บทที่ 1 อันตราย
พราวดาวแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำด้วยความสบายใจ ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่กับแฟรงค์เธอถึงได้รู้สึกปลอดภัย อาจจะเพราะเขาเป็นมาเฟีย ลูกน้องเยอะ และไม่มีใครกล้าเข้ามาทำร้ายละมั้ง หรือเป็นเพราะอะไร...
“ขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว ไม่สบายมาจะมาโทษฉันไม่ได้นะ” แฟรงค์ยื่นมือไปหาพราวดาวที่ยังทำหน้ามุ่ยไม่อยากขึ้นจากน้ำ เธอแลบลิ้นใส่เขาแล้วแหวกว่ายต่อ “ป่วยมากูจะเย็xให้หายไข้เลยคอยดู” มาเฟียหนุ่มขบกรามแน่นก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ หยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบระบายความหงุดหงิด
“แฟรงค์” เสียงหวานเอ่ยเรียก
“มีไร”
“วันนี้ไม่เอาได้ไหม เบื่อนิดหน่อย”
“แล้ว?”
“ก็ไม่แล้วไง รู้สึกเพลีย ๆ อยากนอนพักมากกว่า”
“อืม เอาไว้จะพิจารณาดูอีกที แต่ถ้ามึงน่าเอา! ก็ช่วยไม่ได้”
“โรคจิต! ฉันรู้นะว่าแกเอารูปฉันไปชักว่าวบ่อย ๆ”
“ก็เฉพาะตอนที่เธอห่างฉันไหมวะ”
“เออ ๆ ไม่คุยแล้ว รำคาญ!”
“พราว” แฟรงค์เอ่ยเรียกคนตัวเล็กเสียงเรียบ มุมปากหนายกยิ้มยั่วยวนเมื่อมองไปเห็นร่องอกเบียดแน่น ที่กำลังกระเพื่อมไปมาตามจังหวะการก้าวเดินของนางแบบสาวระหว่างอยู่ในสระว่ายน้ำ
“เรียกแล้วยิ้ม คิดอกุศลกับฉันอยู่เหรอ”
“รู้ใจฉันเหลือเกินนะ”
“ในสมองคงมีแต่เรื่องพวกนั้น เลยไม่ต้องเดาอะไรยากค่ะ ขอโทษนะคะ...” หญิงสาวเบ้ปากใส่อย่างล้อเลียนแล้วกระโดดขึ้นมานั่งขอบสระ “มองอย่างเดียว วันนี้ไม่ให้เอา”
“แล้วถ้ากูจะเอา ใครจะห้ามวะ” แฟรงค์เลียริมฝีปากเบา ๆ จดจ้องร่างบางด้วยแววตากระหายสุด ๆ ยิ่งพราวดาวขยับกายนิดหน่อย เขาก็แทบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้ว
“เลิกมองแบบนั้นได้ละ เห็นแล้วอุบาทว์” พราวดาวเบ้ปากแล้วเดินนวยนาดมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแฟรงค์ เธอยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นไปวางพาดบนหน้าตักชายหนุ่ม หยิบบุหรี่ไฟฟ้าที่แฟรงค์เพิ่งวางลงขึ้นมาดูดแล้วพ่นควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “วันนี้รู้สึกเบื่อจริง ๆ ตั้งแต่เดินแบบละ รู้สึกไม่อยากทำอะไรเลยสักอย่าง”
“เบื่อทุกวัน” แฟรงค์ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ลูบไล้เรียวขาพราวดาวเบา ๆ “มีวันไหนไหมที่เธอไม่เบื่อ”
“มีดิ วันที่ได้ไปเที่ยวไง”
“ประจำ”
“เออ! แล้วเรื่องคู่หมั้นแกอะ เอาไงต่อเหรอ”
“ทำไมจู่ ๆ ถามเรื่องนี้”
“แกน่ะเป็นบ้าเหรอ ฉันก็ต้องถามดิ จะได้ห่างแกบ้างไง และถ้าแกกับคู่หมั้นคนนั้นหมั้นกันจริง ๆ แกกับฉันก็ต้องจบเรื่องนี้ กลับไปเป็นเหมือนเดิม” ใบหน้าคมคายเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยกับคำพูดนั้น
“เอากันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ปล่อยในบ้าง ไม่ปล่อยบ้าง เธอคิดว่าความสัมพันธ์เราจะกลับไปเป็นแบบเดิมได้จริงดิ?” เขาถามอย่างยียวน แปลกที่แฟรงค์รู้สึกว่ามันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“สำหรับฉันมันก็เหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่นายกับฉันตกลงกันไว้ แค่เอากันและห้ามคิดอะไรเกินเลย” พราวดาวพูดประโยคนั้นออกมาหน้าตาเฉย เธอไม่รู้สึกอะไรเลยจริง ๆ เหรอ
“อืม...งั้นต้องทบทวนความจำหน่อยแล้ว เพราะฉันมันเป็นพวกลืมง่าย”
“แฟรงค์...ไม่เอา บอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่มีอารมณ์”
“แต่กูมี...” แฟรงค์พ่นลมหายใจออกเบา ๆ สะกดกลั้นอารมณ์กระสันไว้ มันจุกแน่นที่อกแทบจะระเบิดเมื่อร่างเล็กพยายามยั่วยวนเขาให้ตบะแตก “ไม่อยากให้เอาก็อย่ายั่ว เพราะถ้ากูตบะแตกขึ้นมา คนที่จะโดนแหกคือมึง...”
“พูดกับฉันไม่ขึ้นกูมึงมันจะตายไหม แล้วเวลาพูดกับคนอื่นแทนตัวเองผม ๆ น่าหมั่นไส้ว่ะ!” เธอถีบขาแฟรงค์เบา ๆ แล้วชักเท้ากลับมา ปรายตามองมาเฟียหนุ่มด้วยความไม่พอใจ
“ก็ชินปาก”
“ช่างเถอะ เบื่อจะเถียงกับนาย” พราวดาววางบุหรี่ไฟฟ้าลงบนโต๊ะก่อนที่จะลุกขึ้น แล้วลงไปว่ายน้ำต่อ ระหว่างนั้นแฟรงค์เลื่อนสายตาไปมองโทรศัพท์มือถือพราวดาวที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขา มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มแล้วกดรับสาย เพราะเป็นเบอร์ผู้จัดการคนสนิทของนางแบบสาว
“ว่าไงครับ”
(อ้าวคุณแฟรงค์ น้องพราวอยู่ไหนเหรอคะ)
“ว่ายน้ำครับ”
(อ๋อ พอดีพี่จะโทร. มาบอกว่าพรุ่งนี้น้องพราวมีคิวถ่ายแบบชุดว่ายน้ำช่วงบ่ายโมงค่ะ)
“ชุดว่ายน้ำเหรอครับ”
(ค่ะ)
“อืม...เอาไว้จะบอกเธอให้แล้วกัน” แฟรงค์กดวางสาย สายตาเขาจดจ้องร่างบางแล้วยกยิ้มมุมปาก “ผู้จัดการเธอโทร. มา”
“ว่ายังไง นายรับสายเหรอ”
“อืม”
“ว่ายังไง” พราวดาวถามย้ำคำเดิมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแฟรงค์ยังไม่ยอมตอบคำถามเธอสักที “ยังไง ยิ้มอะไรนักหนา” คนตัวเล็กเริ่มถามเสียงเข้มเมื่อคนตัวโตยังยียวนไม่ยอมตอบ
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“ไม่เชื่อ”
“งั้นก็ขึ้นมาดิ” แฟรงค์ลุกออกจากโต๊ะแล้วยื่นมือไปตรงหน้า พราวดาวว่ายมาเกาะขอบสระว่ายน้ำ เงยหน้ามองชายหนุ่ม “ไม่อยากรู้เหรอว่าผู้จัดการโทร. มาทำไม”
“อย่ามาเจ้าเล่ห์”
“ฮึ...ขึ้นมาก่อน เดี๋ยวปอดบวมเล่นงาน กูไม่ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลนะ”
“ทะลึ่ง!” เพราะสายตาเขาที่จดจ้องแต่หน้าอก เธอจึงเอ็ดแล้วกระโดดขึ้นมานั่งขอบสระ แฟรงค์ชักมือกลับแล้วเดินไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวดาวอีกรอบ “โทรศัพท์มือถือฉันอยู่ไหนแฟรงค์” นางแบบสาวเดินนวยนาดมาหาโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะแต่กลับว่างเปล่า มองไปหาแฟรงค์อีกทีก็พบว่าเขาหมุนควงมันเล่นอยู่
“อยากได้เหรอ ให้กูเอาดิ”
“พูดไม่รู้เรื่อง”
“งั้นโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้คงไม่จำเป็นแล้วละ”
จ๋อม!
โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูถูกโยนลงไปในน้ำโดยฝีมือแฟรงค์ เขาไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตนเองเลยสักนิด แถมยังยิ้มมุมปาก มองหน้าเธออย่างยียวนกวนโทสะพราวดาว แต่หากเธอคล้อยตามเขา อาจจะเป็นประสาทตายไปแล้วก็ได้ เพราะงั้นเธอจึงไม่แสดงออกว่ากำลังโกรธเขาอยู่
“เอาละ ฉันรู้ว่านายอยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร แต่การกระทำของนายบางทีมันก็ใช้ไม่ได้สำหรับฉัน เพราะงั้นลงไปเอาโทรศัพท์ของฉันขึ้นมา” ร่างเล็กเท้าสะเอวออกคำสั่งมาเฟียหนุ่ม
“บอกแล้วไง ถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนเยอะเกินไปมันก็ไม่สนุก ยอมกันง่าย ๆ ตั้งแต่แรกก็จบ”
“อยากให้ยอมง่าย ๆ ก็ไปหาผู้หญิงที่ยอมให้นายเอาง่าย ๆ สิ ชอบไม่ใช่เหรอ”
“เอาง่ายไปก็น่าเบื่อ” มาเฟียหนุ่มจิ๊ปากด้วยความเบื่อหน่ายแล้วหันหลังเดินเข้ามาในห้องพัก พราวดาวกลอกตากับความเอาแต่ใจของแฟรงค์ แต่ทว่าจังหวะที่เธอจะกระโดดลงไปเอาโทรศัพท์ ลูกน้องเขาก็เดินมารั้งตัวเธอออกจากขอบสระฯ แล้วก็ลงไปเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาให้พราวดาว
“ดีนะโทรศัพท์กันน้ำ ไม่งั้นนะ...” นางแบบสาวบ่นอุบแล้วเดินเข้ามาในห้องพัก แฟรงค์นั่งเล่นเปียโนสบายใจเฉิบ “จะกลับแล้วนะ พรุ่งนี้ฉันก็ไม่ได้ว่างมาหานายด้วย ถ้าเกิดเสี้ยนขึ้นมาก็ใช้มือ...ไปก่อนนะ” พราวดาวทำท่ารูดรั้งมืออย่างทะลึ่ง แล้วจึงเดินผ่านหน้าชายหนุ่มไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด
เสียงเปียโนดังก้องไปทั่วห้องพักสุดหรูหรา คลอกับเสียงฮัมเพลงของแฟรงค์ พราวดาวที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอยืนกอดอกพิงกรอบประตูมองเขาผ่านแววตาที่ยากจะอธิบายความรู้สึกนี้
“ฉันกลับแล้วนะ”
“...” คำพูดของพราวดาวไม่ได้รับความสนใจจากแฟรงค์ เขายังจดจ่อกับการเล่นเปียโน เหมือนภายในห้องนี้มีแค่เขากับเปียโนตัวโปรดนั้น
พราวดาวเดินออกมาจากห้องชายหนุ่มก็พบกับลูกน้องของแฟรงค์ที่เตรียมพร้อมจะไปส่งเธอที่คอนโด โดยไร้ซึ่งร่างหนาของผู้เป็นเจ้านายพวกเขาเดินมาส่งเธออย่างที่เคยทำ
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เธอนั่งอยู่ในรถยนต์หรู ไม่นานก็มาจอดสนิทอยู่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดมิเนียมพราวดาว นางแบบสาวเปิดประตูก้าวลงจากรถ คลี่ยิ้มให้ลูกน้องแฟรงค์เล็กน้อยแล้วเดินฝ่าความมืดสลัวไปเข้าลิฟต์ขณะเดียวกันรถลูกน้องแฟรงค์ก็เคลื่อนตัวออกไปเช่นกัน
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของคนสองคนเดินตามหลังพราวดาวมาห่าง ๆ หญิงสาวหอบหายใจแรงเมื่อรู้ตัว เธอกำสายกระเป๋าแน่น ล้วงลงไปหยิบสเปรย์พริกไทยที่ผู้จัดการซื้อให้ใช้ยามฉุกเฉิน
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปในลิฟต์ แต่ทว่าสองคนนั้นก็รีบวิ่งตามเหมือนกัน
“อ๊ะ!”
ปึก!
พราวดาวถลามาตามแรงกระชากผม เธอล้มลงจนหัวเข่ากระแทกกับพื้นอย่างแรง
“คนสวย...คนสวยนี่ใครก็อิจฉานะว่าไหม”
“พวกแกเป็นใคร! อย่านะ” หญิงสาวหยิบสเปรย์พริกไทยออกมาแล้วฉีดใส่หน้าสองหนุ่มจนพวกเขาร้องโอดโอย เธอจึงใช้โอกาสนั้นรีบลุกขึ้น วิ่งออกมาได้เพียงสองก้าวก็ถูกรวบแขนไว้
เพียะ!
หลังมือหนาฟาดเข้าที่ข้างแก้มพราวดาวอย่างแรง เธอพยายามสู้จนลืมความเจ็บปวด แต่ทว่าลูกน้องแฟรงค์ก็กลับมาช่วยทัน ปืนสองกระบอกจ่อขมับสองหนุ่มร่างสูงใหญ่ ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยพราวดาว
“คุณพราวเจ็บตรงไหนไหมครับ”
“พราวโอเคค่ะ” เธอตอบกลับพลางเช็ดเลือดออกจากมุมปาก แต่แปลกที่ตอนนี้เธอรู้สึกน้อยใจให้แฟรงค์มาก ๆ
“ผมจะจัดการเอง ขึ้นห้องเถอะครับ”
“ค่ะ...”
ตอนพิเศษ 2 วันต่อมา แฟรงค์นั่งขัดสมาธิพับใบตองตามที่พราวดาวสั่ง ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ปูเสื่อนั่งทำกระทงของตนเองอยู่ในสวน เพราะวันนี้เจ้านายจะพาออกไปเที่ยวข้างนอก “เท” หนูพิ้งค์ยื่นดอกไม้ให้แล้วขยับตัวไปนั่งบนหน้าตักของเทนต์ ทำเอาแฟรงค์หยุดชะงักเหลือบตามองลูกน้องอย่างเอาเรื่อง “คุณหนูทำกระทงไหมครับ เดี๋ยวผมสอนพับกระทงนะ” เทนต์ไม่ได้มองเจ้านายและสอนคุณหนูพับใบตองทำกระทงเล็ก ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยเรียกความสนใจจากเหล่าแม่บ้านและบอดีการ์ดคนอื่นได้เป็นอย่างดี “หนูพิ้งค์อยู่กับเทนต์ก็ดีแล้วค่ะ แกจะได้ไม่ป่วนคนอื่น” พราวดาวห้ามแฟรงค์ที่ตั้งท่าจะเดินไปหาลูกสาว แต่กลับถูกพราวดาวรั้งตัวไว้ด้วยคำพูด “หนูพิ้งค์แกเป็นเด็กเรียบร้อยนะคะ” “เฮ้อ...เรียบร้อยแล้วยังไง แฟรงค์ห่วงลูกมากอยู่ดี” “แฟรงค์ห่วงลูก หวงลูกอะได้ พราวไม่ห้ามหรอกค่ะ แต่คนในบ้านเว้นไว้ได้ไหม อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ช่วยเลี้ยงยายหนูมานะ” “คนในบ้านก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไร ยิ่งหนูพิ้งค์สนิทกับเทนต์มากแค่ไหนแฟรงค์ยิ่งไม่ชอบ” มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วแน
ตอนพิเศษ 1 หนึ่งปีต่อมา กาลเวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว แต่ความรักของเขาและเธอยังคงสดใสเหมือนวันแรกที่คบกัน “หนูพิ้งค์อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวล้มคุณแม่ไม่โอ๋นะคะ” นางแบบสาวดุลูกสาวตัวน้อยที่กำลังอยู่ในวัยซุกซน เธอวิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน และได้หันมามองหน้าแม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่แม่บอก “หนูจะให้เทโอ๋” เด็กน้อยที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไรตอบกลับแม่ ทำเอาพราวดาวอึ้งกินกับสิ่งที่ได้ฟัง “หนูไปเอาคำพูดพวกนั้นมาจากไหนคะเนี่ย หนูพูดแบบนั้นไม่ได้นะคะหนูพิ้งค์” “หนูจะไปหาเท” ว่าจบก็วิ่งหน้าตั้งจนปลายผมถักเปียสะบัดไปมาไปหาเทนต์ที่ห้องพักบอดีการ์ด เด็กน้อยมาแอบอยู่ที่ประตูห้องแล้วกวาดสายตามองหาคนที่จะมาหา เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงวิ่งไปกอดขาเทนต์ไว้แน่นจนชายหนุ่มตกใจ “คุณหนูครับ เล่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าผมถือของมีคมอยู่จะทำยังไง” เทนต์ย่อเข่านั่งลงตรงหน้าหนูพิ้งค์แล้วลูบผมออกจากพวงแก้มแดงปลั่งจากการวิ่งมา เด็กน้อยยังอยู่ในอาการหอบหายใจเร็ว “ไปเย็งกัง” “ไม่เล่นแล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่” “เย็งกัน” ม
บทที่ 69 ตอนจบ หลายเดือนต่อมา “คุณหนูไม่เล่นนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อดุเอานะ” เทนต์ลูกน้องคนสนิทแฟรงค์กำลังดุคุณหนูตัวน้อยที่กำลังซนเดินเล่นรอบบ้าน วันนี้มีการนัดกินข้าวและประชุมใหญ่ของตระกูลโสภณ เขากับพี่เลี้ยงคุณหนูพิ้งค์อีกคนจึงต้องพาเธอออกมาเดินเล่นที่สวน เพราะบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารไม่ค่อยดีเท่าไร “แอ๊ะ~” เด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเดินเตาะแตะล้มบ้างไม่ล้มบ้าง เธอหัวเราะขบขันที่เห็นเทนต์วิ่งตามมาจับแล้วอุ้มขึ้นไปแนบอก “ปาปะ” “ไม่ใช่ครับ ไม่ปะป๋าครับ” เขาปัดเศษหญ้าออกจากตัวคุณหนูแล้วพาเธอเดินไปนั่งลงบนม้านั่ง หนูพิ้งค์นั่งนิ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจพลางปรบมือแปะ ๆ เมื่อเทนต์ไกวชิงช้าไปมาเบา ๆ “ชอบเหรอครับ” “อื้อ~” เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วแหงนมองหน้าเขา หนูพิ้งค์ส่งสายตาหวานเยิ้มและรอยยิ้มที่ทำเอาคนทื่อ ๆ แข็งกระด้างเป็นต้องโอนอ่อนและเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “เท...” หนูพิ้งค์เอนตัวไปซบอกแกร่งอย่างออดอ้อนออเซาะ นิ้วน้อย ๆ เขี่ยแก้มเทนต์เบา ๆ พลางทำปากยื่น ๆ “คุณหนูจะเอาอะไรครับ” “หม่ำ ๆ กิงหม่ำ ๆ” “อา...นา
บทที่ 68 ความรัก ในช่วงชีวิตนางแบบคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะดังเป็นพลุแตก หรือดับอนาถไม่ได้เฉิดฉายอยู่ในวงการ แต่วันนี้มีผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้ว่าบนโลกใบนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังมีเขาที่เป็นดั่งลมหายใจและทุก ๆ อย่างในชีวิต “ขอบคุณมากนะที่รักที่ดูแลกันมา” พราวดาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเอี้ยวหน้ามายิ้มให้คนรักซึ่งแฟรงค์ยืนโอบเอวเธออยู่ด้านหลัง มาเฟียหนุ่มกดปลายจมูกลงบนไหล่มนอย่างแผ่วเบา “หากไม่ใช่เธอ ฉันเองก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหน ชีวิตดำเนินไปในทางไหนมากกว่ากันระหว่างเป็นคนเลวกับเป็นคนดี แต่เพราะมีเธอ ชีวิตฉันถึงดีขึ้น เธอเองก็เป็นดั่งดวงใจของฉัน” “ปากหวานแบบนี้อยากให้พราวมีน้องให้หนูพิ้งค์เหรอคะ” แฟรงค์คลี่ยิ้มชอบใจกับคำถามเชิงหยอกล้อแฟนสาว แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าหยอก แต่เขากลับรู้สึกดีจนต้องซุกหน้าลงกับไหล่พราวดาว หลบสายตาเธอด้วยความเขินอาย “อย่ามาพูดดีกว่า ในเมื่อไม่อนุญาตให้มีอะ” แฟรงค์เบะปากใส่พราวดาว เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าจะยังไม่มีลูกคนที่สองถ้าหนูพิ้งค์ยังไม่สองขวบ “จริง ๆ แล้วลูกอาจจะอยากมีน้องนะ” แฟ
บทที่ 67 ครอบครัว หลายเดือนต่อมา พราวดาวอุ้มลูกน้อยในวัยเจ็ดเดือนไปที่สวนหลังบ้าน เพราะคุณปู่คุณย่ารอเล่นกับหลานอยู่ที่นั่น วันนี้เป็นวันคริสต์มาสเลยมีการแลกของขวัญกันหน่อย “หลานปู่มาแล้ว” พอพิ้งค์ได้ยินเสียงคุ้นหู เธอก็กรีดร้องและดีดดิ้นดีใจที่เห็นหน้าปู่กับย่า “มาหาปู่มาลูก” คาร์ลลุกขึ้นมาอุ้มหลานสาวมาแนบอก พร้อมทั้งหอมแก้มหนูพิ้งค์ไปหนึ่งฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงมาก ๆ แม้ว่าพราวดาวจะไม่ได้ย้ายมาอยู่กับเขาตามที่พูดกันไว้ แต่ก็พาหลานสาวมาหาทุกวัน ทว่าความคิดถึงปู่กับย่าก็มีให้ทุกวันเหมือนกัน “แอ๊ะ~” หนูพิ้งค์ส่งเสียงอ้อแอ้มองหน้าปู่กับย่าด้วยรอยยิ้มสดใส เธอยกมือขึ้นมาลูบแก้มปู่แล้วซบหน้าลงกับบ่า “นี่หนูง่วงนอนเหรอเนี่ย หรือว่าอยากได้อะไรครับ” “พ่อไม่ต้องตามใจพิ้งค์เลย เดี๋ยวเอาแต่ใจ เสียนิสัยอีก” แฟรงค์รีบดักทางพ่อกับแม่ไว้ เพราะท่านทั้งสองเอาใจและตามใจหนูพิ้งค์เก่งพอ ๆ กับตามใจลูกสะใภ้ พราวดาวคลี่ยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นปู่ย่าทำหน้าสลดเมื่อถูกลูกชายปรามไว้ “ความสุขของท่านค่ะ ให้แกทำเถอะ” “ไม่ได้
บทที่ 66 ความสุข “มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกน่าเพื่อน มึงออกจะหล่อ สูงยาวขาวตี๋แบบนี้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าหา” หมอพีทหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกอย่างหนักแล้วหันมองหน้าแฟรงค์อย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ก็ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็ดีดิ กูเจอแต่คนไม่จริงใจ” “เออน่า ครั้งนี้ต้องเจอคนที่ดีแน่” “สองปีครั้งเนี่ยนะ” “เออ ดีกว่าไม่มีคนมาจีบแล้วกัน” “แหม...มึงมีเมียแล้วก็พูดได้ดิ กูยังไม่มี มันหายากเว้ย!” แฟรงค์หัวเราะขบขันกับสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของเพื่อนรัก “มีเมียไม่พอ ยังหลงลูกหลงเมียอีก” “ก็ธรรมดาไหมวะ” หมอพีทกลอกตามองบนกับสิ่งที่ได้ยิน “เออ...มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคุณพ่อป้ายแดงขาโหดอย่างแฟรงค์หลงลูกหลงเมียมากแค่ไหนน่ะ” “ก็จริง ไม่กล้าเถียงเลย” แฟรงค์ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก “ทำอะไรกันครับ” แฟรงค์เดินไปหาพราวดาวแล้วโน้มตัวลงไปโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ “กำลังกินน้ำร้อนอยู่ค่ะ คุณแม่โทร. มาบอกให้พราวกินน้ำร้อนบ่อย ๆ แล้วเดี๋ยวอีกสิบห้าวันท่านจะมาหาและให้พราวอยู่ไฟ