“ข้ารักเจ้ามากนะฮวาเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามากที่ไม่รังเกียจชายความจำเสื่อมเช่นข้า ไม่ว่าอดีตของข้าจะเป็นผู้ใด ข้าไม่มีวันละทิ้งเจ้า และขอมีเจ้าเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว”
อาเฟยโอบกอดฮูหยินของตนด้วยความรัก และให้คำมั่นสัญญา ไม่ว่าอดีตเขาจะเป็นผู้ใด เขาไม่มีวันทอดทิ้งหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ และจะไม่มีหญิงอื่นเพื่อทำร้ายจิตใจของนางเด็ดขาด
“พวกเจ้าสองสามีจะพลอดรักกันอีกนานหรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องสะสางและอาเฟยต้องไปกับข้า”
อยู่ ๆ ร่างของฟ่านเทียนเผยโผล่พรวดเข้ามาก่อนจะโวยวายเสียงดัง
“พี่รองฟ่าน ท่านนี่ไม่มีมารยาท จะโผล่พรวดมาทำไมเจ้าคะ”
“สามีของเจ้าคงลืมนัดกับข้าแล้วน่ะสิ ข้ารอตั้งนานพอรู้ว่าพวกเจ้าทั้งสองมาที่โรงเตี๊ยมจึงตามมานี่แหละ”
“จริงด้วยข้าลืมไปเสียสนิท ฮวาเอ๋อร์เจ้าอยู่รอที่นี่ก่อนได้หรือไม่ วันนี้พี่รองฟ่านมีนัดกับเหล่าใต้เท้าทั้งหลายไว้”
อาเฟยสะดุ้งเล็กน้อย เขาลืมเสียสนิท เลยหันมาบอกกล่าวกับฮูหยินของตนอีกครั้ง คล้ายกับขออนุญาต
ฟ่านเทียนเผยถลึงตาใส่น้องเขย มันใช่เรื่องที่ต้องลืมไหม ดีที่ใต้เท้าพวกนั้นยังไม่มา ทำให้เขามีเวลาออกมาตามด้วยตนเอง
“ข้าตั้งใจจะไปดูที่ดินเพื่อจะสร้างหอการค้าให้เช่าในกลุ่มของพ่อค้าที่นำสินค้าจากต่างแคว้น ท่านพี่ไปทำธุระกับพี่รองฟ่านเถอะเจ้าค่ะ เสร็จงานแล้วข้าจะกลับจวนเอง”
นางตั้งใจจะสร้างหอการค้านี้ขึ้นมา จึงอยากจะไปดูที่ดินที่นางมีอยู่
“น้องต้องการเช่นนั้นหรือ แต่พี่เป็นห่วง น้องกลับไปรอพี่ที่จวนของท่านตาดีกว่าหรือไม่”
อาเฟยยังกังวลใจกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับนางระหว่างที่เขาไปทำธุระจัดการงานของฟ่านเทียนเผย
“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกเจ้าค่ะ จื่อโหวกับจื่อหูก็ไปด้วย ท่านพี่พาจื่อหลงและจื่อกวงไปด้วยนะเจ้าคะ”
นางยังคงเป็นห่วงสามี ให้บ่าวที่เปลี่ยนมาเป็นองครักษ์ข้างกายตามไปด้วย
“อย่าเลย ให้ทั้งสี่คนตามไปดูแลเจ้าดีกว่า ข้าจะได้เบาใจ อีกทั้งตัวข้าเองไปกับเทียนเผยย่อมไม่มีอันตรายหรอก ฮวาเอ๋อร์เจ้าไม่ต้องกังวล จื่อหลง จื่อกวง พวกเจ้าทั้งสี่ตามไปดูแลและคุ้มกันฮูหยินให้ดี หากนางเกิดอันตรายแม้แต่เส้นผม พวกเจ้าคงรู้ว่าต้องเจอกับอะไร”
อาเฟยไม่ยินยอม เขาต้องการให้บ่าวทั้งสี่เดินทางไปกับเหอหลันฮวา ส่วนตัวเขาไปกับฟ่านเทียนเผยย่อมต้องไม่เกิดอันตราย เขารู้ว่ารอบกายของฟ่านเทียนเผยมีองครักษ์เงามือดีหลายคน
“แต่ท่านพี่”
“เจ้ายังห่วงเรื่องความปลอดภัยของสามีเจ้าอีกหรือในเมื่อน้องเขยเดินทางไปกับข้า คิดเช่นนี้คล้ายกับดูเบาตัวข้านะฮวาเอ๋อร์”
ฟ่านเทียนเผยกล่าว เขารู้ดีวาน้องสาวต่างแซ่ผู้นี้ย่อมต้องห่วงความปลอดภัยของสามี แต่ในเมื่อมากับเขาทำไมยังต้องกังวลเรื่องนี้อีก
“เจ้าค่ะ พี่รองฟ่านพูดเช่นนี้ข้าก็เบาใจ ข้าจะเดินทางไปนอกเมืองเพื่อดูที่ดินในการก่อสร้าง เสร็จแล้วเรากลับไปเจอกับที่ตระกูลฟ่านนะเจ้าคะ”
นางยินยอมในที่สุด ก่อนจะเดินออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อขึ้นรถม้าไปนอกเมือง
จวนตระกูลเหอ
“ท่านแม่ ข้าได้ข่าวมาว่านางกำลังเดินทางออกนอกเมือง ท่านให้คนไปจัดการนางให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”
เหอชิงลี่เมื่อรู้ข่าวจากคนของนางว่าเหอหลันฮวาพี่สาวต่างมารดากำลังเดินทางออกนอกเมือง โดยไม่มีสามีอย่างอาเฟยติดตามไปด้วย ทำให้รีบรุดมาที่ห้องของมารดา
“ข่าวของเจ้าแน่นอนหรือไม่” ฮูหยินรองเอ่ยถามบุตรสาว
“แน่นอนเจ้าค่ะท่านแม่ ท่าน...”
ฮูหยินรองยกมือห้ามบุตรสาวไม่ให้พูดอะไรปากกว่านี้ เพราะว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงนางสองแม่ลูก แต่กลับมีจิงอี้เหนียงอีกคน
“เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับลี่เอ๋อร์”
“เจ้าค่ะนายหญิง”
จิงอี้เหนียงตอบรับก่อนจะรีบเดินออกมาจากเรือนของฮูหยินรองด้วยท่าทางปกติ
จากนั้นฮูหยินรองจึงหันมาคุยกับบุตรสาวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“เจ้าแน่ใจหรือว่าหลันฮวากำลังเดินทางไปนอกเมือง นางไปทำอันใดหรือ”
“นางคงไปดูที่ดินหรือไม่กิจการของนาง ที่เหอฮูหยินทิ้งไว้ให้ แต่ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่ได้ให้ท่านมาสอบถามว่านางไปทำการอันใด ข้าต้องการให้ท่านจัดการนางให้พ้นทางข้าเจ้าค่ะ”
“นางแต่งออกไปแล้ว เจ้ายังต้องการจัดการนางไปทำไม เจ้าควรจะหาวิธีมัดใจองค์ชายรองอีกครั้งมากกว่า”
ในเวลานี้นางไม่อาจเข้าหน้าสามีได้ นางจึงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ไม่เข้าใจเลยว่าบุตรสาวของนางทำไมยังจ้องเล่นงานเหอหลันฮวาอยู่
“ท่านแม่ทราบหรือไม่เจ้าคะ วันนี้องค์ชายรองพบนางด้วยความบังเอิญ ดูจากที่คนของข้าเล่ามา องค์ชายรองคล้ายกับมีความเสียดายที่ต้องเสียนางไป แล้วท่านแม่ยังจะให้ข้านิ่งนอนใจอีกหรือเจ้าคะ”
เหอชิงลี่กำมือแน่น ขนาดแต่งงานออกไปแล้ว องค์ชายรองคล้ายกับต้องการอดีตคู่หมั้นกลับมา แต่นางที่มอบกายมอบใจให้ไปกลับตัดสัมพันธ์อย่างง่ายดายแถมยังไร้เยื่อใยอีก จะให้นางยอมได้อย่างไร
“เจ้าจงเล่ารายละเอียดมาให้ข้าฟังทั้งหมด”
ฮูหยินรองเอ่ยเสียงเย็น หากแต่งงานออกไปแล้วยังกล้ามาเป็นหนามตำใจของบุตรสาวนาง นางยินดีที่จะกำจัดให้พ้นทางเช่นกัน เป็นหลานสาวตระกูลฟ่านแล้วอย่างไร ขนาดเหอฮูหยินคนก่อน นางยังจัดการได้โดยที่ไม่มีใครกล้าเอาผิดหรือสงสัยในตัวนาง
“จางเหมย เจ้าไปบอกพี่ชายของเจ้าให้จัดเตรียมคนและจัดการเสี้ยนหนามของบุตรสาวข้าเสีย เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดใช่หรือไม่”
ฮูหยินรองใบหน้าเยียบเย็นลงก่อนจะสั่งการสาวใช้คนสนิท
“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
จางเหมยรับคำและรอรับถุงเงิน จากนั้นจึงรีบรุดออกไปทำตามคำสั่งเจ้านายอย่างเร่งด่วน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ มีเพียงท่านเท่านั้นที่ดีกับข้า”
เหอชิงลี่เดินเข้ามาโอบเอวของมารดาไว้ก่อนจะยิ้มอย่างสมใจ
“ข้ามีบุตรเพียงแค่เจ้า หากข้าไม่ทำเพื่อเจ้า จะให้ข้าทำเพื่อผู้ใดกันเล่า”
ฮูหยินรองโอบกอดบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นขวางหนามในการขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายาของบุตรสาวนาง นางยินดีและพร้อมที่จะทำลายมันผู้นั้นทันที
เหลาอาหารของตระกูลฟ่าน ภายในห้องรับรองเต็มไปด้วยขุนนางที่ได้รับเทียบเชิญ ซึ่งแต่ละคนมีความแปลกใจบนใบหน้าที่ไม่อาจซ่อนได้
“ใต้เท้ากู้ ท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดคุณชายรองฟ่านถึงได้ส่งเทียบเชิญให้พวกเรา” ใต้เท้ากู้เอ่ยถามสหายร่วมชะตากรรม
“ข้าเองไม่รู้เช่นกันว่า คุณชายรองฟ่านเรียกมาด้วยเรื่องอันใด ในเวลาปกติแทบจะไม่สนใจพวกเราด้วยซ้ำ”
ด้วยนิสัยของฟ่านเทียนเผยทุกคนย่อมทราบดีว่าชายหนุ่มมีนิสัยเช่นไร แม้แต่พวกเขาส่งเทียบเชิญไปถึงตระกูลฟ่านอย่างไร กลับไม่ได้คำตอบรับ แต่แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นกันเล่า
แต่ไม่ว่าจะสงสัยเพียงใด แต่ใต้เท้าแต่ละคนกลับไม่ได้คำตอบ เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ฟานเทียนเผยและอาเฟยจึงเดินเข้ามาในห้องรับรองแห่งนี้
“คุณชายรองฟ่าน”
“ข้าต้องขออภัยพวกท่านด้วยที่ผิดนัดไปเกือบครึ่งชั่วยาม พอดีว่าขอไปตามน้องเขยตัวดีน่ะสิ กว่าจะแยกจากน้องสาวข้าได้ ข้าแทบจะทุบหัวลากมา”
ฟ่านเทียนเผยกล่าวติดตลก ทำให้ใต้เท้าทั้งหลายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในเมื่อตระกูลฟ่านมีเพียงหลานชายแซ่เดียวกันเพียงสองคน และหลานต่างแซ่สามคน
ดังนั้นจึงมีเพียงคุณหนูใหญ่เหอเท่านั้น และชายคนนี้คงเป็นสามีบ่าวของนาง หากคุณชายรองฟ่านเรียกว่าน้องเขยเต็มปาก เท่ากับตระกูลฟ่านยอมรับหลานเขยคนนี้แล้ว
และนี่คือสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด แต่มันกลับเกิดขึ้นจริง
ฟ่านเทียนเผยมองใบหน้าของแต่ละคนที่เดี๋ยวตกใจเดี๋ยวซีดเผือด ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย และเดินมานั่งตรงหัวโต๊ะโดยมีอาเฟยมานั่งด้านข้าง
“เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้ว ข้าคงต้องขอแนะนำน้องเขยของข้าอย่างเป็นทางการอีกครั้ง นี่คืออาเฟย แซ่เว่ย สามีของเหอหลันฮวา และเป็นหลานเขยของตระกูลฟ่านที่ผ่านการเห็นชอบจากสองผู้เฒ่าในตระกูล”
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ