Home / รักโบราณ / กลิ่นพิษบุปผา / บทที่ 2 ยึดตัวตน

Share

บทที่ 2 ยึดตัวตน

last update Huling Na-update: 2025-09-07 18:17:36

บทที่ 2 ยึดตัวตน

หลานฮวาเงยหน้ามองบิดาและแม่ใหญ่

แววตาเรียบสนิท ริมฝีปากยังคงยิ้มบาง…แต่ไร้ความอบอุ่น

“หากจะให้ข้าแต่งงานแทนพี่หลานเมย…”

“เช่นนั้น ทุกสิ่งที่เคยเป็น และกำลังจะเป็นของนางต้องเป็นของข้า”

เสียงของนางชัดเจน หนักแน่น ราวกับกำลังประกาศกลางห้องโถง ไม่มีวาจาใดของบิดาหรือแม่ใหญ่แทรกขึ้นมาได้ในขณะนั้น

แม้แต่สายตาของบ่าวไพร่ที่ยืนอยู่โดยรอบ ก็ยังต้องก้มหน้าหลบ

“ตั้งแต่เกิดมา ข้าไม่เคยได้แม้แต่หยาดน้ำนมจากมารดา ถูกส่งขึ้นเขา ถูกลืมเลือน…ในขณะที่หลานเมยได้ทุกอย่าง ทั้งความรัก ทั้งชื่อเสียง ทั้งเรือนทั้งหอ”

นางก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว สายลมยามสายพัดชายอาภรณ์ให้โบกเบา เหมือนคำประกาศของนาง กำลังจารไว้ในฟากฟ้าเหนือจวน

“ในเมื่อพี่สาวตายไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้ข้าจะรับทุกสิ่งของนางไว้ แม้แต่คนรับใช้ที่เคยดูแลนางก็ต้องมาดูแลข้า ในฐานะ…คนที่ยังมีชีวิตอยู่”

บิดานางอ้าปากเหมือนจะเอ่ยคำใดแต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมาทัน แม่ใหญ่ก็เพียงบีบพัดในมือแน่นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววไม่สบอารมณ์ แต่ก็จำต้องกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม

“ได้สิ เอาอย่างเจ้าว่าเลย เดี๋ยวพ่อจัดการให้”

เรือนเมฆขาว คือชื่อที่จารึกไว้หน้าประตูไม้ฉลุลายงาม เรือนที่สร้างแยกออกมาจากส่วนในของจวน ถูกจัดไว้ให้เป็นที่อยู่ของ หลานเมย หลังแต่งออก

แม้เจ้าของเรือนจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว แต่ภายในกลับยังคงถูกดูแลอย่างดีทุกอย่างดูเหมือนถูกแช่แข็งไว้ในเวลา…ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

“คุณหนูโปรดเข้าด้านในเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะให้สาวใช้ช่วยจัดเสื้อผ้า” เสียงนางปั้นหน้ายิ้มของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น

หลานฮวาเพียงพยักหน้า แล้วก้าวข้ามธรณีเรือนด้วยฝีเท้านิ่งเรียบ ทันทีที่ประตูกระดกเปิดออก…กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของบุปผาแห้งจากเครื่องหอมยังไม่จาง

ม่านโปร่งสีเงินแขวนอยู่เหนือเตียงมุก

ชุดเจ้าสาวสีแดงลายปักดอกเหมยวางไว้เรียบร้อยบนหีบงาช้างด้านข้างลวดลายบนผ้างดงามเกินจะเปลี่ยนแปลง…เพราะถูกสั่งตัดมาพอดีสำหรับ หลานเมย

หลานฮวากวาดตามองไปโดยรอบในใจของนางหาได้อ่อนไหว…ตรงกันข้ามหัวใจกลับยิ่งแข็งกระด้างแน่นหนัก เมื่อมองเข้าไปในตู้เสื้อผ้าเห็นเพียงชุดสีชมพูดกลีบดอกบัว

“ตั้งแต่วันนี้ที่นี่จะเป็นของข้าทุกฝืนผ้า ทุกหยกงาม ทุกคำปักชื่อ…จงกลายเป็นของหลานฮวา”

นางยื่นมือไปแตะเบา ๆ ที่ขอบหีบแต่ก่อนที่ปลายนิ้วจะสัมผัส ผ้าม่านบาง ๆ ข้างเตียงกลับพลิ้วไหว สายตาของนางพลันเหลือบไปเห็นซองจดหมายผืนหนึ่งซ่อนอยู่ระหว่างรอยแยกของเบาะรองนั่งกับพนักเตียง

“เจ้าไปได้แล้ว” นางเอ่ยไล่สาวใช้คนสนิทนามว่าซูซูที่เคยรับใช้หลานเมย หลานฮวาเลือกใช้คนเก่าของหลานเมย นั่นก็เพราะนางไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ หลานฮวาไม่ไว้ใจผู้ใด แม้แต่คนที่หลานเมยใกล้ชิดมากที่สุด คนที่ใกล้ชิดอาจจะเป็นคนที่แทงข้างหลัง อาจจะเป็นคนของพวกนั้น

หลังจากประตูเรือนถูกปิดลง นางเงียหูฟังจนแน่ใจแล้ว่าไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณนี้หลานฮวาค่อย ๆ หยิบมันออกมา

แผ่นกระดาษบางเบามีตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมืออ่อนหวาน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • กลิ่นพิษบุปผา   บทที่ 5 พบคนรักของคนที่ต้องแต่งด้วย

    บทที่ 5 พบคนรักของคนที่ต้องแต่งด้วยเสียงดนตรีอ่อนโยนจากสายพิณในสวนหลวงด้านทิศตะวันออกของจวนเสนาบดีจ้าวดังคลอไหวไปกับสายลม หลานฮวาสวมชุดคลุมตัวยาวสีดำขลับ เดินทอดน่องอย่างสง่างามตามคำสั่งของผู้เป็นบิดาให้ไปพบว่าที่สามี คนที่จะต้องร่วมชีวิตด้วยหลังจากนี้ บุรุษที่พี่สาวของนางเคยถูกหมั้นหมายไว้กับเขาศาลาริมสระบัวในสวนด้านทิศตะวันออกของจวนเสนาบดีจ้าวในยามบ่ายคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุปผาหอมจาง ๆ ดนตรีจากสายพิณดังแผ่วราวเลือนลางในความทรงจำ หลานฮวาเดินเข้าสู่ศาลาอย่างเงียบงัน สีหน้าเรียบนิ่งราวไม่มีอะไรในโลกนี้จะแตะต้องใจนางได้อีกแล้วบนม้านั่งหินในศาลา หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งก้มหน้า เช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าปักลาย ‘หลานเมย’ บนขอบผืนอย่างบรรจงหลานฮวาหยุดมองครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เจ้าหยิบมาจากเรือนของหลานเมยสินะ”หญิงสาวสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ“เจ้า…หลานเมย”หลานฮวายกยิ้มมุมปาก นิ่ง ไม่ตอบในทันที นางจ้องมองหญิงสาวผู้นั้น พลางมองเงาตนเองที่สะท้อนในสระ…เป็นเงาของผู้ที่ยังมีชีวิต แต่อีกคนกลับหายไปจากโลกนี้ก่อนที่หลานฮวาจะทันได้พูดอะไร เสียงฝีเท้าหนักแน่นดัง

  • กลิ่นพิษบุปผา   บทที่ 4 ยาพิษในราตรี

    บทที่ 4 ยาพิษในราตรีคืนแรกของการมาเยือนจวนสกุลจ้าว ค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกคือ แสงจันทร์ฉาบลงบนหลังคาจวนเสนบดีจ้าว ราวกับแสงสุดท้ายก่อนพายุร้ายจะกระหน่ำลงมาดวงจันทร์ลอยลับหลังม่านเมฆ ทิ้งให้เงาค่ำครองทั่วเรือนจวนเสนาบดีลมเย็นเฉียบแทรกเข้าระหว่างซี่หน้าต่างราวกับเสียงกระซิบจากโลกวิญญาณและนั่นคือคืนแรกที่หลานฮวาเดินทางกลับมา…ลมเย็นหอบกลิ่นสมุนไพรประหลาดบางอย่างลอยผ่านหน้าต่างบานเล็กของห้องครัวใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่า กลิ่นหอมนั้นไม่ใช่กลิ่นของเครื่องปรุง แต่คือ พิษ จากยอดเขาอันไร้ผู้คนพิษนิมิตเงาเป็นยาที่ท่านทวดเคยเตือนนางมิให้ใช้ หากไร้เหตุจำเป็น มันไม่ฆ่า ไม่เจ็บ ไม่ปรากฏร่องรอย แต่จะชักนำผู้ถูกพิษเข้าสู่ห้วงฝันอันสั่นคลอนความจริงบิดเบือนเวลา ความทรงจำ และดึงเอาความกลัวที่ซ่อนลึกที่สุดมาเปิดโปง และหลานฮวา…เลือกใช้มันลงมือในคืนนี้เมื่อเรือนของหลานเมยกลายเป็นของนางเมื่อนางก้าวเข้ามาแทนที่พี่สาวเมื่อต้องเริ่ม ล้างบัญชี และตามหาความจริงในฝันฮูหยินจ้าว กรีดร้องสุดเสียงเมื่อร่างของนางตกลงจากหน้าผาสูงชัน ผ้าคลุมศีรษะสีแดงของเจ้าสาวพันรัดรอำคอนาง ดึงรั้งให้นางดิ่งลึกลงไปในหุบเหวที่ไ

  • กลิ่นพิษบุปผา   บทที่ 3 สายใย

    บทที่ 3 สายใยความเงียบในเรือนเมฆขาวหนักอึ้งจนได้ยินแม้เสียงลมหายใจตนเอง แสงแดดยามบ่ายส่องลอดม่านบาง ๆ สะท้อนบนผืนกระดาษสีขาวซีดในมือหญิงสาว ราวกับฉายให้เห็นเงาของอดีตอันเจ็บปวดที่ซุกซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด…หลานฮวานั่งลงช้า ๆ บนเบาะ หน้าตรงกับแสง พับชายอาภรณ์เรียบร้อยก่อนจะค่อย ๆ คลี่จดหมายนั้นออกสายตาก้มมองจดหมายที่เริ่มคลี่ออกอย่างระมัดระวัง ตัวอักษรหวัด ๆ อ่อนช้อย ลายมือที่นางเคยคุ้นแต่เลือนหายไปจากความทรงจำ เป็นลายมือของคนที่เคยเขียนชื่อของนางบนกล่องไม้ใต้ต้นหลิว…ครั้งยังเยาว์วัย ตัวอักษรทุกตัวถูกจรดด้วยมือละเมียดละไม น่าจะเขียนด้วยน้ำหมึกชั้นดี เพราะยังไม่ซีดจางแม้ผ่านกาลเวลาถึงฮวาเอ๋อร์ของพี่…ข้าคงเห็นแก่ตัวมากที่เขียนจดหมายฉบับนี้ไว้โดยไม่บอกใครแต่หากเจ้าได้อ่าน แสดงว่าข้าไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วจริง ๆข้ารู้ ว่าจดหมายฉบับนี้อาจไม่มีวันไปถึงเจ้าแต่ข้าก็ยังเขียน ด้วยความหวังบาง ๆ ว่า… หากข้าหายไปจริง ๆจะมีใครซักคน…อาจเป็นเจ้า…ที่ได้อ่านมันข้าไม่รู้ว่าข้าเกิดมาเพื่อตัวเอง หรือเพื่อเป็นภาพลวงตาที่ครอบครัวนี้ใช้บังแสงเงาของเจ้าเจ้าคือข้า และข้าก็คือเจ้า เราคือเงาสะท้อนกันและกัน

  • กลิ่นพิษบุปผา   บทที่ 2 ยึดตัวตน

    บทที่ 2 ยึดตัวตนหลานฮวาเงยหน้ามองบิดาและแม่ใหญ่แววตาเรียบสนิท ริมฝีปากยังคงยิ้มบาง…แต่ไร้ความอบอุ่น“หากจะให้ข้าแต่งงานแทนพี่หลานเมย…”“เช่นนั้น ทุกสิ่งที่เคยเป็น และกำลังจะเป็นของนางต้องเป็นของข้า”เสียงของนางชัดเจน หนักแน่น ราวกับกำลังประกาศกลางห้องโถง ไม่มีวาจาใดของบิดาหรือแม่ใหญ่แทรกขึ้นมาได้ในขณะนั้นแม้แต่สายตาของบ่าวไพร่ที่ยืนอยู่โดยรอบ ก็ยังต้องก้มหน้าหลบ“ตั้งแต่เกิดมา ข้าไม่เคยได้แม้แต่หยาดน้ำนมจากมารดา ถูกส่งขึ้นเขา ถูกลืมเลือน…ในขณะที่หลานเมยได้ทุกอย่าง ทั้งความรัก ทั้งชื่อเสียง ทั้งเรือนทั้งหอ”นางก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว สายลมยามสายพัดชายอาภรณ์ให้โบกเบา เหมือนคำประกาศของนาง กำลังจารไว้ในฟากฟ้าเหนือจวน“ในเมื่อพี่สาวตายไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้ข้าจะรับทุกสิ่งของนางไว้ แม้แต่คนรับใช้ที่เคยดูแลนางก็ต้องมาดูแลข้า ในฐานะ…คนที่ยังมีชีวิตอยู่”บิดานางอ้าปากเหมือนจะเอ่ยคำใดแต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมาทัน แม่ใหญ่ก็เพียงบีบพัดในมือแน่นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววไม่สบอารมณ์ แต่ก็จำต้องกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม“ได้สิ เอาอย่างเจ้าว่าเลย เดี๋ยวพ่อจัดการให้”เรือนเมฆขาว คือชื่อที่จารึกไว้หน้าประตูไม้

  • กลิ่นพิษบุปผา   บทที่ 1 กลับคืน

    บทที่ 1 กลับคืนเสียงเกือกม้าเหยียบลงบนดินแห้งแล้งในยามเช้ามืด คล้ายเสียงหัวใจของเมืองหลวงที่หยุดเต้นไปครู่หนึ่งยามที่มีรถม้าปรากฏที่หน้าประตูเมืองไม่มีใครรู้ว่าเป็นรถม้าใคร ไม่มีใครกล้าถามในดวงตาคมดุที่ฉาบด้วยม่านหมอกสีเทานั้นเต็มไปด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ คล้ายความตาย คล้ายไฟแค้น คล้ายอดีตที่ยังไม่ถูกลืม มือขาวซีดแวกผ้าม่านรถม้าออกก่อนจะเอ่ยบอกยามเฝ้าประตูเมืองหลวง“เปิดประตู ข้ามีนามว่า หลานฮวา บุตรสาวคนเดียวของเสนาบดีคลังจ้าวหยงชิง”เสียงนางเรียบเย็น แต่ก้องสะท้อนในอกของทหารยาม เสี้ยววินาทีที่ได้สบตานาง ราวกับต้องมนตร์จนต้องรีบหลีกทางให้อย่างไม่รู้ตัว“ดาวหายะนะหรือ… ยังไม่ตาย”“นางกลับมาทำไมกัน หรือจะมารับช่วงต่อจากพี่สาว” แล้วเหตุใดนางจึงกล้าเอ่ยว่าตนเองคือบุตรสาวคนเดียวของเสนบดีจ้าวกัน แล้วพี่สาวที่ตายไปมินับญาติกันหรอกหรือ “เฮอะ ใครจะไปลืมได้… วันคลอดวันนั้นน่ะ ดาวดีมีเพียงดวงเดียว อีกดวงเป็นเคราะห์ร้ายจะนำพาทั้งตระกูลถึงแก่ความตาย”เสียงซุบซิบดังไม่ขาดสายในตลาดยามเช้า เมื่อข่าวการกลับมาของบุตรีต้องคำสาปกระจายไปทั่วเมือง ผู้คนจดจำได้เพียงว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้าน

  • กลิ่นพิษบุปผา   บทนำ

    บทนำณ ค่ำคืนหนึ่งซึ่งดาวบนฟากฟ้าส่องแสงสลัว แสงจันทร์ทอดเงาเย็นเยียบลงบนเรือนร่างบอบบางของสตรีผู้กำลังเจ็บครรภ์ เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังก้องในห้องไม้เก่า ๆ ก่อนที่เสียงร้องไห้ของชีวิตใหม่จะกรีดผ่านความเงียบสงัดนั้นทารกคนแรกคลอดออกมา พร้อมเสียงร้องสดใสดังพลิ้วไหว แววตากลมใสที่ลืมขึ้นครั้งแรกดูราวกับสะท้อนแสงดาว บรรดาผู้คนในเรือนต่างโห่ร้องยินดี กล่าวขานว่านางคือ “ดาวนำโชค” ที่จะนำความรุ่งเรืองและเกียรติยศสู่ตระกูลแต่แล้ว… ทารกคนที่สองกลับคลอดตามออกมาพร้อมเสียงร้องแผ่วเบา และรอยปานประหลาดรูปดอกไม้มอดไหม้กลางแผ่นหลัง ดวงตาคู่นั้นมืดมัว ไร้แววความยินดี แทบจะในทันที… มีเสียงหวีดร้องจากแม่นมดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก“นั่นมัน… ดาวหายะนะ!”ไม่มีแม้คำปลอบโยน ไม่มีแม้โอกาสได้ดูดดื่มน้ำนมจากอกของผู้ให้กำเนิด ทารกน้อยถูกพรากจากอกไปไกลแสนไกล ราวกับเป็นภาระที่ไม่อาจปล่อยให้อยู่ใกล้ผู้คนในเมืองหลวงได้นางถูกส่งตัวไปยัง เขาพิษ ดินแดนห่างไกลที่ผู้คนต่างเล่าขานถึงสัตว์ประหลาด พิษร้าย และหมอยาเฒ่าผู้มีชีวิตอยู่เกินร้อยปี ผู้ที่เป็นทวดของพวกนาง ผู้ถูกลืมเลือนจากโลกภายนอก นางเติบโตท่ามกลางกลิ่นสมุนไพร

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status