“นายหญิงเราจะไปนอนที่ไหนดีขอรับ”
“เฮอะ ติดตามนางคงไม่พ้นนอนข้างถนนหรอก” ยิ่งคิดอาเป่ายิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง เขาเคยเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ เกรงขาม สง่างามอยู่ดีๆ บัดนี้กับกลายมาเป็นแมวขี้เรื้อนตัวหนึ่ง!
“อาเป่า เจ้าดูถูกเจ้านายของเจ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ ข้าหรือจะทำให้พวกเจ้าลำบาก” เยว่เล่อเชิดหน้ากอดอกภาคภูมิใจ
“หรือว่านายหญิงมีสมบัติวิเศษหรือสมบัติเทพที่เป็นมิติพิเศษไว้พักผ่อนใช่หรือไม่ขอรับ สมแล้วๆที่นายหญิงเป็นถึงผู้สืบทอดของตำหนักเทียนฝู” อาปิงในร่างหมาขนปุยสีขาววิ่งวนรอบตัวเยว่เล่ออย่างมีความสุข ดวงตาของมันเป็นประกายเปี่ยมด้วยความหวัง
ไม่ใช่เพียงแค่อาปิงเท่านั้น อาเป่าเงยหน้ามองนางอย่างคาดหวังว่าเกียรติของมันจะไม่ถูกทำลายไปมากกว่านี้ พยัคฆ์นิลกาฬเช่นมันคงไม่ตกอับถึงขั้นต้องนอนข้างถนน
“จะไปใช่ได้อย่างไร เราจะไปนอนกันใต้สะพานตั้งหากเล่า” พอบอกพวกมันทั้งสองตัวแล้วเยว่เล่อจึงเดินต่อ แต่เมื่อมิเห็นพวกมันทั้งสองตัวจึงหันหลังกลับไปแล้วพบว่าพวกมันยังยืนกันอยุ่ที่เดิม นิ่งค้างไม่ขยับตัวสักนิด
“ยืนเฉยกันทำไม ตามข้ามาเร็ว เดี๋ยวได้นอนข้างถนนขึ้นมาจริงๆหรอก”
อาปิงและอาเป่ามองตากันพวกมันถอนหายใจกับความโชคร้ายของตัวเองก่อนจะเดินตามนางไป
ใต้สะพานไม้มีขอทานหลายคนนอนอยู่ก่อนแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นคนมาใหญ่ก็ลุกขึ้นมองเด็กใหม่ด้วยดวงตาเขม็งทันที“ออกไป นี่มันอาณาเขตของพวกข้า แถวนี้ข้าคุม”
“พี่ชายๆ ท่านใจเย็นๆก่อน ขอข้านอนสักคืนได้หรือไม่”
“จ่ายค่าที่มา10อีแปะ”
“ข้าไม่มีสักอีแปะ ไว้ข้ามีจะมาจ่าย”
ขอทานอีก4คนมองเยว่เล่อต่อรองกับหัวหน้าของพวกเขา ภรรยาของหัวหน้าขอทานมองสภาพนาง กวาดตามองขึ้นลงถึงสามรอบแล้วส่ายหัว
“พี่อี้นางไม่มีเงินหรอกดูสภาพนางสิ แม้แต่ขอทานในเมืองยังสภาพดูดีกว่านางอีก ให้นางนอนกับพวกเราเถอะ ถือว่าทำบุญ”
หัวหน้าขอทานพิจารณาสภาพของผู้มาใหม่อีกรอบเมื่อเห็นว่าจริงตามภรรยาว่าจึงยอมตกลง
“ได้แค่วันเดียวเท่านั้น ถ้าพรุ่งนี้เจ้ามาอีกต้องจ่ายค่าที่”
“ขอบคุณมาก” เยว่เล่อยิ้มอย่างดีใจ เดินไปนั่งที่มุมว่างอย่างมีความสุข แต่อาปิงกับอาเป่าพวกมันไม่มีความสุขเลยสักนิด!!!
“นี่ พวกเจ้ารู้วิธีหาอีแปะไหม ข้าต้องการใช้มันเพื่อเดินทาง”
“เจ้ามิใช่ขอทานหรอกหรือ ทำไมถึงถามอย่างนั้น”
“ใช่ ข้าเป็นข้าทาน” เยว่เล่อตอบภรรยาหัวหน้าขอทาน ใบหน้าของเยว่เล่อเริ่มบึ้งตึง นางไม่อยากยอมรับเลยจริงๆ ตอนอยู่ที่ตำหนักนางร่ำรวยมากใช้สอยอย่างมือเติบเงินนางก็ไม่เคยหมด พอมาอยู่ที่นี้นางไม่มีเงินจนกลายเป็นขอทาน!!!
“ข้าพึ่งเคยเป็นขอทานครั้งแรกในชีวิต ไม่รู้ว่าขอทานต้องหาเงินอย่างไร”
“ฮ่าๆฮ่า พูดอะไรน่าเอ็นดูเสียจริง งั้นหรือ เจ้าคงพบเจอเรื่องโชคร้ายมากมายจนต้องกลายเป็นขอทานสินะ ไม่ต้องห่วงพรุ่งนี้ข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปหาอีแปะเอง แล้วเจ้าชื่ออะไร” ภรรยาหัวหน้าขอทานส่งยิ้มหวานมาอย่างใจดี นางเคยมีลูกสาวหนึ่งคนแต่ป่วยตายด้วยโรคร้าย พอเห็นหญิงแปลกหน้าคนนี้จึงรู้สึกเอ็นดูอยู่บ้าง
“ขอบคุณ...ข้าชื่อ...เล่อเล่อ เรียกข้าว่าเล่อเล่อ”
พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นเยว่เล่อกลับถูกปลุกโดยภรรยาหัวหน้าขอทาน นางโดนลากไปนั่งริมถนนตรงย่านการค้าแห่งหนึ่ง ร้านต่างๆเริ่มออกมาตั้งขายกันแต่เช้าผู้คนเริ่มออกกันมาจับจ่ายใช้สอย
เยว่เล่อโดนลากมาทั้งที่ยังไม่ตื่นดีจึงนั่งสปงกหลับอยู่สักพัก หมาแมวที่ตามมานิสัยไม่ต่างจากเจ้าของสักนิด นอนหลับกันถ้วนหน้า
“ตื่นๆ เจ้าตื่นเถอะเริ่มสายแล้วนะเล่อเล่อ” ภรรยาหัวหน้าขอทานเขย่าปลุกเยว่เล่อให้ตื่นขึ้น
“หือ ปะ ปลุกข้าทำไมกัน วันนี้ข้าไม่ไปเรียนนะท่านแม่ ข้าไม่ไป” เยว่เล่อละเมออกมา
“เล่อเล่อ!” ภรรยาหัวหน้าขอทานเรียกนางอีกครั้ง
“ห๊ะ” ร่างบางสะดุ้งตื่น
“เจ้าดูสิคนเริ่มมากันเยอะแล้ว มาๆนั่งตรงนั้นได้เงินเยอะข้าเคยไป เจ้าไปกับข้า” ภรรยาหัวหน้าขอทานพานางไปนั่งข้างร้านขายน้ำตาลปั้น ร้านนี้เจ้าของใจดียอมให้พวกขอทานมานั่งหาเงิน แถมลูกค้าร้านนี้ส่วนมากเป็นเด็กที่มีเงินมาซื้อขนม พวกเขาใจดีมีเมตตา
“ป้าเผยเรามานั่งข้างถนนกันทำไมหรือ” มือเล็กขยี้ตาเริ่มพอมีสติขึ้นมาบ้าง เยว่เล่อมองไปรอบๆเห็นคนมากมายเดินผ่านจึงถามอย่างสงสัยว่าพวกนางสองคนมานั่งทำอะไรกันตรงนี้ นั่งเฉยๆจะได้อีแปะมาได้อย่างไร?
“มาขอเงินไงเล่า เจ้าทำตามข้า ถือถ้วยใบนี้ชูขึ้นมาแล้วพูดว่าขอเงินหน่อยๆ พูดออกมาดังๆไม่ต้องอาย”
“หะ หา” ลูกสาวของเจ้าสำนักอันดับหนึ่งอย่างหวางเยว่เลอที่แสนร่ำรวยคนนี้น่ะหรือต้องมานั่งขอเงินคนอื่น
“เอ่อ ป้าเผยทำไมเราต้องมานั่งขอเงินคนอื่นด้วยหรอ”
“เพราะเราเป็นขอทานไง”
ดวงตาของเยว่เล่อเบิกโต ขอทานไม่ได้แปลว่าไม่มีเงินหรือ นางได้ยินคนจากโลกเบื้องล่างเล่าให้นางฟังว่าขอทานแปลว่าพวกยากจนไม่มีเงิน ไหนเลยจะรู้ว่าขอทานคือต้องมานั่งขอเงินคนอื่น ไม่ได้ๆด้วยเกียรติแห่งสำนักมังกรฟ้าอันดับหนึ่งในใต้หล้าให้ตายนางก็ทำไม่ได้
“ไม่ได้ ข้าทำไม่ได้”
“เจ้าไม่ทำแล้วเจ้าจะมีอีแปะใช้ได้อย่างไร เจ้าเล่าให้ข้าฟังเมื่อคืนมิใช่หรือว่าเจ้ามีความฝันว่าอยากไปที่ทวีปหลงจื่อซาง จะไป ที่นั้นต้องใช้มิต่ำกว่า10,000ตำลึงทองเชียวนะ ไม่ทำแล้วจะไปเช่นไร” มือกร้านของภรรยาหัวหน้าขอทานลูบหลังปลอบใจเยว่เล่อ นางเข้าใจดีถึงความอัปยศตอนแรกๆที่ต้องกลายมาเป็นขอทานแล้วมานั่งขอเงินคนอื่น ความขมขื่นในตอนนั้นยากจะลืม
เยว่เล่อก้มหน้ามองถ้วยในมือแล้วนิ่งคิดเงียบๆ อาเป่าแอบเหลือบตามามองนาง มันยิ้มแล้วหลับตาลงอีกครั้ง เฮอะ คุณหนูที่ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างมีเกียรติเหลือล้นบนตำหนักเทียนฝูอันสูงส่งอย่างนางน่ะหรือจะยอมลดตัวเพื่อมาขอทานคนอื่น ดูเหมือนว่าหนทางสู่ป่าอสูรของมันจะอยู่อีกไม่ไกลแล้ว ยัยหนูนี่คงใกล้ร้องไห้กลับบ้านแล้วกระมัง
หลังจากเดินซื้อของจนหมดเรี่ยวแรงร่างกายของเยว่เล่อก็ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มๆทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนรออยู่ในห้องเงยหัวขึ้นมามอง “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” เสียงเรียบๆของเป่าตงดังขึ้นมา ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มตัว “ขอนอนพักสักพักค่อยไปอาบ” เยว่เล่อนอนหงายกางแขนกางขาจนเต็มเตียง สายตามองเพดานเตียงอย่างเลื่อนลอย ส่วนหนึ่งในใจตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจากทวีปหยางจื่อตี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ฟึบ เยว่เล่อตะแคงข้างหันไปมองเป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนอยู่บนเบาะของตัวเอง ตอนแรกนางตกลงกับพวกมันว่าหากข้ามทวีปได้สำเร็จจะปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ…แต่ในใจเยว่เล่อดันเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา นางไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลย แม้เป่าตงจะขี้บ่น ขี้เหวี่ยง ขี้วีนแค่ไหน แต่มันก็คอยช่วยนางอยู่ข้างๆเสมอ เสวี่ยปิงเองถึงแม้จะเป็นหมาขี้ประจบ แต่มันก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของนาง การมีทั้งสองตัวอยู่ด้วยทำให้การเดินทางของนางไม่เหงาเลยสักวัน ทุกวันมีแต่เรื่องสนุกเต็มไปหมด ถ้าจะต้องจากกันในวันพรุ่งนี้… แค่คิดถึงเรื่องน่าเศร้าดวงตาของเยว่เล่อก็เริ่มแดงก่ำ
พอเช้าวันต่อมา เยว่เล่อ ฮุ่ยหมินและเหล่าสหายโจรก็นั่งเรือซ่อมซ่อลำเดิมพร้อมปลาหมึกกลับมายังท่าเรือ สภาพของเหล่าสหายโจรดูย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอเหล่าสหายพี่น้องกองโจรมาหลายอาทิตย์จึงกินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ ส่วนเยว่เล่อมิได้ร่วมดื่มแต่สภาพกลับไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อนางเมากลิ่นซากปลาหมึก! เยว่เล่อไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะเอาพวกมันไปด้วยทำไม แต่พอนางบอกให้เอาโยนทิ้งไปฮุ่ยหมินก็รีบมาห้ามไว้เพราะบอกว่ากลับไปมือเปล่ามันน่าสงสัย “แหวะ อ้วก” เพียงแค่ขึ้นมาถึงฝั่งเยว่เล่อและเหล่าสหายโจรก็ประจำพุ่มไม้แยกกันอ้วกจนหมดพุง หลังลากสังขารกลับโรงเตี๊ยมได้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งมารายงานคนที่สภาพดีที่สุดเช่นฮุ่ยหมินว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ เมื่อเขาคลี่จดหมายออกจึงพบว่าเป็นนัดหมายตกลงราคาสินค้า เขามิค่อยพอใจนักที่นางจะขายสิ่งล้ำค่าหายากเช่นไข่ของหงส์เพลิง แต่ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเขาได้เงินนางได้หินนั่นจึงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนที่คว้าชัยชนะมาได้ก็คือนาง “น้องสาวเจ้าไหวมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหมินพยุงหิ้วปีกร่างของเยว่เล่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ “เอ้า จดหมายของเจ
ใช้แรงไปไม่น้อยเมื่อต้องปีนบันไดเชือกมาถึงสามสิบชั้น แต่เพียงแค่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือใจของเยว่เล่อก็เต้นระส่ำไปหมด มีเรื่องน่าสนใจให้จ้องมองเต็มไปหมด ทั้งหอคอยปราการที่ตั้งสูงบนนั้นแล้วยังติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบ่อปลาเสริมมงคล ไหนจะห้องดูหรูหราตกแต่งด้วยทองบนอีกชั้นของดาดฟ้านั่นอีก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยว่เล่อที่สุดคงจะเป็นบัลลังก์สีดำสลักลวดลายอสูรตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ นางรีบวิ่งไปดูบัลลังก์สุดอลังการนั่นด้วยความตื่นเต้นในทันที นี่แหละความอลังการที่นางหวังถึง! เยว่เล่อลูบลายสลักด้วยความประณีตอย่างแผ่วเบา พอมาใกล้ๆแล้วบัลลังก์ดูใหญ่กว่าเดิมอีก “ข้าลองนั่งดูได้หรือไม่” เยว่เล่อหันไปถามฮุ่ยหมินกับสหายโจรที่กำลังเดินมาหา “ได้สิ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเมียข้าย่อมมีสิทธินั่งบนบัลลังก์อยู่แล้ว” เยว่เล่อชะงักตูดของตัวเองที่กำลังจะนั่งลงเมื่อยินคำว่า ‘ได้สิ’ แต่เมื่อได้ยินเงื่อนไขข้างหลังจึงรีบยกตูดตัวเองขึ้นมายืน มองบัลลังก์ด้วยสายตาดุจรังเกียจมาก “ชิ แค่รองเท้าข้ายังไม่อยากเอาไปวางเลย” เยว่เล่อสะบัดหน้าหนี กำลังมองหาสิ่งสนุกใหม่ก็ได้ยินเสียงชาย
เยว่เล่อออกมากับพวกอันหรานและหยู่เซินโดยที่ไม่มีเป่าตงและเสวี่ยปิงตามมาด้วย ท่าเรือในยามค่ำคืนยังคงคึกคักมิต่างจากตอนกลางวัน ตลอดถนนเส้นทางมีโคมไฟจุดจนสว่าง เยว่เล่อสังเกตเห็นว่ามีเรือเข้าออกตลอดเวลา ทั้งยังมีคนของทางการเดินตรวจตราเข้มงวด นางเดินตามอันหรานกับหยู่เซินจนมาพบกับฮุ่ยหมินและฮันสุ่ยยืนพิงกำแพงรออยู่ “ไหนล่ะเรื่องสนุกที่เจ้าว่า” เยว่เล่อถามฮุ่ยหมิน นางไม่เห็นทีท่าว่าท่าเรือที่มีคนเยอะแยะเช่นนี้จะสามารถมีรังโจรซุกซ่อนเอาไว้ได้ “ตามมาสิ” ฮุ่ยหมินตอบ เขาใช้พลังปราณใช่แหวนมิตินำถุงผ้าและเบ็ดตกปลาหลายคันมาถือและแบ่งให้กับลูกน้องของตัวเองเยวเล่อเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเดินตรงไปที่ท่าเรือแต่นางก็ยังไม่ถามอะไรออกมา พวกเขาเดินตรงไปที่ซุ่มโต๊ะที่มีการตรวจตาคนเข้าออกท่าเรือ “พวกเจ้าจะออกเรือไปทำอะไร” นายตรวจถามเสียงเข้มเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาเจ้าสำอางกับผู้ชายอีกสามคนและมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลัง ดูน่าสงสัยไม่น้อย “ข้ากับคนในครอบครัวจะออกออกไปตกหมึกน่ะ ท่านเป็นนายตรวจแห่งท่าเรือนี้คงรู้สิน่ะว่าหมึกต้องตกตอนกลางคืนน่ะ” “พวกเจ้าไปได้แ
ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเสวี่ยปิงจึงรีบลากคอเป่าตงจนตัวลอยมาวางไว้ข้างหลังผ้าคลุมโต๊ะแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟันว่า ‘คอยดูสถานการณ์ไปก่อน’ เป่าตงที่กำลังมึนงงยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่ออยู่ๆหมาโง่อย่างเสวี่ยปิงกับไม่ทำเรื่องงี่เง่าแต่กลายเป็นมันเสียเอง “พระเจ้า ข้าขอดูใกล้ๆสักหน่อย” เมื่อพ่อค้าทำท่าจะถลาตัวเข้ามาหยิบไข่ไป เยว่เล่อที่ไหวตัวทันจึงรีบไปหลบหลังฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ความคิดแรกของพ่อค้าคือจะใช้กำลังแย่งชิงมาต้องตกไปเพราะเขาพึ่งจับได้กับสัมผัสไอปราณที่พึ่งออกมาจากรอบๆตัวของชายหน้าตาเจ้าสำอาง ถึงพ่อค้าจะมีระดับปราณต่ำกว่าจนมิสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาอยู่ระดับไหนแต่จากประสบการณ์ชายคนนี้ย่อมมีระดับไม่ต่ำกว่าระดับหกแน่ ขนของเขาลุกซู่รีบถอยหลังกลับไป “ข้าแค่จะขอตรวจดูเท่านั้นว่าใช่ของจริงหรือป่าว” “พี่ชาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย ชายสี่คนที่มากับข้าถึงจะดูไม่เอาไหนไปบ้าง ดูติ๊งต๊องไปสักหน่อย แต่พวกเขาเป็นถึงสมาชิกองโจรที่โหมเหี้ยมเช่นกองโจรเงาพรายอสูรเชียวนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาร้านเล็กๆของท่านมิรู้ว่าจะมีสิ่งใดเหลือบ้าง…แต่หากคิด ว่าเบื้องหลังท่านยิ่ง
ณ เมืองท่าของแคว้นซูบรรยากาศอบอ้าวไปด้วยลมร้อนของทะเล กลิ่นเค็มจากสายลมทำให้สมองตื่นตัวแบบน่าประหลาด ทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่ หาดทรายและต้นมะพร้าวสูงใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่เยว่เล่อไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต นางวิ่งเหยียบย่ำทรายนุ่มขาวกับเสวี่ยปิงโดยมีเป่าตงเดิมสง่างามตามมา มันมองเหยียดยัยเด็กฟันน้ำนมและหมาโง่ที่ทำตัวเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ซ่า เมื่อคลื่นทะเลซัดพื้นทรายจนมาโดนเท้าของเป่าตง มันตกใจมากจนวิ่งหนีออกจากฝั่งไปไกล สะบัดเท้าเอาน้ำทะเลออกจากฝ่ามือแล้วดม พอได้กินเค็มๆจึงลองชิมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันเบิกตาโตทันทีเมื่อพบว่าน้ำมันเค็ม อย่าบอกนะว่าผืนน้ำที่กว้างใหญ่ทั้งหมดนี้คือน้ำเค็มทั้งหมด! ฮุ่ยหมิน ฮันสุ่ย อันหรานและหยู่เซินทำหน้าตายมองภาพคนบ้านนอกตื่นทะเล พวกเขาอยากจะทำเป็นไม่รู้จักกับเยว่เล่อด้วยซ้ำเมื่อเห็นนางสะดุดขาตัวเองแล้วจมทะเลลึกแค่เข่า! เสวี่ยปิงใช้หัวดันหลังเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจมน้ำตื้นตาย เป็นการตายที่น่าสมเพสมากมิใช่หรือ มันไม่อยากมีประวัติว่าเคยมีเจ้านายโง่ขนาดนี้มาก่อน มันยังไม่อยากถูกลูกหลานตัวเองล้อจนตาย! แค่กๆ เยว่เล่อลุกข