“ก็บ้านมึงใกล้สุดไหมล่ะ” อาเชอร์หันมาตอบ
“ไม่ได้” ค้านหัวชนฝา ไม่จำเป็นไม่อยากให้พวกมันไปที่บ้าน น้องสาวเขาอยู่ที่นั่นด้วย เกิดพวกนี้ไปรบกวนเธอทำไง อุตส่าห์หลีกเลี่ยงมาได้ตั้งสี่ปี
“มึงก็น่าจะรู้นะอาร์ นอกจากไอ้ก้าแล้วมีใครได้เข้าไปเหยียบบ้านมันบ้าง ขนาดอยู่มหา’ลัยเดียวกันยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าน้องมันชัด ๆ สักที!”
วิกเตอร์เหลือบตามองคนหวงน้องสาวอย่างเจฟฟ์ตาเขม็ง รู้แค่ชื่อกับคณะที่เรียนนี่ก็นับว่าบุญพวกเขาแล้วมั้ง
“ก็ใครใช้ให้พวกมึงแต่ละคนทำตัวดี ๆ กันทั้งนั้น ในฐานะเพื่อนกูยอมรับว่าพวกมึงพึ่งพาได้ แต่สำหรับน้องกูพวกมึงก็ผู้ชายเลวคนหนึ่ง โอเคนะ” คิ้วหนายกขึ้นแสดงถึงการแบ่งเขตระหว่างความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวเองอย่างเด่นชัด
แน่นอนว่าในฐานะเพื่อนนั้นทุกคนดีชิบหาย แต่หากเป็นเรื่องผู้หญิงละก็...ขอกันน้องสาวออกห่าง ๆ เป็นดีที่สุด
“แต่กูเพื่อนมึงนะ พูดซะเสียเลย” วิกเตอร์ไม่ยอมรับคำใส่ร้าย ในกลุ่มถ้าจะมีใครสักคนได้บทบาทนั้นก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“มองหน้ากูทำไม หล่อจนละสายตาไม่ได้เลยใช่ไหม?” อชิระเข้าใจความหมายของสายตาวิกเตอร์ แต่แล้วยังไง เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนสักครั้งผู้หญิงพวกนั้นเข้ามาหาเอง เขาผิดตรงไหน
“เอาความมั่นหน้ามึงเก็บไว้ที่เดิมเหอะอชิ” วิกเตอร์ไม่ยอมให้ง่าย ๆ
“พวกมึงอย่านอกเรื่องดิวะ” เมื่อเห็นว่าประเด็นเริ่มออกไปไกล อาเชอร์จึงรีบดึงพวกนั้นกลับมา จะเอายังไงก็สรุปมาสักอย่าง ไม่ใช่เพราะอยากไปเที่ยวแต่กลัวว่าซอลจะเบื่อแล้วกลับตอนนี้เลยต่างหาก
“นั่นดิ จะเอายังไงก็ว่ามาเจฟฟ์ จะให้พวกกูไปไหม ทำอย่างกับกันพวกกูไว้แล้วน้องมึงจะไม่เจอผู้ชายคนอื่นงั้นแหละ เอาแค่พอดีนี่เพื่อน” พอจะรู้มาบ้างว่าเจฟฟ์มันเลี้ยงน้องสาวคนนี้มาเองกับมือ หวงยิ่งกว่าไข่ในหิน
คงเป็นเหตุผลนี้ที่มันเลือกเรียนทั้งเทควันโดแถมยังติดอันดับหนึ่งของสายดำ เรียนวิชาป้องกันตัวทุกแขนงเรียกได้ว่าตัวเต็งของมหา’ลัย คนอื่น ๆ พอได้ยินว่าเธอคนนั้นเป็นน้องมันก็ไม่มีใครกล้ายุ่งแล้ว
แต่นี่เพื่อน! เว้นหน่อยก็ได้มั้ง จะอะไรนักหนา
“เออ ๆ แต่บอกไว้ก่อนนะ ห้ามเสียงดังเด็ดขาด ห้ามวุ่นวายกับน้องกูด้วย” เห็นสีหน้ารอคอยความหวังของพวกมันแล้วคงเลี่ยงอีกไม่ได้
“มันต้องอย่างนี้สิวะถึงจะเรียกว่าเป็นเพื่อนรักกันจริง”
“มึงอะตัวดีเลยเตอร์” ไลก้าเอ่ยปากเสียงเบา
“อะไรวะ?” คนที่ควรจะหมายหัวต้องไอ้คนนั่งตีเนียนอยู่ตรงหน้าเขานี้ปะวะ
“เอ้า! กูนึกว่ามึงนอน ลุกขึ้นมาเล่นโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ขณะที่ทุกคนเตรียมตัวเพื่อย้ายที่ดื่มกัน คนที่คิดว่าไม่น่าจะสนใจอะไรอย่างไลก้ากลับดีดตัวลุกนั่งในท่าเตรียมพร้อมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วยังกดมือถือไม่หยุดอีก ผิดวิสัยนิสัยของเจ้าตัวมาก
“อยากรู้ไปทุกเรื่อง นู้นไอ้อาเชอร์กับซอลออกไปแล้ว เดี๋ยวก็ตามพวกมันไม่ทันหรอก” ไลก้าเก็บมือถือลงกระเป๋าพร้อมกับดันหลังวิกเตอร์ที่พยายามจะรู้ให้ได้ว่าเขากำลังคุยอยู่กับใคร
“ก็มึงทำตัวน่าสงสัยเองนี่หว่า” ยังไม่วายหันกลับมาต่อปากต่อคำคนทำตัวแปลกไป แต่กระนั้นก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะมันกำรอบหลังคอเขาไว้แล้ว หากพูดต่ออาจจะถูกมันหักคอเอาได้
‘แล้วมันเป็นอะไรทั้งไอ้เจฟฟ์ ไอ้ก้า มือหนักกันชิบหาย’
ลานจอดรถ
ตื้ด... ตื้ด...
‘ไปไหนของเธอ?’ เจฟฟ์ยืนพิงรถสีแดงเพลิงของตนเอง รอสายจากน้องสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะรับ ปกติวีด้าไม่เป็นแบบนี้ แล้วยังถูกพวกข้างหลังรบเร้านั้นอีก สายตาจ้องกดดันกันชิบ!
(ค่ะพี่เจฟฟ์) ตอบรับเสียงเหนื่อย หลังจากปล่อยให้ปลายสายรออยู่นาน
“เป็นอะไร ทำไม่เสียงเป็นแบบนั้น” หัวคิ้วเข้มขมวดเป็นปม
(วีพึ่งวิ่งออกมาจากห้องน้ำ ไม่มีอะไรค่ะ)
“อืม นอนหรือยัง”
(ยังค่ะ กำลังอ่านหนังสืออยู่ พี่จะกลับกี่โมงคะ) สองนิ้วไขว้กันไว้ด้านหลัง อย่าให้เธอต้องตกนรกเลย
“กำลังจะกลับ เพื่อนพี่มันจะตามกันไปด้วย แต่งตัวให้มิดชิดแต่ถ้าไม่อยากลงมาก็นอนไปเลย พี่จะพาพวกมันออกมานั่งข้างนอก”
(งั้นวีลงไปดูอะไรในครัวไว้รอพี่แล้วกัน)
“เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องนะ”
(ไม่เหนื่อย ๆ วีโอเคค่ะ)
“อืม พี่วางนะ”
(ค่ะ อ้อ...ดื่มหรือเปล่า)
“นิดหน่อย ไม่ต้องห่วงแค่นี้โอเคมาก” มุมปากได้รูปกระตุกเบา ๆ
(ค่ะ วีรอพี่นะ)
เจฟฟ์ลดมือถือลง ถ้อยคำห่วงใยจากน้องสาวทำให้เขายิ้มได้เสมอ วีด้าอายุห่างกันสองปี เราอยู่ด้วยกันสองคนมาตั้งแต่เขาเริ่มขึ้นมัธยมปลาย ป๊ากับม๊าส่วนมากใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ นาน ๆ ครั้งจะกลับมาอยู่ด้วยกัน ถามว่าเป็นแบบนี้ตนเองและน้องสาวรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไหม
บอกเลยว่าไม่! ป๊าม๊าใช้ทั้งชีวิตเลี้ยงเรามาอย่างดี เขาโตแล้วสามารถดูแลน้องสาวได้ ก็ควรให้พวกท่านได้ท่องเที่ยวอย่างที่ตั้งใจถึงจะถูก
“ต้องขนาดนี้เลยเหรอวะ” ควันลอยฟุ้งเหนือใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาคมดุหยุดอยู่ที่เจฟฟ์ อชิระได้ยินทุกประโยคของเพื่อนกำชับน้องสาว อีกนิดมันจะทำตัวเป็นพ่อหล่อนแล้ว หวงอะไรขนาดนั้น เขาเองก็มีน้องสาวยังไม่ถึงขั้นนี้เลย
“อะไรที่ว่าขนาดนี้ มันดึกแล้ว น้องกูเข้านอนเร็วก็ต้องถามก่อน มึงมีปัญหาอะไร”
หยัดตัวออกห่างจากรถ หันไปเปิดประตูค้างไว้ก่อนจะหันมาทาง
‘เสือตัวร้าย’
“หรือจะไม่ไปก็ได้นะ แบบนั้นยิ่งดีเลย” ว่าจบเขาก็หย่อนตัวลงนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ท่อนแขนวางพาดขอบประตูที่เปิดเลื่อนกระจกลงมา
อชิระกระตุกใบหน้าอันหล่อเหลาชนิดทำคนมองดุนกระพุ้งแก้มด้วยความหมั่นไส้ นัยน์ตาสีน้ำตาลซินนาม่อนระยิบระยับยามเมื่อภายในหัวขบคิดวาจาท้าทายของเจฟฟ์ เขารู้ว่าเพื่อนก็แค่จะกันซีนทุกคนออกห่างจากน้องสาวของมัน
แต่นั่นมันไม่รู้เลยว่ายิ่งเป็นการกระตุ้นให้คนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรมาก่อนอย่างตน อยากเห็นหน้าเธอคนนั้นแบบใกล้ชิดจริง ๆ สักครั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าข่าวลือหนาหูเรื่องความสวยหยาดฟ้ามาดิน แท้จริงแล้วจะสักแค่ไหน?
20 นาทีต่อมา...
วีด้าวิ่งออกมารับพี่ชายเมื่อเห็นว่าเขาเดินนำเพื่อนคนอื่น ๆ เข้ามา รอยยิ้มหวานแต่งแต้มดวงหน้าแสนสวย ดวงตากลมโตมีประกายโดดเด่น จมูกเรียวเล็กรับกับใบหน้ารูปไข่ราวกับประติมากรรมชั้นเยี่ยมที่ถูกรังสรรค์ออกมาจากพระเจ้า ทรวดทรงองเอวหรือก็สมส่วนอรชร เอวเล็กคอดเมื่อเทียบกับสะโพกกลมกลึงนั้นเข้ากันอย่างลงตัวเลยทีเดียว
“ช้าหน่อย เดี๋ยวก็ได้ล้มพอดี” เจฟฟ์อ้าแขนรับน้องสาวตัวน้อยของเขา ปากหยักยกยิ้มให้กับความซุกซนของเธอ ก่อนจะโอบไหล่เล็กแล้วหันกลับมาทางเพื่อนที่ยืนรอด้านหลัง
เขาแนะนำแค่พอเป็นพิธีไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าใครที่สนิทหรือให้ความสำคัญมากสุด กระทั่งมาถึงไลก้า เขาไม่ได้แนะนำเพราะต่างก็คุ้นเคยกับเธอดีอยู่แล้ว
“งั้นเดี๋ยววีไปเอาน้ำมาให้นะคะ” คนตัวเล็กแหงนหน้าบอกกับพี่ชาย
“อืม ฝากด้วย” วางมือบนศีรษะเล็ก ก่อนจะเดินนำคนอื่น ๆ ไปโซนด้านหลัง
“ถึงว่าทำไมมึงหวงน้องนัก! อย่างกับตุ๊กตา น่ารักสุด ๆ กูนึกว่านางฟ้า” วิกเตอร์เอ่ยเสียงกังวานเมื่อเดินมาถึงซุ้มหลังบ้าน
ผัวะ!
จบคำพูดของคนทำตัวดี๊ด๊าไม่เท่าไหร่ เสียงฝ่ามือกระทบท้ายทอยก็ดังขึ้น
“เก็บอาการของมึงหน่อย บอกว่าไง นั่นน้องกู” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงเก้าอี้ตัวยาว
คนถูกฝ่ามือพิฆาตแทบหลับแต่กลับมาได้ จับท้ายทอยตัวเองปอย ๆ
“สัสนี่หัวกูแทบหลุด นี่เพื่อนไหม รู้ว่าเป็นน้องมึงก็พูดตามความจริงไม่ได้คิดอะไรนี่หว่า จริงจังไปไหนวะ” ก่อนมาก็ไอ้ก้า ถึงนี่ก็ไอ้เจฟฟ์เขาจะสมองฝ่อก่อนเรียนจบไหม
“อย่าให้รู้ว่าคิด”
“เออ ไม่คิดโว้ย”
เจฟฟ์กับวิกเตอร์ยังไม่มีใครยอมลงให้กัน ดังนั้นอีกสี่ชีวิตจึงไม่ได้ใส่ใจ
อาเชอร์วางเครื่องดื่มที่แวะซื้อกันมาลงที่โต๊ะตัวใหญ่ มีซอลช่วยหยิบออกมาวางเรียง
ไลก้ายึดมุมที่มีแสงน้อยหน่อย
ส่วนคนที่ตีหน้านิ่งที่สุดเห็นจะเป็นอชิระ แต่ทว่าในความนิ่งสงบนั้นมีคลื่นบางอย่างก่อกวนภายใน
ดวงตาสีพีนัทตอนกำลังยิ้มให้กับพี่ชายเปล่งประกายยิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้าเสียอีก เสียงเล็กทว่าหวานรื่นหูยังก้องกังวานอยู่ในหัวใจ เขาโดนสะกดด้วยรอยยิ้มของเธอ เหมือนทุกอย่างหยุดอยู่แค่นั้น รอบตัวเบลอไปหมดมีแค่เรือนกายเล็กที่เด่นชัด
กระทั่งไหล่ถูกกระทบจากฝ่ามือของไลก้า สติทั้งหมดของเขาถึงได้กลับมา
‘เข้าข้างในสิ ขาตายหรือไงถึงไม่ขยับ’
นั่นแหละเขาถึงได้เดินตามมันเข้ามา...
สนามหญ้าหน้าคณะวิศกรรมศาสตร์ ก่อนหน้านิสิตยืนถ่ายรูปกันอยู่บ้างตามจุดต่าง ๆ ทว่าบัดนี้มีกลุ่มใหญ่อย่างสมาชิกสิงห์และผู้ปกครองจำนวนหนึ่งยืนตีวงล้อมพวกเขา จุดใจกลางมีอชิระยืนข้างอชิตา ฝั่งตรงข้ามเจฟฟ์โอบไหล่น้องสาว ทั้งสองยืนประจันหน้ากันด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน โดยมีผู้ให้กำเนิดของทั้งสองฝั่งยืนขนาบข้างปิดท้ายที่ผู้สูงอายุกว่าใคร ๆ มองเหตุการณ์นั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“หมายความว่ายังไงคะคุณตา ที่ว่าคุณปู่พี่อชิเป็นหมอประจำตัวน่ะค่ะ” วีด้ามองผู้เป็นตาด้วยความมึนงง จริงที่ว่าระหว่างครอบครัวไปมาหาสู่กันตลอดยี่สิบปี แต่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าท่านจะต้องมีแพทย์ประจำตัวติดกายไว้ตลอด แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยเจอบ้าง? ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ป๊ากับม๊า ซึ่งมีพ่อและแม่ของพี่อชิยืนอยู่ด้วย ยิ่งทำให้เธอมึนไปหมด เท่าที่รู้ไม่เคยเห็นพวกท่านทำตัวสนิทสนมหรือรู้จักกันมาก่อน สรุปแล้วสิ่งที่เกิดอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วที่ป๊าคัดค้านพี่อชิ ไม่ยอมรับความรักระหว่างเรามันหมายความว่ายังไง?“อย่าใช้เสียงแบบนั้นถามคุณตาวีด้า” รีน่าที่ไม่เคยดุลูกสาวปรามเสียงเข้ม “ไม่เป็นไรรีน่า เราเองที่ทำให้เด็ก ๆ ตกใจ
เป็นเดือนที่ทรมานสุด ๆ ป๊าไม่ถึงขั้นให้เราตัดขาดการติดต่อกัน เพียงแต่ว่าจะออกไปไหนตามลำพังไม่ได้ ตอนไปเรียนยังพอมีหวังว่าจะได้เจอพี่อชิบ้าง แต่เปล่าเลย! เวลาที่เธอว่างเขามักถูกอธิการเรียกให้ไปพบ กว่าจะปลีกตัวมาได้เธอก็ต้องไปเรียนแล้ว เป็นแบบนี้มาตลอด เธอโมโหจะตายอยู่แล้ววันนี้ต้องไม่พลาดแน่ เธอจะกอดพี่อชิให้หายคิดถึง และบอกว่าเราจะไม่ยอมแพ้ผู้ใหญ่เด็ดขาด แต่เอาเข้าจริงดูเหมือนฟ้าจะไม่ฟังคำอ้อนวอนที่แสนปวดใจสักเท่าไหร่ เมื่อมาถึงมหา’ลัย เนืองแน่นไปด้วยบรรยากาศคึกคักในวันรับปริญญาของพวกเขา พี่อชิกลับไม่ได้อยู่กับเพื่อน ๆอธิการและสามีของท่านยืนขนาบข้างคนละฝั่งของคนประสบความสำเร็จ อชิตาตรงหน้าของเธอมีชายสูงอายุ ทว่าภูมิฐานน่าเป็นญาติผู้ใหญ่พวกเขาดูกำลังมีความสุข แล้วเธอล่ะ? ”หยุดทำไม ไม่เข้าไปเหรอ” ซันเดย์เอ่ยเมื่อเพื่อนที่กระตือรือร้นตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่กลับยืนนิ่งทั้งที่อชิระก็อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว“จะเข้าไปยังไง เห็นนั่นไหม ตรงไหนละที่วีพอจะไปยืนได้ ซันว่าวีควรทบทวนเรื่องระหว่างเราใหม่ดีไหม” เป็นคำถามที่ดูเลื่อนลอยไร้น้ำหนัก ทว่าหัวใจนั้นกลับหนักอึ้ง ความสัมพันธ์ของเธอกับพี
เข้าวันที่สี่นับตั้งแต่เรื่องระหว่างเธอและพี่อชิเป็นหัวข้ออ่อนไหวของป๊ากับม๊า ซ้ำผู้ช่วยคนสำคัญก็ถูกคุมเข้มหมายหัวห้ามช่วยเหลือเพื่อนเด็ดขาด ถูกตัดความช่วยเหลือทุกช่องทาง ไม่ใช่ว่าไม่เคยใช้ลูกไม้กับพวกท่านทว่าถูกมองออก ก็เลยต้องนั่งเครียดจ้องหน้าพี่ชายอยู่แบบนี้!“มันก็ไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่หรอก เห็นหลังคาแต่เจอหน้าไม่ได้”เห็นน้องสาวไม่มีชีวิตชีวาคนเป็นพี่อย่างเขาก็ปวดใจ แต่ไหนเลยจะกล้าขัดผู้ใหญ่ ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนคนในบ้านสำคัญสุด ป๊า ม๊า ไม่เคยพูดอะไรซ้ำสอง เด็ดขาดคำไหนคำนั้น ”วีโตแล้วนะคะ ทำไมพวกท่านยังมองว่าเด็ก ตัดสินใจเองไม่ได้” หลุบตามองต่ำ ไม่เข้าใจว่าพวกท่านกำลังคิดอะไรอยู่ คราแรกเหมือนจะไม่คัดค้านแต่พอพี่อชิอยากจะมาไหว้กลับบอกว่าไม่ว่าง ซะงั้น! ไม่เท่ากับกีดกันพวกเธอแล้วหรือยังไง“ห้ามร้องนะ พวกท่านไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เอาไว้ให้อะไรมันดีกว่านี้เราต้องมีทางออกแน่”“แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ? ขนาดตัวไม่อยู่ยังรู้ทุกการเคลื่อนไหวพวกเราเลย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเจอพี่อชิเล่า”“เอาน่า! ไอ้อชิมันไม่ใช่พวกไม่เอาไหน ถ้ามันรักเธอจริงก็ต้องมีวิธีทำให้ป๊าใจอ่อนจนได้แหละ”เหมือนจะดี! แต่สุดท้
อาทิตย์ต่อมา...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้เวลาก็เลยผ่านข้ามมาอีกวัน ล่าสุดที่ได้คุยกันก็น่าจะเกือบ ๆ เดือนเลยนะพอรู้ว่าป๊ากับมาจะกลับมาเธอกับพี่เจฟฟ์ก็เตรียมตัวกันออกจากบ้านแต่เช้ามารอรับพวกท่านก่อนเวลา พี่เจฟฟ์ยกนาฬิกาข้อมือที่แพงแสนแพงของเขาขึ้นมาดู ก็คงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ที่คิดถึงป๊ากับม๊ามาก ๆ “น่าจะมาถึงกันแล้ว พี่ว่าเราเดินไปรอข้างหน้ากันดีกว่า” พี่ชายลุกจากที่นั่งตัวยาวแล้วหันมาบอกคนข้าง ๆ คว้าข้อมือเล็กเดินไปพร้อมกัน “พี่ว่าพวกท่านจะมีน้องกลับมาฝากเราไหม” พูดไปก็หัวเราะไปพลาง ครั้งหนึ่งเคยบอกพวกท่านว่าอยากได้น้องสักคน แล้วครั้งนี้พวกท่านก็ไปกันนานมาก... น่าจะมีอะไรพิเศษกลับมาบ้างละนา!“คงอยู่กับไอ้อชิมากไปถึงได้มีแต่เรื่องไร้สาระนะเธอเนี่ย” “ทำไมว่าน้องอะ แล้วพี่อชิมาเกี่ยวอะไรด้วยอย่าโยงไปมั่วสิ ก็วีอยากมีน้องนี่น่า” เจฟฟ์เอียงหน้าลงมองน้องสาวด้วยสายตาปราม เดี๋ยวนี้แตะต้องไม่ได้แล้วเพื่อนเขาน่ะ “เพราะมันสอนแต่ละอย่างให้เธอดูสิ! รู้งี้ไม่ยอมตั้งแต่แรกก็จบ” “นี่น้องไงพี่เจฟฟ์ อย่าใจร้ายสิคะ เราตกลงกันแล้วไง” ว่าพี่ชายดุม
ริมฝีปากร้อนจัดหันมาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มแสนหวานอย่างดูดดื่ม หัวใจดวงนี้พื้นที่เต็มไปด้วยผู้หญิงที่ชื่อวีด้า คู่ชีวิต ลมหายใจเขาตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะฝากมันไว้กับเธอ จะไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคของเส้นทางรักของเขาได้เป็นอันขาด“อื้อ” “อ๊า” วีด้าเผยอปากเปิดกว้างเป็นโอกาสให้เรียวลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจภายในโพรงนุ่มอชิระเรียกร้องหาความหวานจากแฟนสาว ขบเม้มดูดดึงปากนิ่มอย่างโหยหา ลิ้นสากซอกซอนเกี่ยวพันละเลงทั่วทั้งลิ้นหวานอย่างช่ำชอง“อื้ม”เสียงครางต่ำอย่างพึงพอใจเปล่งออกมาจากลำคอแกร่ง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ผละมันออก ”แต่เธอมีความผิดอยู่จำได้หรือเปล่า” ย้ำเสียงพร่าแต่สายตาจ้องริมฝีปากบวมเจ่ออย่างคาดโทษ“ผิดอะไรคะ วีจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรตอนไหน” ค้านเสียงสั่น พลางสูดลมถี่ ๆ เพราะจูบดูดวิญญาณ หากเขาไม่หยุดเธอคงขาดใจตายไปแล้วแน่เลย“จำไม่ได้พี่ก็จะค่อย ๆ บอกทีละอย่าง จนกว่าเธอจะเข้าใจ” ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอขาว ฟันซี่คมขบกัดเนินเนื้อนูนระหว่างสองเต้าด้วยความกระสันใคร่ แลบลิ้นเลียผิวผุดผ่องทิ้งน้ำลายเปียกแฉะทั่วบริเวณ“อืม พี่อชิ” เสียงหวานครางเรียกชื่อคนรักเมื่อสติสัมปชัญญะเริ่มเลือนหาย ก้านนิ้วเรียวล
อชิระยืนหน้าเคร่งขรึมครั้นมารดาปล่อยท่อนแขนให้เป็นอิสระ เดินกันออกมาห่างจากหอประชุมใหญ่มากพอควร ลมหายใจหนัก ๆ พ่นอย่างแรงสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว ไม่เข้าใจท่านตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ว่าทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร ถ้าแค่ต้องการเอาคืนเรื่องที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะไปลงที่วีด้า“พอเถอะครับแม่ วีไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ที่ผ่านมาเป็นผมที่ดื้อรั้น อย่าทำอะไรให้เธอต้องลำบากใจมากไปกว่านี้อีกเลยครับ”“ลูกกำลังต่อว่าแม่ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรออชิ”“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมขอร้องได้ไหมครับ อย่าบังคับให้เธอต้องทำอะไรแบบนี้อีก”“บังคับ! ลูกคิดแบบนั้นเหรอ ทำไมถึงคิดตื้นเขินนัก ไหนบอกว่าจริงจังกับเด็กคนนี้ แค่นี้ก็มองไม่ออกเชียวหรือว่าเธอเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ไปทบทวนเสียใหม่ว่าสมควรหรือไม่ที่จะใช้คำว่าคนรักกับเด็กคนนั้น เพราะถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้แล้วละก็ อย่าแม้แต่จะเข้าหาครอบครัวเธอเลย” อชิระคิ้วขมวดเป็นปมเพราะคำของผู้เป็นแม่ การกระทำทั้งหมดเหมือนกับว่าจะไม่พอใจวีด้า คำพูดเมื่อครู่ที่ว่าเรื่องครอบครัวของเธอนั้นยังไงกันแน่!“แม่รู้อะไรมาครับ”“ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วก็อย่าทำตัวเหลวไหลเด็ดขาด จำคำแม่ไว้ให้