แชร์

บทที่7 ข้าน่ะหรือคือขอทาน

ผู้เขียน: Iris_
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-09 23:37:14

     หลายวันมาแล้วที่เยว่เล่อเดินผ่านหมู่บ้านเล็กๆหลายหมู่บ้านเพื่อไปถึงเมืองใหญ่ นางไม่ได้อาบน้ำมาสามวันตัวจึงคลุกมอมไปด้วยฝุ่น เสื้อผ้าของสาวใช้ที่ใช้ปลอมตัวหนีมาชายกระโปรงก็ขาดรุ่งริ่ง สภาพเช่นนี้บอกใครว่าเป็นคุณหนูแห่งสำนักอันดับหนึ่งก็ไม่มีใครเชื่อ!!!

    “ทำไมพวกเจ้าไม่กลับร่างเป็นหมากับแมวตัวใหญ่ๆเหมือนเดิมแล้วให้ข้าขี่คอไปเล่า!!!” เยว่เล่อย้ำเท้าอย่างหงุดหงิด แม้การฝึกปราณจะไม่ต้องกินอาหารบ่อยๆแต่นางขั้นปราณยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทั้งยังไม่ได้กินอะไรมาเกือบ 1 อาทิตย์ หิวจนจะกินหมากับแมวที่เดินตามเธอต้อยๆแล้ว

     “เจ้าโง่รึเปล่า หากข้าใช้ร่างอสูรระดับ 8 เข้าไปในเมืองของพวกมนุษย์ข้าก็โดนพวกมันไล่ฆ่าน่ะสิ อีกแปปเดียวจะถึงแล้ว ถ้าเจ้าทนไม่ไหวทำไมมิรีบกลับบ้านเจ้าบนตำหนักลอยฟ้าเสียเลยล่ะ” อาเป่าใช้น้ำเสียงและสายตาดูแคลนเยว่เล่ออย่างถึงที่สุด มันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าคนจากตำหนักเทียนฝูจะมีสภาพเช่นนี้ได้ ไร้ซึ่งความสง่างาม! แถมนางยังถือครองป้ายหยกบัญชาเมฆาจนพวกเขาต้องกลายเป็นทาสนางอีก อนาจใจเหลือเกิน

      อาปิงแม้ไม่ได้จะใช้สายตาดูถูกมองเยว่เล่อแต่กลับพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วยกับอาเป่า พวกมันยังไม่อยากโดนมนุษย์ล่าเอาเขี้ยวอันงดงามของมันไปทำดาบ ถึงมันจะแข็งแกร่งมากแต่ตอนนี้มันอยู่ในอาณาเขตของมนุษย์หากโดนรุมมันก็อาจตายได้

     “ฝันไปเถอะว่าข้าจะกลับ แล้วไหนอีกแปปเดียว เจ้าพูดอย่างงี้มากี่รอบแล้วห้ะ”

     “นายหญิงท่านอย่าใจร้อนไปเลย ยังไงวันนี้เราถึงเมืองของมนุษย์แน่นอนขอรับ” อาปิงพูดเอาใจ มันใช้ขนตัวเองถูไถไปตามขาของเยว่เล่อเพื่อประจบประแจง

     “เฮ้อ ข้าเบื่อจริงๆ” แมวตัวอ้วนถอนหายใจส่ายหน้าเหนื่อยใจมันกระโดดขึ้นไปบนบ่าของเยว่เล่อ ใช้สายตาอันแหลมคมมองไปข้างหน้าแล้วชี้ให้นางดู

     “ตรงนั้นไง มีคนและคาราวานพ่อค้าต่อแถวกันเข้าเมืองอยู่” ไม่รอให้เวลาผ่านไปอีก นางรีบเดินลมปราณไปที่เท้าแล้วพุ่งทะยานไปทิศที่แมวอ้วนบอกทันที

     แอ๊ก ร่างอ้วนของอาเป่ากระแทกลงกับพื้นเมื่ออยู่ๆเยว่เล่อใช้ลมปราณกระทันหัน มันรีบลุกขึ้นวิ่งตามนางไปพร้อมด่านางไปด้วย

     “ถ้านางไม่ได้เป็นลูกหลานของท่านผู้นั้นข้าขย้ำนางไปแล้ว!!! อย่าให้เผลอแล้วกันข้าจะเอาคืนนางให้รู้บ้างว่าไม่ควรมาทำเช่นนี้กับข้า!”

     “รีบตามนางไปเถอะน่าเป่าตง ถ้านางเป็นอะไรไปทั้งเจ้าและข้าคงไม่พ้นเงื้อมมือท่านผู้นั้นแน่” อาปิงเตือนสติก่อนวิ่งตามเยว่เล่อไป

     “เหอะ”

     แถวตรวจคนเข้าเมืองยาวเหยียดเต็มไปด้วยขบวนพ่อค้าและผู้คนที่ต้องการเข้าเมือง เมืองจงหยวนเป็นเมืองหน้าด่านชายแดนของแคว้นเฉิน แคว้นที่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจมากที่สุดในทวีปหยางจื่อตี้ ไม่แปลกใจหากจะมีผู้คนมากมายอยากเข้ามาทำการค้าหรือหางานทำในแคว้นนี้

     “นายตรวจ ข้าและครอบครัวจากหมู่บ้านนอกเมือง เพียงส่งสมุนไพรที่เก็บจากป่าอสูรมาขายในเมือง พอขายเสร็จก็จะกลับขอรับ” ชายวัยกลางคนนั่งบังคับเกวียน และในเกวียนยังมีเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักอย่างล่ะหนึ่งคน

     “เปิดผ้าคลุมออก” คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าสั่งลูกน้องให้เลิกผ้าคลุมเกวียนเพื่อตรวจสินค้า พวกเขายกของออกมาตรวจภายในอย่างละเอียด

      “ไม่มีอะไรน่าสงสัยขอรับ”

     “ดี พวกเจ้าผ่านไปได้ ค่าผ่านทาง 3 คน 300 อีแปะ ค่าภาษีอีก 5 ตำลึง”

     “นี่ขอรับ” ชายวัยกลางยื่นเงินให้หัวหน้านายตรวจและรับป้ายไม้ผ่านทางมา เขาและลูกชายวัย7ขวบช่วยกันยกของที่ถูกยกออกกลับขึ้นเกวียน ก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อเด็กสาวที่ยืนต่อแถวข้างหลังเขากำลังเดินผ่านไปโดยไม่ผ่านด่านตรวจ

     “เดี๋ยว เจ้าเข้าไปในเมืองไม่ได้ต้องจ่ายมาก่อน 100 อีแปะ สัตว์เลี้ยงสองตัวอีก 100 อีแปะ” นายตรวจเอาแขนของเขาขวางกั้นไม่ให้เด็กสาวเดินต่อไปเพื่อเข้าเมือง

     “อีแปะ? อีแปะอะไร มันคืออะไรชื่อหมาหรอ”

     “อย่ามาทำเป็นไม่รู้ ถ้าเจ้าไม่จ่ายก็เข้าเมืองไม่ได้ ออกไปซะนังขอทาน”

     “ห้ะ ข้าน่ะหรือคือขอทาน ขอทานที่แปลว่าไม่มีเงินน่ะหรือ ข้าจะไม่มีเงินได้ยังไง”

     “แล้วเจ้ามีอีแปะมาจ่ายข้ารึ?”

     “ไม่มี!!!”

     “อาห้ะ งั้นเจ้าก็คือขอทาน”

     “นี่เจ้า! บังอาจนัก!!!” เยว่เล่อทำท่าจะเข้าไปหาเรื่องหัวหน้านายตรวจ หลายวันมานี้มีแต่เรื่องให้นางหงุดหงิดเต็มไปหมดจนอารมณ์ร้อนขึ้นมามาก

     “อี๋ อย่าเข้ามาใกล้ข้านะเจ้าตัวสกปรก” หัวหน้านายตรวจมองเหยียดเยว่เล่ออย่างดูถูกเขารังเกียจเสื้อผ้าและเนื้อตัวนางยิ่ง ใบหน้าของนางเปื้อนมอมไปด้วยดินผมเผ้ายุ่งเหยิง

     ทั้งอาปิงและอาเป่าต่างหลบหน้าหนีความอับอาย ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกมนุษย์จะเข้าใจว่าพวกมันคือสัตว์ธรรมดาก็ตาม แต่พวกมันอับอายเหลือเกิน หมดสิ้นแล้วศักดิ์ศรีของพวกมัน

     “ท่านพ่อ นางน่าสงสารจังไม่รู้แม้กระทั้งอีแปะคืออะไร” เด็กหญิงตัวน้อยโผล่หัวมาคุยกับพ่อที่กำลังขนของขึ้นเกวียน ชายวัยกลางคนได้ยินลูกสาวพูดจึงหยุดชะงัก เขาแอบฟังหัวหน้านายตรวจกับหญิงขอทานคนนั้นมาสักพักแล้ว ยิ่งรู้สึกสงสารเข้าไปใหญ่

     “ท่านหัวหน้า ข้าจ่ายเงินแทนได้หรือไม่ นางเป็นแค่ขอทานไม่มีพิษมีภัยให้นางเข้าไปเถอะ”

     “นี่เจ้าก็ด้วยข้าไม่ใช่ขอทาน!!! เฮ้อ ช่างมันเถอะ เจ้าน่ะให้ข้าเข้าไปสิเขาบอกจะจ่ายเงินให้ข้าแล้วมิใช่หรือ”

     “เฮอะ ขอบคุณผู้มีพระคุณของเจ้าให้ดีล่ะ ปล่อยพวกเขาเข้าไปได้” เมื่อชายวัยกลางส่งเงินจำนวน200อีแปะให้แล้วหัวหน้านายตวจจึงสั่งให้ลูกน้องเปิดที่กั้นออก

     หนึ่งวัว หนึ่งหมา หนึ่งแมวและอีก4คนเดินย้ำไปตามถนนใหญ่รอบข้างประกบไปด้วยบ้าน ร้านรวงเต็มท้องถนนตระการตาไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยวัย7ขวบสองคนมีโอกาสได้ติดตามพ่อเข้ามาในเมืองจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก เด็กหญิงมองไปรอบๆก่อนจะหยุดที่ท่านพ่อและหญิงขอทาน เหมือนจะเห็นคนตื่นเต้นมากกว่าตนเองและน้องชายเสียอีก

     “นะ นั่น นั่นคืออะไรหรือ อันนี้ล่ะมันเอาไว้ทำอะไร ไอ้นี่หอมจังกินได้รึป่าว” เยว่เล่อวิ่งพร่านชี้ไปทั่วแล้วจึงไปหยุดที่หน้าร้านหนึ่ง นางมองก้อนสีขาวฟูควันฟุ้งส่งกลิ่นหอมจนแทบน้ำลายไหลตรงหน้า

     “พี่สาวท่านไม่รู้จักแม้กระทั่งหมั่นโถวเลยหรือที่ผ่านมาท่านกินอะไรกัน” เด็กชายน้ำตาคลอสงสารหญิงขอทานจับใจ

     “ส่วนใหญ่แล้วข้ากินแค่น้ำจากแหล่งธรรมชาติ และพวกพืช” เยว่เล่อก้มหน้าตอบลูบคล้ำหน้าท้องที่ส่งเสียงร้องอย่างหิวโหย ใช่แล้ว นางชอบกินหยาดน้ำค้างแรกของวันที่เกาะตามใบของต้นท้อสวรรค์ที่สุด นอกจากนั้นยังมีสมุนไพรวิเศษอีกมากมายเพื่อบ่มเพาะพลังปราณ

     “โถ่พี่สาว ท่านพ่อข้าอยากซื้อหมั่นโถวให้นาง” ชายวัยกลางพยักหน้าเห็นด้วย ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสารจับใจ ครอบครัวของเขายากจน เขาเข้าใจดีว่าความยากลำบากเป็นอย่างไร

     “เถ้าแก่ข้าเอาหมั่นโถว3ลูกให้นาง เท่าไรหรือ”

     “30 อีแปะ เอานี่ข้าแถมให้อีกสองลูก” เถ้าแก่ได้ยินพวกเขาคุยกันสักพักแล้ว เมื่อมองหญิงขอทานเนื้อตัวมอมแมม นางถูกยืนประกบด้วยหมาแมวมอมๆที่ขนติดกันเป็นก้อน มองรวมๆแล้วสังเวชใจ

     “ขอบคุณเถ้าแก่ ท่านจิตใจดีจริงๆ” แม้ว่าทุกคนจะมองนางด้วยสายตาแปลกๆแต่เยว่เล่อไม่สนใจ นางรีบไปรับก้อนกลมข้าวฟูแล้วกัดเต็มคำ เป็นมื้อแรกในหลายวันของนาง

     พวกเขาเดินกันไปตามถนนสักพักจนเกือบถึงโรงเตี้ยมเด็กชายจึงถามหญิงขอทานอีกครั้งด้วยความสงสัย

     “พี่สาว ท่านจะทำอย่างไรต่อไปหรือ...อือ...ทะ ท่านพ่อให้นางพักโรงเตี๊ยมกับเราได้ไหมขอรับ” เด็กชายรู้ตัวว่าบ้านตัวเองจนมากแต่เขาสงสารหญิงขอทานคนนี้มากจึงขอพ่อเพื่อช่วยเหลือนาง

     “เราจ่ายค่าโรงเตี๊ยมสองห้องไม่ไหว เรายังต้องใช้เงินจำนวนมากจ่ายค่ายาให้แม่เจ้า” ชายวัยกลางคนส่ายหัวปฎิเสธอย่างจนปัญญา ไม่ใช่ไม่อยากช่วยแต่ไม่มีความสามารถจะช่วยได้

     “พี่สาวข้าขอโทษที่ไม่สามารถช่วยท่านได้แล้ว แม่ของข้าร่างกายอ่อนแอและตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์น้องของข้า ฮึก ขะ ข้าขอโทษ” เด็กชายตัวน้อยร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ เด็กสาวผู้เป็นพี่ก็ซับน้ำตาตาม

     “ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องร้องไห้พวกเจ้าทุกคนเป็นคนดี เป็นข้าที่ต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยเหลือข้า นี่อาจเป็นสิ่งตอบแทนเล็กน้อยจากข้า มันคือโอสถบำรุงหากเอาไปให้แม่เจ้ากินร่างกายจะดีขึ้น ขอบคุณพวกท่านมากข้าขอลา” นางนำขวดสีขาวนมแพะให้เด็กชาย ลูบหัวเขาและเดินจากมา

     ลืมกฎและระเบียบได้แต่อย่าลืมบุญคุณ นี่คือสิ่งที่ท่านแม่เน้นย้ำและสั่งสอนเยว่เล่อมาโดยตลอด แม้ว่าโอสถนั่นจะมิสามารถดึงคนตายจากปรโลกได้อย่างโอสถหยาดอรุณ9สรรพคุณ แต่มันเป็นโอสถระดับ5จากโสม500ปีและสมุนไพรวิเศษมากมายช่วยบำรุงร่างกายและเด็กในครรภ์ให้แข็งแรงได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กลวิธีหนีออกจากบ้านของคุณหนูเเห่งสำนักอันดับ1   บทที่33 สามี ภรรยา และเหล่านายอนุน้อยทั้งสาม?

    หลังจากเดินซื้อของจนหมดเรี่ยวแรงร่างกายของเยว่เล่อก็ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มๆทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนรออยู่ในห้องเงยหัวขึ้นมามอง “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” เสียงเรียบๆของเป่าตงดังขึ้นมา ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มตัว “ขอนอนพักสักพักค่อยไปอาบ” เยว่เล่อนอนหงายกางแขนกางขาจนเต็มเตียง สายตามองเพดานเตียงอย่างเลื่อนลอย ส่วนหนึ่งในใจตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจากทวีปหยางจื่อตี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ฟึบ เยว่เล่อตะแคงข้างหันไปมองเป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนอยู่บนเบาะของตัวเอง ตอนแรกนางตกลงกับพวกมันว่าหากข้ามทวีปได้สำเร็จจะปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ…แต่ในใจเยว่เล่อดันเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา นางไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลย แม้เป่าตงจะขี้บ่น ขี้เหวี่ยง ขี้วีนแค่ไหน แต่มันก็คอยช่วยนางอยู่ข้างๆเสมอ เสวี่ยปิงเองถึงแม้จะเป็นหมาขี้ประจบ แต่มันก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของนาง การมีทั้งสองตัวอยู่ด้วยทำให้การเดินทางของนางไม่เหงาเลยสักวัน ทุกวันมีแต่เรื่องสนุกเต็มไปหมด ถ้าจะต้องจากกันในวันพรุ่งนี้… แค่คิดถึงเรื่องน่าเศร้าดวงตาของเยว่เล่อก็เริ่มแดงก่ำ

  • กลวิธีหนีออกจากบ้านของคุณหนูเเห่งสำนักอันดับ1   บทที่32 การรีดไถคนของนางแม้แต่โจรยังต้องชื่นชม

    พอเช้าวันต่อมา เยว่เล่อ ฮุ่ยหมินและเหล่าสหายโจรก็นั่งเรือซ่อมซ่อลำเดิมพร้อมปลาหมึกกลับมายังท่าเรือ สภาพของเหล่าสหายโจรดูย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอเหล่าสหายพี่น้องกองโจรมาหลายอาทิตย์จึงกินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ ส่วนเยว่เล่อมิได้ร่วมดื่มแต่สภาพกลับไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อนางเมากลิ่นซากปลาหมึก! เยว่เล่อไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะเอาพวกมันไปด้วยทำไม แต่พอนางบอกให้เอาโยนทิ้งไปฮุ่ยหมินก็รีบมาห้ามไว้เพราะบอกว่ากลับไปมือเปล่ามันน่าสงสัย “แหวะ อ้วก” เพียงแค่ขึ้นมาถึงฝั่งเยว่เล่อและเหล่าสหายโจรก็ประจำพุ่มไม้แยกกันอ้วกจนหมดพุง หลังลากสังขารกลับโรงเตี๊ยมได้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งมารายงานคนที่สภาพดีที่สุดเช่นฮุ่ยหมินว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ เมื่อเขาคลี่จดหมายออกจึงพบว่าเป็นนัดหมายตกลงราคาสินค้า เขามิค่อยพอใจนักที่นางจะขายสิ่งล้ำค่าหายากเช่นไข่ของหงส์เพลิง แต่ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเขาได้เงินนางได้หินนั่นจึงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนที่คว้าชัยชนะมาได้ก็คือนาง “น้องสาวเจ้าไหวมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหมินพยุงหิ้วปีกร่างของเยว่เล่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ “เอ้า จดหมายของเจ

  • กลวิธีหนีออกจากบ้านของคุณหนูเเห่งสำนักอันดับ1   บทที่31 วิชาโจรเงาพรายอสูร 001 ว่าด้วยเรื่องการเป็นโจรที่ดีต้องเป็นคนดีเสียก่อน

    ใช้แรงไปไม่น้อยเมื่อต้องปีนบันไดเชือกมาถึงสามสิบชั้น แต่เพียงแค่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือใจของเยว่เล่อก็เต้นระส่ำไปหมด มีเรื่องน่าสนใจให้จ้องมองเต็มไปหมด ทั้งหอคอยปราการที่ตั้งสูงบนนั้นแล้วยังติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบ่อปลาเสริมมงคล ไหนจะห้องดูหรูหราตกแต่งด้วยทองบนอีกชั้นของดาดฟ้านั่นอีก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยว่เล่อที่สุดคงจะเป็นบัลลังก์สีดำสลักลวดลายอสูรตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ นางรีบวิ่งไปดูบัลลังก์สุดอลังการนั่นด้วยความตื่นเต้นในทันที นี่แหละความอลังการที่นางหวังถึง! เยว่เล่อลูบลายสลักด้วยความประณีตอย่างแผ่วเบา พอมาใกล้ๆแล้วบัลลังก์ดูใหญ่กว่าเดิมอีก “ข้าลองนั่งดูได้หรือไม่” เยว่เล่อหันไปถามฮุ่ยหมินกับสหายโจรที่กำลังเดินมาหา “ได้สิ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเมียข้าย่อมมีสิทธินั่งบนบัลลังก์อยู่แล้ว” เยว่เล่อชะงักตูดของตัวเองที่กำลังจะนั่งลงเมื่อยินคำว่า ‘ได้สิ’ แต่เมื่อได้ยินเงื่อนไขข้างหลังจึงรีบยกตูดตัวเองขึ้นมายืน มองบัลลังก์ด้วยสายตาดุจรังเกียจมาก “ชิ แค่รองเท้าข้ายังไม่อยากเอาไปวางเลย” เยว่เล่อสะบัดหน้าหนี กำลังมองหาสิ่งสนุกใหม่ก็ได้ยินเสียงชาย

  • กลวิธีหนีออกจากบ้านของคุณหนูเเห่งสำนักอันดับ1   บทที่30 โจรกระจอก

    เยว่เล่อออกมากับพวกอันหรานและหยู่เซินโดยที่ไม่มีเป่าตงและเสวี่ยปิงตามมาด้วย ท่าเรือในยามค่ำคืนยังคงคึกคักมิต่างจากตอนกลางวัน ตลอดถนนเส้นทางมีโคมไฟจุดจนสว่าง เยว่เล่อสังเกตเห็นว่ามีเรือเข้าออกตลอดเวลา ทั้งยังมีคนของทางการเดินตรวจตราเข้มงวด นางเดินตามอันหรานกับหยู่เซินจนมาพบกับฮุ่ยหมินและฮันสุ่ยยืนพิงกำแพงรออยู่ “ไหนล่ะเรื่องสนุกที่เจ้าว่า” เยว่เล่อถามฮุ่ยหมิน นางไม่เห็นทีท่าว่าท่าเรือที่มีคนเยอะแยะเช่นนี้จะสามารถมีรังโจรซุกซ่อนเอาไว้ได้ “ตามมาสิ” ฮุ่ยหมินตอบ เขาใช้พลังปราณใช่แหวนมิตินำถุงผ้าและเบ็ดตกปลาหลายคันมาถือและแบ่งให้กับลูกน้องของตัวเองเยวเล่อเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเดินตรงไปที่ท่าเรือแต่นางก็ยังไม่ถามอะไรออกมา พวกเขาเดินตรงไปที่ซุ่มโต๊ะที่มีการตรวจตาคนเข้าออกท่าเรือ “พวกเจ้าจะออกเรือไปทำอะไร” นายตรวจถามเสียงเข้มเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาเจ้าสำอางกับผู้ชายอีกสามคนและมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลัง ดูน่าสงสัยไม่น้อย “ข้ากับคนในครอบครัวจะออกออกไปตกหมึกน่ะ ท่านเป็นนายตรวจแห่งท่าเรือนี้คงรู้สิน่ะว่าหมึกต้องตกตอนกลางคืนน่ะ” “พวกเจ้าไปได้แ

  • กลวิธีหนีออกจากบ้านของคุณหนูเเห่งสำนักอันดับ1   บทที่29 ไข่สดใหม่จากผู้ผลิต

    ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเสวี่ยปิงจึงรีบลากคอเป่าตงจนตัวลอยมาวางไว้ข้างหลังผ้าคลุมโต๊ะแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟันว่า ‘คอยดูสถานการณ์ไปก่อน’ เป่าตงที่กำลังมึนงงยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่ออยู่ๆหมาโง่อย่างเสวี่ยปิงกับไม่ทำเรื่องงี่เง่าแต่กลายเป็นมันเสียเอง “พระเจ้า ข้าขอดูใกล้ๆสักหน่อย” เมื่อพ่อค้าทำท่าจะถลาตัวเข้ามาหยิบไข่ไป เยว่เล่อที่ไหวตัวทันจึงรีบไปหลบหลังฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ความคิดแรกของพ่อค้าคือจะใช้กำลังแย่งชิงมาต้องตกไปเพราะเขาพึ่งจับได้กับสัมผัสไอปราณที่พึ่งออกมาจากรอบๆตัวของชายหน้าตาเจ้าสำอาง ถึงพ่อค้าจะมีระดับปราณต่ำกว่าจนมิสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาอยู่ระดับไหนแต่จากประสบการณ์ชายคนนี้ย่อมมีระดับไม่ต่ำกว่าระดับหกแน่ ขนของเขาลุกซู่รีบถอยหลังกลับไป “ข้าแค่จะขอตรวจดูเท่านั้นว่าใช่ของจริงหรือป่าว” “พี่ชาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย ชายสี่คนที่มากับข้าถึงจะดูไม่เอาไหนไปบ้าง ดูติ๊งต๊องไปสักหน่อย แต่พวกเขาเป็นถึงสมาชิกองโจรที่โหมเหี้ยมเช่นกองโจรเงาพรายอสูรเชียวนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาร้านเล็กๆของท่านมิรู้ว่าจะมีสิ่งใดเหลือบ้าง…แต่หากคิด ว่าเบื้องหลังท่านยิ่ง

  • กลวิธีหนีออกจากบ้านของคุณหนูเเห่งสำนักอันดับ1   บทที่28 กาชาไข่อสูร

    ณ เมืองท่าของแคว้นซูบรรยากาศอบอ้าวไปด้วยลมร้อนของทะเล กลิ่นเค็มจากสายลมทำให้สมองตื่นตัวแบบน่าประหลาด ทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่ หาดทรายและต้นมะพร้าวสูงใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่เยว่เล่อไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต นางวิ่งเหยียบย่ำทรายนุ่มขาวกับเสวี่ยปิงโดยมีเป่าตงเดิมสง่างามตามมา มันมองเหยียดยัยเด็กฟันน้ำนมและหมาโง่ที่ทำตัวเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ซ่า เมื่อคลื่นทะเลซัดพื้นทรายจนมาโดนเท้าของเป่าตง มันตกใจมากจนวิ่งหนีออกจากฝั่งไปไกล สะบัดเท้าเอาน้ำทะเลออกจากฝ่ามือแล้วดม พอได้กินเค็มๆจึงลองชิมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันเบิกตาโตทันทีเมื่อพบว่าน้ำมันเค็ม อย่าบอกนะว่าผืนน้ำที่กว้างใหญ่ทั้งหมดนี้คือน้ำเค็มทั้งหมด! ฮุ่ยหมิน ฮันสุ่ย อันหรานและหยู่เซินทำหน้าตายมองภาพคนบ้านนอกตื่นทะเล พวกเขาอยากจะทำเป็นไม่รู้จักกับเยว่เล่อด้วยซ้ำเมื่อเห็นนางสะดุดขาตัวเองแล้วจมทะเลลึกแค่เข่า! เสวี่ยปิงใช้หัวดันหลังเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจมน้ำตื้นตาย เป็นการตายที่น่าสมเพสมากมิใช่หรือ มันไม่อยากมีประวัติว่าเคยมีเจ้านายโง่ขนาดนี้มาก่อน มันยังไม่อยากถูกลูกหลานตัวเองล้อจนตาย! แค่กๆ เยว่เล่อลุกข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status