Masuk“ตามพระราชโองการของฝ่าบาท ตระกูลหลินได้กระทำความชอบมากมาย คุณหนูสกุลหลินมากด้วยความงามและจรรยามารยาทเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาเอก จึงทรงมีพระบัญชามอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูหลิน หลินซูหนานและ
องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และเสริมสร้างความมั่นคงในราชสำนัก ให้คุณหนูหลินแต่งเข้าวังบูรพา และดำรงตำแหน่งพระชายาเอกของรัชทายาทโดยเร็ว จบราชโองการ”“ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี”
สิ้นเสียงของโหวกงกง หลินซูหนานยังคงนั่งนิ่งคล้ายกับคนไม่มีสติ นั่นเพราะความตกใจและความไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทำให้นางไม่สามารถกล่าวอันใดออกมาได้ในทันที หัวใจของนางยามนี้เต้นรัวขึ้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความกังวล ความไม่เข้าใจ และสุดท้ายความหวาดกลัว
เมื่อบุตรสาวยังนั่งนิ่ง ทำให้หลินเจิ้งหานบิดาของนางลุกขึ้นและก้าวขึ้นไปข้างหน้า พร้อมกับย่อกายลงคุกเข่ารับราชโองการอย่างนอบน้อมแทนบุตรสาว
“กระหม่อมหลินเจิ้งหาน น้อมรับราชโองการ”
โหวกงกงยื่นม้วนพระราชโองการให้หลินเจิ้งหานรับไว้ แล้วเขาก็กล่าวต่อ
“ข้าได้รับคำสั่งให้มาส่งมอบพระราชโองการนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามพระประสงค์ของฝ่าบาท”
หลินเจิ้งหานยิ้มบาง ๆ และพยักหน้ารับ พร้อมกับกล่าวออกไปอย่างยินดี
“ขอบคุณโหวกงกงด้วยที่สละเวลา”
หลังจากรับพระราชโองการจากโหวกงกงแล้ว หลินเจิ้งหานยืนคุยกับขันทีของฮ่องเต้ต่ออีกเล็กน้อย ซึ่งก่อนจะกลับโหวกงกงเอ่ยถามถึงความเป็นอยู่ของสกุลหลิน และการเตรียมตัวสำหรับสมรสพระราชทาน ทำให้หลินเจิ้งหานตอบด้วยความสุขุมว่า
“พวกเราจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยที่สุด ขอให้ท่านกงกงโปรดวางใจเถอะขอรับ”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าจะนำความไปกราบทูลฝ่าบาท อย่างไรข้าขอตัวไปปฏิบัติหน้าที่อื่นก่อน ขอให้สกุลหลินมีความสุขและเตรียมตัวสำหรับสมรสพระราชทานนี้ด้วยความเรียบร้อย”
โหวกงกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินจากไปอย่างสง่างาม
หลินเจิ้งหานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ปรากฏร่องรอยหนักใจให้เห็น
“โหวกงกงเดินทางกลับดี ๆ นะขอรับ” เขาเอ่ยอย่างสำรวม ขณะส่งสายตาให้พ่อบ้านของจวนส่งแขก
ทันทีที่โหวกงกงจากไป หลินซูหนานก็เดินตรงไปยังสวนด้านหลังของจวน เมื่อมาถึงนางจึงนั่งลงบนม้านั่งที่ปกคลุมด้วยหิมะที่เย็นเฉียบ ความหนาวเย็นของอากาศที่ต้องผิวกาย ไม่อาจเปรียบเทียบกับความหนาวเหน็บในใจของนางในยามนี้ได้เลย
หญิงสาวนั่งครุ่นคิดไปมาอยู่เพียงลำพัง ความวิตกกังวลและความไม่แน่ใจ ต่างถาโถมเข้ามาในใจของนางอย่างหนักหน่วง
ในขณะที่หลินซูหนานกำลังอยู่ในภวังค์ เซียงลี่ก็เดินเข้ามาหานางด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของคุณหนู จึงทรุดกายลงตรงแทบเท้าของเจ้านายสาว แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความกังวล
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าเห็นท่านเดินออกมาที่นี่อย่างรีบร้อน ข้าว่ากลับเจ้าไปในเรือนดีกว่าเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะล้มป่วยเอาได้”
“เซียงลี่ ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ข้ายังไม่อยากแต่งงานเวลานี้” นางตอบกลับสาวใช้คนสนิทด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความกังวล เนื่องจากหาทางออกในเรื่องนี้ไม่เจอ
“คุณหนู ท่านก็รู้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่าท่านไม่สามารถขัด
พระราชโองการนี้ได้ ตระกูลหลินคงทำได้เพียงทำตามเท่านั้นเจ้าค่ะ”เซียงลี่กล่าวออกมาอย่างจนใจ ถึงแม้อยากจะช่วยคุณหนูของตนมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีหนทางเลยแม้แต่น้อย เพราะนี่คือคำสั่งของโอรสสวรรค์ ใครเล่าจะกล้าฝ่าฝืน
หลินซูหนานถอนหายใจคราหนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยความจนใจ
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าเข้าใจดี แต่ข้าเองก็มีเหตุผลของข้าเช่นกัน”
“คุณหนู ท่านมีความเฉลียวฉลาดและเข้มแข็งยิ่งนัก เมื่อแต่งเข้าไปในตำหนักบูรพาแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถปรับตัวอยู่ในวังหลวงได้อย่างแน่นอน ข้ารู้ว่าท่านจะทำได้ดี” เซียงลี่พยายามให้กำลังใจกับสิ่งที่คุณหนูของนางกำลังจะพบเจอในอีกไม่ช้า
หลินซูหนานยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้ว่าจะยังคงมีความกังวลอยู่ในใจมากมายก็ตาม ทว่านางก็เชื่อมั่นอย่างที่สาวใช้คนสนิทกล่าวออกมาเช่นกัน
“ขอบใจเจ้ามาก แต่ถึงอย่างไรแล้วข้าจะลองหาทางดู”
จากนั้นนางจึงลุกขึ้นจากม้านั่งและมองไปที่ทิวทัศน์ที่ยามนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะอันขาวโพลนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกลับไปยังเรือนของตน นางรู้ดีว่าไม่สามารถปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ไปได้ แต่อย่างน้อยนางก็จะพยายามคิดหาทางหนีทีไล่ว่า จะใช้ชีวิตหลังแต่งงานต่อไปอย่างไรให้ตนเองทุกข์ใจน้อยที่สุด
ทว่าหลินซูหนานกลับไม่ได้รู้สึกมั่นใจอย่างคำกล่าวของบิดาเลยแม้แต่น้อย เรื่องบางเรื่องที่บิดาไม่รู้นั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไร บางครั้งบิดาของนางอาจจะมององค์รัชทายาทในแง่ดีเกินไปก็ได้นางแทบอยากจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พบเจอมาให้บิดาฟัง แต่ก็กลัวว่าหากเล่าไปแล้วอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ หรือไม่ก็อาจจะไม่มีผู้ใดเชื่อนางเลยก็ได้ จึงได้เพียงแต่เงียบไว้ และหาวิธีที่จะไม่ต้องแต่งงานกับเขาเท่านั้น“ท่านพ่อ ข้าสามารถขอเลื่อนการแต่งงานครั้งนี้ออกไปได้หรือไม่เจ้าคะ” แม้จะรู้ว่าแทบจะไม่มีความหวัง แต่หลินซูหนานก็ยังเลือกที่จะขอร้องอีกครั้งหลินเจิ้งหานฟังคำขอของบุตรสาวด้วยความเงียบงัน เขารู้สึกถึงความทุกข์ใจและเข้าใจถึงความต้องการของนาง แต่ก็รู้ดีว่าการขอเลื่อนการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หรือเรียกว่าแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยหลินเจิ้งหานส่ายศีรษะอย่างจนใจ ขณะตอบกลับบุตรสาว“นี่คือพระราชโองการจากฝ่าบาท ยากที่ใครจะฝ่าฝืนได้ เจ้ามีปัญหาอะไรหรือลูกพ่อ ที่ผ่านมาเจ้าก็ดูเข้ากับองค์รัชทายาทได้ดีนี่ และเจ้าเองก็เคยบอกว่ายินดีที่จะแต่งกับพระองค์ ด้วยเหตุนี้พ่อจึงยอมให้เจ้าทำสัญญาหมั้นหมายจนนำมา
เผยธาตุแท้กลับมายังปัจจุบัน หลินซูหนานเดินออกมาจากห้องด้วยความรีบร้อนจนลืมหยิบเสื้อคลุมกันหนาวออกมา นางยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น แต่ความคิดที่หนักหน่วงในใจนั้น ทำให้นางลืมความหนาวเย็นไปหมดสิ้นขณะกำลังมองดูท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆหนา มือเรียวได้ลูบไปตามกำไลหยกอุ่นที่องค์รัชทายาทส่งมาให้ ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่สื่อผ่านกำไลนั้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวเย็นในใจนางจางหายไปได้เลยหลินซูหนานครุ่นคิดอยู่นาน และรู้สึกถึงความลำบากใจที่ไม่สามารถหาวิธีปฏิเสธสมรสพระราชทานครั้งนี้ได้เซียงลี่สาวใช้คนสนิทเดินเข้ามาพร้อมกับชุดคลุมกันหนาวในมือ นางเห็นคุณหนูของตนยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง ในใจนั้นทั้งทุกข์และกังวลใจไม่ต่างจากคุณหนูของตนเอง“คุณหนูเจ้าคะ กลับเข้าไปในห้องเถอะเจ้าค่ะ อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เดี๋ยวจะป่วยไข้เอานะเจ้าคะ”เซียงลี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับสวมเสื้อคลุมกันหนาวให้คุณหนู ต่อให้ความอบอุ่นจากเสื้อคลุมนี้จะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าการที่นางปล่อยให้อีกฝ่ายยืนตากลมหนาวทั้งอย่างนั้นทว่าหลินซูหนานกลับส่ายหน้าเบา
องค์รัชทายาทในฐานะของฮ่องเต้องค์ต่อไป ย่อมต้องมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งและเก่งกาจเพียงพอในการรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยอันตราย ความเข้มแข็งและความสามารถในด้านการปกครองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ก็คือการมีผู้สนับสนุนที่เชื่อถือได้และมั่นคงเพียงพอสตรีที่อยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนางจะเป็นฮองเฮาในภายหน้า ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุนและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไปการมีฮองเฮาที่มีความฉลาดเฉลียวและมีคุณธรรมสูงส่ง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับราชสำนัก และเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในวังหลังด้วยด้วยเหตุนี้ฝ่าบาทจึงพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกพระชายาเอกขององค์รัชทายาทอย่างมาก การมองหาสตรีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความสามารถในการสนับสนุนองค์รัชทายาทได้อย่างดีเยี่ยมเป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากหลินซูหนานซึ่งเป็นบุตรสาวของราชครูหลิน นางมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและเป็นที่พึงพอใจของฝ่าบาท นางมีความฉลาดเฉลียวและมีคุณธรรมสูงส่ง ทำให้ฝ่าบาทมองว่านางเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการเข้ามาเป็นพระชา
ถูกวางตัวเป็นเจ้าสาวหลินซูหนานยังจำได้ดีถึงวันนั้น เหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้ว วันที่นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงที่อยู่ในวัยเพียงสิบสามหนาว ยามนั้นชีวิตของนางเต็มไปด้วยความสดใสในขณะที่นางนั่งอยู่โต๊ะเขียนตำรา ซึ่งกำลังตั้งใจศึกษาเรื่องคัมภีร์โบราณด้วยความมุ่งมั่น แต่จู่ ๆ บิดาของนางก็เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียด“ซูหนาน พ่อมีเรื่องต้องสนทนากับเจ้า เรื่องนี้สำคัญมาก” หลินเจิ้งหานเรียกชื่อบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจเด็กหญิงเงยหน้าจากหนังสือมองไปที่บิดาด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่ทำให้บิดาของนางมีท่าทีกลัดกลุ้มเช่นนี้“ท่านพ่อมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดสีหน้าของท่านถึงได้ดูกังวลใจเช่นนั้นละเจ้าคะ”“เจ้าคงจะต้องเตรียมตัวไว้บ้างแล้วนะ สำหรับเรื่องที่กำลังจะมาถึง เพราะฝ่าบาทมีพระประสงค์จะให้เจ้าแต่งกับองค์รัชทายาทและเข้าวังบูรพา”หลินเจิ้งหานบอกกล่าวกับบุตรสาวด้วยความหนักใจ เพราะเรื่องนี้เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไร แต่ก็ไม่อาจจะขัดพระประสงค์ได้“ท่านพ่อเจ้าคะ แต่ปีนี้ลูกเพิ่งอายุเพียงสิบสามเท่านั้นนะเจ้าคะ ท่านต้องกล่าวเล่นเป็นแน่...ใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลิน
“ตามพระราชโองการของฝ่าบาท ตระกูลหลินได้กระทำความชอบมากมาย คุณหนูสกุลหลินมากด้วยความงามและจรรยามารยาทเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาเอก จึงทรงมีพระบัญชามอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูหลิน หลินซูหนานและองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และเสริมสร้างความมั่นคงในราชสำนัก ให้คุณหนูหลินแต่งเข้าวังบูรพา และดำรงตำแหน่งพระชายาเอกของรัชทายาทโดยเร็ว จบราชโองการ”“ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” สิ้นเสียงของโหวกงกง หลินซูหนานยังคงนั่งนิ่งคล้ายกับคนไม่มีสติ นั่นเพราะความตกใจและความไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทำให้นางไม่สามารถกล่าวอันใดออกมาได้ในทันที หัวใจของนางยามนี้เต้นรัวขึ้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความกังวล ความไม่เข้าใจ และสุดท้ายความหวาดกลัวเมื่อบุตรสาวยังนั่งนิ่ง ทำให้หลินเจิ้งหานบิดาของนางลุกขึ้นและก้าวขึ้นไปข้างหน้า พร้อมกับย่อกายลงคุกเข่ารับราชโองการอย่างนอบน้อมแทนบุตรสาว “กระหม่อมหลินเจิ้งหาน น้อมรับราชโองการ”โหวกงกงยื่นม้วนพระราชโองการให้หลินเจิ้งหานรับไว้ แล้วเขาก็กล่าวต่อ“ข้าได้รับคำสั่งให้มาส่งมอบพระราชโองการนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะดำเน
บทที่ 1 เหมือนโลกหยุดหมุนจวนราชครูหลินสตรีใบหน้างดงาม กิริยาเรียบร้อยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของตน ท่าทางสง่างามในทุกการเคลื่อนไหว มือขาวนวลของนางถือพู่กันด้วยความชำนาญ แสดงถึงความเป็นผู้รู้ที่สั่งสมจากการฝึกฝนมานาน นางกำลังคัดอักษรด้วยความตั้งใจ แผ่นกระดาษขาวสะอาดถูกเติมแต่งด้วยตัวอักษรที่งดงามอ่อนช้อยและเป็นระเบียบ เสียงของพู่กันยามตวัดลงบนกระดาษดังก้องภายใต้ความเงียบสงบบุตรสาวของท่านราชครูนามว่าหลินซูหนานผู้นี้ เป็นหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลมและเข้มแข็งยิ่ง นางไม่เคยยอมให้ใครมารังแกโดยไม่ตอบโต้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนหวานอยู่ในตัว ทุกการกระทำและถ้อยวาจาที่เอื้อนเอ่ยมักแสดงออกถึงความสง่างาม นางเป็นโฉมสะคราญที่มีจิตใจกล้าแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเมตตาและอ่อนโยนต่อผู้ที่สมควรได้รับไม่เพียงแค่บุคลิกที่ดูสง่างามเท่านั้น หลินซูหนานยังเป็นหญิงสาวที่มีความงามที่สามารถสะกดทุกสายตาที่พบเห็นได้อย่างยิ่งยวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวานละมุน ผิวพรรณขาวนวลละเอียดดุจหยก เนื้อแก้มมีสีระเรื่อ ราวกับกลีบดอกบ๊วย ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนดูชุ่มชื่นดุจดอกไม้ที่







