Masuk‘ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันเกลียดเธอ ยัยน้ำเน่า’
คำพูดเมื่อสิบสามปีก่อนยังดังก้องอยู่ในหูของน้ำหวาน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแต่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยเกลียดเธออย่างไรก็ยังเกลียดอย่างนั้น
หญิงสาวคิดในใจขณะลากกระเป๋าเดินทางตามหลังเขาต้อย ๆ
ปึก!
ชายหนุ่มหยุดเดินโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้หญิงสาวชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจัง
ใบหน้าหล่อคมหันขวับกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งพ่นลมหายใจใส่เธอเสมือนไม่พอใจ
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
หญิงสาวก้มหน้างุดหลังจากยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเขา
“ซุ่มซ่าม”
เขาทำหน้าตึงใส่แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่รถ
หญิงสาวจึงรีบตามไป
หลังหอบหิ้วกระเป๋าขึ้นรถน้ำหวานก็เข้ามานั่งด้านข้างคนขับ เธอยังไม่ทันปิดประตูให้สนิทรถคันหรูก็เคลื่อนออกตัวอย่างแรงจนร่างเล็กหงายหลังไปติดกับเบาะ
เธอรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ ทักษะการขับรถของเขายิ่งดูแปลก ๆ อยู่ด้วย จู่ ๆ ก็เหยียบคันเร่งแรง ๆ แล้วเหยียบเบรกกะทันหันเหมือนกำลังแกล้งเธออย่างไรอย่างนั้น
รถซูเปอร์คาร์ราคาหลายล้านแล่นอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วเกือบร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หญิงสาวนั่งหลับตาปี๋พร้อมทั้งกำเข็มขัดนิรภัยที่คาดผ่านลำตัวเอาไว้แน่น
ทิวเขามองคนข้าง ๆ แล้วหัวเราะชอบใจ ยิ่งเห็นเธอกลัวเขายิ่งเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีก
เมื่อคนกลัวเริ่มทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเอ่ยปากขอร้องเขา
“พี่ทิวเขาช่วยขับช้า ๆ กว่านี้หน่อยได้ไหมคะ”
“กลัวเหรอ”
“กะ...กลัวค่ะ”
“ถ้ากลัวก็ลงไป”
จู่ ๆ เขาก็จอดรถกะทันหันพร้อมทั้งไล่ให้เธอลงจากรถ
เธอจะลงไปได้ยังไงกันในเมื่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ เพราะทั้งชีวิตเคยมากรุงเทพฯ แค่ไม่กี่ครั้งตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็ก ขืนให้เธอลงจากรถคงได้หลงทางกันพอดี
“จะลงไหม”
เขาตะคอกใส่เธอเสียงดัง จนหญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้า
น้ำหวานได้แต่ก้มหน้าส่ายศีรษะไปมา
“ถ้าไม่ลงก็หุบปากไป”
รถคันงามออกตัวอีกครั้งแล้วแล่นไปด้วยความเร็วเฉกเช่นเดิมไม่นานนักก็ขับมาถึงที่หมาย น้ำหวานมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าจากนั้นเธอก็หันมาพูดขอบคุณชายหนุ่ม
“ขอบคุณพี่ทิวเขาค่ะ”
สองมือยกขึ้นไหว้พลางก้มศีรษะลงเล็กน้อย แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เต็มใจแต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องกล่าวคำขอบคุณตามมารยาท
“ฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีน้อง ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ชอบ”
พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่ได้สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร
นัยน์ตาสวยสั่นระริกน้ำตาคลอเบ้า หญิงสาวไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาอาศัยในบ้านของคนอื่น ถ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้เธอเลือกกลับไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าตามเดิมเสียยังดีกว่า อย่างน้อยที่นั่นก็ไม่มีใครรังเกียจเธอ
น้ำหวานยกหลังมือขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดเพื่อรวบรวมกำลังใจ จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถพร้อมทั้งยกกระเป๋าสองใบลงไปด้วย
“สวัสดีค่ะอาเหนือ อาขวัญ”
หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่ยืนรอต้อนรับอยู่ตรงหน้าบ้าน
“น้ำหวาน มานี่มาลูก”
สองสามีภรรยาระบายยิ้มอย่างอบอุ่นให้สาวน้อย ก่อนที่ผู้เป็นภรรยาจะอ้าแขนโอบกอดเพื่อปลอบประโลมเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอตอนที่อยู่เชียงราย
เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งกำลังจะมีอนาคตสดใสกลับถูกคนใจมารจ้องจะทำลายชื่อเสียงเพียงเพื่อต้องการแย่งชิงที่ดินซึ่งเป็นมรดกที่ริวยกให้ลูกสาวบุญธรรมก่อนเขาจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อสองเดือนก่อน
ทิวเขาเพ่งมองผู้เป็นแม่ที่เอาแต่กอดประคองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ
ไม่รู้จะพะเน้าพะนออะไรกันนักกันหนา ทำอย่างกับว่าเป็นเด็กพิการอย่างนั้นแหละ
นัยน์ตาคู่คมกลอกกลิ้งไปมาก่อนจะตั้งท่าเดินขึ้นห้องของตัวเอง ทว่าร่างสูงต้องหยุดชะงักทันทีเพราะน้ำเสียงดุดันของผู้เป็นพ่อ
“แกจะไปไหน”
“ขึ้นห้องสิพ่อ”
“ยกกระเป๋าของน้องขึ้นไปเก็บข้างบนด้วย”
ทิศเหนือ ออกคำสั่งกับลูกชายเสียงแข็ง
ทิวเขาหันมาทำหน้าไม่พอใจใส่ผู้เป็นพ่อ มือเท้าเธอก็มีทำไมต้องใช้ให้เขาทำ
“เดี๋ยวหวานยกไปเองก็ได้ค่ะ”
แค่มาอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่เธอก็รู้สึกเกรงใจจะแย่ จะให้ลูกชายเจ้าของบ้านมายกกระเป๋าให้ได้ยังไง แค่นี้เขาก็เกลียดขี้หน้าเธอมากพออยู่แล้ว
“เห็นไหม เจ้าตัวก็ทำเองได้พ่อจะมาเดือดร้อนแทนทำไม”
พูดจบทิวเขาก็เดินขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้สนใจเสียงก่นด่าตามหลัง
อยากด่าก็ด่าไปสิ ไม่อยู่ฟังซะอย่าง
ปัง!
เสียงปิดประตูดังสนั่นลั่นมาถึงด้านล่าง
ทิศเหนือขบกรามแน่นด้วยความโมโห ไอ้ลูกชายตัวดีไม่เคยได้ดั่งใจสักอย่าง ส่งไปเรียนก็เอาแต่ทำตัวเสเพลไปวัน ๆ ถ้าไม่ขลุกตัวอยู่ในผับก็อยู่ที่สนามแข่งรถ นาน ๆ ถึงจะโผล่หน้ามาให้เห็นสักครั้ง
ทำตัวเหมือนเป็นลูกเทวดาก็ไม่ปาน
“อย่าไปใส่ใจคำพูดของพี่เขาเลยนะน้ำหวาน มานั่งกับอาดีกว่า ไหนดูซิไม่ได้เจอกันตั้งนานโตเป็นสาวแล้วนะเนี่ย”
ของขวัญจูงมือหญิงสาวมานั่งตรงโซฟา มือบอบบางที่เริ่มมีริ้วรอยตามประสาคนวัยสี่สิบกว่าลูบลงบนศีรษะของน้ำหวานเบา ๆ แล้วมองหน้าสาวน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน
ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้ำหวานก็ยิ่งรู้สึกสงสาร
แม้น้ำหวานจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของริวซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผู้เป็นสามี แต่ของขวัญก็เห็นเธอมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเอ็นดูเสียมากกว่า
น้ำหวานโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าในจังหวัดเชียงราย ซึ่งแม่ของริวทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์จึงทำให้ริวได้เจอกับน้ำหวานตั้งแต่เธอยังแบเบาะ
แม้ริวจะแต่งงานมานานแต่เพราะป่วยออด ๆ แอด ๆ จึงไม่สามารถมีลูกได้ เมื่อครั้งที่เจอกับน้ำหวานครั้งแรก ริวและภรรยารู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยเป็นอย่างมาก ครั้นเด็กน้อยเติบโตจนจำความได้สองสามีภรรยาเลยตัดสินใจรับน้ำหวานมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานภรรยาของริวก็มาจากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ ริวจึงกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
วันเวลาผ่านไปหลายสิบปี ใครจะคิดว่าเด็กน้อยตัวอ้วนกระปุ๊กลุกในวันวาน วันนี้จะกลายเป็นสาวสวยสะพรั่งแถมยังเป็นเด็กดีให้พ่อของเธอได้ภาคภูมิใจด้วยการสอบเข้าคณะแพทย์ในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ได้
ทว่ายังไม่ทันได้ชื่นชมความสำเร็จของลูกสาว ผู้เป็นพ่อก็มาด่วนจากไปเสียก่อน
ก่อนจากไปริวได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินแปลงหนึ่งในจังหวัดเชียงรายให้น้ำหวาน ที่ดินแปลงนั้นมีมูลค่าหลายสิบล้านจึงทำให้ญาติพี่น้องของริวไม่พอใจ สร้างเรื่องมาทำลายชื่อเสียงว่าเธอเอาตัวเข้าแลกทำให้พ่อบุญธรรมหลงใหลจนยกสมบัติให้
พวกผู้ใหญ่ใจยักษ์ใจมารรังแกได้แม้กระทั่งเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ก่อนริวจะเสียเขาได้ฝากฝังให้ทิศเหนือจัดการเรื่องของน้ำหวาน พอทิศเหนือรู้ข่าวว่าหญิงสาวถูกญาติพี่น้องของริวกลั่นแกล้งและไล่ออกจากบ้าน เขาจึงปรึกษากับผู้เป็นเมียเพื่อให้น้ำหวานมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านก่อน ถึงอย่างไรหญิงสาวก็ต้องมาเรียนในกรุงเทพฯ อยู่แล้ว ระหว่างนั้นก็คอยติดต่อกับทนายเพื่อจัดการเรื่องมรดกที่ดินให้เธอ
“ทานอะไรมารึยัง หิวไหมเดี๋ยวอาทำอะไรให้ทานเอาไหม”
ของขวัญพูดกับหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เธอไม่มีลูกสาวจึงรู้สึกเอ็นดูน้ำหวานราวกับเป็นลูกสาวของตัวเอง
“หวานไม่หิวค่ะ ขอบคุณคุณอามากนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเถอะจ้ะ นอนหลับให้สบายไม่ต้องคิดมากนะ คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองไม่ต้องเกรงใจ”
“หวานขอบคุณคุณอาทั้งสองมากค่ะ แต่หวานคิดว่าจะรบกวนแค่ไม่นาน พอมหา’ลัยเปิดก็จะย้ายไปอยู่หอพักค่ะ”
“ไม่เห็นต้องย้ายไปเลย บ้านช่องเราก็ออกจะใหญ่โต ห้องว่างก็มีถมเถจะย้ายไปอยู่หอพักให้มันเปลืองเงินทำไม”
ทิศเหนือออกความเห็น เขาอยากช่วยดูแลน้ำหวานอย่างเต็มที่ตามคำสั่งเสียของเพื่อนสนิท
“เอ่อ...คือหวาน”
แม้จะรู้ว่าคุณอาทั้งสองเต็มใจแต่น้ำหวานก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดี อีกอย่าง ก็ไม่อยากจะทำให้ลูกชายเจ้าของบ้านต้องอึดอัดใจที่มีเธออยู่ร่วมบ้าน
“ช่างเถอะ เอาไว้ให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ไปพักผ่อนเถอะลูก เดี๋ยวอาช่วยถือกระเป๋าขึ้นไปส่ง”
ของขวัญหิ้วกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินนำไปทางบันได หญิงสาวจึงหิ้วกระเป๋าอีกใบเดินตามหลัง
ขณะกำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดคนที่เข้าห้องไปแล้วก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินสวนทางลงมา
“จะไปไหนอีกล่ะตาทิวเขา”
ผู้เป็นแม่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ ยังไม่ทันได้พูดคุยกันลูกชายสุดที่รักก็แต่งตัวหล่อเตรียมออกจากบ้านอีกแล้ว
“ผมมีนัดกับเพื่อนน่ะ คืนนี้ไม่กลับนะครับ จะค้างที่คอนโด”
พูดจาประจบออดอ้อนพร้อมทั้งโอบกอดแล้วหอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดหนึ่งก่อนจะเดินลงบันไดไป
ดวงตาคู่คมเหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อยตอนเดินผ่านกัน ในขณะที่น้ำหวานเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้น
“เมาไม่ขับนะลูก”
ของขวัญตะโกนไล่หลังลูกชาย ขณะที่ผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าเอือม ๆ นี่ก็จะขึ้นปีสี่แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไอ้ลูกชายตัวดีมันจะคิดได้แล้วเลิกเที่ยวเตร่สักที
ได้แต่คิดในใจเพราะไม่อยากจะบ่นมาก บ่นไปเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันเปล่า ๆ
บางทีก็นึกโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกตามใจเกินไป ป้อนเงินให้ใช้จนลูกเสียนิสัยเอะอะก็ใช้เงินแก้ปัญหา ทิวเขาชอบคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งจิตวิญญาณและศักดิ์ศรีของความเป็นคน
ทิศเหนือแอบกังวลว่าลูกชายจะมีความคิดเหมือนตอนเขายังหนุ่ม ๆ
กลางดึกหญิงสาวนอนกระสับกระส่าย แม้จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับเหมือนเดิม พอสมองว่างก็เผลอคิดถึงแต่เรื่องเก่า ๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเสียดื้อ ๆจะร้องไห้เสียงดังก็ไม่ได้เดี๋ยวจะถูกลูกชายเจ้าของบ้านมาต่อว่าเหมือนเมื่อคืน แต่จะให้อดทนอดกลั้นก็คงไม่ไหว หญิงสาวจึงตัดสินใจออกไปนั่งร้องไห้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านฮือ! ฮึก! ฮือ!เสียงผู้หญิงร้องไห้แว่วมาตามสายลม ยิ่งภายในห้องเงียบกริบมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนที่ยังนอนไม่หลับต้องเดินออกไปตรงระเบียงห้อง แล้วชะเง้อชะแง้มองหาที่มาของเสียงเขาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของใครบางคนอยู่ตรงหลังพุ่มไม้ชายหนุ่มเดินออกจากบ้านแล้วมุ่งไปยังสนามหญ้า ค่อย ๆ ย่องเข้าไปด้านหลังคนที่นั่งกอดเข่าก้มหน้าร้องห่มร้องไห้ยัยเด็กน้ำหวานอีกแล้วเธอจะกวนโมโหเขาไปถึงไหน“เธอรู้ไหมว่าเสียงร้องไห้ของเธอมันไปรบกวนการนอนของคนอื่น”“คุณทิวเขา”หญิงสาวสะดุ้งโหยงตกใจพร้อมกับอุทานชื่อคนที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ขนาดหนีมาร้องไห้อยู่ตั้งไกลเขายังได้ยินเสียงอีกเหรอหูเทพหรือยังไงกันหญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน“ขอโทษค่ะ”แม้จะหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่น้ำเสียงยังเจือปน
เช้าวันต่อมา“เมื่อคืนขวัญได้ยินเสียงน้ำหวานร้องไห้อยู่ในห้อง สงสัยจะคิดถึงบ้านนะคะ”ของขวัญพูดขึ้นขณะวางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้าผู้เป็นสามีทิศเหนือเงยหน้าสบตากับภรรยาแล้วทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า“ไม่แปลกหรอกที่น้ำหวานจะคิดถึงบ้าน ปกติไอ้ริวมันไม่ค่อยได้พาน้ำหวานไปเที่ยวไหน เอาแต่ทำงานงก ๆ เลยพลอยทำให้น้ำหวานกลายเป็นคนติดบ้านน่ะสิ““ถ้างั้นวันนี้ขวัญพาน้ำหวานไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาดีไหมคะ เผื่อจะช่วยให้เธอหายเศร้าได้บ้าง”“พี่ว่าก็ดีนะ ให้ตาทิวเขาขับรถพาไปสิ”“โอ๊ย! รายนั้นพึ่งพาได้ที่ไหนล่ะคะ ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“นี่มันอยู่ติดบ้านไม่เป็นรึไง เจ้าลูกคนนี้”“ขวัญก็ว่างั้นแหละค่ะ เหมือนใครตอนหนุ่ม ๆ ก็ไม่รู้”เมียรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสองทิศเหนือถึงกับสะดุ้งเฮือก กาแฟที่เพิ่งจะกลืนลงคอแทบล้นทะลักออกมาทางเก่า จะเหมือนใครเล่าก็เหมือนเขาน่ะสิ เหมือนเป๊ะราวกับถอดแบบกันมา นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเวลาต่อมาหลังจากชักชวนน้ำหวานให้ออกมาเป็นเพื่อนซื้อของ สองสาวต่างวัยก็พากันเดินเล่นอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ของขวัญพาหลานสาวคนใหม่เลือกซื้อของใช้จำ
@ผับหรูเสียงเพลงจังหวะ EDM ดังอึกทึกครึกโครมอยู่ในผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผับที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเหล่านักท่องราตรีมากมายต่างพากันโยกย้ายอวดกันวาดลวดลายอย่างไม่มีใครยอมใคร แสงไฟส่องกะพริบหมุนวนไปมาตามจังหวะเพลงเพื่อช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้กับเหล่านักดื่มทั้งหลายภายในห้องวีไอพีของผับมีการรวมตัวกันของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเขามักนัดกันมาสังสรรค์ที่นี่เป็นประจำ“แดกเต็มที่เลยเพื่อน มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”เจ้าขุนเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนมาครบองค์ประชุมออสตินกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ เพื่อระบายความขุ่นเคือง นึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นแล้วรู้สึกโมโหไม่หายที่ไอ้เจ้าขุนมันพูดปาว ๆ ว่าจะเลี้ยงน่ะเงินกูทั้งนั้น“มึงไม่ต้องเครียดหรอกน่าคราวหน้ากูไม่ออมมือให้มันแน่”วายุตบไหล่ออสตินเบา ๆ ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ“กูไม่เชื่อมึงแล้วไอ้ห่า ดูจากสถิติที่มึงแข่งกับไอ้ทิวเขาแล้วกูขอย้ายไปเดิมพันข้างมันดีกว่า”ออสตินย้ายไปนั่งข้างทิวเขา ยกมือขึ้นมาบีบนวดไหล่เพื่อนเบา ๆ เพื่อเอาอกเอาใจ“คราวหน้ากูขอเดิมพันข้างมึงนะ”“ว่าไง มึงยอมป้ะ” ทิวเขาหันมาถามเจ้าขุนเจ้าขุนพยักพเยิดหน้าให้
‘ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันเกลียดเธอ ยัยน้ำเน่า’คำพูดเมื่อสิบสามปีก่อนยังดังก้องอยู่ในหูของน้ำหวาน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแต่ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยเกลียดเธออย่างไรก็ยังเกลียดอย่างนั้นหญิงสาวคิดในใจขณะลากกระเป๋าเดินทางตามหลังเขาต้อย ๆปึก!ชายหนุ่มหยุดเดินโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้หญิงสาวชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจังใบหน้าหล่อคมหันขวับกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งพ่นลมหายใจใส่เธอเสมือนไม่พอใจ“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”หญิงสาวก้มหน้างุดหลังจากยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเขา“ซุ่มซ่าม”เขาทำหน้าตึงใส่แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่รถหญิงสาวจึงรีบตามไปหลังหอบหิ้วกระเป๋าขึ้นรถน้ำหวานก็เข้ามานั่งด้านข้างคนขับ เธอยังไม่ทันปิดประตูให้สนิทรถคันหรูก็เคลื่อนออกตัวอย่างแรงจนร่างเล็กหงายหลังไปติดกับเบาะเธอรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ ทักษะการขับรถของเขายิ่งดูแปลก ๆ อยู่ด้วย จู่ ๆ ก็เหยียบคันเร่งแรง ๆ แล้วเหยียบเบรกกะทันหันเหมือนกำลังแกล้งเธออย่างไรอย่างนั้นรถซูเปอร์คาร์ราคาหลายล้านแล่นอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วเกือบร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หญิงสาวนั่งหลับตาป
@ สนามแข่งรถเสียงเร่งเครื่องของรถซูเปอร์คาร์สองคันดังกระหึ่มอยู่ในสนามแข่งรถตรงจุดออกตัว สองหนุ่มเพื่อนซี้ ทิวเขา และ วายุ กำลังจ้องเขม็งมองกันประหนึ่งว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปวิ่งมาระหว่างดวงตาทั้งสองคู่แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน แต่เมื่ออยู่ในสนามแข่งทั้งคู่ต่างก็มองอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้สองคนนี้มันไม่ยอมกันมาแต่ไหนแต่ไรเมื่อไฟสัญญาณให้ออกตัวรถสองคันก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ทั้งทักษะการขับและประสบการณ์การแข่งทั้งสองหนุ่มถือว่าฝีมือสูสีไม่มีใครดีหรือด้อยไปกว่ากันการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด สองหนุ่มเชือดเฉือนราวกับเป็นคู่ศัตรูมาแต่ชาติปางไหน ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นนำอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่รอบสุดท้ายรถของทิวเขาจะเร่งเครื่องขึ้นมาจนทิ้งห่างจากรถของวายุอยู่หลายช่วงคัน“วันนี้ไอ้ทิวเขาแม่งได้ว่ะ แซงหน้าไอ้วายุไปหลายช่วงคันแล้ว เฮ่อ! สงสัยกูจะได้เสียเงินอีกแหง ๆ”ออสติน หนุ่มลูกครึ่งไทยนอร์เวย์เอ่ยขึ้นขณะยืนลุ้นอยู่บนห้องรับรองลูกค้าวีไอพีของสนามแข่งรถ นัยน์ตาสีน้ำตาลเพ่งไปด้านหน้าที่เป็นกระจกใสซึ่งสามารถมองเห็นวิวสนามได้แบบสามร้อยหกสิบองศาภายในห้องกว้างมีจอมอนิเ







