@สนามแข่ง YOLO
ดวงตาหวานกลมโตสีพีนัททอดมองรถแลมโบกินี่สีควันบุหรี่ สัญลักษณ์รูปสิงห์ผงาดด้านข้างสุดเท่ ทะยานมาด้วยความเร็วเหนือคู่แข่งคนอื่น ๆ
5...4...3...2...1 เยส!
“กรี๊ด...ชนะแล้ว ชนะแล้ว เย้ ๆ” ร่างอรชรภายใต้ชุดทะมัดทะแมงกระโดดจนตัวลอยอยู่ข้างสนามโซน vip ก่อนจะหันมาหาอีกคนที่มีท่าทีไม่ต่างกันเลยสักนิด
YOLO คือหัวใจของหนุ่มวิศวะทั้งห้า เป็นมิตรภาพอันเหนียวแน่นจนก่อเกิดสนามแข่งแห่งนี้ และสัญญาลักษณ์ของพวกเขาก็คือสิงห์สีทอง
แก๊ก⁓
ร่างสูงก้าวออกมาจากรถสีควันบุหรี่ ในอ้อมแขนกอดหมวกนิรภัยอันโปรดไว้แน่น ย่างเท้าด้วยความมั่นคงมายังกลุ่มเพื่อนสนิทระบายยิ้มมุมปากอันทรงเสน่ห์ในสายตาสาว ๆ ทว่าแท้จริงแล้ว
เขาโคตรร้าย!
“ไอ้อชิมันหายหัวไปไหน? ถ้ากูไม่ได้เอาลูกรักมาวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น เชี้ยเอ๊ย” วิกเตอร์ กล่าวอย่างหัวเสียพลางส่งหมวกให้กับคนดูแลเอาไปเก็บ จากนั้นเจ้าตัวถึงได้ทิ้งตัวลงนั่งเบาะนุ่มอย่างแรง
เจฟฟ์ พ่นเสียงหัวเราะในลำคอ ร่างกำยำอิงเคาน์เตอร์บาร์ เบี่ยงหน้ามาหาคนเอ่ยกระแทกเสียงแข็งถามหาเพื่อนอีกคน
“ก็ชนะไปแล้ว มึงยังจะหัวเสียทำไมวะ” ยกวิสกี้ในมือขึ้นดื่มพลางปรายตาไปทางคนประสานงานภายในสนาม
“ใช่ ก็ชนะแล้วจะหัวเสียไปทำไม” อาเชอร์ ว่าจบก็วาดแขนไปตามความยาวของพนักโซฟาตรงข้ามวิกเตอร์ ปลายนิ้วลูบไหล่คนที่นั่งอยู่ข้างกันเบา ๆ
“มีแค่เรื่องเดียว น่าจะชินกันได้แล้วไหม?” คนที่พักสายตาได้แม้กระทั่งท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมอย่างไลก้า เปล่งเสียงแหบห้าวออกมาเมื่อทุกคนไม่เคยทำตัวให้ชินสักทีกับเพื่อนที่ถูกเอ่ยถึง
“มันไม่เหนื่อยบ้างหรือไง” สาวสวยผู้ที่ตกอยู่ในอ้อมแขนกลาย ๆ ของอาเชอร์พูดเสียงเอือม
คนเริ่มต้นซักถามกลอกตาขึ้นสูงเมื่อผลสรุปที่ออกมาไม่ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ นี่ถ้าเขาลงสนามช้าไปอีกนิดไม่ต้องเสียชื่อโยโลไปแล้วเหรอ
“มึงจะไปไหน?” เมื่อเห็นว่าคนที่พึ่งลืมตาดันตัวขึ้นจากโซฟาตัวยาวมุ่งหน้าไปทางประตู วิกเตอร์จึงอดคิดไม่ได้ว่าจะตามเพื่อนที่หายหัวไปด้วยหรือเปล่า
“ไปชัก! จะตามกูมาไหม?” เสียงเหนื่อย ๆ ตอบคนขี้สงสัยก่อนจะพ้นประตู
“ชักเหี้ยไร? แต่ละคน เป็นอะไรกันไปหมด”
“น่า! ยังไงก็ชนะ เดี๋ยวพวกมันก็มา” อาเชอร์ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดวอแวเจ้าของเรือนร่างคนข้างกายกล่อมวิกเตอร์ให้ใจเย็นลง
เจฟฟ์พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่เขาจะเดินมาทิ้งตัวลงตำแหน่งของคนขี้เซาที่พึ่งเดินออกไป
“กูให้อีกไม่เกินยี่สิบนาทีมันโผล่หัวมาแน่” คิ้วเข้มยกขึ้นเป็นสัญญาณว่าไอ้คนต้นเรื่องพาเพื่อนปวดหัวมาแน่!
ทางเดินริมสนามฝั่งตะวันตก
“ฉันบอกแกแล้ว เป็นไง? สนุกมากเลยใช่ไหมล่ะ” ไลลาสาวสวยผู้ออกความคิดเรื่องมาชมการแข่งรถแม็ตช์สำคัญกล่าวเสียงดี๊ด๊า
“รู้ว่าสนุก แต่ถ้าพี่เจฟฟ์จับได้ล่ะก็...ฉันตายแน่”
วีด้า สาวสวยนัยน์ตาสีพีนัทเหลือบมาทางคนต้นคิด เธอตีหน้ายุ่งทันทีเมื่อเอ่ยถึงพี่ชาย
เจฟฟ์เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนสนามแข่ง เขาดูแลพนักงานและความปลอดภัยของที่นี่ รวมถึงตัวเธอเองด้วย ที่ว่าดูแลนั่นหมายถึงให้อยู่บ้านห้ามออกไปไหน ทว่าตนเองกลับมาโผล่ตรงนี้ หากว่าถูกจับได้แล้วละก็...
‘ไม่อยากจะคิด’
ได้นั่งฟังเทศนาจากเขากี่วันถึงจะจบ
“แหม! ก็พูดเกินไป อย่างพี่เจฟฟ์เหรอจะว่าดุแกลงน่ะ” สนิทกันมาไม่รู้ตั้งกี่ปี นับครั้งได้เลยเรื่องที่ว่าพี่ชายซึ่งรักน้องสาวมากอย่างพี่เจฟฟ์จะดุเพื่อนเธอได้ลง
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย กลับกันได้แล้ว” วีด้าจับข้อแขนเพื่อนรัก ดึงคนตัวเล็กตามตนเองไปยังลานจอดรถซึ่งตอนนี้เริ่มมีคนอื่น ๆ ทยอยกลับกันบ้างแล้ว
ทว่าในขณะที่วีด้ากำลังเร่งรีบอยู่นั้น เธอไม่รู้เลยว่ามีสายตานิ่งสงบราวกับทะเลลึกแต่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามกำลังจับจ้องตนเองอยู่
พลันรอยยิ้มมุมปากโค้งเล็กน้อยของชายหนุ่มก็ผุดขึ้น ความอ่อนโยนก็ฉายแทนทับความเยือกเย็นภายในนัยน์ตาคมกริบ
“หึ ๆ ดื้อจริง ๆ เด็กคนนี้ นี่ถ้าเป็นไอ้เจฟฟ์ที่เดินออกมา พี่ไม่อยากจะคิดสภาพ” ไลก้าส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับน้องสาวเพื่อนสนิท เธอคงจะแอบเข้าออกมาเป็นแน่ เพราะไอ้เจฟฟ์มันย้ำนักหนาว่าห้ามวีด้ามาที่นี่เด็ดขาด!
ไลก้าแอบตามวีด้าจนกระทั่งเธอและเพื่อนขับรถออกไปเขาถึงได้ย้อนกลับเข้ามาข้างในอีกครั้ง
ห้องส่วนตัวของ YOLO
วิกเตอร์ดุนกระพุ้งแก้มด้วยปลายลิ้นสากระคายจนมันขึ้นเป็นรูปร่างเด่นชัด ดวงตาคมกริบหรี่ลงระหว่างพุ่งไปหาผู้ที่หายหัวไปตั้งแต่ก่อนแข่งขันในนาทีสุดท้าย ปล่อยให้ตนต้องรับหน้ากับพวกนั้นแทน ทั้งที่วันนี้ควรจะเป็นมันแท้ ๆ ต้องลงไปประลองความเร็ว
“มึงจะอะไรนักหนาวะเตอร์ กูเชื่อใจมึงไงถึงได้ไม่อยู่แข่งกับพวกมัน”
อชิระ เอนหลังพิงโซฟาตัวยาว สายตาดุจเหยี่ยวของวิกเตอร์ทำอะไรเขาไม่ได้ คิ้วเข้มยกขึ้นข้างหนึ่งพลางยิ้มมุมปากกึ่งขำให้กับท่าทีหัวเสียของเพื่อน
“เหอะ! กล้าพูดเนอะ ข้ออ้างทั้งนั้น” วิกเตอร์กดเสียงต่ำ อันที่จริงก็ไม่ได้ไม่พอใจขนาดนั้น เพียงแต่ว่าหมั่นไส้ในความเล่ห์กลของมัน
การแข่งขันประลองความเร็วรายการย่อยจัดขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ใดทุกคนในนี้ย่อมรู้ดี!
“ว่าแต่...สวยปะวะ?” ไอ้อชิมันแค่จะล่อสาว ๆ ให้เดินเข้ามาในกรงเพื่อที่มันจะได้ขย้ำง่าย ๆ เท่านั้นแหละ เลวจริง ๆ
คำถามของวิกเตอร์ดึงความสนใจอีกสามชีวิตที่ทำตัวเหมือนธาตุอากาศให้หันกลับมาทางพวกเขาอีกครั้ง
อาเชอร์ปรายตาเต็มเป็นด้วยแสงระยิบระยับอยากรู้อยากเห็นมากอย่างรอคอยคำตอบ แตกต่างกับซอลสาวสวยที่นั่งเคียงคู่กับเขามองมาทางเพื่อนด้วยสายตาเอือม ๆ เหมือนเคย
ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยยิ้มที่เหมือนลมพัดเย็นสบายแต่กลับแฝงไปด้วยพายุรุนแรงหากมีมรสุมก่อกวนจิตใจเขา เจฟฟ์มองเพื่อนขาดเสมอ
โดยเฉพาะอชิระ
‘เสือที่ว่าร้ายยังเทียบมันไม่ได้’
“ไม่รู้ ไม่ได้มองหน้า จัดเสร็จก็ต่างคนต่างแยกย้ายเปล่าวะ” อชิระไหวไหล่ตอบ ไม่ว่าจะกับใครเขาไม่เคยสนใจจะมองหน้าพวกเธอเลยสักครั้ง ไม่คิดจะจำเลยด้วยซ้ำ ขืนทำแบบนั้นจริงประสาทคงกินเขาก่อนแน่ ๆ
“กูยอมมึงเลย” ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาเปรียบความ ‘สามารถ’ ของไอ้อชิ แต่จะว่ามันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อผู้หญิงพวกนั้นเต็มใจที่จะนอนกับมันเอง แต่ช่างเรื่องนั้นก่อน เพราะตอนนี้เขาอยากทำอย่างอื่นมากกว่าเช่น...
“ไปต่อกันดีกว่า ไหน ๆ วันนี้กูก็ชนะแล้ว มึงต้องเลี้ยง” วิกเตอร์เสนออย่างอารมณ์ดี เขาไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่ ในเมื่อยอมเสียเหงื่อไปแล้วก็ต้องมีอะไรแลกกลับคืนมาบ้าง
“กูเห็นด้วย ไปต่อกันดีกว่า” อาเชอร์เสริมทัพหน้าระรื่นทันที ทว่ายังไม่ทันจะได้ดี๊ด๊านานก็ต้องหุบยิ้มลงฉับพลัน
“แต่ซอลไม่อยากไป เสียงดัง” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มค้านคำเดียว ทุกคนต่างก็เงียบกริบ
แก๊ก~
“อะไร?” เสียงเหนื่อย ๆ เอ่ยถามทันทีเมื่อก้าวเข้ามาแล้วเจอกับบรรยากาศที่เงียบผิดปกติ ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่อชิระ
“เป็นอะไรกัน?” แม้ว่ามันจะหายหน้าไปแต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกไม่น่าเป็นมันที่ทำให้ห้องที่คึกคักอยู่เสมอเงียบลงได้
“พวกมันอยากไปต่อ แต่ซอลไม่โอเค”
ไลก้าพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อหามุมเอนกายเพราะที่ของตนถูกยึดไปแล้ว
YOLO เปรียบเสมือนสิงห์ฝูงใหญ่ สิงห์ที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง มีพลังเปี่ยมล้นอยู่ในตัว ทว่าในเวลาเดียวกันก็รักพ้องเพื่อนและคนรอบข้างเอามาก ๆ
“งั้นก็ไม่ต้องไปไง” ร่างสูงเอนตัวลงแล้วปิดเปลือกตาทันทีเมื่อหลังติดพื้นนุ่มไม่ต่างจากแมวป่า ขอให้มีพื้นที่ว่างเขาก็สามารถข่มตาหลับได้
“แล้วแต่ กูยังไงก็ได้” อชิระยังแกว่งแก้วสีอำพันในมือเล่น ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเป็นที่ไหน ดื่มตรงไหนก็เหมือนกันหมด เมาแล้วก็นอน แต่หากเป็นในห้องนี้ก็แค่ไม่มีของสวย ๆ งาม ๆ ให้ดูก็แค่นั้น
ปลายเท้าขยับไปมายามที่ภาพเรือนกายผุดผ่องโยกขยับท่ามกลางเสียงเพลง ‘หึ’ เสียงต่ำในลำคอดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มดุจนักล่ากระตุก
ทว่าคนออกความคิดนัยน์ตาละห้อยเบนไปหาตัวช่วยสุดท้าย มีแค่อาเชอร์คนเดียวพอจะแก้สถานการณ์ได้
คนมันอยากดื่มโว้ยยย...แข่งก็ที่นี่ หมกอยู่แต่ในนี้ ยังจะดื่มแค่ในห้องนี้อีก เฉาตายพอดี
วิกเตอร์ส่งสายตาวิงวอนให้กับเพื่อนช่วยเกลี้ยกล่อมซอลหน่อย..
“ไม่อยากไปขนาดนั้นเลย งั้นเป็นที่อื่นได้ไหม อย่างเช่น...บ้านไอ้เจฟฟ์” อาเชอร์วาดมือลงสะโพกสวย เสียงทุ้มเอ่ยถามคนข้างกายอ่อนนุ่มพลางยื่นข้อเสนอเป็นสถานที่แห่งใหม่ ซึ่งพอเธอได้ยินจากนั่งเงียบก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับด้วยยิ้มหวาน
‘อยากจูบ’ มันทำให้อาเชอร์มีความคิดนี้เข้ามาในหัว
“เอ้า! แล้วทำไมเป็นบ้านกู ใครเป็นคนต้นคิดก็ไปบ้านคนนั้นสิวะ บ้านไอ้อชิก็ได้” เจฟฟ์ดีดตัวขึ้นจากเบาะนั่งตัวยาวอย่างร้อนรน
‘ใครใช้ให้ออกความคิดแบบนี้ออกมากันวะ!’
สนามหญ้าหน้าคณะวิศกรรมศาสตร์ ก่อนหน้านิสิตยืนถ่ายรูปกันอยู่บ้างตามจุดต่าง ๆ ทว่าบัดนี้มีกลุ่มใหญ่อย่างสมาชิกสิงห์และผู้ปกครองจำนวนหนึ่งยืนตีวงล้อมพวกเขา จุดใจกลางมีอชิระยืนข้างอชิตา ฝั่งตรงข้ามเจฟฟ์โอบไหล่น้องสาว ทั้งสองยืนประจันหน้ากันด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน โดยมีผู้ให้กำเนิดของทั้งสองฝั่งยืนขนาบข้างปิดท้ายที่ผู้สูงอายุกว่าใคร ๆ มองเหตุการณ์นั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“หมายความว่ายังไงคะคุณตา ที่ว่าคุณปู่พี่อชิเป็นหมอประจำตัวน่ะค่ะ” วีด้ามองผู้เป็นตาด้วยความมึนงง จริงที่ว่าระหว่างครอบครัวไปมาหาสู่กันตลอดยี่สิบปี แต่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าท่านจะต้องมีแพทย์ประจำตัวติดกายไว้ตลอด แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยเจอบ้าง? ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ป๊ากับม๊า ซึ่งมีพ่อและแม่ของพี่อชิยืนอยู่ด้วย ยิ่งทำให้เธอมึนไปหมด เท่าที่รู้ไม่เคยเห็นพวกท่านทำตัวสนิทสนมหรือรู้จักกันมาก่อน สรุปแล้วสิ่งที่เกิดอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วที่ป๊าคัดค้านพี่อชิ ไม่ยอมรับความรักระหว่างเรามันหมายความว่ายังไง?“อย่าใช้เสียงแบบนั้นถามคุณตาวีด้า” รีน่าที่ไม่เคยดุลูกสาวปรามเสียงเข้ม “ไม่เป็นไรรีน่า เราเองที่ทำให้เด็ก ๆ ตกใจ
เป็นเดือนที่ทรมานสุด ๆ ป๊าไม่ถึงขั้นให้เราตัดขาดการติดต่อกัน เพียงแต่ว่าจะออกไปไหนตามลำพังไม่ได้ ตอนไปเรียนยังพอมีหวังว่าจะได้เจอพี่อชิบ้าง แต่เปล่าเลย! เวลาที่เธอว่างเขามักถูกอธิการเรียกให้ไปพบ กว่าจะปลีกตัวมาได้เธอก็ต้องไปเรียนแล้ว เป็นแบบนี้มาตลอด เธอโมโหจะตายอยู่แล้ววันนี้ต้องไม่พลาดแน่ เธอจะกอดพี่อชิให้หายคิดถึง และบอกว่าเราจะไม่ยอมแพ้ผู้ใหญ่เด็ดขาด แต่เอาเข้าจริงดูเหมือนฟ้าจะไม่ฟังคำอ้อนวอนที่แสนปวดใจสักเท่าไหร่ เมื่อมาถึงมหา’ลัย เนืองแน่นไปด้วยบรรยากาศคึกคักในวันรับปริญญาของพวกเขา พี่อชิกลับไม่ได้อยู่กับเพื่อน ๆอธิการและสามีของท่านยืนขนาบข้างคนละฝั่งของคนประสบความสำเร็จ อชิตาตรงหน้าของเธอมีชายสูงอายุ ทว่าภูมิฐานน่าเป็นญาติผู้ใหญ่พวกเขาดูกำลังมีความสุข แล้วเธอล่ะ? ”หยุดทำไม ไม่เข้าไปเหรอ” ซันเดย์เอ่ยเมื่อเพื่อนที่กระตือรือร้นตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่กลับยืนนิ่งทั้งที่อชิระก็อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว“จะเข้าไปยังไง เห็นนั่นไหม ตรงไหนละที่วีพอจะไปยืนได้ ซันว่าวีควรทบทวนเรื่องระหว่างเราใหม่ดีไหม” เป็นคำถามที่ดูเลื่อนลอยไร้น้ำหนัก ทว่าหัวใจนั้นกลับหนักอึ้ง ความสัมพันธ์ของเธอกับพี
เข้าวันที่สี่นับตั้งแต่เรื่องระหว่างเธอและพี่อชิเป็นหัวข้ออ่อนไหวของป๊ากับม๊า ซ้ำผู้ช่วยคนสำคัญก็ถูกคุมเข้มหมายหัวห้ามช่วยเหลือเพื่อนเด็ดขาด ถูกตัดความช่วยเหลือทุกช่องทาง ไม่ใช่ว่าไม่เคยใช้ลูกไม้กับพวกท่านทว่าถูกมองออก ก็เลยต้องนั่งเครียดจ้องหน้าพี่ชายอยู่แบบนี้!“มันก็ไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่หรอก เห็นหลังคาแต่เจอหน้าไม่ได้”เห็นน้องสาวไม่มีชีวิตชีวาคนเป็นพี่อย่างเขาก็ปวดใจ แต่ไหนเลยจะกล้าขัดผู้ใหญ่ ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนคนในบ้านสำคัญสุด ป๊า ม๊า ไม่เคยพูดอะไรซ้ำสอง เด็ดขาดคำไหนคำนั้น ”วีโตแล้วนะคะ ทำไมพวกท่านยังมองว่าเด็ก ตัดสินใจเองไม่ได้” หลุบตามองต่ำ ไม่เข้าใจว่าพวกท่านกำลังคิดอะไรอยู่ คราแรกเหมือนจะไม่คัดค้านแต่พอพี่อชิอยากจะมาไหว้กลับบอกว่าไม่ว่าง ซะงั้น! ไม่เท่ากับกีดกันพวกเธอแล้วหรือยังไง“ห้ามร้องนะ พวกท่านไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เอาไว้ให้อะไรมันดีกว่านี้เราต้องมีทางออกแน่”“แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ? ขนาดตัวไม่อยู่ยังรู้ทุกการเคลื่อนไหวพวกเราเลย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเจอพี่อชิเล่า”“เอาน่า! ไอ้อชิมันไม่ใช่พวกไม่เอาไหน ถ้ามันรักเธอจริงก็ต้องมีวิธีทำให้ป๊าใจอ่อนจนได้แหละ”เหมือนจะดี! แต่สุดท้
อาทิตย์ต่อมา...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับลงได้เวลาก็เลยผ่านข้ามมาอีกวัน ล่าสุดที่ได้คุยกันก็น่าจะเกือบ ๆ เดือนเลยนะพอรู้ว่าป๊ากับมาจะกลับมาเธอกับพี่เจฟฟ์ก็เตรียมตัวกันออกจากบ้านแต่เช้ามารอรับพวกท่านก่อนเวลา พี่เจฟฟ์ยกนาฬิกาข้อมือที่แพงแสนแพงของเขาขึ้นมาดู ก็คงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ที่คิดถึงป๊ากับม๊ามาก ๆ “น่าจะมาถึงกันแล้ว พี่ว่าเราเดินไปรอข้างหน้ากันดีกว่า” พี่ชายลุกจากที่นั่งตัวยาวแล้วหันมาบอกคนข้าง ๆ คว้าข้อมือเล็กเดินไปพร้อมกัน “พี่ว่าพวกท่านจะมีน้องกลับมาฝากเราไหม” พูดไปก็หัวเราะไปพลาง ครั้งหนึ่งเคยบอกพวกท่านว่าอยากได้น้องสักคน แล้วครั้งนี้พวกท่านก็ไปกันนานมาก... น่าจะมีอะไรพิเศษกลับมาบ้างละนา!“คงอยู่กับไอ้อชิมากไปถึงได้มีแต่เรื่องไร้สาระนะเธอเนี่ย” “ทำไมว่าน้องอะ แล้วพี่อชิมาเกี่ยวอะไรด้วยอย่าโยงไปมั่วสิ ก็วีอยากมีน้องนี่น่า” เจฟฟ์เอียงหน้าลงมองน้องสาวด้วยสายตาปราม เดี๋ยวนี้แตะต้องไม่ได้แล้วเพื่อนเขาน่ะ “เพราะมันสอนแต่ละอย่างให้เธอดูสิ! รู้งี้ไม่ยอมตั้งแต่แรกก็จบ” “นี่น้องไงพี่เจฟฟ์ อย่าใจร้ายสิคะ เราตกลงกันแล้วไง” ว่าพี่ชายดุม
ริมฝีปากร้อนจัดหันมาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มแสนหวานอย่างดูดดื่ม หัวใจดวงนี้พื้นที่เต็มไปด้วยผู้หญิงที่ชื่อวีด้า คู่ชีวิต ลมหายใจเขาตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะฝากมันไว้กับเธอ จะไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคของเส้นทางรักของเขาได้เป็นอันขาด“อื้อ” “อ๊า” วีด้าเผยอปากเปิดกว้างเป็นโอกาสให้เรียวลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจภายในโพรงนุ่มอชิระเรียกร้องหาความหวานจากแฟนสาว ขบเม้มดูดดึงปากนิ่มอย่างโหยหา ลิ้นสากซอกซอนเกี่ยวพันละเลงทั่วทั้งลิ้นหวานอย่างช่ำชอง“อื้ม”เสียงครางต่ำอย่างพึงพอใจเปล่งออกมาจากลำคอแกร่ง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ผละมันออก ”แต่เธอมีความผิดอยู่จำได้หรือเปล่า” ย้ำเสียงพร่าแต่สายตาจ้องริมฝีปากบวมเจ่ออย่างคาดโทษ“ผิดอะไรคะ วีจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรตอนไหน” ค้านเสียงสั่น พลางสูดลมถี่ ๆ เพราะจูบดูดวิญญาณ หากเขาไม่หยุดเธอคงขาดใจตายไปแล้วแน่เลย“จำไม่ได้พี่ก็จะค่อย ๆ บอกทีละอย่าง จนกว่าเธอจะเข้าใจ” ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอขาว ฟันซี่คมขบกัดเนินเนื้อนูนระหว่างสองเต้าด้วยความกระสันใคร่ แลบลิ้นเลียผิวผุดผ่องทิ้งน้ำลายเปียกแฉะทั่วบริเวณ“อืม พี่อชิ” เสียงหวานครางเรียกชื่อคนรักเมื่อสติสัมปชัญญะเริ่มเลือนหาย ก้านนิ้วเรียวล
อชิระยืนหน้าเคร่งขรึมครั้นมารดาปล่อยท่อนแขนให้เป็นอิสระ เดินกันออกมาห่างจากหอประชุมใหญ่มากพอควร ลมหายใจหนัก ๆ พ่นอย่างแรงสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว ไม่เข้าใจท่านตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ว่าทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร ถ้าแค่ต้องการเอาคืนเรื่องที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะไปลงที่วีด้า“พอเถอะครับแม่ วีไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ที่ผ่านมาเป็นผมที่ดื้อรั้น อย่าทำอะไรให้เธอต้องลำบากใจมากไปกว่านี้อีกเลยครับ”“ลูกกำลังต่อว่าแม่ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรออชิ”“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมขอร้องได้ไหมครับ อย่าบังคับให้เธอต้องทำอะไรแบบนี้อีก”“บังคับ! ลูกคิดแบบนั้นเหรอ ทำไมถึงคิดตื้นเขินนัก ไหนบอกว่าจริงจังกับเด็กคนนี้ แค่นี้ก็มองไม่ออกเชียวหรือว่าเธอเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ไปทบทวนเสียใหม่ว่าสมควรหรือไม่ที่จะใช้คำว่าคนรักกับเด็กคนนั้น เพราะถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้แล้วละก็ อย่าแม้แต่จะเข้าหาครอบครัวเธอเลย” อชิระคิ้วขมวดเป็นปมเพราะคำของผู้เป็นแม่ การกระทำทั้งหมดเหมือนกับว่าจะไม่พอใจวีด้า คำพูดเมื่อครู่ที่ว่าเรื่องครอบครัวของเธอนั้นยังไงกันแน่!“แม่รู้อะไรมาครับ”“ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วก็อย่าทำตัวเหลวไหลเด็ดขาด จำคำแม่ไว้ให้