เข้าสู่ระบบเกือบตีสามแสงไฟจากรถหรูก็สาดเข้ามาก่อนจอดที่หน้าบ้าน
จิลลานั่งรอคนรักจนเผลอหลับไปที่โซฟา ครั้นรู้สึกตัวก็รีบเปิดประตูออกไปรับ คนที่พาหมอธาดามาส่งคือหมอกันต์ธี สภาพของคนทั้งคู่เมาเละเทะจนได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยออกมาจากตัวไม่ต่างกัน
“ติดลมไปหน่อยครับ กลับดึกเลย” กันต์ธีเอ่ยปากกับจิลลาทั้งที่ลิ้นป้อแป้ แต่กระนั้นก็ยังเห็นความแช่มชื่นจากผู้พูดได้อย่างชัดเจน
“ไปๆ กูจะนอน” เจ้าของบ้านหันมาผลักไสไล่ส่งเพื่อน
“กลับยังไงคะ เดี๋ยวจิลขับรถให้ดีกว่า”
มือหนาของนายแพทย์ธาดาจับแขนของเด็กสาวไว้ พร้อมพยักพเยิดบุ้ยปากไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ “เดี๋ยวคุณหวานก็ลากมันกลับไปเองแหละ”
พูดไม่ทันขาดคำ ประตูของยานพาหนะคันหรูก็เปิดออก หญิงสาวหน้าตาสะสวยอ่อนหวานคนหนึ่งเดินถือกระดาษใบเล็กๆ ตรงมาที่เจ้าของบ้าน
“ใบนี้ต้องสแตมป์อะไรก่อนออกไหมคะ”
“อ๋อ ใช่ค่ะ เดี๋ยวจิลจัดการให้นะคะ” ในหมู่บ้านแห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยจากบุคคลภายนอก โดยก่อนออกจากโครงการต้องได้รับตราประทับจากเจ้าของบ้านที่มาเยี่ยมเยียนถึงจะผ่านป้อม รปภ. ออกไปได้
“ขอบคุณมากนะคะคุณจิลลา”
ดีเทลยาคนสวยชะงักไปนิด ก่อนจะส่งกระดาษใบเดิมคืนให้ถึงมือ การถูกเรียกชื่อโดยคนรอบตัวของหมอธาดามันทำให้หญิงสาวยิ้มออก บางทีเธออาจเคยถูกพูดถึงบ้างในวงสนทนาของเขากับเพื่อนรัก แฟนสาวของหมอกันต์ธีถึงจดจำชื่อเธอได้ การมีตัวตนขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อย จิลลาก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว
“ขับรถดีๆ นะคะคุณหวาน”
จนไฟท้ายรถยนต์หรูของผู้มาเยือนพ้นครรลองสายตาไป จิลลาจึงหันกลับมาจัดการคนรักของตัวเองบ้าง หมอธาดาสังสรรค์บ่อย แต่เขาไม่ค่อยปล่อยตัวจนเมาเละเทะ เพียงแต่คืนนี้ชายหนุ่มคงดื่มมาหนัก ตาถึงได้ฉ่ำเยิ้ม จะพูดทีก็ลิ้นพันกัน
“ขึ้นห้องนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวจิลพาขึ้นไป” หญิงสาวประคองร่างสูงใหญ่ของหมอหนุ่มมาที่เตียง
เขาทิ้งตัวลงไปทันที พร้อมกับดึงร่างกลมกลึงของเธอตามลงมาด้วยกัน ปล้ำจูบซุกไซ้ไปตามเนื้อตัว ฝ่ามือก็ลูบโลมสอดผ่านเนื้อผ้าอย่างย่ามใจ
“อย่าค่ะหมอ”
“ทำไม” คนเมาทำเสียงหงุดหงิด
จิลลาขยับยกตัวขึ้น เอ่ยปากเอาใจ “เช็ดตัวก่อนนะคะ คุณจะได้สบายตัว”
ก้าวขากลับมาที่เตียง ตอนที่เธอถือผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตา เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา ก็ได้ยินนายแพทย์ธาดางึมงำอะไรบางอย่าง
“คุณหมอว่าไงนะคะ” หญิงสาวขยับเอียงหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ
เสียงต่ำพร่าของคนเมาดังแผ่ว “ไอ้กันต์จะเป็นพ่อคนแล้ว”
“ดีจัง”
“มันดีใจมากเลยนะ” คนเมาหัวเราะร่วน ดึงร่างนุ่มนิ่มมากอดรัดไว้ตามความเคยชิน
“คุณหวานก็คงดีใจสุดๆ เหมือนกันนะคะ” นึกถึงผู้หญิงอ่อนหวานคนนั้น จิลลาก็ยิ้มออกมา
“อือ ไอ้กันต์มันได้เมียดี”
คนในอ้อมกอดนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะได้ยินคำพูดกลั้วหัวเราะต่อมาของคนเมา
“ตอนมันแต่งงาน คนอิจฉากันทั้งเมืองเลยนะ ได้เมียไฮโซ สวย รวย แล้วก็เก่ง” หมอหนุ่มนึกถึงความถือดีของเพื่อนสนิท สุดท้ายไอ้กันต์ธีก็ลงเอยกับผู้หญิงที่มันตะโกนบอกปาวๆ ว่าไม่รัก ขายขี้หน้าฉิบหาย แต่เขาก็ดีใจที่มันได้ครอบครัวกลับคืนมาและกำลังจะมีลูกพ่วงมาอีกหนึ่งหน่อ “น่าอิจฉาๆ”
พึมพำด้วยรอยยิ้มและสติที่ถูกพร่าผลาญจากน้ำเมาอยู่ครู่ใหญ่ นายแพทย์ธาดาก็ซุกหน้าลงกับซอกคอขาวผ่องของจิลลา ปล่อยลมหายใจหนักๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
คนพูดพร่ำหลับไปพักใหญ่แล้ว แต่จิลลากลับยังข่มตาไม่ลง นอนมองผู้ชายที่กอดเธอไว้กับอก อยู่ๆ ก็เกิดความกลัวขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ
หรือความจริงมันมีสาเหตุแต่เธอไม่อยากยอมรับ
อาจารย์หมอธาดาเป็นแพทย์กระดูกชื่อดัง ในขณะที่เธอเป็นผู้แทนยาบริษัทเล็กๆ กว่าจะกล้ากระโดดเข้ามาในชีวิตของเขา เธอคิดแล้วคิดอีก กลัวความเสียใจ รู้สึกถึงความไม่คู่ควร แต่ความทุ่มเทเอาใจใส่ของชายหนุ่มในตอนนั้น มันทำให้เธอเชื่อว่าความรักจะเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่าง
คบกันพักใหญ่ถึงได้รู้มากขึ้นว่านามสกุลที่ต่อท้ายชื่อธาดาคือกลุ่มผู้ดีเก่า ตระกูลเครือญาติล้วนแต่เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง และข้าราชการระดับสูง นั่นเป็นอีกครั้งที่เธอคิดว่าเรื่องราวของเราคงเป็นไปได้ยาก แต่หมอธาดาในวันนั้นบอกว่าอยากซื้อบ้านร่วมกันกับเธอ
จะมีอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งคาดหวังได้มากกว่านี้อีก
เขาพาเธอไปเยี่ยมชมคอนโดกลางกรุงราคาแพงหูฉี่ มันหรูหราสะดวกสบายและตั้งอยู่ในทำเลที่เยี่ยมยอด แต่เธอกลับอยากได้บ้านเล็กๆ สักหลัง ไม่ต้องแพงอะไรมากมาย เอาที่พอจะช่วยกันผ่อนได้แบบไม่เดือดร้อน เธอเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง และเมื่อบอกเหตุผลไปอย่างนี้ สัปดาห์ต่อมาธาดาก็พามาดูบ้านในโครงการที่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก ราคาค่าตัวของมันสูงลิ่วตั้งยี่สิบกว่าล้าน แล้วคนอย่างเธอน่ะหรือจะมีปัญญา แต่หมอหนุ่มยืนยันว่าที่นี่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการใช้ชีวิต และเขาจะเป็นคนที่เข้ามายื่นบัญชีกู้ธนาคารร่วมกับเธอเอง มันจึงเป็นสมบัติชิ้นแรกที่เราทั้งคู่สร้างมาด้วยกัน
ไม่มีพิธีแต่งงาน ไม่มีสักขีพยาน ไม่มีผู้ใหญ่ร่วมรับรู้ แต่สำหรับเธอบ้านหลังนี้คือเรือนหอ
หญิงสาวน้ำตาไหลออกมาเงียบเชียบ กอดหมอธาดาที่เธอรักไว้แนบแน่น ไม่มีการแต่งงาน ไม่มีสักขีพยาน ไม่มีใครยอมรับก็ไม่เป็นไร แค่มีความรักของเขาอยู่รายล้อม มันก็เพียงพอให้เธอใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวันอย่างมีความหวัง แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคนหลักลอยอย่างจิลลา
ผมเกิดที่บ้านย่านสุขุมวิท…เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด พ่อของผมเป็นนายตำรวจใหญ่โต ส่วนแม่ก็เป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่โตเหมือนกัน แน่นอนว่าใหญ่ปะทะใหญ่ สุดท้ายแตกหักผมกลายเป็นเด็กที่พ่อแม่เลิกราหย่าร้าง เวลาส่วนใหญ่ของพ่อถูกใช้ในหน้าที่ราชการที่ต่างจังหวัด เวลาส่วนใหญ่ของแม่ก็ถูกใช้ที่ในต่างประเทศเมื่อต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจในกลุ่มงานโรงแรม แล้วเวลาของผมจึงถูกใช้ไปกับคุณย่ามากที่สุด รองจากนั้นผมใช้มันอยู่กับตัวเองเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีพ่อก็แต่งงานใหม่มีลูกเล็กๆ จากนั้นแม่ก็แต่งงานอีกครั้งกับเศรษฐีฝรั่ง ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง ผมก็เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่ผมเงียบ ทุกคนกลับดูเป็นเดือดเป็นร้อน คงคิดนั่นแหละว่าผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา แน่นอนว่าผมรู้สึกตัวเองแปลกแยกและไม่เป็นส่วนหนึ่งของใครก็จริง แต่ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สิ่งที่เรียนรู้อีกอย่างคือผมควรจะยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งพ่อทั้งแม่จะได้ไปใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่อย่างมีความสุขบางสัปดาห์ผมถูกเกณฑ์ไปนอนบ้านพ่อบางสัปดาห์ผมถูกเกณฑ์ไปนอนบ้านแม่ผมเฝ้าถามว่าที่ไหนกันแน่คือบ้านของผมเมื่อบ้านพ่อและบ้านแม่ไม่ใช่บ้านของเรา ผู้ที่เป็นบ้านของผมในวัยเด็ก
ในเดือนที่ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง จิลลาก็ได้ใส่ชุดเจ้าสาว…ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดปลายทางของเธอกับหมอธาดาจะมาลงเอยกันได้ทั้งที่โคตรทุลักทุเลกว่าจะเสร็จงานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรส ก็กินเวลาเข้าไปเกินเที่ยงคืน เธอยืนจนขาแข็ง หญิงสาวพิงร่างกับผนังกำแพงเย็นเฉียบของห้องหอ ส่วนหมอหนุ่มย่อตัวลงคุกเข่า ช่วยถอดรองเท้าส้นสูงให้กับภรรยา“ถอดชุดมาเดี๋ยวนี้ ผมจะพาไปแช่น้ำอุ่น” ธาดายืดตัวขึ้น ยื่นมือปลดซิปที่ด้านหลัง และช่วยดึงสายระโยงระยางของชุดเจ้าสาวออก ส่วนตัวเองก็สลัดทักซีโดทิ้งไปเหมือนกัน“จิลรักคุณจังเลยค่ะ” หญิงสาวบอกรักสามีที่กำลังช้อนอุ้มเธอเดินเข้าไปวางในอ่างจากุซซี“เหนื่อยไหมครับ” นายแพทย์เจ้าบ่าวถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้จิลลาร่างกายอ่อนแอมาก เธอป่วยบ่อยเพราะโหมงานหนัก พอเขาย้ายกลับมาประจำในกรุงเทพฯ มารดาเขาก็ชักจูงจิลลาให้เข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วยกัน คงคิดว่าในอนาคตจะหวังพึ่งลูกชายคนเดียวไม่ได้แล้วล่ะมั้ง เลยหันไปเคี่ยวเข็ญเอากับลูกสะใภ้แทนก่อนหน้าจะถึงฤกษ์แต่งงานสักสิบวันเห็นจะได้ หญิงสาวมีอาการคล้ายคนแพ้ท้อง เขาเลยลองให้เธอเช็กตรวจ แต่จิลลาก็บอกว่าเธอคุมกำเนิดไม่เคยปล่อย และผลตร
ที่สุดช่วงเวลาที่หมอธาดารอคอยก็เวียนมาถึงในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ในวันที่ทุเรียนของเจนภพเก็บผลผลิตได้อีกครั้งจิลลาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะในปีแรกเธอไม่ได้อยู่ดูการเก็บเกี่ยวซื้อขาย แถมในปีนี้ทุเรียนก็สมบูรณ์ขึ้นมากจากการดูแลประคบประหงมของพี่ชาย หมอนทองลูกกลมเต็มพูนับสิบตันถูกตัดลงมารอชั่งขายเพื่อส่งออก ชาวบ้านย่านนี้ล้วนแล้วแต่ประกอบอาชีพเป็นชาวสวนปลูกทุเรียนเป็นหลัก โดยเมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิตบรรดาล้งชาวจีนจะเข้ามาทาบทามซื้อขายให้ราคาดีถึงหน้าสวน“โห พี่เจน เยอะมากเลย เก่งมากๆ อะ” น้องสาวคนสวยเดินเข้าไปจับมือพี่ชายด้วยความปลาบปลื้ม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเขาเท่านั้น ต่อไปเมื่อมีทุนรอนมากขึ้น บวกกับเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ เธอมั่นใจว่าเจนภพจะค่อยๆ สะสมที่ดินทำกินและต่อยอดการทำสวนเกษตรแบบที่เขาใฝ่ฝันไปได้อีกมากมาย“รวยใหญ่แล้ว น่าอิจฉาคนหนุ่มจริงๆ จะว่าไปย่ามีที่ดินนะ เจนมาหุ้นกับย่าไหมลูก”“ผมไปช่วยย่าทำสวนดีกว่าครับ ทำฟรีให้ทั้งชาติเลย”ทำฟรีให้ทั้งชาติเลย… ธาดาทำปากบิดเบี้ยวเลียนแบบความขี้ประจบประแจงของเจนภพ ดูเอาเถอะพอรู้ว่าหลานชายคนใหม่จะตัดทุเรียนล็อตใหญ่ขาย ผู้เป็นย่าก็อุตส่าห์
“เอาเลย อยากแกล้งก็แกล้งเลย นังโมนาเชียร์จินนี่สุดใจ” มนภาไม่คิดห้ามเพื่อน รู้ว่าอย่างไรเสียคนที่จิลลารักที่สุดก็คือหมอกระดูกคนนั้น เพราะรักแล้วจะทำร้ายจิตใจได้มากสักแค่ไหนกันเชียว คงแค่ทำให้รู้สึกตัว วันข้างหน้าจะได้เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกละเลยถูกหลบซ่อน และหากหมอธาดาฉลาดเขาก็ควรรู้ว่าขั้นตอนต่อไปจะต้องวางจิลลาไว้แบบไหนถึงจะได้เธอคืนยิ่งดึกน้ำค้างยิ่งลงแรงลมทะเลพัดกระโชกธาดายืนพิงอิงสะโพกกับแผงประตูรถหรู ยังรอคอยรอรับจิลลากลับบ้านอย่างอดทนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดหญิงสาวผมยาวดำขลับในชุดแดงเพลิงก็กลับมา“งานเลิกแล้วเหรอครับ”จิลลาพยักหน้าเขาเห็นสีแก้มก็รู้ว่าเธอคงดื่มมาบ้าง จึงเข้ามาช่วยประคองเดินไปยังเบาะนั่งข้างตัว“กลับบ้านนะ” ธาดาบอกหญิงสาวอีกครั้งและเธอก็ทำเพียงพยักหน้า ยกให้เป็นหน้าที่ของธาดาที่จะพาเธอกลับไปยังจุดหมายปลายทาง“โกรธจิลไหมคะ” เธอถามขึ้นก่อนที่จะลงจากรถเมื่อมาถึงบ้านน็อกดาวน์ของเขา“เปล่าหรอกครับ แต่ผมแค่น้อยใจนั่นแหละ” ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหก เพราะรู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอทำให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เธอเคยสัมผัส ซึ่งเขาก็เข้าใจมันแ
“พี่เจนจะกลับบ้านได้วันไหนคะ”“ไม่เกินวันมะรืนครับ” หมอหนุ่มตอบหญิงสาวเมื่อพาเธอกลับถึงบ้านน็อกดาวน์ด้วยกัน แต่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อน “จิลอยากไปเที่ยวหรือแวะไปไหนไหม”“เดี๋ยวเย็นนี้พี่อธิปจะมารับไปที่บ้านค่ะ”“ทำไมต้องไปด้วย”“ก็แล้วทำไมจะไปไม่ได้คะ” จิลลาหันหน้ามาแหวกลับ เมื่อก่อนเธอศรัทธาเขา เกรงใจเขาสารพัด แต่เสียใจด้วยที่ตอนนี้สิทธิพิเศษเหล่านั้นไม่เหลือหลออยู่อีกแล้ว หากมีคำไหนที่เขาพูดไม่ดีกับเธอ เธอก็จะพูดไม่ดีกับเขาคืนไปบ้าง เอาไงก็เอากันสิ“ผมหมายถึงว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า” หมอหนุ่มทำคอย่น ไม่อยากให้จิลลาโกรธเลย เขาอยากให้เธออารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส จะได้มองเขาในแง่ดี เผื่อจะหายโกรธกันเร็วขึ้นอีกสักวันสองวัน“จริงๆ เรามีนัดเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารริมทะเลกันนิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวบอกชื่อร้านให้หมอหนุ่มฟัง เขาพยักหน้ารับว่ารู้จักร้านนี้เพราะเป็นร้านดังของอำเภอ“เดี๋ยวผมออกไปส่งคุณเองก็ได้นะ” เห็นเธอตั้งท่าจะปฏิเสธ เขาก็เลยอธิบายต่ออย่างใจเย็น “อธิปเพื่อนคุณ จะได้ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา”“เอางั้นก็ได้ค่ะ” จิลลาเบนหน้าไปซ่อนยิ้ม หมั่นไส้ชายหนุ่มเป็นกำลัง ยิ่งตอนที่เขาแกล้งเน้นเสียงคำว่า
“อร่อยจังเลยครับ”“หมอพูดเป็นครั้งที่สิบหกแล้วค่ะ”“ครั้งที่สิบเจ็ดก็จะพูดว่าอร่อยเหมือนเดิม”จิลลากลอกตามองบน เห็นเธอทำดีด้วยนิดหน่อยก็ลามปามเชียวนะ แต่เมื่อเหลือบสายตามองมือที่ตักต้มยำปลากระป๋องเข้าปากกินคู่กับไข่ดาวเหมือนหิวโซนั่น เธอก็แอบสงสารจนใจอ่อนลงไปอีก สภาพนายแพทย์ไฮโซตอนที่เดินกลับมาจากสวนทุเรียนของเจนภพ มันทั้งเปียกซ่กทั้งเหม็นน้ำหมักคละคลุ้ง คงเป็นไอ้ฮอร์โมนพืชของพี่ชายเธอนั่นแหละ จำได้ว่าเมื่อก่อนเขารังเกียจเดียดฉันท์เจนภพสารพัด วันนี้เวลาหมุนผ่าน เธอหนีหาย ทิ้งพี่ชายไว้ตามลำพัง ก็ได้หมอคนดีคนเดิมนั่นแหละที่คอยอุปถัมภ์เกื้อกูลพี่ชายเธอตลกดีชะมัดจัดการมื้อเช้าจนเกลี้ยงเกลา หมอธาดาก็ขับรถพาหญิงสาวมาเยี่ยมพี่ชายที่โรงพยาบาล เพียงแต่เขาขอให้เธอสวมใส่หน้ากากปิดบังเสียก่อน อีกอย่างจิลลาก็บอกว่าได้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มาก่อนแล้ว หมออย่างเขาเลยเบาใจลง ปล่อยให้พี่น้องได้คุยกันตามสบาย“วันนี้ฉีดฮอร์โมนให้กูแล้วใช่ไหม มันถึงวันแล้วนะ”“เออ”“ดีมากไอ้หมอ”ธาดาขยับปากอยากจะด่า ทว่าหันไปเห็นดวงตากลมใสของจิลลาที่มองมา เขาก็ได้แต่ฉีกยิ้มให้เจนภพ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มยิ่งกว่าพน







