Masuk
จวนราชครูหลิน
สตรีใบหน้างดงาม กิริยาเรียบร้อยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของตน ท่าทางสง่างามในทุกการเคลื่อนไหว มือขาวนวลของนางถือพู่กันด้วยความชำนาญ แสดงถึงความเป็นผู้รู้ที่สั่งสมจากการฝึกฝนมานาน นางกำลังคัดอักษรด้วยความตั้งใจ แผ่นกระดาษขาวสะอาดถูกเติมแต่งด้วยตัวอักษรที่งดงามอ่อนช้อยและเป็นระเบียบ เสียงของพู่กันยามตวัดลงบนกระดาษดังก้องภายใต้ความเงียบสงบ
บุตรสาวของท่านราชครูนามว่าหลินซูหนานผู้นี้ เป็นหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลมและเข้มแข็งยิ่ง นางไม่เคยยอมให้ใครมารังแกโดยไม่ตอบโต้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนหวานอยู่ในตัว ทุกการกระทำและถ้อยวาจาที่เอื้อนเอ่ยมักแสดงออกถึงความ
สง่างาม นางเป็นโฉมสะคราญที่มีจิตใจกล้าแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเมตตาและอ่อนโยนต่อ ผู้ที่สมควรได้รับไม่เพียงแค่บุคลิกที่ดูสง่างามเท่านั้น หลินซูหนานยังเป็นหญิงสาวที่มีความงามที่สามารถสะกดทุกสายตาที่พบเห็นได้อย่างยิ่งยวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวานละมุน ผิวพรรณ
ขาวนวลละเอียดดุจหยก เนื้อแก้มมีสีระเรื่อ ราวกับกลีบดอกบ๊วย ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนดูชุ่มชื่นดุจดอกไม้ที่เบ่งบานในยามเช้าในขณะที่นางกำลังจดจ่ออยู่กับการคัดอักษร จู่ ๆ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้น เซียงลี่ สาวใช้คนสนิทของหลินซูหนานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เสียงหอบหายใจของสาวใช้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของห้อง
เซียงลี่หยุดยืนตรงหน้าโต๊ะหนังสือ นางพยายามจะควบคุมลมหายใจที่หอบเหนื่อยให้สงบลง แต่ยังคงมีความกังวลฉายชัดอยู่ในดวงตา
หลินซูหนานเงยหน้าขึ้นจากกระดาษที่นางกำลังคัดอักษรมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบนิ่ง นางไม่ได้แตกตื่นไปกับสาวใช้เลยแม้แต่น้อย ก่อนจะกล่าวตำหนิออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นแต่หนักแน่นว่า
“เซียงลี่ สำรวมกิริยาของเจ้าเสียบ้าง วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเช่นนี้ไม่สมกับการเป็นสาวใช้ที่ข้าฝึกสอนมาเลย”
“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู บ่าวเพียงแต่กังวล...” เซียงลี่
ก้มหน้าลงด้วยความละอาย ที่ตนเองนั้นแสดงกิริยาไม่งามออกมาหลินซูหนานตัดบทขึ้นมาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายกล่าวประโยคต่อมา
“เกิดเรื่องใดกันถึงทำให้เจ้าต้องเร่งรีบเช่นนี้”
เซียงลี่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่ยังคงแฝงความกังวล
“คุณหนู ตอนนี้มีขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาจากในวังหลวงเพื่อมอบราชโองการแก่สกุลหลินเจ้าค่ะ”
“เรื่องแค่นี้เองหรือ เหตุใดเจ้าจะต้องมาโวยวายบอกข้า โดยปกติท่านพ่อก็รับราชโองการจากฝ่าบาทเป็นประจำอยู่แล้วนี่” หลินซูหนานถอนหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมกับส่ายหน้าให้กับอาการของสาวใช้ที่ดูจะร้อนรนจนเกินเหตุ
เซียงลี่รีบส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความร้อนรน ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างกังวลใจ
“ไม่ใช่แค่นั้นนะเจ้าคะคุณหนู เรื่องนี้บ่าวคิดว่าคุณหนูไม่สนใจไม่ได้เจ้าค่ะ เพราะบ่าวแอบได้ยินมาว่าราชโองการที่ฝ่าบาทมอบให้สกุลหลินในครั้งนี้นั้น ก็คือพระราชโองการเพื่อมอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูกับองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำของสาวใช้คนสนิท พู่กันที่อยู่ในมือของหลิน
ซูหนานร่วงหล่นลงพื้นอย่างไม่รู้ตัว เสียงพู่กันกระแทกพื้นดังก้องท่ามกลางความเงียบงัน มือของนางสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวอย่างไม่เป็นจังหวะนางรีบควบคุมอารมณ์ของตนเอง พลางถามย้ำเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ สมรสพระราชทานอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวได้ยินชัดเจนเลยว่าพระราชโองการคราวนี้คือ การมอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูตระกูลหลินกับองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ” เซียงลี่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เนื่องจากนางได้ยินอย่างชัดเจน จากนั้นจึงรีบมาบอกคุณหนูของตนทันที
หลินซูหนานไม่อาจควบคุมความตกใจที่เกิดขึ้นได้ ยามนี้นางรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ใจหนึ่งหวังว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นเพียงความเข้าใจผิดของสาวใช้
หญิงสาวยืนอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะตัดสินใจบางอย่าง เมื่อตัดสินใจแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากเรือนของตนอย่างร้อนรน การก้าวเท้ายาว ๆ ของนางแสดงถึงความรีบเร่ง และความกังวลใจที่ไม่อาจปิดบังได้ สายตาของนางมองไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น
หลินซูหนานไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเวลานี้ใจของนางมุ่งมั่นเดินไปยังลานหน้าจวนเพื่อไปให้ถึงที่นั่นอย่างเร็วที่สุด
ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความคิดที่สับสนและไม่แน่ใจ ‘สมรสพระราชทานกับองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงได้กะทันหันเพียงนี้ หรือว่านี่คือแผนการทางการเมืองใดของฝ่าบาท’
เมื่อเดินมาถึงลานหน้าจวนก็พบว่ามีบ่าวรับใช้อยู่เต็มไปหมด ซึ่งทุกคนต่างมองมาที่นางด้วยความสนใจ บ้างแสดงความกังวล บ้างแสดงความตื่นเต้น โดยมีขันทีคนสนิทของฝ่าบาทยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนในชุดเครื่องแบบของราชสำนัก ใบหน้าของเขายิ้มแย้มขณะรอการมาถึงของนาง
หลินซูหนานหยุดยืนห่างจากกลุ่มคนเหล่านั้นเล็กน้อย พยายามสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกของตนเอง
“มาแล้วหรือคุณหนูหลิน ข้าจะได้อ่านพระราชโองการเสียที ตระกูลหลินรับพระราชโองการ” ขันทีคนสนิทกล่าวกับนางด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง นั่นทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณหน้าจวนรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
โหวกงกงยิ้มออกมา ก่อนจะเริ่มคลี่พระราชโองการออกอ่าน เสียงประกาศของเขาดังก้องกังวานไปทั่วลานกว้าง
ทว่าหลินซูหนานกลับไม่ได้รู้สึกมั่นใจอย่างคำกล่าวของบิดาเลยแม้แต่น้อย เรื่องบางเรื่องที่บิดาไม่รู้นั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไร บางครั้งบิดาของนางอาจจะมององค์รัชทายาทในแง่ดีเกินไปก็ได้นางแทบอยากจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พบเจอมาให้บิดาฟัง แต่ก็กลัวว่าหากเล่าไปแล้วอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ หรือไม่ก็อาจจะไม่มีผู้ใดเชื่อนางเลยก็ได้ จึงได้เพียงแต่เงียบไว้ และหาวิธีที่จะไม่ต้องแต่งงานกับเขาเท่านั้น“ท่านพ่อ ข้าสามารถขอเลื่อนการแต่งงานครั้งนี้ออกไปได้หรือไม่เจ้าคะ” แม้จะรู้ว่าแทบจะไม่มีความหวัง แต่หลินซูหนานก็ยังเลือกที่จะขอร้องอีกครั้งหลินเจิ้งหานฟังคำขอของบุตรสาวด้วยความเงียบงัน เขารู้สึกถึงความทุกข์ใจและเข้าใจถึงความต้องการของนาง แต่ก็รู้ดีว่าการขอเลื่อนการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หรือเรียกว่าแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยหลินเจิ้งหานส่ายศีรษะอย่างจนใจ ขณะตอบกลับบุตรสาว“นี่คือพระราชโองการจากฝ่าบาท ยากที่ใครจะฝ่าฝืนได้ เจ้ามีปัญหาอะไรหรือลูกพ่อ ที่ผ่านมาเจ้าก็ดูเข้ากับองค์รัชทายาทได้ดีนี่ และเจ้าเองก็เคยบอกว่ายินดีที่จะแต่งกับพระองค์ ด้วยเหตุนี้พ่อจึงยอมให้เจ้าทำสัญญาหมั้นหมายจนนำมา
เผยธาตุแท้กลับมายังปัจจุบัน หลินซูหนานเดินออกมาจากห้องด้วยความรีบร้อนจนลืมหยิบเสื้อคลุมกันหนาวออกมา นางยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น แต่ความคิดที่หนักหน่วงในใจนั้น ทำให้นางลืมความหนาวเย็นไปหมดสิ้นขณะกำลังมองดูท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆหนา มือเรียวได้ลูบไปตามกำไลหยกอุ่นที่องค์รัชทายาทส่งมาให้ ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่สื่อผ่านกำไลนั้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวเย็นในใจนางจางหายไปได้เลยหลินซูหนานครุ่นคิดอยู่นาน และรู้สึกถึงความลำบากใจที่ไม่สามารถหาวิธีปฏิเสธสมรสพระราชทานครั้งนี้ได้เซียงลี่สาวใช้คนสนิทเดินเข้ามาพร้อมกับชุดคลุมกันหนาวในมือ นางเห็นคุณหนูของตนยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง ในใจนั้นทั้งทุกข์และกังวลใจไม่ต่างจากคุณหนูของตนเอง“คุณหนูเจ้าคะ กลับเข้าไปในห้องเถอะเจ้าค่ะ อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เดี๋ยวจะป่วยไข้เอานะเจ้าคะ”เซียงลี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับสวมเสื้อคลุมกันหนาวให้คุณหนู ต่อให้ความอบอุ่นจากเสื้อคลุมนี้จะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าการที่นางปล่อยให้อีกฝ่ายยืนตากลมหนาวทั้งอย่างนั้นทว่าหลินซูหนานกลับส่ายหน้าเบา
องค์รัชทายาทในฐานะของฮ่องเต้องค์ต่อไป ย่อมต้องมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งและเก่งกาจเพียงพอในการรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยอันตราย ความเข้มแข็งและความสามารถในด้านการปกครองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ก็คือการมีผู้สนับสนุนที่เชื่อถือได้และมั่นคงเพียงพอสตรีที่อยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนางจะเป็นฮองเฮาในภายหน้า ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุนและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไปการมีฮองเฮาที่มีความฉลาดเฉลียวและมีคุณธรรมสูงส่ง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับราชสำนัก และเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในวังหลังด้วยด้วยเหตุนี้ฝ่าบาทจึงพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกพระชายาเอกขององค์รัชทายาทอย่างมาก การมองหาสตรีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความสามารถในการสนับสนุนองค์รัชทายาทได้อย่างดีเยี่ยมเป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากหลินซูหนานซึ่งเป็นบุตรสาวของราชครูหลิน นางมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและเป็นที่พึงพอใจของฝ่าบาท นางมีความฉลาดเฉลียวและมีคุณธรรมสูงส่ง ทำให้ฝ่าบาทมองว่านางเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการเข้ามาเป็นพระชา
ถูกวางตัวเป็นเจ้าสาวหลินซูหนานยังจำได้ดีถึงวันนั้น เหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้ว วันที่นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงที่อยู่ในวัยเพียงสิบสามหนาว ยามนั้นชีวิตของนางเต็มไปด้วยความสดใสในขณะที่นางนั่งอยู่โต๊ะเขียนตำรา ซึ่งกำลังตั้งใจศึกษาเรื่องคัมภีร์โบราณด้วยความมุ่งมั่น แต่จู่ ๆ บิดาของนางก็เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียด“ซูหนาน พ่อมีเรื่องต้องสนทนากับเจ้า เรื่องนี้สำคัญมาก” หลินเจิ้งหานเรียกชื่อบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจเด็กหญิงเงยหน้าจากหนังสือมองไปที่บิดาด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่ทำให้บิดาของนางมีท่าทีกลัดกลุ้มเช่นนี้“ท่านพ่อมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดสีหน้าของท่านถึงได้ดูกังวลใจเช่นนั้นละเจ้าคะ”“เจ้าคงจะต้องเตรียมตัวไว้บ้างแล้วนะ สำหรับเรื่องที่กำลังจะมาถึง เพราะฝ่าบาทมีพระประสงค์จะให้เจ้าแต่งกับองค์รัชทายาทและเข้าวังบูรพา”หลินเจิ้งหานบอกกล่าวกับบุตรสาวด้วยความหนักใจ เพราะเรื่องนี้เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไร แต่ก็ไม่อาจจะขัดพระประสงค์ได้“ท่านพ่อเจ้าคะ แต่ปีนี้ลูกเพิ่งอายุเพียงสิบสามเท่านั้นนะเจ้าคะ ท่านต้องกล่าวเล่นเป็นแน่...ใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลิน
“ตามพระราชโองการของฝ่าบาท ตระกูลหลินได้กระทำความชอบมากมาย คุณหนูสกุลหลินมากด้วยความงามและจรรยามารยาทเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาเอก จึงทรงมีพระบัญชามอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูหลิน หลินซูหนานและองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และเสริมสร้างความมั่นคงในราชสำนัก ให้คุณหนูหลินแต่งเข้าวังบูรพา และดำรงตำแหน่งพระชายาเอกของรัชทายาทโดยเร็ว จบราชโองการ”“ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” สิ้นเสียงของโหวกงกง หลินซูหนานยังคงนั่งนิ่งคล้ายกับคนไม่มีสติ นั่นเพราะความตกใจและความไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทำให้นางไม่สามารถกล่าวอันใดออกมาได้ในทันที หัวใจของนางยามนี้เต้นรัวขึ้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความกังวล ความไม่เข้าใจ และสุดท้ายความหวาดกลัวเมื่อบุตรสาวยังนั่งนิ่ง ทำให้หลินเจิ้งหานบิดาของนางลุกขึ้นและก้าวขึ้นไปข้างหน้า พร้อมกับย่อกายลงคุกเข่ารับราชโองการอย่างนอบน้อมแทนบุตรสาว “กระหม่อมหลินเจิ้งหาน น้อมรับราชโองการ”โหวกงกงยื่นม้วนพระราชโองการให้หลินเจิ้งหานรับไว้ แล้วเขาก็กล่าวต่อ“ข้าได้รับคำสั่งให้มาส่งมอบพระราชโองการนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะดำเน
บทที่ 1 เหมือนโลกหยุดหมุนจวนราชครูหลินสตรีใบหน้างดงาม กิริยาเรียบร้อยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของตน ท่าทางสง่างามในทุกการเคลื่อนไหว มือขาวนวลของนางถือพู่กันด้วยความชำนาญ แสดงถึงความเป็นผู้รู้ที่สั่งสมจากการฝึกฝนมานาน นางกำลังคัดอักษรด้วยความตั้งใจ แผ่นกระดาษขาวสะอาดถูกเติมแต่งด้วยตัวอักษรที่งดงามอ่อนช้อยและเป็นระเบียบ เสียงของพู่กันยามตวัดลงบนกระดาษดังก้องภายใต้ความเงียบสงบบุตรสาวของท่านราชครูนามว่าหลินซูหนานผู้นี้ เป็นหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลมและเข้มแข็งยิ่ง นางไม่เคยยอมให้ใครมารังแกโดยไม่ตอบโต้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนหวานอยู่ในตัว ทุกการกระทำและถ้อยวาจาที่เอื้อนเอ่ยมักแสดงออกถึงความสง่างาม นางเป็นโฉมสะคราญที่มีจิตใจกล้าแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเมตตาและอ่อนโยนต่อผู้ที่สมควรได้รับไม่เพียงแค่บุคลิกที่ดูสง่างามเท่านั้น หลินซูหนานยังเป็นหญิงสาวที่มีความงามที่สามารถสะกดทุกสายตาที่พบเห็นได้อย่างยิ่งยวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวานละมุน ผิวพรรณขาวนวลละเอียดดุจหยก เนื้อแก้มมีสีระเรื่อ ราวกับกลีบดอกบ๊วย ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนดูชุ่มชื่นดุจดอกไม้ที่







