Masukหลินซูหนานยังจำได้ดีถึงวันนั้น เหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้ว วันที่นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงที่อยู่ในวัยเพียงสิบสามหนาว ยามนั้นชีวิตของนางเต็มไปด้วยความสดใส
ในขณะที่นางนั่งอยู่โต๊ะเขียนตำรา ซึ่งกำลังตั้งใจศึกษาเรื่องคัมภีร์โบราณด้วยความมุ่งมั่น แต่จู่ ๆ บิดาของนางก็เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ซูหนาน พ่อมีเรื่องต้องสนทนากับเจ้า เรื่องนี้สำคัญมาก” หลินเจิ้งหานเรียกชื่อบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ
เด็กหญิงเงยหน้าจากหนังสือมองไปที่บิดาด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่ทำให้บิดาของนางมีท่าทีกลัดกลุ้มเช่นนี้
“ท่านพ่อมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดสีหน้าของท่านถึงได้ดูกังวลใจเช่นนั้นละเจ้าคะ”
“เจ้าคงจะต้องเตรียมตัวไว้บ้างแล้วนะ สำหรับเรื่องที่กำลังจะมาถึง เพราะฝ่าบาทมีพระประสงค์จะให้เจ้าแต่งกับองค์
รัชทายาทและเข้าวังบูรพา”หลินเจิ้งหานบอกกล่าวกับบุตรสาวด้วยความหนักใจ เพราะเรื่องนี้เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไร แต่ก็ไม่อาจจะขัด
พระประสงค์ได้“ท่านพ่อเจ้าคะ แต่ปีนี้ลูกเพิ่งอายุเพียงสิบสามเท่านั้นนะเจ้าคะ ท่านต้องกล่าวเล่นเป็นแน่...ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
หลินซูหนานยิ้มออกมาและถามกลับไปด้วยความไม่เชื่อ เนื่องจากเวลานี้นางอายุเพิ่งจะสิบสามหนาวเท่านั้น ยังมีเวลาอีกตั้งสองปีกว่าจะถึงวัยปักปิ่น
“พระประสงค์ของฝ่าบาท มีผู้ใดนำมากล่าวเล่นกันเล่า หนานเอ๋อร์” หลินเจิ้งหานตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
พอได้ยินบิดากล่าวมาเช่นนั้น หลินซูหนานก็รู้สึกตกใจและสับสนเป็นอย่างมาก นางลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูทิวทัศน์ภายนอกห้อง
ก่อนจะถามออกมาด้วยท่าทางเหม่อลอย
“ท่านพ่อ เหตุใดจึงต้องเป็นลูกด้วยเจ้าคะ สตรีในแคว้นนี้ก็มีออกตั้งมากมาย องค์รัชทายาทไม่พึงใจผู้ใดเลยหรือเจ้าคะ”
“เรื่องนี้มีเหตุและผลของมันอยู่แล้ว แต่พ่อไม่สามารถบอกเจ้าได้ทุกเรื่อง เพียงแต่วันนี้พ่อมาบอกเพื่อให้เจ้าเตรียมตัวไว้เท่านั้น” หลินเจิ้งหานกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทีกังวลใจไม่ต่างจากบุตรสาว
“ท่านพ่อ เหตุใดลูกถึงรู้สึกเหมือนว่าท่านต้องการใช้ลูกเป็นบันไดเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตระกูลหลินล่ะเจ้าคะ ท่านก็รู้ว่าลูกไม่อยากเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของผู้ใดทั้งนั้น” นางหันกลับมามองบิดาด้วยความเคร่งเครียดระคนไม่เข้าใจ
“ซูหนาน เจ้าเข้าใจผิดแล้วลูกพ่อ พ่อไม่เคยคิดที่จะใช้เจ้าทำเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย” หลินเจิ้งหานกล่าวออกมา เขาเองจนใจเช่นกันในเรื่องนี้
“แต่ลูกก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีเจ้าค่ะ ว่าเหตุใดต้องเป็นลูกด้วย”
หลินซูหนานถามกลับไปด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง
“เอาเถอะ อีกไม่นานเจ้าก็จะเข้าใจเอง เจ้ามีความฉลาดเฉลียวและเข้มแข็ง พ่อเชื่อว่าเจ้าไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่พระชายาขององค์รัชทายาทได้เป็นอย่างดี แต่เจ้าจะทำให้ตระกูลหลินของเราภาคภูมิใจด้วย”
การสนทนาในครั้งนี้ ทำให้หลินซูหนานรู้สึกทั้งหวั่นไหวและกังวล ถึงแม้จะไม่สามารถทำตามความคิดของตัวเองได้ แต่ความรักและความเคารพที่มีต่อบิดา ทำให้นางยอมรับพระประสงค์นั้นอย่างจำใจ
เมื่อเวลาผ่านไป หลินซูหนานเติบโตขึ้น นางจึงเริ่มเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของบิดา นางได้เรียนรู้ว่าการแต่งงานกับองค์รัชทายาทไม่ใช่เพียงเรื่องของความมุ่งหวังทางการเมืองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นี่เป็นพระบัญชาของฮ่องเต้เนื่องด้วยเหตุผลที่สำคัญบางอย่าง นางรู้ดีว่าบิดาของนางไม่เคยมีความหลงใหลในอำนาจแม้แต่น้อย แต่ที่ทำลงไป ก็เพื่อปกป้องราชวงศ์เท่านั้น
การแต่งงานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างตระกูลหลินกับราชสำนัก แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดในการควบคุมและจับตาดูการกระทำขององค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงหวังให้หลินซูหนานเป็นเหมือนสายตาที่เฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้พระองค์ตกเป็นเหยื่อของคำยุยงหรือการแทรกแซงจากขุนนางที่สนับสนุนฝ่ายต่าง ๆ ที่อาจจะคิดก่อกบฏได้
ทว่าหลินซูหนานกลับไม่ได้รู้สึกมั่นใจอย่างคำกล่าวของบิดาเลยแม้แต่น้อย เรื่องบางเรื่องที่บิดาไม่รู้นั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไร บางครั้งบิดาของนางอาจจะมององค์รัชทายาทในแง่ดีเกินไปก็ได้นางแทบอยากจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่พบเจอมาให้บิดาฟัง แต่ก็กลัวว่าหากเล่าไปแล้วอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ หรือไม่ก็อาจจะไม่มีผู้ใดเชื่อนางเลยก็ได้ จึงได้เพียงแต่เงียบไว้ และหาวิธีที่จะไม่ต้องแต่งงานกับเขาเท่านั้น“ท่านพ่อ ข้าสามารถขอเลื่อนการแต่งงานครั้งนี้ออกไปได้หรือไม่เจ้าคะ” แม้จะรู้ว่าแทบจะไม่มีความหวัง แต่หลินซูหนานก็ยังเลือกที่จะขอร้องอีกครั้งหลินเจิ้งหานฟังคำขอของบุตรสาวด้วยความเงียบงัน เขารู้สึกถึงความทุกข์ใจและเข้าใจถึงความต้องการของนาง แต่ก็รู้ดีว่าการขอเลื่อนการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หรือเรียกว่าแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยหลินเจิ้งหานส่ายศีรษะอย่างจนใจ ขณะตอบกลับบุตรสาว“นี่คือพระราชโองการจากฝ่าบาท ยากที่ใครจะฝ่าฝืนได้ เจ้ามีปัญหาอะไรหรือลูกพ่อ ที่ผ่านมาเจ้าก็ดูเข้ากับองค์รัชทายาทได้ดีนี่ และเจ้าเองก็เคยบอกว่ายินดีที่จะแต่งกับพระองค์ ด้วยเหตุนี้พ่อจึงยอมให้เจ้าทำสัญญาหมั้นหมายจนนำมา
เผยธาตุแท้กลับมายังปัจจุบัน หลินซูหนานเดินออกมาจากห้องด้วยความรีบร้อนจนลืมหยิบเสื้อคลุมกันหนาวออกมา นางยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น แต่ความคิดที่หนักหน่วงในใจนั้น ทำให้นางลืมความหนาวเย็นไปหมดสิ้นขณะกำลังมองดูท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆหนา มือเรียวได้ลูบไปตามกำไลหยกอุ่นที่องค์รัชทายาทส่งมาให้ ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่สื่อผ่านกำไลนั้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวเย็นในใจนางจางหายไปได้เลยหลินซูหนานครุ่นคิดอยู่นาน และรู้สึกถึงความลำบากใจที่ไม่สามารถหาวิธีปฏิเสธสมรสพระราชทานครั้งนี้ได้เซียงลี่สาวใช้คนสนิทเดินเข้ามาพร้อมกับชุดคลุมกันหนาวในมือ นางเห็นคุณหนูของตนยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง ในใจนั้นทั้งทุกข์และกังวลใจไม่ต่างจากคุณหนูของตนเอง“คุณหนูเจ้าคะ กลับเข้าไปในห้องเถอะเจ้าค่ะ อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เดี๋ยวจะป่วยไข้เอานะเจ้าคะ”เซียงลี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับสวมเสื้อคลุมกันหนาวให้คุณหนู ต่อให้ความอบอุ่นจากเสื้อคลุมนี้จะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าการที่นางปล่อยให้อีกฝ่ายยืนตากลมหนาวทั้งอย่างนั้นทว่าหลินซูหนานกลับส่ายหน้าเบา
องค์รัชทายาทในฐานะของฮ่องเต้องค์ต่อไป ย่อมต้องมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งและเก่งกาจเพียงพอในการรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยอันตราย ความเข้มแข็งและความสามารถในด้านการปกครองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ก็คือการมีผู้สนับสนุนที่เชื่อถือได้และมั่นคงเพียงพอสตรีที่อยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนางจะเป็นฮองเฮาในภายหน้า ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุนและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไปการมีฮองเฮาที่มีความฉลาดเฉลียวและมีคุณธรรมสูงส่ง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับราชสำนัก และเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในวังหลังด้วยด้วยเหตุนี้ฝ่าบาทจึงพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกพระชายาเอกขององค์รัชทายาทอย่างมาก การมองหาสตรีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความสามารถในการสนับสนุนองค์รัชทายาทได้อย่างดีเยี่ยมเป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากหลินซูหนานซึ่งเป็นบุตรสาวของราชครูหลิน นางมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและเป็นที่พึงพอใจของฝ่าบาท นางมีความฉลาดเฉลียวและมีคุณธรรมสูงส่ง ทำให้ฝ่าบาทมองว่านางเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการเข้ามาเป็นพระชา
ถูกวางตัวเป็นเจ้าสาวหลินซูหนานยังจำได้ดีถึงวันนั้น เหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้ว วันที่นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงที่อยู่ในวัยเพียงสิบสามหนาว ยามนั้นชีวิตของนางเต็มไปด้วยความสดใสในขณะที่นางนั่งอยู่โต๊ะเขียนตำรา ซึ่งกำลังตั้งใจศึกษาเรื่องคัมภีร์โบราณด้วยความมุ่งมั่น แต่จู่ ๆ บิดาของนางก็เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียด“ซูหนาน พ่อมีเรื่องต้องสนทนากับเจ้า เรื่องนี้สำคัญมาก” หลินเจิ้งหานเรียกชื่อบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจเด็กหญิงเงยหน้าจากหนังสือมองไปที่บิดาด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่ทำให้บิดาของนางมีท่าทีกลัดกลุ้มเช่นนี้“ท่านพ่อมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดสีหน้าของท่านถึงได้ดูกังวลใจเช่นนั้นละเจ้าคะ”“เจ้าคงจะต้องเตรียมตัวไว้บ้างแล้วนะ สำหรับเรื่องที่กำลังจะมาถึง เพราะฝ่าบาทมีพระประสงค์จะให้เจ้าแต่งกับองค์รัชทายาทและเข้าวังบูรพา”หลินเจิ้งหานบอกกล่าวกับบุตรสาวด้วยความหนักใจ เพราะเรื่องนี้เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไร แต่ก็ไม่อาจจะขัดพระประสงค์ได้“ท่านพ่อเจ้าคะ แต่ปีนี้ลูกเพิ่งอายุเพียงสิบสามเท่านั้นนะเจ้าคะ ท่านต้องกล่าวเล่นเป็นแน่...ใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลิน
“ตามพระราชโองการของฝ่าบาท ตระกูลหลินได้กระทำความชอบมากมาย คุณหนูสกุลหลินมากด้วยความงามและจรรยามารยาทเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาเอก จึงทรงมีพระบัญชามอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูหลิน หลินซูหนานและองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และเสริมสร้างความมั่นคงในราชสำนัก ให้คุณหนูหลินแต่งเข้าวังบูรพา และดำรงตำแหน่งพระชายาเอกของรัชทายาทโดยเร็ว จบราชโองการ”“ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” สิ้นเสียงของโหวกงกง หลินซูหนานยังคงนั่งนิ่งคล้ายกับคนไม่มีสติ นั่นเพราะความตกใจและความไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทำให้นางไม่สามารถกล่าวอันใดออกมาได้ในทันที หัวใจของนางยามนี้เต้นรัวขึ้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความกังวล ความไม่เข้าใจ และสุดท้ายความหวาดกลัวเมื่อบุตรสาวยังนั่งนิ่ง ทำให้หลินเจิ้งหานบิดาของนางลุกขึ้นและก้าวขึ้นไปข้างหน้า พร้อมกับย่อกายลงคุกเข่ารับราชโองการอย่างนอบน้อมแทนบุตรสาว “กระหม่อมหลินเจิ้งหาน น้อมรับราชโองการ”โหวกงกงยื่นม้วนพระราชโองการให้หลินเจิ้งหานรับไว้ แล้วเขาก็กล่าวต่อ“ข้าได้รับคำสั่งให้มาส่งมอบพระราชโองการนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะดำเน
บทที่ 1 เหมือนโลกหยุดหมุนจวนราชครูหลินสตรีใบหน้างดงาม กิริยาเรียบร้อยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของตน ท่าทางสง่างามในทุกการเคลื่อนไหว มือขาวนวลของนางถือพู่กันด้วยความชำนาญ แสดงถึงความเป็นผู้รู้ที่สั่งสมจากการฝึกฝนมานาน นางกำลังคัดอักษรด้วยความตั้งใจ แผ่นกระดาษขาวสะอาดถูกเติมแต่งด้วยตัวอักษรที่งดงามอ่อนช้อยและเป็นระเบียบ เสียงของพู่กันยามตวัดลงบนกระดาษดังก้องภายใต้ความเงียบสงบบุตรสาวของท่านราชครูนามว่าหลินซูหนานผู้นี้ เป็นหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลมและเข้มแข็งยิ่ง นางไม่เคยยอมให้ใครมารังแกโดยไม่ตอบโต้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนหวานอยู่ในตัว ทุกการกระทำและถ้อยวาจาที่เอื้อนเอ่ยมักแสดงออกถึงความสง่างาม นางเป็นโฉมสะคราญที่มีจิตใจกล้าแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเมตตาและอ่อนโยนต่อผู้ที่สมควรได้รับไม่เพียงแค่บุคลิกที่ดูสง่างามเท่านั้น หลินซูหนานยังเป็นหญิงสาวที่มีความงามที่สามารถสะกดทุกสายตาที่พบเห็นได้อย่างยิ่งยวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวานละมุน ผิวพรรณขาวนวลละเอียดดุจหยก เนื้อแก้มมีสีระเรื่อ ราวกับกลีบดอกบ๊วย ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนดูชุ่มชื่นดุจดอกไม้ที่





![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

