Masuk‘ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันเกลียดเธอ ยัยน้ำเน่า’
คำพูดเมื่อสิบสามปีก่อนยังดังก้องอยู่ในหูของน้ำหวาน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแต่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยเกลียดเธออย่างไรก็ยังเกลียดอย่างนั้น
หญิงสาวคิดในใจขณะลากกระเป๋าเดินทางตามหลังเขาต้อย ๆ
ปึก!
ชายหนุ่มหยุดเดินโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้หญิงสาวชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจัง
ใบหน้าหล่อคมหันขวับกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งพ่นลมหายใจใส่เธอเสมือนไม่พอใจ
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
หญิงสาวก้มหน้างุดหลังจากยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเขา
“ซุ่มซ่าม”
เขาทำหน้าตึงใส่แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่รถ
หญิงสาวจึงรีบตามไป
หลังหอบหิ้วกระเป๋าขึ้นรถน้ำหวานก็เข้ามานั่งด้านข้างคนขับ เธอยังไม่ทันปิดประตูให้สนิทรถคันหรูก็เคลื่อนออกตัวอย่างแรงจนร่างเล็กหงายหลังไปติดกับเบาะ
เธอรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ ทักษะการขับรถของเขายิ่งดูแปลก ๆ อยู่ด้วย จู่ ๆ ก็เหยียบคันเร่งแรง ๆ แล้วเหยียบเบรกกะทันหันเหมือนกำลังแกล้งเธออย่างไรอย่างนั้น
รถซูเปอร์คาร์ราคาหลายล้านแล่นอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วเกือบร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หญิงสาวนั่งหลับตาปี๋พร้อมทั้งกำเข็มขัดนิรภัยที่คาดผ่านลำตัวเอาไว้แน่น
ทิวเขามองคนข้าง ๆ แล้วหัวเราะชอบใจ ยิ่งเห็นเธอกลัวเขายิ่งเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีก
เมื่อคนกลัวเริ่มทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเอ่ยปากขอร้องเขา
“พี่ทิวเขาช่วยขับช้า ๆ กว่านี้หน่อยได้ไหมคะ”
“กลัวเหรอ”
“กะ...กลัวค่ะ”
“ถ้ากลัวก็ลงไป”
จู่ ๆ เขาก็จอดรถกะทันหันพร้อมทั้งไล่ให้เธอลงจากรถ
เธอจะลงไปได้ยังไงกันในเมื่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ เพราะทั้งชีวิตเคยมากรุงเทพฯ แค่ไม่กี่ครั้งตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็ก ขืนให้เธอลงจากรถคงได้หลงทางกันพอดี
“จะลงไหม”
เขาตะคอกใส่เธอเสียงดัง จนหญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้า
น้ำหวานได้แต่ก้มหน้าส่ายศีรษะไปมา
“ถ้าไม่ลงก็หุบปากไป”
รถคันงามออกตัวอีกครั้งแล้วแล่นไปด้วยความเร็วเฉกเช่นเดิมไม่นานนักก็ขับมาถึงที่หมาย น้ำหวานมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าจากนั้นเธอก็หันมาพูดขอบคุณชายหนุ่ม
“ขอบคุณพี่ทิวเขาค่ะ”
สองมือยกขึ้นไหว้พลางก้มศีรษะลงเล็กน้อย แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เต็มใจแต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องกล่าวคำขอบคุณตามมารยาท
“ฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีน้อง ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ชอบ”
พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่ได้สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร
นัยน์ตาสวยสั่นระริกน้ำตาคลอเบ้า หญิงสาวไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาอาศัยในบ้านของคนอื่น ถ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้เธอเลือกกลับไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าตามเดิมเสียยังดีกว่า อย่างน้อยที่นั่นก็ไม่มีใครรังเกียจเธอ
น้ำหวานยกหลังมือขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดเพื่อรวบรวมกำลังใจ จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถพร้อมทั้งยกกระเป๋าสองใบลงไปด้วย
“สวัสดีค่ะอาเหนือ อาขวัญ”
หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่ยืนรอต้อนรับอยู่ตรงหน้าบ้าน
“น้ำหวาน มานี่มาลูก”
สองสามีภรรยาระบายยิ้มอย่างอบอุ่นให้สาวน้อย ก่อนที่ผู้เป็นภรรยาจะอ้าแขนโอบกอดเพื่อปลอบประโลมเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอตอนที่อยู่เชียงราย
เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งกำลังจะมีอนาคตสดใสกลับถูกคนใจมารจ้องจะทำลายชื่อเสียงเพียงเพื่อต้องการแย่งชิงที่ดินซึ่งเป็นมรดกที่ริวยกให้ลูกสาวบุญธรรมก่อนเขาจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อสองเดือนก่อน
ทิวเขาเพ่งมองผู้เป็นแม่ที่เอาแต่กอดประคองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ
ไม่รู้จะพะเน้าพะนออะไรกันนักกันหนา ทำอย่างกับว่าเป็นเด็กพิการอย่างนั้นแหละ
นัยน์ตาคู่คมกลอกกลิ้งไปมาก่อนจะตั้งท่าเดินขึ้นห้องของตัวเอง ทว่าร่างสูงต้องหยุดชะงักทันทีเพราะน้ำเสียงดุดันของผู้เป็นพ่อ
“แกจะไปไหน”
“ขึ้นห้องสิพ่อ”
“ยกกระเป๋าของน้องขึ้นไปเก็บข้างบนด้วย”
ทิศเหนือ ออกคำสั่งกับลูกชายเสียงแข็ง
ทิวเขาหันมาทำหน้าไม่พอใจใส่ผู้เป็นพ่อ มือเท้าเธอก็มีทำไมต้องใช้ให้เขาทำ
“เดี๋ยวหวานยกไปเองก็ได้ค่ะ”
แค่มาอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่เธอก็รู้สึกเกรงใจจะแย่ จะให้ลูกชายเจ้าของบ้านมายกกระเป๋าให้ได้ยังไง แค่นี้เขาก็เกลียดขี้หน้าเธอมากพออยู่แล้ว
“เห็นไหม เจ้าตัวก็ทำเองได้พ่อจะมาเดือดร้อนแทนทำไม”
พูดจบทิวเขาก็เดินขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้สนใจเสียงก่นด่าตามหลัง
อยากด่าก็ด่าไปสิ ไม่อยู่ฟังซะอย่าง
ปัง!
เสียงปิดประตูดังสนั่นลั่นมาถึงด้านล่าง
ทิศเหนือขบกรามแน่นด้วยความโมโห ไอ้ลูกชายตัวดีไม่เคยได้ดั่งใจสักอย่าง ส่งไปเรียนก็เอาแต่ทำตัวเสเพลไปวัน ๆ ถ้าไม่ขลุกตัวอยู่ในผับก็อยู่ที่สนามแข่งรถ นาน ๆ ถึงจะโผล่หน้ามาให้เห็นสักครั้ง
ทำตัวเหมือนเป็นลูกเทวดาก็ไม่ปาน
“อย่าไปใส่ใจคำพูดของพี่เขาเลยนะน้ำหวาน มานั่งกับอาดีกว่า ไหนดูซิไม่ได้เจอกันตั้งนานโตเป็นสาวแล้วนะเนี่ย”
ของขวัญจูงมือหญิงสาวมานั่งตรงโซฟา มือบอบบางที่เริ่มมีริ้วรอยตามประสาคนวัยสี่สิบกว่าลูบลงบนศีรษะของน้ำหวานเบา ๆ แล้วมองหน้าสาวน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน
ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้ำหวานก็ยิ่งรู้สึกสงสาร
แม้น้ำหวานจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของริวซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผู้เป็นสามี แต่ของขวัญก็เห็นเธอมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเอ็นดูเสียมากกว่า
น้ำหวานโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าในจังหวัดเชียงราย ซึ่งแม่ของริวทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์จึงทำให้ริวได้เจอกับน้ำหวานตั้งแต่เธอยังแบเบาะ
แม้ริวจะแต่งงานมานานแต่เพราะป่วยออด ๆ แอด ๆ จึงไม่สามารถมีลูกได้ เมื่อครั้งที่เจอกับน้ำหวานครั้งแรก ริวและภรรยารู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยเป็นอย่างมาก ครั้นเด็กน้อยเติบโตจนจำความได้สองสามีภรรยาเลยตัดสินใจรับน้ำหวานมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานภรรยาของริวก็มาจากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ ริวจึงกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี ใครจะคิดว่าเด็กน้อยตัวอ้วนกระปุ๊กลุกในวันวาน วันนี้จะกลายเป็นสาวสวยสะพรั่งแถมยังเป็นเด็กดีให้พ่อของเธอได้ภาคภูมิใจด้วยการสอบเข้าคณะแพทย์ในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ได้
ทว่ายังไม่ทันได้ชื่นชมความสำเร็จของลูกสาว ผู้เป็นพ่อก็มาด่วนจากไปเสียก่อน
ก่อนจากไปริวได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินแปลงหนึ่งในจังหวัดเชียงรายให้น้ำหวาน ที่ดินแปลงนั้นมีมูลค่าหลายสิบล้านจึงทำให้ญาติพี่น้องของริวไม่พอใจ สร้างเรื่องมาทำลายชื่อเสียงว่าเธอเอาตัวเข้าแลกทำให้พ่อบุญธรรมหลงใหลจนยกสมบัติให้
พวกผู้ใหญ่ใจยักษ์ใจมารรังแกได้แม้กระทั่งเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ก่อนริวจะเสียเขาได้ฝากฝังให้ทิศเหนือจัดการเรื่องของน้ำหวาน พอทิศเหนือรู้ข่าวว่าหญิงสาวถูกญาติพี่น้องของริวกลั่นแกล้งและไล่ออกจากบ้าน เขาจึงปรึกษากับผู้เป็นเมียเพื่อให้น้ำหวานมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านก่อน ถึงอย่างไรหญิงสาวก็ต้องมาเรียนในกรุงเทพฯ อยู่แล้ว ระหว่างนั้นก็คอยติดต่อกับทนายเพื่อจัดการเรื่องมรดกที่ดินให้เธอ
“ทานอะไรมารึยัง หิวไหมเดี๋ยวอาทำอะไรให้ทานเอาไหม”
ของขวัญพูดกับหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เธอไม่มีลูกสาวจึงรู้สึกเอ็นดูน้ำหวานราวกับเป็นลูกสาวของตัวเอง
“หวานไม่หิวค่ะ ขอบคุณคุณอามากนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเถอะจ้ะ นอนหลับให้สบายไม่ต้องคิดมากนะ คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองไม่ต้องเกรงใจ”
“หวานขอบคุณคุณอาทั้งสองมากค่ะ แต่หวานคิดว่าจะรบกวนแค่ไม่นาน พอมหา’ลัยเปิดก็จะย้ายไปอยู่หอพักค่ะ”
“ไม่เห็นต้องย้ายไปเลย บ้านช่องเราก็ออกจะใหญ่โต ห้องว่างก็มีถมเถจะย้ายไปอยู่หอพักให้มันเปลืองเงินทำไม”
ทิศเหนือออกความเห็น เขาอยากช่วยดูแลน้ำหวานอย่างเต็มที่ตามคำสั่งเสียของเพื่อนสนิท
“เอ่อ...คือหวาน”
แม้จะรู้ว่าคุณอาทั้งสองเต็มใจแต่น้ำหวานก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดี อีกอย่าง ก็ไม่อยากจะทำให้ลูกชายเจ้าของบ้านต้องอึดอัดใจที่มีเธออยู่ร่วมบ้าน
“ช่างเถอะ เอาไว้ให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะลูก เดี๋ยวอาช่วยถือกระเป๋าขึ้นไปส่ง”
ของขวัญหิ้วกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินนำไปทางบันได หญิงสาวจึงหิ้วกระเป๋าอีกใบเดินตามหลัง
ขณะกำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดคนที่เข้าห้องไปแล้วก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินสวนทางลงมา
“จะไปไหนอีกล่ะตาทิวเขา”
ผู้เป็นแม่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ ยังไม่ทันได้พูดคุยกันลูกชายสุดที่รักก็แต่งตัวหล่อเตรียมออกจากบ้านอีกแล้ว
“ผมมีนัดกับเพื่อนน่ะ คืนนี้ไม่กลับนะครับ จะค้างที่คอนโด”
พูดจาประจบออดอ้อนพร้อมทั้งโอบกอดแล้วหอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดหนึ่งก่อนจะเดินลงบันไดไป
ดวงตาคู่คมเหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อยตอนเดินผ่านกัน ในขณะที่น้ำหวานเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้น
“เมาไม่ขับนะลูก”
ของขวัญตะโกนไล่หลังลูกชาย ขณะที่ผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าเอือม ๆ นี่ก็จะขึ้นปีสี่แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไอ้ลูกชายตัวดีมันจะคิดได้แล้วเลิกเที่ยวเตร่สักที
ได้แต่คิดในใจเพราะไม่อยากจะบ่นมาก บ่นไปเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันเปล่า ๆ
บางทีก็นึกโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกตามใจเกินไป ป้อนเงินให้ใช้จนลูกเสียนิสัยเอะอะก็ใช้เงินแก้ปัญหา ทิวเขาชอบคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งจิตวิญญาณและศักดิ์ศรีของความเป็นคน
ทิศเหนือแอบกังวลว่าลูกชายจะมีความคิดเหมือนตอนเขายังหนุ่ม ๆ
อีกด้านหลังรถซูเปอร์คาร์คันงามจอดนิ่งที่ลานจอดรถของคอนโด ร่างสูงก็อุ้มแฟนสาวลงจากรถแล้วพาเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ถูกประกบทันที ทำราวกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัวทั้งที่ยังอยู่ในลิฟต์“อื้อ~”มือบางตีลงที่หัวไหล่ของเขาพร้อมกับครางท้วง ทิวเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วยิ้มขำน้ำหวานทำตาเขียวปั้ดใส่คนที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทริมฝีปากหนาก็ประทับลงบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนผ่าวสอดแยงเข้าไปในโพรงปากนุ่มแล้วดูดเม้มปลายลิ้นเล็ก ส่งเรียวลิ้นไปเซาะซอนจนทั่วทุกมุม จูบแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนชุ่มฉ่ำไปทั่วปาก จากนั้นเขาก็วางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นมือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างบางพลางถอดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ น้ำหวานเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของชายหนุ่มออกเช่นกันนัยน์ตาคมจ้องมองเรือนร่างงดงามที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์ปรารถนา มือหนาเคลื่อนไล้ไปตามผิวกายขาวผ่องอย่างผะแผ่วขณะดันร่างเล็กไปจนชิดกับฝาผนังจากนั้นก็พรมจูบไปตามซอกคอระหง ขณะที่มือข้างหนึ่งเคล้นคลึงตรงสะโพกมน ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ปลุกเร้าตรงสองเต้าเต่งตึงลมหายใจผ่าวร้อนเป่ารดลงบนลำคอขา
“จะพากันไปไหนเหรอลูก”เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายซึ่งกำลังถือกระเป๋าสะพายเดินตามแฟนสาวลงมาจากชั้นสองของบ้านน้ำหวานนั่งลงบนโซฟาแล้วเป็นคนตอบคำถามแทนชายหนุ่ม“หวานก็ไม่รู้ค่ะ พี่ทิวเขาไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าจะพาไปไหน”“อ้าว! จะพาน้องไปไหนทำไมไม่บอกน้องล่ะ”หันไปถามลูกชายตัวดีที่นั่งอยู่ด้านข้างหญิงสาวซึ่งตอนนี้กำลังทำท่าทางออเซาะเธอราวกับเป็นเด็กน้อยจนน่าหมั่นไส้ลูกชายสุดที่รักหันมาทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยตอบ“บอกไม่ได้ครับมันเป็นความลับ”ผู้เป็นแม่ถอนหายใจเหนื่อยอกเหนื่อยใจก่อนจะตวัดมือไล่ไม่อยากสนใจ ปล่อยให้ทั้งคู่พากันไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มคนสาวหลังไหว้ลาทั้งคู่ก็เดินจูงมือกันไปที่รถ ทิวเขาเป็นคนคอยบริการเปิดประตูพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยให้น้ำหวาน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ก่อนที่รถคันหรูจะเคลื่อนออกจากบ้านพาเธอไปยังสถานที่ที่เขานัดแนะเอาไว้กับเพื่อน ๆ@สนามแข่งรถวันนี้ที่สนามแข่งรถดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงาน รถหลายคันวิ่งวอร์มอยู่ในสนามโดยมีผู้ชมมากมายยืนรายล้อมอยู่บริเวณรอบ ๆหลังจอดรถทิวเขาก็เดินไปเปิดประตูให้น้ำหวาน หญิงสาวมีความวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพความทร
“อ๊ะ~” ร่างเล็กสั่นสะท้านร้องเสียงครวญครางอย่างได้อารมณ์ สองมือที่บีบขยำเนินนมออกแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ทว่าความเสียวกลับมีมากกว่า น้ำหวานดิ้นพล่านขณะถูกดูดดึงสองเต้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนไซ้ขึ้นไปตรงซอกคอ ใช้ฟันขบเบา ๆ ตรงลำคอระหงด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานเสียดเสียวจนแทบจะขาดใจ มือสองข้างเลื่อนไล้ไปตามเรือนร่างบางจนมาถึงตรงกลางกายสาว ปลายนิ้วบดคลึงตรงจุดกระสันเสียวผ่านกางเกงชั้นในตัวบางจนน้ำรสหวานไหลเยิ้มออกมาเลอะเป้าเปียกแฉะ ร่างสูงหยัดกายคุกเข่าตรงกลางระหว่างขาเนียน มือหนาจับเรียวขาสวยอ้าออกขึ้นเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วเขี่ยตรงจุดกระสันเสียวจนแน่ใจว่าเปียกเยิ้มเต็มที่เขาก็แหวกเป้ากางเกงชั้นในไปไว้ด้านข้าง ดวงตาคู่คมจดจ้องไปยังร่องกลีบสีชมพู ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเอาน้ำลายไปถูชโลมบนแท่งเนื้อลำเขื่องของตัวเอง มือหนาชัดรูดแกนกายลำใหญ่สองสามครั้ง จ่อส่วนปลายไว้ตรงปากร่อง จับปลายหยักถูไถตรงเม็ดติ่งเสียวเพื่อเพิ่มอารมณ์ซาบซ่านให้หญิงสาว “อ๊ะ~พี่ทิวเขา หวานไม่ไหวแล้ว ใส่เข้ามาเลยได้ไหมคะ
หลังพูดคุยและทานข้าวเที่ยงร่วมกันกับแม่ครูและน้อง ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าน้ำหวานก็เอ่ยลาทุกคนเนื่องจากทิวเขาบอกเธอว่าจะพาไปยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหนรถคันหรูวิ่งไปตามเส้นทางที่น้ำหวานค่อนข้างคุ้นเคย เธอรู้สึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามจนในที่สุดรถคันงามก็มาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้ทรงล้านนา“พี่ทิวเขาพาหวานมาที่นี่ทำไมคะ”“เดี๋ยวก็รู้ครับ”ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เธอทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า“ลงมาเถอะน่า”หญิงสาวลงจากรถตามคำชวน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อาณาบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กจนโตแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยความสงสัยทิวเขายิ้มให้หญิงสาว“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“เดี๋ยวค่ะ เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ บ้านหลังนี้ถูกขายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”มุมปากหนากระตุกยิ้มบางเบา เขายกกุญแจบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาโชว์ให้หญิงสาวดู“หมายความว่าไงคะ”“บ้านหลังนี้เป็นของน้ำหวานแล้วนะ”น้ำหวานยืนนิ่งแววตาเต็มไปด้วยฉงนสงสัย ไม่นานความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยคำอธิบายของคนตรงหน้า“พี่รู้ว่าน้ำหวานรักบ้านหลังนี้มาก พี่ก็เลยซื้อบ้านหลังนี้ไว้”“
หลังจากน้ำหวานโอนเงินค่าผ่าตัดไปให้แม่ครู ดินก็ได้เข้ารับการผ่าตัดในทันที การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีเนื้อเยื่อของผู้บริจาคไตเข้ากันได้ดีกับดินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นานดินก็ได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“หยุดยาวสามวันหวานจะขึ้นไปเยี่ยมนะคะ”เสียงน้ำหวานกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับแม่ครูอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านทิวเขาคอยเดินตามไม่ห่าง ความจริงเพราะอยากแอบฟังว่าเธอคุยกับใครมากกว่า[ดินต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าน้ำหวานจะมา]“แม่ครูอย่าเพิ่งบอกพี่ดินนะคะ หวานว่าจะไปเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ”[จ้ะ แม่จะรูดซิปปากเอาไว้ให้แน่นเลยจ้ะ]“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”[แม่ล้อเล่นจ้ะ เออ! น้ำหวานรู้เรื่องที่ทางญาติพ่อริวเขาประกาศขายบ้านแล้วใช่ไหม]คิ้วเรียวขมวดมุ่นหลังได้ยินแม่ครูพูด ความจริงก็พอรู้ว่าพวกญาติของพ่อริวอยากขายบ้านหลังนั้นจนเต็มแก่ น้ำหวานดูเศร้าลงทันทีจนคนที่ยืนอยู่ข้างกายสังเกตเห็น“หวานพอรู้ค่ะ” พูดเสียงสั่นน้ำเสียงของเธอทำให้คนปลายสายเป็นห่วง[โธ่! น้ำหวานไม่ต้องคิดมากนะลูก สิ่งของพวกนั้นมันเป็นของนอกกายไม่นานมันก็สูญสลาย ความทรงจำดี ๆ ต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต]แม่คร
“น้ำหวานเดี๋ยวก่อน น้ำหวาน” ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบตามร่างเล็กไปจนถึงหน้าลิฟต์ มือหนาเอื้อมจับข้อมือเล็กแล้วดึงรั้งเอาไว้ ใบหน้าสวยหันมามองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องความเป็นความตายใครให้เอามาล้อเล่น “ฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอน่ะ” “ทุกทีคุณก็พูดแบบนี้ สรุปคือไม่เคยมีเรื่องไหนที่คุณตั้งใจสักเรื่อง” เธอสาวพยายามสะบัดแขนออกจากคนเจ้าเล่ห์ ตั้งท่าจะเดินไปกดลิฟต์ทว่ากลับถูกคนตัวสูงดึงรั้งเอาไว้อีกครั้ง วงแขนแกร่งสวมเข้าที่เอวคอดแล้วกอดรัดร่างเล็กแนบกับลำตัว “ขอโทษ ยกโทษให้ความโง่ของฉันเถอะนะ ฉันโง่เองที่คิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สักทีว่าเธอรักฉันรึเปล่า” “คุณมันชอบเล่นกับใจคนอื่น เห็นความรู้สึกของหวานเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง” “ฉันไม่ได้เห็นความรู้สึกของเธอเป็นเรื่องล้อเล่นนะน้ำหวาน ฉันรักเธอมากวันทั้งวันฉันอาการหนักเอาแต่เพ้อถึงเธอ คุณแม่ก็เลยโทรให้เธอมาดูใจฉันไง” จับร่างเล็กให้หันมาสบตากันหลังจากอธิบายเรื่องทั้งหมด “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” เธอทุบมือ







