LOGINหลังนั่งรอให้อารมณ์เย็นลง จิลลาก็เดินตามธาดาเข้ามาในบ้าน ตั้งใจว่าจะง้อคนรักด้วยเบียร์เย็นๆ และกับแกล้มที่เขาชื่นชอบ ใช้ชีวิตอยู่กับหมอหนุ่มมาพักใหญ่ เขาเป็นคนยังไง ชื่นชอบอะไร เธอก็พยายามเรียนรู้และปรับปรุงตัว กระทบกระทั่งกันบ้างแต่ก็ไม่เคยงอนเขาข้ามวันข้ามคืนสักที รู้ว่าชายหนุ่มทำงานหนักและเหนื่อยมาก เวลาที่เห็นเขาเพลียจนผล็อยหลับไปบนโซฟา เธอก็มักจะใจอ่อนยวบ ในหน้าที่ของผู้ชายคนหนึ่ง หมอธาดาไม่ได้บกพร่องต่อเธอเลย เป็นเธอเสียอีกที่ควรจะดีให้มากกว่านี้ เขาจะได้เหนื่อยน้อยลง
จิลลาแล่แซลมอนเป็นชิ้นบางๆ จัดวางลงจานเปล ฝานกระเทียมจีนโปะหน้าแล้วราดซอสน้ำจิ้มซีฟูดรสจัดลงบนเนื้อปลาแต่ละชิ้น ยกออกมาเสิร์ฟยังโต๊ะอาหารด้านนอก กะว่าจะเรียกคนรักลงมาก่อนถึงค่อยไปเปิดเบียร์เย็นเฉียบจนเป็นวุ้นมาให้ ทว่าชายหนุ่มกลับเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ กลิ่นน้ำหอมโชยฟุ้ง ผมเซตเป็นทรงอย่างดี
“หมอจะออกไปไหนคะ”
“ไปกินข้าวกับเพื่อนน่ะ นัดกะทันหัน”
“หมอกันต์เหรอคะ” จิลลาซักไซ้
“ครับ” แต่ก็มีคนอื่นด้วย
หญิงสาวมองหน้าคนรัก อยากให้เอ่ยปากชวนเธอสักคำ แต่เขาทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ เธอก็เลยเอ่ยปากเองตรงๆ “หมออยากให้จิลไปด้วยไหมคะ”
หมอหนุ่มนิ่วหน้า ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจออกไปข้างนอกแล้วด้วยซ้ำ ตะลอนร่อนเร่กับจิลลามาทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทว่าเธอทำเขาอารมณ์เสียจนเบื่อบ้าน ก็ไอ้เรื่องปกป้องพี่ชายจนเกินเหตุนั่นแหละ พอมึนตึงเขาเลยตอบรับการกินเลี้ยงสังสรรค์คืนนี้ กันต์ธีอาจมาร่วมแจมด้วย แต่ตัวตั้งตัวตีคือเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นต่างหาก และเขาไม่สะดวกจะพาจิลลาไปด้วยจริงๆ
“คืนนี้ผมนัดกลุ่มเพื่อนหลายคน คุณอย่าไปเลย”
“อ้อค่ะ” หญิงสาวรีบพยักหน้ารับ ยิ้มให้เขาเหมือนเข้าอกเข้าใจทั้งที่ฝืดเฝื่อน “ให้จิลขับรถไปส่งไหมคะ เผื่อหมอจะดื่ม แล้วเดี๋ยวจิลไปรับตอนดึกๆ อีกที”
นายแพทย์หนุ่มตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
ดีเทลยาสาวจึงได้นั่งเคียงคู่กับหมออร์โทชื่อดังมาจนถึงร้านอาหารหนึ่งที่เป็นจุดนัดหมาย พารถเข้าจอดยังจุดส่งลูกค้า ธาดาก็หันมาบอกหญิงสาว “ขับรถกลับดีๆ ขากลับไม่ต้องมารับผมหรอก เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง”
“ได้ค่ะ” จิลลายิ้มรับ ครั้นหมอหนุ่มลงจากรถ หญิงสาวก็ย้ายมาประจำตำแหน่งคนขับแทน ความจริงเธออยากมารับเขาด้วยตัวเองแต่ก็เกรงว่าชายหนุ่มจะรำคาญ เขาคงคิดใคร่ครวญมาดีแล้วว่าหากมีคนเห็น เรื่องราวมันจะบานปลายใหญ่โต
จิลลาเวียนรถวนกลับไปยังทางออก ระหว่างประคองพวงมาลัยผ่านด้านข้างของร้านและหยุดชะลอที่จุดก่อนเลี้ยวสู่ถนนใหญ่
จากตรงนี้เธอมองเห็นนายแพทย์ธาดาได้อย่างชัดเจน เขายืนหัวเราะร่าอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ทั้งหญิงและชาย หลายคนในนั้นเธอคุ้นหน้าค่าตาดีเพราะเป็นหมอในโรงพยาบาลที่ไปขายยาให้อยู่ เธอยังเคยได้งบบริษัทเพื่อจัดปาร์ตี้สังสรรค์ เอนเตอร์เทนกลุ่มคนเหล่านี้จนใกล้ชิดสนิทสนมเลยด้วยซ้ำ ทว่าธาดาทำให้เธอรู้สึกว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเข้าใกล้และเป็นพวกเดียวกับกลุ่มเพื่อนเขาได้
หากเธอไม่ใช่ดีเทลยาที่รับยอดจากเขา สถานการณ์วันนี้จะเปลี่ยนไปไหม เขาจะพาเธอเดินเข้าไปแนะนำกับเพื่อนฝูงอย่างภาคภูมิใจกว่านี้หรือเปล่า อยากหยุดมองหนุ่มคนรักให้นานกว่านี้ ทว่ารถที่จ่อคิวอยู่ด้านหลังบีบแตรเสียงดังใส่จนสะดุ้ง ไล่เธอให้ตีไฟเลี้ยวออกจากบริเวณร้าน
ราวยี่สิบนาที จิลลาก็กลับมาถึงบ้านหลังใหญ่ตามลำพัง
“เป็นหมันซะแล้ว แซลมอนแซ่บน้อย” หญิงสาวมองจานกับแกล้มที่ตั้งใจทำไว้ให้หมอธาดา ป่านนี้เขาคงกินอาหารเลิศรสหลากหลายเมนู จิบเบียร์ฟังเพลงเพลินๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เธออยู่บ้านก็เปิดเพลงเพราะๆ ฟังเอาบรรยากาศได้เหมือนกัน
จิลลาคว้าสมาร์ตโฟนขึ้นถ่ายรูปแซลมอนแซ่บฝีมือตัวเองโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย จากนั้นก็จัดการจิ้มมันเข้าปาก เลื่อนไถฟีดเฟซบุ๊กแก้เหงา แต่แล้วก็ยิ่งเหงาหนักมากขึ้น เมื่อเห็นภาพถ่ายที่บรรดาเพื่อนของหมอธาดาลงรูปไว้ มันมีทั้งภาพอาหารหน้าตาน่ากิน ภาพบรรยากาศความครื้นเครง และรอยยิ้มที่ดวงตาเป็นประกาย
หญิงสาวค่อยๆ ฟุบหน้าลงบนโต๊ะกินข้าวสีไม้ เธอกดบันทึกภาพของคนรักเอาไว้ด้วย ห้วงยามนี้ ท่ามกลางเพื่อนพ้องน้องพี่ธาดาดูมีความสุขยิ่งกว่าเวลาอยู่กับเธอเสียอีก จำได้ว่ารอยยิ้มสว่างไสวแบบนี้ มันเป็นเสน่ห์ของเขา และตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่มันค่อยๆ เลือนหาย จนเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าช่วงเวลาที่หมอธาดาสนุกที่สุด เขาจะหัวเราะจนดวงตาพราวระยับ
เธอมองภาพถ่ายของเขาอีกครั้งก่อนจะคว่ำหน้าจอสมาร์ตโฟนลง บางทีเธออาจไม่ใช่คนที่ทำให้เขาอยากยิ้มหรือหัวเราะจนสุดเสียงเช่นเมื่อสองปีก่อน ในขณะที่เขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมที่ตรึงหัวใจเธอไว้
ผมเกิดที่บ้านย่านสุขุมวิท…เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด พ่อของผมเป็นนายตำรวจใหญ่โต ส่วนแม่ก็เป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่โตเหมือนกัน แน่นอนว่าใหญ่ปะทะใหญ่ สุดท้ายแตกหักผมกลายเป็นเด็กที่พ่อแม่เลิกราหย่าร้าง เวลาส่วนใหญ่ของพ่อถูกใช้ในหน้าที่ราชการที่ต่างจังหวัด เวลาส่วนใหญ่ของแม่ก็ถูกใช้ที่ในต่างประเทศเมื่อต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจในกลุ่มงานโรงแรม แล้วเวลาของผมจึงถูกใช้ไปกับคุณย่ามากที่สุด รองจากนั้นผมใช้มันอยู่กับตัวเองเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีพ่อก็แต่งงานใหม่มีลูกเล็กๆ จากนั้นแม่ก็แต่งงานอีกครั้งกับเศรษฐีฝรั่ง ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง ผมก็เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่ผมเงียบ ทุกคนกลับดูเป็นเดือดเป็นร้อน คงคิดนั่นแหละว่าผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา แน่นอนว่าผมรู้สึกตัวเองแปลกแยกและไม่เป็นส่วนหนึ่งของใครก็จริง แต่ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สิ่งที่เรียนรู้อีกอย่างคือผมควรจะยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งพ่อทั้งแม่จะได้ไปใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่อย่างมีความสุขบางสัปดาห์ผมถูกเกณฑ์ไปนอนบ้านพ่อบางสัปดาห์ผมถูกเกณฑ์ไปนอนบ้านแม่ผมเฝ้าถามว่าที่ไหนกันแน่คือบ้านของผมเมื่อบ้านพ่อและบ้านแม่ไม่ใช่บ้านของเรา ผู้ที่เป็นบ้านของผมในวัยเด็ก
ในเดือนที่ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง จิลลาก็ได้ใส่ชุดเจ้าสาว…ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดปลายทางของเธอกับหมอธาดาจะมาลงเอยกันได้ทั้งที่โคตรทุลักทุเลกว่าจะเสร็จงานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรส ก็กินเวลาเข้าไปเกินเที่ยงคืน เธอยืนจนขาแข็ง หญิงสาวพิงร่างกับผนังกำแพงเย็นเฉียบของห้องหอ ส่วนหมอหนุ่มย่อตัวลงคุกเข่า ช่วยถอดรองเท้าส้นสูงให้กับภรรยา“ถอดชุดมาเดี๋ยวนี้ ผมจะพาไปแช่น้ำอุ่น” ธาดายืดตัวขึ้น ยื่นมือปลดซิปที่ด้านหลัง และช่วยดึงสายระโยงระยางของชุดเจ้าสาวออก ส่วนตัวเองก็สลัดทักซีโดทิ้งไปเหมือนกัน“จิลรักคุณจังเลยค่ะ” หญิงสาวบอกรักสามีที่กำลังช้อนอุ้มเธอเดินเข้าไปวางในอ่างจากุซซี“เหนื่อยไหมครับ” นายแพทย์เจ้าบ่าวถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้จิลลาร่างกายอ่อนแอมาก เธอป่วยบ่อยเพราะโหมงานหนัก พอเขาย้ายกลับมาประจำในกรุงเทพฯ มารดาเขาก็ชักจูงจิลลาให้เข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วยกัน คงคิดว่าในอนาคตจะหวังพึ่งลูกชายคนเดียวไม่ได้แล้วล่ะมั้ง เลยหันไปเคี่ยวเข็ญเอากับลูกสะใภ้แทนก่อนหน้าจะถึงฤกษ์แต่งงานสักสิบวันเห็นจะได้ หญิงสาวมีอาการคล้ายคนแพ้ท้อง เขาเลยลองให้เธอเช็กตรวจ แต่จิลลาก็บอกว่าเธอคุมกำเนิดไม่เคยปล่อย และผลตร
ที่สุดช่วงเวลาที่หมอธาดารอคอยก็เวียนมาถึงในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ในวันที่ทุเรียนของเจนภพเก็บผลผลิตได้อีกครั้งจิลลาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะในปีแรกเธอไม่ได้อยู่ดูการเก็บเกี่ยวซื้อขาย แถมในปีนี้ทุเรียนก็สมบูรณ์ขึ้นมากจากการดูแลประคบประหงมของพี่ชาย หมอนทองลูกกลมเต็มพูนับสิบตันถูกตัดลงมารอชั่งขายเพื่อส่งออก ชาวบ้านย่านนี้ล้วนแล้วแต่ประกอบอาชีพเป็นชาวสวนปลูกทุเรียนเป็นหลัก โดยเมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิตบรรดาล้งชาวจีนจะเข้ามาทาบทามซื้อขายให้ราคาดีถึงหน้าสวน“โห พี่เจน เยอะมากเลย เก่งมากๆ อะ” น้องสาวคนสวยเดินเข้าไปจับมือพี่ชายด้วยความปลาบปลื้ม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเขาเท่านั้น ต่อไปเมื่อมีทุนรอนมากขึ้น บวกกับเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ เธอมั่นใจว่าเจนภพจะค่อยๆ สะสมที่ดินทำกินและต่อยอดการทำสวนเกษตรแบบที่เขาใฝ่ฝันไปได้อีกมากมาย“รวยใหญ่แล้ว น่าอิจฉาคนหนุ่มจริงๆ จะว่าไปย่ามีที่ดินนะ เจนมาหุ้นกับย่าไหมลูก”“ผมไปช่วยย่าทำสวนดีกว่าครับ ทำฟรีให้ทั้งชาติเลย”ทำฟรีให้ทั้งชาติเลย… ธาดาทำปากบิดเบี้ยวเลียนแบบความขี้ประจบประแจงของเจนภพ ดูเอาเถอะพอรู้ว่าหลานชายคนใหม่จะตัดทุเรียนล็อตใหญ่ขาย ผู้เป็นย่าก็อุตส่าห์
“เอาเลย อยากแกล้งก็แกล้งเลย นังโมนาเชียร์จินนี่สุดใจ” มนภาไม่คิดห้ามเพื่อน รู้ว่าอย่างไรเสียคนที่จิลลารักที่สุดก็คือหมอกระดูกคนนั้น เพราะรักแล้วจะทำร้ายจิตใจได้มากสักแค่ไหนกันเชียว คงแค่ทำให้รู้สึกตัว วันข้างหน้าจะได้เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกละเลยถูกหลบซ่อน และหากหมอธาดาฉลาดเขาก็ควรรู้ว่าขั้นตอนต่อไปจะต้องวางจิลลาไว้แบบไหนถึงจะได้เธอคืนยิ่งดึกน้ำค้างยิ่งลงแรงลมทะเลพัดกระโชกธาดายืนพิงอิงสะโพกกับแผงประตูรถหรู ยังรอคอยรอรับจิลลากลับบ้านอย่างอดทนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดหญิงสาวผมยาวดำขลับในชุดแดงเพลิงก็กลับมา“งานเลิกแล้วเหรอครับ”จิลลาพยักหน้าเขาเห็นสีแก้มก็รู้ว่าเธอคงดื่มมาบ้าง จึงเข้ามาช่วยประคองเดินไปยังเบาะนั่งข้างตัว“กลับบ้านนะ” ธาดาบอกหญิงสาวอีกครั้งและเธอก็ทำเพียงพยักหน้า ยกให้เป็นหน้าที่ของธาดาที่จะพาเธอกลับไปยังจุดหมายปลายทาง“โกรธจิลไหมคะ” เธอถามขึ้นก่อนที่จะลงจากรถเมื่อมาถึงบ้านน็อกดาวน์ของเขา“เปล่าหรอกครับ แต่ผมแค่น้อยใจนั่นแหละ” ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหก เพราะรู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอทำให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เธอเคยสัมผัส ซึ่งเขาก็เข้าใจมันแ
“พี่เจนจะกลับบ้านได้วันไหนคะ”“ไม่เกินวันมะรืนครับ” หมอหนุ่มตอบหญิงสาวเมื่อพาเธอกลับถึงบ้านน็อกดาวน์ด้วยกัน แต่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อน “จิลอยากไปเที่ยวหรือแวะไปไหนไหม”“เดี๋ยวเย็นนี้พี่อธิปจะมารับไปที่บ้านค่ะ”“ทำไมต้องไปด้วย”“ก็แล้วทำไมจะไปไม่ได้คะ” จิลลาหันหน้ามาแหวกลับ เมื่อก่อนเธอศรัทธาเขา เกรงใจเขาสารพัด แต่เสียใจด้วยที่ตอนนี้สิทธิพิเศษเหล่านั้นไม่เหลือหลออยู่อีกแล้ว หากมีคำไหนที่เขาพูดไม่ดีกับเธอ เธอก็จะพูดไม่ดีกับเขาคืนไปบ้าง เอาไงก็เอากันสิ“ผมหมายถึงว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า” หมอหนุ่มทำคอย่น ไม่อยากให้จิลลาโกรธเลย เขาอยากให้เธออารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส จะได้มองเขาในแง่ดี เผื่อจะหายโกรธกันเร็วขึ้นอีกสักวันสองวัน“จริงๆ เรามีนัดเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารริมทะเลกันนิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวบอกชื่อร้านให้หมอหนุ่มฟัง เขาพยักหน้ารับว่ารู้จักร้านนี้เพราะเป็นร้านดังของอำเภอ“เดี๋ยวผมออกไปส่งคุณเองก็ได้นะ” เห็นเธอตั้งท่าจะปฏิเสธ เขาก็เลยอธิบายต่ออย่างใจเย็น “อธิปเพื่อนคุณ จะได้ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา”“เอางั้นก็ได้ค่ะ” จิลลาเบนหน้าไปซ่อนยิ้ม หมั่นไส้ชายหนุ่มเป็นกำลัง ยิ่งตอนที่เขาแกล้งเน้นเสียงคำว่า
“อร่อยจังเลยครับ”“หมอพูดเป็นครั้งที่สิบหกแล้วค่ะ”“ครั้งที่สิบเจ็ดก็จะพูดว่าอร่อยเหมือนเดิม”จิลลากลอกตามองบน เห็นเธอทำดีด้วยนิดหน่อยก็ลามปามเชียวนะ แต่เมื่อเหลือบสายตามองมือที่ตักต้มยำปลากระป๋องเข้าปากกินคู่กับไข่ดาวเหมือนหิวโซนั่น เธอก็แอบสงสารจนใจอ่อนลงไปอีก สภาพนายแพทย์ไฮโซตอนที่เดินกลับมาจากสวนทุเรียนของเจนภพ มันทั้งเปียกซ่กทั้งเหม็นน้ำหมักคละคลุ้ง คงเป็นไอ้ฮอร์โมนพืชของพี่ชายเธอนั่นแหละ จำได้ว่าเมื่อก่อนเขารังเกียจเดียดฉันท์เจนภพสารพัด วันนี้เวลาหมุนผ่าน เธอหนีหาย ทิ้งพี่ชายไว้ตามลำพัง ก็ได้หมอคนดีคนเดิมนั่นแหละที่คอยอุปถัมภ์เกื้อกูลพี่ชายเธอตลกดีชะมัดจัดการมื้อเช้าจนเกลี้ยงเกลา หมอธาดาก็ขับรถพาหญิงสาวมาเยี่ยมพี่ชายที่โรงพยาบาล เพียงแต่เขาขอให้เธอสวมใส่หน้ากากปิดบังเสียก่อน อีกอย่างจิลลาก็บอกว่าได้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มาก่อนแล้ว หมออย่างเขาเลยเบาใจลง ปล่อยให้พี่น้องได้คุยกันตามสบาย“วันนี้ฉีดฮอร์โมนให้กูแล้วใช่ไหม มันถึงวันแล้วนะ”“เออ”“ดีมากไอ้หมอ”ธาดาขยับปากอยากจะด่า ทว่าหันไปเห็นดวงตากลมใสของจิลลาที่มองมา เขาก็ได้แต่ฉีกยิ้มให้เจนภพ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มยิ่งกว่าพน







