่ง

"คุณอายคนอื่นเขา" พิมพ์มองค้อนปีเตอร์

ปีเตอร์ไม่ตอบแต่กลับโอบเอวพิมพ์แน่นยิ่งขึ้น ทุกคนในงานต่างก็ส่งยิ้มให้คนทั้งคู่ที่รักกันปานจะกลืนกิน น้ำเดินไปหาที่นั่งเพื่อดูเท้าขาขวาของตัวเองที่แดงบวมเป่งปกติเธอถนัดใส่รองเท้าผ้าใบมากกว่า แต่ด้วยชุดที่ใส่คงจะไม่เหมาะกับรองเท้าผ้าใบเธอจึงต้องใส่รองเท้าส้นสูงให้เข้ากับชุด ด้วยความเจ็บเธอจึงตัดสินใจถอดรองเท้าทั้งสองข้างออกจากเท้าไว้ข้างล่างโต๊ะ จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าไปตักอาหารใส่จานมานั่งทานไปเพลินๆ

แต่อยู่ๆก็มีคนที่เธอเกลียดขี้หน้าที่สุดมานั่งลงตรงข้ามกันกับเธอเสียอย่างงั้น น้ำรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าต่อ ส่วนคนที่ถูกเมินก็กระตุกยิ้มมุมปากให้กับท่าทางของคนตรงหน้า หลังจากที่น้ำทานเสร็จก็หยิบรองเท้าของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำด้วยเท้าเปล่าทันที

"โอ๊ย!ไอ้รองเท้าบ้า ฉันจะใส่แกได้ยังไงเล่นกัดเท้าฉันจนบวมไปหมดแล้วเห็นไหม" ชูรองเท้ามาตรงหน้าตัวเองแล้วต่อว่า

"ได้อยากจะกัดเท้าฉันมากใช่ไหม ฉันขอกัดแกคืนก็แล้วกัน" น้ำยกรองเท้าของตัวเองขึ้นมากัดทันที

"ตั้งแต่ผมเกิดมาพึ่งจะเคยเห็นคนทะเลาะกับรองเท้าก็วันนี้แหละ" ภูมิเดินมาหยุดตรงด้านหลังน้ำ

น้ำได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็ชะงักนิ่งไปหันไปตามเสียงของคนที่อยู่ด้านหลังเธอทันที พร้อมกับมองด้วยสายตาไม่พอใจ ที่อยู่ๆก็มายุ่งเรื่องของเธอหน้าตาเฉย

"ทำไมมันเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ"

"ผมก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก พอดีเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดีก็แค่นั้น" ยิ้มมุมปาก

"ฉันขอตัว" เดินกะเผลกเท้าเปล่าถือรองเท้าตัวเองผ่านหน้าภูมิไป

"ผมเคยไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า คุณถึงไม่อยากจะคุยกับผม" เดินตามหลังน้ำไปติดๆ

"ก็คุณเคยจูบ" ใช้มือปิดปากของตัวเองทันทีด้วยความตกใจ

"คุณว่าอะไรนะ ผมเคยทำอะไรคุณ"

"เปล่า ฉันขอตัว" รีบเดินออกไปทันที

"คุณเดี๋ยวก่อน" ภูมิเรียกตามหลังน้ำ

น้ำเดินไปหาโต๊ะนั่งโดยมีภูมิตามไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย น้ำจึงหยิบกล้องที่ห้อยคล้องคอตัวเองไว้ขึ้นมาเพื่อไปถ่ายรูปร่วมกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังเดินทักทายแขกเรื่อทุกโต๊ะทั่วทั้งงาน หลังจากถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสร็จเธอก็ไปถ่ายบรรยากาศในงานต่อ

จวนได้เวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวทีเพื่อให้แขกผู้ใหญ่อวยพรกับขอบคุณแขกที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ หลังจากที่แขกผู้ใหญ่อวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสร็จก็ถึงคราวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน

"เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวครับ"พิธีเอ่ยขึ้น

"ครับ ก่อนอื่นผมก็ขอขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมเป็นพยานรักให้เราทั้งสองคนและอวยพรให้เรา ขอบคุณมากๆครับ" ปีเตอร์ส่งยิ้มไปให้ทุกคน

"ค่ะ ฉันก็ขอขอบคุณทุกท่านเช่นกันนะคะ ที่มาร่วมงานของเราสองคนในวันนี้ เชิญทานอาหารและของว่างให้อร่อยนะคะ" พิมพ์ส่งยิ้มให้ทุกคนในงาน

"แล้ววางแผนจะมีลูกกันกี่คนดีครับ"พิธีกรหันไปถามเจ้าบ่าว

"มากกว่าสองคนแน่นอนครับ" ปีเตอร์พูดปนหัวเราะ

"เจ้าสาวว่ายังไง ไหวไหมครับ" พิธีถามหยอกๆ

"ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันค่ะ" พิมพ์ยิ้มเขินอาย

"รักกันหวานชื่นขนาดนี้ ผมขอเจ้าบ่าวเจ้าสาวหอมแก้มโชว์หน่อยนะครับ หอมเลยๆๆๆ" พิธีกรตะโกนใส่ไมค์เชียร์คนทั้งคู่

เมื่อเสียงเชียร์คนในงานดังสนั่นหวั่นไหวให้ทั้งคู่แสดงความรักต่อกัน ปีเตอร์จึงหันไปหอมแก้มพิมพ์ จากนั้นพิมพ์ก็หอมแก้มปีเตอร์กลับเช่นกัน ทุกคนในงานต่างก็ปรบมือเสียงดังกึกก้องไปทั่วงานแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่

"เจ้าสาวเขินอายหน้าแดงเลยนะครับ งั้นเราไปโยนช่อดอกไม้กันเลยดีกว่าครับ เชิญสาวๆทุกคนด้านหน้าเวทีเลยนะครับ ใครจะได้สละโสดรายต่อไปเดี๋ยวได้รู้กันครับ"

เมื่อสาวๆทุกคนในงานมารวมกันอยู่ตรงหน้าเวทีหนึ่งในนั้นก็มีน้ำด้วย ยืนเท้าเปล่าอยู่หลังๆ ทุกคน เพราะกำลังถ่ายรูปบรรยากาศในงาน พอพิธีกรให้สัญญาณในการโยน พิมพ์จึงหันหลังพร้อมกับโยนช่อดอกไม้ทันที ช่อดอกกุหลาบสีชมพูลอยข้ามหัวทุกคนไปในอากาศแล้วตกลงตรงหน้าน้ำที่กำลังถ่ายรูปไปเพลินๆพอดี ทุกคนต่างก็มองไปที่น้ำเป็นตาเดียวกันเพราะเธอยังไม่ยอมหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาถือไว้

"คุณผู้หญิงครับ หยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาสิครับ เดี๋ยวคนอื่นจะแย่งไปนะครับ"พิธีบนเวทีเอ่ยขึ้น

น้ำจึงรีบหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาถือไว้ในมือทันที พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ อยู่ๆดอกไม้ที่เธอไม่อยากจะได้ก็มาตกลงตรงหน้าเธอหน้าตาเฉยซะงั้น เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง แฟนก็ยังไม่มีจะแต่งงานได้ยังไงกัน น้ำคิดในใจ

"เชิญคุณผู้หญิงขึ้นบนเวทีหน่อยนะครับ"พิธีกรเอ่ยขึ้น

น้ำได้ยินอย่างนั้นก็จำใจเดินขึ้นไปบนเวทีที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องมาทำอะไรอย่างนี้มาก่อน พอเดินขึ้นไปก็ส่งยิ้มให้พิมพ์กับปีเตอร์และแขกตรงหน้าเวทีทุกคน

"ชื่ออะไรครับคุณผู้หญิง"พิธีกรถามขึ้น

"ชื่อน้ำค่ะ"

"คุณน้ำดีใจไหมครับที่ได้ช่อดอกไม้"

"ค่ะ"

"แล้วจะแต่งงานเมื่อไหร่ครับ"

"เรื่องนั้นไม่มีในหัวฉันเลยค่ะ"

"ทำไมล่ะครับ"

"แฟนยังไม่มีเลยค่ะ"

"ไม่แน่นะครับ สวยๆอย่างนี้อาจจะได้แต่งงานสายฟ้าแล่บเลยก็ได้ ขอบคุณครับคุณน้ำ"

"ค่ะ" รับคำแล้วเดินลงเวทีทันที

"เชิญทุกท่านสนุกกันต่อเลยนะครับ" พิธีเอ่ยขึ้น

เวลาล่วงเลยไปดึกพอสมควรแขกทุกคนในงานต่างก็แยกย้ายกันกลับ น้ำกำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์เพื่อไปพักในห้องของตัวเอง ที่พิมพ์จัดไว้ให้เธอพักในคืนนี้ ภูมิก็เช่นกันพอเห็นน้ำกำลังยืนรอลิฟต์จึงเดินไปยืนอยู่ข้างๆเธอ พอประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งคู่ก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน ภูมิกดชั้นที่ตัวเองพักอยู่ ซึ่งมันเป็นชั้นเดียวกันกับชั้นที่น้ำพักพอดี น้ำจึงหันไปมองหน้าภูมิแวบหนึ่ง ทำไมเธอกับเขาจะต้องมาพักชั้นเดียวกันด้วยเธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ น้ำคิดในใจ

พอประตูลิฟต์เปิดออกน้ำจึงเดินออกไปไปทันที ด้วยท่าทางทุลักทุเลเพราะเท้ายังคงเจ็บอยู่ แถมยังมีทั้งช่อดอกไม้รองเท้าที่ถือเอาไว้ในมือและกล้องถ่ายรูปที่คล้องคอไว้อีก ภูมิเห็นสภาพน้ำแล้วก็อดขำไม่ได้ ผู้หญิงอะไรเยอะชะมัดแถมยังหยิ่งอีกต่างหาก ภูมิส่ายหน้าเดินตามหลังไปติดๆ

"คุณให้ผมช่วยไหม พักอยู่ห้องไหนล่ะ"

"ไม่ต้องมายุ่ง"

"ผมก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แต่คุณเจ็บเท้าให้ผมช่วยเถอะ" ช้อนอุ้มตัวน้ำขึ้นทันที

"ว้าย ! ปล่อยฉันลงนะ"

"คุณพักอยู่ห้องไหนบอกมาสิ ตัวคุณหนักนะไม่ใช่เบาๆ"

"แล้วใครใช้ให้คุณอุ้มฉัน ห้องโน้น" น้ำชี้ไปข้างหน้า

"ก็แค่เนี่ย" ภูมิส่ายหน้า

พอประตูห้องถูกเปิดออกโดยฝีมือของน้ำที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของภูมิอยู่ ภูมิก็เดินเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับวางตัวน้ำลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล

"ขอบใจ" น้ำพูดห้วนๆ

"ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ"

"ออกไปได้แล้ว" น้ำยืนขึ้นเดินไปที่ประตูห้องพร้อมกับเปิดออกผายมือเชิญภูมิออกไป

"ครับ"เดินผ่านหน้าน้ำออกไปจากห้องทันที

คล้อยหลังชายหนุ่มออกไปน้ำก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพร้อมกับมองช่อดอกไม้ที่เธอรับได้ในงานด้วยความขบขัน เธอนะเหรอที่จะแต่งงานไม่ทางเป็นไปได้หรอก ผู้ชายดีๆสักคนในสมัยนี้คงจะหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก

ส่วนภูมิที่อยู่ในห้องถัดไปก็อดนึกถึงคำพูดของน้ำขึ้นมาไม่ได้ ถ้าหูเขาไม่ได้ฝาดหรือฟังผิดไปเธอบอกว่าเขาเคยจูบเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วมันตอนไหนล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย อยากจะถามเธอให้รู้เรื่องแต่เธอกลับทำท่ารังเกียจเขาไม่อยากจะคุยด้วยอีก ขนาดเขาเจอเธอที่คอนโดหน้าเขาเธอยังไม่อยากแม้แต่จะมองเลย แต่ถึงยังไงเขาต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าเธอเกลียดเขาเพราะอะไรกันแน่

เช้าวันต่อมาน้ำไปเคาะประตูห้องพิมพ์กับปีเตอร์เพื่อจะลากลับกำลังคุยกันอยู่ตรงหน้าห้อง ภูมิก็เดินเข้ามาเพื่อจะลากลับเช่นกัน พิมพ์เห็นว่าน้ำเดินกะเผลกเพราะรองเท้ากัดก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ประจวบเหมาะกับที่ภูมิจะกลับพอดีจึงไม่ลืมที่จะฝากฝังเพื่อนให้ภูมิดูแลด้วย

"ฉันรบกวนคุณภูมิช่วยดูยัยน้ำด้วยนะคะ ไหนๆก็จะกลับพร้อมกันแล้ว"

"ไม่ต้องหรอกฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" น้ำปฏิเสธขึ้นทันควัน

"เธออย่าดื้อสิน้ำ เดี๋ยวเท้าก็ระบมหมดหรอกให้คุณภูมิเขาช่วยนั้นแหละดีแล้ว"

"งั้นผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน" ภูมิพูดพลางเดินออกไปทันที

"ฉันกลับก่อนนะพิมพ์"

น้ำเดินตามหลังภูมิไปจนถึงรถตู้ที่โรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ไปส่งที่สนามบิน ร่างบางนั่งลงข้างๆร่างหนาอย่างจำใจ ไม่นานก็ไปถึงสนามบินทั้งคู่เช็คอินที่สายการบินและเวลาเดียวกัน ระหว่างที่นั่งรอขึ้นเครื่องภูมิก็เหลือบไปมองน้ำเป็นระยะ เพราะเธอเอาแต่นั่งเงียบๆ กดรูปในกล้องถ่ายรูปไปเพลินๆ

"เท้าของคุณยังเจ็บอยู่ไหม" เสียงทุ้มถามขึ้นทำลายความเงียบ

"เอ่อ ก็นิดหน่อยค่ะ" เงยหน้าขึ้นจากกล้องขึ้นมามองใบหน้าชายหนุ่มตรงๆ

"ถ้าเดินไม่ไหวก็บอกผมได้เลยนะ"

"ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่จำเป็นหรอก"

"หึ คุณนี่หยิ่งจังเลยนะ คุณเป็นอย่างนี้กับทุกคนหรือเปล่า ผมอยากรู้จริงๆ" ภูมิหัวเราะ

"ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นกับบางคนเท่านั้น"

"ผมคงจะเป็นหนึ่งในนั้นสินะ"

"แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน"

"ได้เวลาแล้วไปกันเถอะ" ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป

พอทั้งคู่ขึ้นเครื่องไม่นานเครื่องก็ลงจอดที่สนามบินปลายทางใจกลางเมือง ด้วยเท้าที่เริ่มระบมมากขึ้นกว่าเดิมน้ำจึงจำใจให้ภูมิช่วยประคิงเดินไปขึ้นแท็กซี่เพื่อกลับคอนโดของทั้งสองคน พอถึงตรงหน้าคอนโดภูมิก็อุ้มน้ำไปส่งถึงห้องทันที ก่อนที่ภูมิจะออกจากห้องไปก็ไม่ลืมหันไปถามน้ำเรื่องที่ค้างคาใจ

"ตกลงผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจกันแน่ " เสียงทุ้มถามขึ้น

"เปล่าคุณไม่ทำอะไรฉันทั้งนั้นแหละ" พูดพลางหลบสายตาคมกริบที่จ้องมา

"ไม่ได้ทำแล้วเมื่อคืนทำไมคุณถึงบอกว่าผมเคยจูบคุณ"

"ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย คุณหูฝาดไปหรือเปล่า"

"ผมว่าผมฟังไม่ผิดนะ บอกมาผมเคยจูบคุณตอนไหน ที่ไหน"

"ก็ฉันบอกไปแล้วไงว่าคุณหูฝาด ฉันไม่จูบกับคุณให้เสียปากหรอก"

"หึ ฉันมันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอ" ภูมิพูดพลางเดินเข้าไปใช้มือทั้งสองข้างท้าวไปที่พนักโซฟาเพื่อกักร่างบางให้อยู่นิ่งกับที่ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าเนียน

"คุณจะทำอะไร!" น้ำจ้องใบหน้าคมที่จ้องมาด้วยความตกใจ

"ก็จะจูบกับเธอยังไงล่ะ"

"ไม่ ! เพี๊ยะ! ถอยออกไปนะ!" มือบางตบไปที่แก้มสากแรงๆ ทีหนึ่ง

"อื้อ....ปล่อย!" ทันทีที่มือบางตบลงที่แก้มสากมือหนาก็คว้าใบหน้าเรียวเข้ามาใกล้ๆ แล้วใช้ริมฝีปากหนาจูบบดขยี้ทันทีด้วยความโกรธ ร่างบางพยายามขัดขืนโดยการดิ้นและใช้มือบางผลักร่างหนาออกแต่ไม่เป็นผล ลิ้นหนายังคงซอกซอนเข้าไปในโพรงปากหวานอย่างหื่นหิวกระหายเพราะหยุดความต้องการของตัวเองไม่ได้

เมื่อร่างบางต้านทานแรงไม่ไหวเธอจึงต้องปล่อยเลยตามเลย พอร่างหนาบดขยี้ริมฝีปากบางจนพอใจแล้วก็ผละออกจากร่างบางช้าๆ พร้อมกับกับจ้องมองใบหน้าเนียนที่แดงก่ำ เพราะเกิดจากรอยมือหนาที่จับตึงใบหน้าเนียนไม่ให้ขัดขืน น้ำจ้องมองใบหน้าสากด้วยความโกรธเคืองเขาที่ล่วงเกินเธอทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากเธอเพราะพูดไม่ออกหัวหมุนไปหมดแล้ว

"บอกมาตกลงเธอรังเกียจฉันเพราะอะไร ถ้าไม่บอกฉันจะทำมากกว่าจูบอีก เธอจะเอาอย่างนั้นไหมล่ะ" ภูมิพูดข่มขู่หญิงสาวเพราะอยากจะรู้ความจริงทั้งหมด

"ก็ได้ฉันจะบอกคุณ" น้ำตัดสินใจบอกเล่าความจริงในคืนที่ภูมิปล้ำจูบเธอในผับให้ภูมิฟังทันที

"ฉันขอโทษด้วยก็แล้วกันพอดีฉันเมาก็เลยคิดว่าเธอคือจินนี่แฟนเก่าฉัน ส่วนจูบเมื่อกี้ถือว่าเราหายกันนะ ตบแลกจูบถือว่าเสมอกันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ" ยกยิ้มมุมปาก

"คุณรู้แล้ว งั้นก็ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว"

"ฉันว่าแค่จูบเดียวในคืนนั้นที่ผับ ยังไม่มีเหตุผลพอที่จะทำให้เธอเกลียดฉันนะ บอกมาเธอไม่พอใจอะไรฉันอีก"

"ได้ฉันจะบอกให้มันจบๆไป คุณจะได้เลิกมายุ่งกับฉันสักที"

"ก็บอกมาสิ"

"ฉันเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ที่ควงผู้หญิงมั่วซั่วไม่ซ้ำหน้าอย่างคุณ ได้ยินชัดแล้วก็ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว"

"หึ เกลียดแต่กลับโดนผู้ชายอย่างฉันจูบ น่าขำชะมัด" ภูมิยิ้มหัวเราะเสียงดัง

"แต่ฉันไม่ขำ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆฉันไม่อยากจะเข้าใกล้คนอย่างคุณด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องจูบฉันถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกัน ฉันหวังว่าฉันกับคุณจะไม่มีอะไรต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก ออกไป!"

"ฉันเชื่อแล้วว่าเธอเกลียดฉันจริงๆ แต่ระวังไว้นะโบราณเขาว่าไว้เกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น" พูดพลางเดินออกจากห้องไปทันที

"เฮ้อ...ออกไปสักที" น้ำถอนหายใจแรงๆรีบเดินไปล็อคกลอนประตู พร้อมกับจับริมฝีปากบางของตัวเองที่พลาดท่าเสียทีให้ภูมิจูบเธอเป็นครั้งที่สองจนได้

ส่วนภูมิพอกลับถึงห้องก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียวเพราะกำลังนั่งนึกถึงรสชาติริมฝีปากบางที่เขาพึ่งจะลิ้มรสมามาดๆ รสหวานจากริมฝีปากบางมันทำให้เขาติดใจอยากจะลิ้มลองรสชาตินั้นอีกครั้ง แต่พอนึกถึงคำพูดของเธอที่รังเกียจเขานักหนาก็อยากจะเอาชนะขึ้นมา ค่อยดูเถอะเขาจะทำให้เธอตกเป็นของเขาและเป็นเบี้ยล่างจนถอดตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ ในเมื่อเธอเกลียดเขานักเขาก็จะทำให้เธออยู่ในวงจรผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขานี่แหละ ภูมิยกยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • กลรักซาตาน   บทที่ 40

    "ก็ได้ ใช่ฉันรู้แล้วเธอจะทำไม" "คุณรู้ แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันกับเข็ม ปล่อยให้เพื่อนคุณหลอกเพื่อนฉันอยู่ได้ เลวที่สุด!" น้ำมองใบหน้าคมด้วยความผิดหวัง "มันเป็นเรื่องของไอ้คริส ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งหรอก อีกอย่างไอ้คริสมันไม่เคยรักคู่หมั้นของมันเลยสักนิด ฉันก็นึกว่ามันจะจัดการได้ แต่ไหงเป็นแบบนี้ไปได้"

  • กลรักซาตาน   บทที่ 39

    "จ้ะ ป้ารู้ แต่ถ้าคิดจะเล่นๆ กับลูกสาวของป้า ป้าไม่ยอมนะ บอกเอาไว้ก่อน" ดวงใจพูดหยอกชายหนุ่มเพราะพอจะดูออกว่าชายหนุ่มคิดยังไงกับลูกสาวของตน "คุณแม่พูดอะไรคะ" น้ำหันมองแม่ตนเองด้วยความแปลกใจ ที่อยู่ๆ ดวงใจก็พูดขึ้นมาเธอกลัวว่าจะมีใครรู้เรื่องระหว่างเธอกับภูมิ นอกจากภพแล้วเรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่

  • กลรักซาตาน   บทที่ 38

    "คุณอย่าพูดให้เปลืองน้ำลายเลยค่ะ ถึงยังไงเรื่องของเรามันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะฉันยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำอยู่ คุณอย่ามาหวังอะไรจากฉันอีกเลย กลับไปเถอะ" พูดจบเข็มก็เดินผ่านหน้าคริสขึ้นบันไดไป "เข็มเดี๋ยวก่อน เรายังคุยกันไม่เข้าใจเลย คุณจะให้ผมทำอะไรผมยอมทุกอย่าง " คริสเดินตามหลังหญิงสาวไปติดๆ

  • กลรักซาตาน   บทที่ 37

    "ให้เขาเข้ามาเถอะค่ะ " เข็มเอ่ยขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่มน้ำตาคลอเบ้า เธอจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป ถึงมันจะทำให้เธอเจ็บปวดมากก็ตาม "เข็ม" คริสเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวแล้วเดินตามไปติดๆ เข็มเดินนำคริสเข้าไปในห้องรับแขกพร้อมกับยืนหันหลังให้ชายหนุ่ม อำไพเห็นอย่างนั้นจึงปล

  • กลรักซาตาน   บทที่ 36

    เข็มเดินออกมาจากห้องทั้งน้ำตาไหลนองหน้า วันนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมชายหนุ่มถึงไม่ยอมไปพบแม่ของเธอสักที เพราะเขาไม่คิดที่จะจริงจังกับเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเขามีคนรักและลูกที่กำลังจะเกิดขึ้นมาลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว เข็มทรุดตัวนั่งลงข้างรถตนเองพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น "โดนหลอกจนได้น

  • กลรักซาตาน   บทที่ 35

    ระหว่างที่คริสพาลูซี่เดินช้อปปิ้งเข็มก็แอบมองอยู่ห่างๆ ด้วยความรู้สึกจุกในอกจนบอกไม่ถูกกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า จะให้เธอคิดไปเป็นอื่นได้ยังไงกัน เพราะท่าทางของคนทั้งคู่มันแสดงความสนิทสนมกันมาก หญิงสาวต่างชาติทั้งกอดทั้งเกาะแขนชายหนุ่ม แต่เขาก็ไม่มีท่าทางจะรังเกียจหรือปฏิเสธการกระทำนั้นใดๆ เลย ปล่อยให้เ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status