บทที่ 6 ชีวิตช่างรันทด
เมื่อทั้งสองเดินออกไปเสียงประตูถูกปิดแน่น เสียงของยูร์เหยาสาวใช้ที่ถูกสั่งให้ดูแลเจียวเหมยได้เดินเข้ามาใกล้เตียงนอน
"คงจะเจ็บน่าดูสินะ ใบหน้าไร้ที่ติจนทำให้นายท่านสนใจแต่ข้าไม่อยากให้ท่านอยู่ที่นี่หรอกนะ ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นเสมือนนายหญิงของข้า " ยูร์เหยาเด็กสาวที่จำได้ติดตาในคืนวันที่หนิงเซียนถูกคนที่นี่ทำร้ายอย่างไร นางเป็นสาวใช้ที่คอยดูแลหนิงเซียนอีกคนแต่ไม่ได้อยู่ในสายตาเพราะยามนั้นหนิงเซียนฮูหยินสนิทสนมกับงูพิษอย่างเยว่เผิงจนนางมิอาจจะพูดอะไรได้และไม่สามารถช่วยเหลือฮูหยินของตนได้เลยเพราะนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น สิ่งที่นางเอ่ยออกมาทำให้เจียวเซียนพอได้ยินคลับคลายคลับคลาแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูนาง พร้อมหลับไปเพราะฤทธิ์ยาและความเจ็บจากคมมีดที่นางแทงเข้าที่หน้าท้องของตัวเอง
รุ่งสางมาเยือน
แสงแดดกระทบใบหน้านางขยับกายอย่างลืมตัวแต่เมื่อขยับนางรู้สึกเจ็บแปลบ ค่อย ๆ ลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งอย่างช้า ๆ ห้องนี้เป็นห้องนอนของเรือนรับรองนางจดจำได้ทุกที่ในเรือนนางพยายามจะลุกขึ้น ทันใดนั้นเองสตรีร่างเล็กตื่นขึ้นเพราะรู้สึกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงดิ้นไปมา
"ฟื้นแล้วหรือ? อย่าพึ่งขยับนะท่านได้รับบาดเจ็บข้าจะพยุงท่านลุกเอง" ยูร์เหยารีบลุกขึ้นมาจับกายของเจียวเหมยลุกขึ้น
"ที่นี่คือที่ใดหรือ? ข้าคิดว่าข้าตายไปแล้วเสียอีก" เจียวเหมยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย
"ที่นี่คือเรือนตระกูลจางแต่ผู้ปกครองที่นี่คือท่านใต้เท้าหยางตงฉวนบุตรเขยของที่นี่ และใต้เท้าเป็นคนที่ช่วยท่านไว้เมื่อคืนนี้ ท่านจำอะไรไม่ได้เลยหรือ? แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่าน สตรีใบหน้างดงามอย่างท่านเป็นบุตรสาวเรือนใดหรือ?"
"ข้ามิใช่สตรีสูงส่งอันใด เป็นเพียงสตรีเร่ร่อนไร้ที่ไปเท่านั้น ข้าเดินทางมาเรื่อย ๆ หลังจากที่ท่านพ่อของข้าจากข้าไป ด้วยความคับแค้นแสนยากจนของครอบครัว ข้าไม่อาจจะอยู่ที่เรือนเดิมได้ถูกคนใจร้ายขับไล่เมื่อสิ้นท่านพ่อ ข้าเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ โชคร้ายเมื่อเจอกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่นั่งดื่มสุราอยู่ คนพวกนั้นทำให้ข้าหวาดกลัวเขาฉุดกระชากลากถูข้าหวังข่มขืน แต่ทว่าข้าไม่ยอมดิ้นรนต่อสู้ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บและข้าหนีออกมาได้ หลังจากนั้นข้าคิดว่าข้าทนพิษบาดแผลไม่ได้ต้องตายจากโลกนี้ไปแล้วเสียอีก นายท่านของเจ้าช่างเป็นคนดีมีเมตตาเป็นวาสนาของข้าจริง ๆ ที่ได้มาพบเจอผู้มีจิตใจดีช่วยเหลือข้าทั้ง ๆ ที่ปล่อยให้ข้าตายตรงหน้าโดยไม่ต้องสนใจด้วยซ้ำ " ยูร์เหยาแสยะยิ้มมุมปากใบหน้าเจือน ๆ หากนางมีใบหน้าอัปลักษณ์นายท่านคงไม่ช่วยเหลือนางมาแน่ ๆ ขนาดฮูหยินที่งดงามอย่างหนิงเซียนที่เพรียบพร้อมทุกอย่างเขายังลงมือจัดการได้โดยไม่หวนคิดถึงความดีของนางด้วยซ้ำ คงเพราะถูกใจใบหน้านี้ต่างหาก
"ชีวิตท่านช่างน่ารันทด แต่ข้าอยากเตือนท่านด้วยความหวังดีหากแผลหายดีเมื่อไหร่ ออกไปจากเรือนนี้จะดีกว่าและอย่าเข้าใกล้นายท่านเลย ที่ข้าเอ่ยเช่นนี้เพราะข้าเห็นว่าเป็นสตรีด้วยกัน นั่งคอยข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าจะไปแจ้งนายท่านและหาอาหารมาให้" เจียวเหมยมองดูยูร์เหยาพอจะเดาออกว่านางไม่ชอบหยางตงฉวนแม้แต่น้อย คงเป็นคนที่จงรักภักดีต่อนางจริง ๆ แต่ทว่าอย่างไรนางก็ยังไม่สามารถเชื่อใจผู้ใดได้ในเรือนหลังนี้ เจียวเหมยจ้องมองแผ่นหลังที่ของยูร์เหยาที่เดินออกไปพร้อมปิดประตู
"แม้เจ้าจะเตือนไม่ให้ข้าเข้าใกล้แต่เพื่อแผนการของข้า ข้าจะทำให้เขาลุ่มหลงและรับข้าเป็นอนุให้ได้ภายในสามวันนี้ ข้าเองอยากเห็นนักว่าหากข้าแย่งคนรักของสหายเก่า นางจะรู้สึกเช่นไรเมื่อถูกแย่งของจะรู้สึกเช่นเดียวกับข้าหรือไม่? ข้าชักอดใจรออยากเห็นมันในเร็ววันแล้วสิ ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดมากกว่าข้าเป็นร้อยเท่าพันทวี " เจียวเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นเฝ้ารอการชำระ
ฝั่งด้านหยางตงฉวนเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาร่วมหลับนอนกับเยว่เผิงแต่ทว่าเขากลับหวนคิดถึงใบหน้าของสตรีนางนั้นไม่จางหาย ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะเป็นอย่างไรทันใดนั่นเองเสียงของสาวใช้ได้ดังขึ้น
"นายท่านเจ้าคะ ข้ายูร์เหยามาแจ้งเรื่องสตรีที่ท่านช่วยเหลือเอาไว้เจ้าค่ะ ยามนี้นางฟื้นแล้วข้ากำลังไปนำอาหารให้นางเจ้าค่ะ"
"นางฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ? เจ้าช่วยไปนำอาหารพร้อมยาต้มที่ได้มาจากท่านหมอไปให้นางดื่มด้วย ข้าจะไปถามนางดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกัน ป่านนี้คงสั่นเทากวาดกลัวอยู่สินะ" เพียงแค่คิดถึงสายตาที่อ้อนวอนร่างกายสั่นเทาเมื่อคืนเขาแทบอยากจะเข้าไปโอบกอดเพื่อปลอบใจนางเหลือเกิน เขาเร่งฝีเท้ารีบเดินไปที่เรือนรับรองทันที
ส่วนเยว่เผิงนางดีใจที่เมื่อคืนสามีของนางร่วมรักเร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกับนางทั้งคืนจนทำให้นางไม่ได้หลับไม่ได้นอน นางอยากตั้งท้องเพื่อจะได้ทำให้หยางตงฉวนรักนางเพียงผู้เดียวและบุตรของนางจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไป เมื่อไหร่ที่นางมีบุตรชายให้เขาได้ นางจะให้เขาเปลี่ยนชื่อตระกูลใหม่ เพราะไม่ชอบใจที่ยังถูกกล่าวขานว่าเป็นคนตระกูลจาง เช้าวันนี้นางจึงตื่นแต่เช้าเข้าครัวเพื่อต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายของตัวนางและหยางตงฉวน
ภายในห้องรับรอง
เจียวเหมยนั่งหลับตาอยู่บนเตียงใช้หูฟังเสียงเท้าที่ดังขึ้นกำลังเดินมาที่นี่อย่างเร่งรีบ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางได้ปรากฏขึ้น
"มาแล้วสินะ! " เจียวเหมยลืมตาขึ้นพร้อมปรับสีหน้าให้เป็นสตรีที่อ่อนแอบอบบางและร้องไห้อย่างหวาดกลัวอยู่บนเตียงนอน
“อึก อึก ฮื้อ ๆ” เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเจียวเหมยดังขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นหยางตงฉวนเดินเข้ามาหานางด้วยความสงสาร นั่งลงข้าง ๆ ใช้มือแตะลูบที่หลังนางเบา ๆ
“แม่นางท่านไม่ต้องกลัวอันใดแล้วนะ ไม่มีผู้ใดมาทำอะไรเจ้าได้” เจียวเหมยปาดน้ำตาพุ่งกายเข้ากอดร่างใหญ่แนบแน่น
“ท่านใต้เท้าข้ากลัว …กลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ ใจของข้ายังสั่นกลัวไม่หายเลย” หยางตงฉวนชะงักเล็กน้อยที่จู่ ๆ นางจู่โจมเข้ามาโอบกอดเขาแนบแน่น ร่างเล็กสั่นระริกอยู่กลางอกแกร่งของตน
“ตอนนี้ทำใจให้สบายเถิดนะท่านปลอดภัยแล้ว ที่นี่คือเรือนตระกูลจางไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาทำร้ายท่านได้สงบสติอารมณ์เถิดนะ” เขาใช้มือลูบหลังนางเบา ๆ เจียวเหมยแสยะยิ้มมุมปากพรางแสร้งสะอื้นไห้
“ขอบคุณท่านใต้เท้านะเจ้าคะหากไม่ได้ท่านช่วยเหลือ ข้าเองไม่รู้เลยว่าชีวิตของข้าจะเป็นอย่างไร ข้าเจียวเหมยติดหนี้บุญคุณท่านแล้ว ท่านคือผู้มอบชีวิตให้แก่ข้า จากนี้ไปเจียวเหมยผู้นี้จะตอบแทนท่านเท่าชีวิตของข้าเจ้าค่ะ” เจียวเหมยผละออกจากกายของหยางตงฉวน
“แค่ท่านปลอดภัยข้าก็เบาใจแล้ว ว่าแต่บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือไม่? โชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้ถูกจุดที่เป็นอันตรายอันใด จงอยู่ที่นี่รักษาตัวให้หายแล้วค่อยเดินทางกลับเรือนของท่านเถิดนะ ไม่ต้องเกรงใจข้า” หยางตงฉวนเห็นยูร์เหยาเดินเข้ามาพร้อมสำรับอาหารเขารีบลุกขึ้นยืนออกห่างจากกายของเจียวเหมย
“ขอบคุณท่านใต้เท้าอีกครั้งนะเจ้าคะ” นางเงยหน้าส่งยิ้มอ่อนให้แก่เขาหวังโปรยเสน่ห์และก็เป็นอย่างที่นางหวังเพราะเขายิ้มตอบกลับนางด้วยสายตาหวานเยิ้ม
หลังจากนั้นหยางตงฉวนได้ออกไปจากห้องเจียวเหมยกินอาหารเช้าโดยมียูร์เหยาคอยดูแล ช่วงบ่ายของวันเยว่เผิงได้เดินมาหานางที่ห้องรับรองเพื่อขับไล่นางออกจากเรือน แม้ว่าหยางตงฉวนบอกว่าเขาไม่ได้สนใจเพียงมีความเมตตาแต่ทว่าสตรีที่เขาช่วยเอาไว้มีใบหน้างดงามทำให้นางอดคิดไม่ได้ว่าหากนางอยู่ที่นี่นานวันจะทำให้หยางตงฉวนสนใจในตัวนางขึ้นมา
บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา
บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง
บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ
บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง
บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่
บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู