LOGINสถานการณ์หลังจากที่รุ่นน้องตัวดีเดินจากออกไปแล้ว ห้องทั้งห้องได้กลับเข้าสู่สภาพปกติอีกครั้ง ทว่ายังคงมีเสียงซุบซิบนินทาถึงเหตุการณ์ก๋ากั๋นเมื่อครู่เล็ดลอดเข้ามาให้ผู้เสียหายเพียงหนึ่งเดียวอย่าง ‘กันธีต์’ ได้ยินและทำให้ร่างสูงหัวเสียได้ไม่น้อย แต่ก็ทำได้เพียงกระทืบฝ่าเท้าลงไปบนพื้นแล้วเดินกลับไปนั่งยังเก้าอี้เรียนตัวเดิม
“เด็กเปรต”
ก่นด่าออกมาด้วยความหงุดหงิด พลางทุบฝ่ามือหนาลงไปบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง จนมหาสมุทรอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดคนพี่
“ไอ้พี่ธีต์ มึงจะทุบโต๊ะให้มันพังลงมาเลยหรือไง”
“ไอ้หมุดมึงช่วยกูคิดแผนเอาคืนเด็กนั่นหน่อยดิ”
“พอเลยพี่มึง ไม่เคยได้ยินคำพระท่านว่าเหรอ?”
“ว่าไรวะ”
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ถ้าพี่มึงไปเอาคืนเด็กนั่น ก็เท่ากับว่าได้สร้างบาปให้ตัวเองเปล่า ๆ ใครทำอะไรไว้เวรกรรมย่อมตามทันเสมอ”
มหาสมุทรว่าออกไปอย่างใจคิด เพราะการแก้แค้นกันไปมามันไม่ได้ก่อประโยชน์อะไร อีกทั้งยังมีก็แต่การไปสร้างเวรสร้างกรรมร่วมกันเท่านั้น
“หมุด!”
“ว่าไงพี่มึง”
“มึงฟังกูนะ นี่ปี 2024 แล้ว เวรย่อมระงับด้วยการตบไอ้เวร” ไม่พูดเปล่า ธีต์ยังยกฝ่ามือขึ้นไปลูบเรือนผมสีแดงของคนตรงหน้าราวกับผู้ใหญ่กำลังปลอบเด็ก “เราจะไปรอให้เวรกรรมมันทำงานไปทำไม ในเมื่อกูสามารถเป็นเวรเป็นกรรมของไอ้เด็กเปรตนั่นได้”
“โอ้ย กูเบื่อจะพูดกับพี่มึงแล้ว”
“กูก็เบื่อจะฟังมึงเทศน์แล้วเหมือนกัน ไปบวชเถอะ อย่าอยู่เป็นภาระเพื่อนเลย”
“ไอ้พี่ธีต์”
“ไรวะไอ้หมุด”
ก่อนที่สงครามประสาทระหว่างสองหนุ่มจะเริ่มต้นขึ้น เสียงสวรรค์ของอาจารย์ก็ดังช่วยชีวิตขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะนักศึกษา” อาจารย์สาวสวยที่เพิ่งบรรจุมาสอนหมาด ๆ ได้ไม่ทันพ้นเดือนดี ก้าวเท้าบนส้นสูงสีแดงเพลิง เรือนร่างสะโอดสะองอยู่ในชุดรัดรูปจนมองเห็นสัดส่วนได้ทั้งตัว “วันนี้เราจะเริ่มเรียนเรื่องวิอาญานะคะ เปิดไฟล์ที่อาจารย์ส่งเข้ากรุ๊ปดูไปพร้อม ๆ กันนะคะ” อาจารย์สาวเดินเข้าไปประจำโต๊ะสอน ก่อนจะเริ่มทำการสอนอย่างเช่นทุก ๆ วัน
สุดท้ายกันธีต์และมหาสมุทรจึงจำใจต้องสงบศึกและเบนความสนใจไปยังไฟล์เนื้อหาบนหน้าจอไอแพดรุ่นล่าสุดของใครของมัน แต่มันจะมีอยู่คนหนึ่งที่พออาจารย์เข้าปุ๊บเป็นอันต้องหลับทันที
“ไอ้โยบ้านไม่มีเตียงให้นอนหรือไง ชอบมาหลับที่มหาลัย”
พี่ใหญ่ของกลุ่มที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเพื่อนทั้งสอง หันไปสะกิดแขนของเพื่อนรักที่ตอนนี้มันได้ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเรียน โดยไม่สนใจว่าอาจารย์จะด่า หรือผมเผ้าจะเสียทรงหรือไม่ แต่คำตอบที่ได้ยังคงเหมือนเดิม
“.....”
…นั่นคือความเงียบ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น คนอย่างไอธีต์ก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจ เขาเพิ่มแรงไปที่ต้นแขนของเพื่อนแล้วเขย่าจนอีกคนหัวสั่นหัวคลอนอยู่บนโต๊ะ
“ไอ้โย ลืมตามาเรียนก่อน”
“อื้อ”
“พ่อมึงให้มาเรียน ไม่ได้ให้มานอน”
“อือ”
“อือแล้วก็ลุกดิวะ”
“เสือก”
วาโยทำผงกหัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพ่นคำหยาบใส่หน้าเพื่อนรักทันทีที่อีกฝ่ายมารบกวนเวลาพักผ่อนของตน
“ไอ้-”
ธีต์ยังไม่ทันเรียกชื่อเพื่อน อีกคนที่นั่งข้างเขาก็เอ่ยสวนขึ้นมาก่อน
“พี่มึงจะไปกัดไอโยทำไม ถึงมันหลับทั้งปี มันก็ฉลาดกว่าพี่มึงอีกนะ”
“ไอ้หมุด!” คนพี่หันขวับไปเรียกชื่อเพื่อนหัวแดงเสียงดัง
“เออ รู้แล้วว่าชื่อหมุด ใครมันจะลืมชื่อคนหล่อแบบกูได้วะ”
“มึงว่ากูโง่เหรอ”
“หรือไม่จริง พี่มึงกับกูทนฟังอาจารย์สอนแทบตาย แต่พอก้าวขาออกจากห้องเรียน แม่งคืนความรู้ให้อาจารย์ไปหมดละ”
“หุบปากไปเลยมึง ใครเขาให้เอาความจริงมาพูดกัน”
เป็นอย่างที่ไอ้หมุดมันมา เพราะไม่ว่าเขาและมันจะตั้งใจเรียน หรือทนฟังอาจารย์สอนอยู่นานนับชั่วโมง แต่พอหมดคาบเรียนแล้วก้าวเท้าพ้นอาณาเขตประตูออกไป ความรู้มันกลับถูกส่งคืนอาจารย์เสียหมด ตรงกันข้ามกับไอ้หมุด รายนั้นไม่เห็นจะสนใจฟังอาจารย์แต่สอบเก็บคะแนนทีไร ไอ้เวรนี่เสือกได้ท็อปของห้องเสมอมา
‘กูจะเครซี่’
ใต้ตึกนิติศาสตร์
“คนมามุงอะไรที่ลานจอดรถเยอะแยะวะ”
เป็นเสียงของมหาสมุทรที่โพล่งขึ้นมาขณะพากันเดินไปยังลานจอดรถ แต่ยังไม่ทันจะเข้าถึงรถของพวกตน ปรากฏว่าพื้นที่รอบ ๆ ลานจอดนั้น กลับเต็มไปด้วยชายหญิงมากมายที่ดูเหมือนกำลังจะมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
“เออ ละมามุงไรใกล้ที่จอดรถกู”
หัวหน้าแก๊งหัวสีว่าขึ้นบ้าง พลางกวาดสายตาไปมองยังกลุ่มคนมากมายที่ตีวงล้อมเป็นวงกลม ซึ่งมันอยู่ในตำแหน่งที่ใกลักับจุดที่เขาจอดลูกชายเอาไว้อีกด้วย และเมื่อเอาแต่มองแล้วยังค้นหาคำตอบไม่ได้ จึงเดินแหวกฝูงชนเข้าไปทันที
“เห้ย! มีไรกันวะ”
เขาตะโกนเพื่อให้ผู้คนหลบให้พ้นทางก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นสิ่งที่คนกำลังมุงกันอยู่ “ใคร?” ร่างสูงมองไปยังลูกชายของตนที่เพิ่งจะเอาไปซ่อมกระจกและให้ช่างเคลือบแก้วมาให้ด้วยแววตาตกตะลึง “กูถามว่าใครมันทำรถกู”
เมื่อสภาพของลูกชายที่ควรจะสะอาดไร้มลทิล ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยโพสต์อิสสีส้มจำนวนมากที่แปะอยู่ทั่วทั้งคันรถ ฝ่ามือหนากำเข้าหากันแน่น เขากัดฟันถามเสียงเข้มออกมา ในใจตอนนี้เดือดดาลเสียจนอยากจับคนทำมาชกให้ฟันหักทั้งปาก
จังหวะการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นจนเจ้าของร่างสูงสัมผัสได้ ทว่ามันไม่ใช่เพราะความดีใจ หากแต่เป็นความโกรธที่กำลังจะระเบิดออกมาต่างหากเล่า
“มีอะไรวะพี่มึง”
มหาสมุทรที่เพิ่งเดินฝ่าผู้คนเข้ามาหาเพื่อนได้เอ่ยปากถามขึ้น เพราะไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติเบื้องหน้า เนื่องจากมัวแต่มองอีกฝ่ายเขม็ง โดยมีวาโยเดินตามหลังมาติด ๆ
“ทีนี้มึงยังจะให้กูท่องเรื่องเวรระงับด้วยการไม่จองเวรอยู่ไหมไอ้หมุด”
น้ำเสียงกรุ่นโกรธบ่งบอกอารมณ์ของคนพูดได้เป็นอย่างดี ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนมัวแต่จ้องมองบางอย่างอยู่ก่อนหน้า เขาเลยหันสายตามองตาม “เหี้ยแล้วไง”
ฝ่ามือหนาถูกยกขึ้นป้องปากด้วยความตกใจ เมื่อรถหรูของเพื่อนมีสภาพไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่สิ มันแทบจะมองไม่เห็นเค้าโครงหรือสีเดิมของรถด้วยซ้ำ เหตุมาจากกระดาษสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กซึ่งถูกแปะไปทุกจุดของรถ โดยมีบางแผ่นที่หลุดร่อนออกไปเพราะแรงลม แต่ที่ทำเอาเขาตกใจจนแทบช็อก คือข้อความที่ถูกเขียนทับบนกระดาษตรงหน้านี้ต่างหาก
‘เจ้าของรถเรียนไม่จบเพราะชักว่าวในมหาลัย’
ใครมันกล้ามากระตุกหนวดเสือไอ้พี่ธีต์ขนาดนี้วะ ซึ่งเขาไม่แปลกใจเลยกับประโยคเมื่อครู่ของพี่มัน เพราะไอ้หัวส้มที่ยืนกัดฟันกรอด ๆ อยู่ข้าง ๆ นั่น ได้ชื่อว่ารักรถยิ่งกว่าสาวเสียอีก
“ใครทำวะพี่มึง”
“จะใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่รุ่นน้องที่มึงบอกให้กูไม่ต้องไปจองเวรมัน”
“เชี่ย เอาคืนขนาดนี้เลย เจ๋งวะ”
แทนที่จะเห็นใจเพื่อนที่ถูกอีกฝ่ายเอาคืนแรงขนาดนี้ ตรงกันข้ามมหาสมุทรกลับนึกพอใจในตัวของรุ่นน้องคนนั้น ที่มันใจกล้ามาเอาคืนเพื่อนเขา แถมไม่ใช่เป็นการเอาคืนธรรมดาด้วยนะ…เล่นใหญ่มาก
“ไอ้หมุด มึงอยู่ทีมกูหรือทีมเด็กนั่นกันแน่วะ”
“ก็ต้องอยู่ทีมพี่มึงสิ เพื่อนกูนี่เนอะ”
“เหี้ยเอ้ย อย่าให้กูเจอตัวนะ พ่อจะชกให้น่วม”
“ที่กูเห็นน่วมอยู่ตอนนี้มีแต่พี่มึงนะ”
“หุบปากไปเลย แล้วนี่พวกมึงไม่มีเรียนกันหรือไง มามุงรถกูทำไม ไปเรียนสิโว้ย”
ท้ายประโยคเจ้าของรถสปอร์ตสุดหรูราคาเฉียดร้อยล้านตะเบ็งเสียงไปรอบ ๆ ทิศทาง โดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมองมายังเขาด้วยแววตาสงสัย บางคนถึงขั้นส่ายหน้าแล้วเดินจากไป
“เออ เอาเข้าไป กูเรียนไม่จบเพราะรักสถาบันโว้ย ไม่ได้เพราะไปชักว่าวในห้องน้ำ”
“ใจเย็นก่อนเถอะวะ เดี๋ยวเราไปช่วยกันเจรจากับเด็กคนนั้น”
“ไอ้หมุด! ถ้ามึงยังพูดไม่เข้าหูกู หรือมาทำตัวเป็นสมาชิกแก๊งแครอทให้กูเห็นนะ กูนี่แหละจะเป็นคนชกหน้ามึงก่อนเด็กเปรตนั่น”
“ไอ้โย ช่วยกูด้วย”
มหาสมุทรกระโดดออกห่างจากไอ้หมีควายตกมัน เขาพุ่งพรวดไปหลบอยู่ด้านหลังของเพื่อนรักอีกคน เพื่อหวังใช้มันเป็นโล่บังจากอารมณ์โกรธของไอ้พี่ธีต์ แต่ถึงอย่างนั้นก็หนีไม่พ้น
“มึงมาให้กูตบกระโหลกให้เข้าที่เข้าทางสักทีดิ หลังไอ้โยมันช่วยมึงไม่ได้หรอกนะ”
“ไอ้โยเพื่อนร้ากกกกก ไอ้พี่ธีต์จะฆ่ากู”
นอกจากจะไม่สำนึกผิดแล้ว มหาสมุทรยังชะโงกหน้าออกมาจากหลังเพื่อนแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อีกคนด้วยท่าทีทะเล้น โดยที่วาโยได้แต่มองพฤติกรรมของเพื่อนทั้งสองด้วยความเบื่อหน่าย จนในที่สุดก็ยอมเอ่ยปากบ่นออกมา
“รำคาญวะ”
“ไอ้โย มึงคิดได้แล้วเหรอว่าตัวเองมีปากอะ”
“เสียเวลานอน”
ฉายาเจ้าชายสุดมึนของวาโยไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะลักษณะท่าทางและนิสัยของชายหนุ่มต่างหากที่ทำให้เพื่อน ๆ ต่างพากันตั้งฉายานี้ให้ และแม้ว่าเหตุการณ์ตรงหน้าจะดูวุ่นวายแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถไปกระตุกต่อมความสนใจในตัวของไอ้ปากหนักมันได้
“อะ อ้าว ละนั่นมึงจะไปไหน”
และในทุก ๆ ครั้งที่หนุ่มหล่อในชุดสีดำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสักรู้สึกเบื่อเมื่อไหร่ สิ่งที่เขามักจะทำเสมอ คือการเดินจากไปเงียบ ๆ เพื่อไปนอนอยู่ใต้ต้นจามจุรีหลังคณะนั่นเอง
“มึงเลิกเล่นได้แล้วไอ้หมุด ปล่อยมันไป มาช่วยกูแกะกระดาษพวกนี้ก่อน”
กันธีต์ที่ชินกับนิสัยรักสงบและหวงความเป็นส่วนตัวของวาโย ไม่ได้เอ่ยรั้งเพื่อนเอาไว้ เพราะไอ้นั่นมันอารมณ์ศิลปิน ถ้ามันไม่อยากทำใครก็ไปจูงจมูกมันไม่ได้ เวลานี้ทั้งลานจอดรถจึงเหลือแค่เขากับไอ้หมุด เพราะคนที่เหลือต่างไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางสายตาของเขาได้
“ปีหน้าจะแกะออกหมดไหมวะ เยอะขนาดนี้”
สุดท้ายคนอย่างไอ้มหาสมุทรก็ไร้ซึ่งทางเลือก จำต้องยอมก้มหน้าก้มตาช่วยไอ้พี่ธีต์แกะกระดาษสีส้มเหมือนสีผมของมันออกจากรถ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เขาทั้งสองช่วยกันอยู่นั้น เสียงบ่นจากเจ้าของรถยังคงดังเข้ามาในหูให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ โดยหัวข้อที่ถูกพูดถึงนั้นก็ไม่ใช่สิ่งอื่นไกล
‘มันมีแต่แผนอนุบาลจากเด็กโข่งตัวใหญ่ที่คิดจะไปเอาคืนเด็กคนนั้น…งานนี้มวยถูกคู่ฉิบหาย’
“อย่าบ่นได้ไหมวะ ช่วยกูก่อน”
“เออ ๆ คราวหลังก็ไม่ต้องไปแกล้งมันนะ กูรู้นะว่าพี่มึงเป็นคนไปเอากุญแจสำรองสระว่ายน้ำมา แล้วหลอกเด็กนั่นไปหาเพื่อขังมันไว้อะ…เลวฉิบหาย”
สุดท้ายให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว โดนเด็กนั่นแก้เผ็ดได้เจ็บแสบมาก
“แล้วไง มึงก็เห็นว่ามันออกมาได้ แถมยังเอาคืนกูอีก”
“พอ ๆ กูขี้เกียจจะเถียงกับชั่วช้าแบบพี่มึงแล้ว รีบแกะแล้วรีบไปเถอะ”
“เออ!”
เจ้าของรถสีส้มซึ่งเป็นเฉดสีเดียวกับเรือนผมบอกปัดด้วยอารมณ์ที่ยังขุ่นมัว แต่มือและตายังคงมองไปยังรถลูกรักของตัวเอง ที่มีสภาพไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ อีกทั้งในใจยังคงคิดหาหนทางแก้แค้นเอาคืนอีกฝ่าย ทั้งที่หากให้สืบสาวราวเรื่องแล้วล่ะก็ ต้นตอของเรื่องทั้งหมดมันก็มาจาก ‘กันธีต์’ แต่ก็เหมือนว่าคนต้นเรื่องจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แถมยังคิดว่าตนนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกด้วย
‘มึงเจอกูแน่ไอ้เด็กเปรต’
ม้าหินอ่อนอีกด้านของคณะ
“แล้วมึงไม่กลัวพี่เขามาเอาเรื่องเหรอวะ”
พร้อมพบเป็นฝ่ายเอ่ยถามไอ้เพื่อนตัวดีที่เพิ่งจะเล่าถึงวีรกรรมที่มันไปทำมาหมาด ๆ ให้เขาและไอ้ดลฟัง เมื่อวานพวกเขาทั้งสองตกใจแทบตายเพราะติดต่อมันไม่ได้ คิดเพียงแค่ว่าไอ้กานมันไปทำงานพิเศษแล้วแบตโทรศัพท์คงหมดอีกตามเคย
แต่ความคิดของพวกเขานั้นถูกแค่ข้อเดียวคือแบตโทรศัพท์หมด แต่เรื่องไปทำงานพิเศษนั้นไม่ใช่ เพราะเมื่อวานไอ้กานมันถูกแก๊งหัวสีแกล้งเข้าให้
“รุ่นพี่พวกนั้นแม่งแปลก จะมาเอาอะไรนักหนากับมึงวะ เล่นแรงไปหรือเปล่า ถึงขั้นหลอกมึงไปขังไว้ในสระว่ายน้ำของมหาลัย” ณดลว่าขึ้นอย่างหัวเสีย
“เออ ไอ้ดลพูดถูก กูว่าพวกพี่เขาเล่นแรงไปวะ”
“ช่างหัวมัน กูไม่ตายหรอกกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ สะใจวะได้เอาคืนมันมั้ง พวกคนรวยมีดีแต่เงิน…ไร้สมองฉิบหาย”
กานว่าออกไปอย่างอารมณ์ดี พลางนึกย้อนกลับไปถึงสถานการณ์หลังจากที่เขาบุกเข้าไปลับฝีปากกับไอ้หัวขี้เสร็จแล้ว ตนได้มุ่งหน้าไปยังร้านขายเครื่องเขียนแล้วเรื่องซื้อกระดาษโพสต์อิทสีส้มเหมือนสีหัวของมันมา จากนั้นก็ละเลงติดไปที่ตัวรถพร้อมใส่ข้อความตัวใหญ่ ๆ ว่ามันชักว่าวนั่นเอง
‘เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับไอ้กาน คิดว่าคนอย่างกูจะร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับหอละมั้ง ปัญญาอ่อนสิ้นดี’
“ยังไงช่วงนี้มึงระวังตัวด้วยนะโว้ย พวกนั้นรวย แม่งชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้”
“ให้มันมาเถอะวะดล กูนี่จะชี้หน้ามันด้วยไม้หน้าสาม”
กานหมายมั่นเอาไว้ เขาเกลียดขี้หน้ามันนัก จนอยากจะนัดไปขึ้นเวทีมวยลุมพินีแล้วชกกันสักยกหาคนแพ้คนชนะให้มันจบ ๆ ไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้ระบายความในใจออกมาต่อ เสียงเข้ม ๆ ที่เอ่ยทวนประโยคล่าสุดของเขาก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ไม้หน้าสาม!”
กานหันขวับไปตามต้นเสียง ก่อนจะเห็นศัตรูคู่อาฆาตเดินเข้ามาพร้อมกับรุ่นพี่หัวสีแดงอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่าย แถมยังเลือกที่จะพ่นคำหยาบใส่หน้ามันอีกด้วย
“เออ กูจะเพ่นกบาลให้แยก เอาเลือดชั่ว ๆ มาล้างตีนสักหน่อย”
“ไอ้เด็กเปรต มึง!”
ความโกรธจากการถูกทำลายรถลูกรักบวกกับคำพูดคำจาไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ของไอ้รุ่นน้องปากดี ทำเอาธีต์กระโจนเข้าไปดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมาประจันหน้า โดยทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนแม้แต่มหาสมุทรเองยังรั้งร่างของเพื่อนรักเอาไว้ไม่ทัน
“ไอ้รุ่นพี่เวร!”
แต่มีหรือที่คนอย่างไอ้กานจะยอมให้อีกคนล็อกเป้าเขาได้ฝ่ายเดียว ฝ่ามือหนายกขึ้นกำเข้าไปที่ปกคอเสื้อของไอ้รุ่นพี่หัวขี้อย่างแรงไม่แพ้กัน
กลายเป็นว่าภาพที่เพื่อน ๆ ทั้งสองฝ่ายเห็นในตอนนี้คือกานและธีต์ต่างจ้องตากันเขม็งโดยไม่มีใครหลบสายตา อีกทั้งยังจับคอเสื้อนักศึกษาของกันและกันบ่งบอกว่าไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน
ลำบากเพื่อน ๆ ของทั้งสองคนต้องรีบห้ามปรามก่อนที่คนทั้งคู่จะได้วางมวยกันจริง ๆ
“พี่มึง นั่นรุ่นน้องนะ”
“ไอ้กานมึงใจเย็น ๆ นั่นรุ่นพี่”
“อย่ายุ่ง / อย่าเสือก”
กานหันไปบอกเพื่อนเสียงเข้ม พร้อม ๆ กับธีต์ที่หันไปตวาดใส่มหาสมุทรด้วยโทนเสียงดุ ๆ ไม่แพ้กัน ส่งผลให้คนนอกอย่างพร้อมพบ ณดล และมหาสมุทรถอยห่างออกมาจากคนทั้งคู่เกือบเมตร
“งั้นเชิญพวกมึงต่อยกันเลย กูจะรับชมอย่างเดียว”
มหาสมุทรพูดยุยง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกจากปากเสียงดังเมื่อดูท่าแล้ว ไอ้เวรสองตัวที่กำลังกัดกันอยู่ตรงหน้าเขา นิสัยพอกัน หากเปรียบไอ้พี่ธีต์เป็นไฟ เด็กนั่นก็ไม่ต่างอะไรจากน้ำมัน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงดี ๆ นี่เอง
“.....”
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ เมื่อไม่มีใครเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ทางด้านกานและธีต์ต่างยังคงยืนจ้องหน้ากันไม่วางตา โดยไม่มีฝ่ายใดพูดหรือเริ่มปล่อยหมัดใส่กันก่อน จนกระทั่งธีต์ทนไม่ได้เอ่ยปากสั่งรุ่นน้องออกมา
“ปล่อยกู!”
“มึงก็ปล่อยกูก่อนสิ”
“มึงจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม”
“เออ”
ความอดทนของรุ่นพี่ขาดสะบั้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าของเขาไม่มีแววตาหรือท่าทางกลัวตนแม้แต่น้อย ฝ่ามือทั้งสองข้างที่กำคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ เปลี่ยนเป็นไปดึงทึ้งผมของกานแทน
“โอ้ย ไอ้พี่เวร”
กานร้องออกมาด้วยความเจ็บ ที่จู่ ๆ ไอ้หัวขี้มันได้เลื่อนมือขึ้นมาหยุมหัวของเขาโดยไม่ออมแรงแม้แต่น้อย
…แน่นอนว่ามันทำสิ่งใดอยู่ เขาก็จะทำสิ่งนั้นกลับคืน
“อ้ากก เจ็บ”
ร่างสูงกว่ากานเพียงเล็กน้อยร้องออกมาเสียงหลง เพราะเขาไม่คิดว่าไอ้เด็กเปรตนี่มันจะดึงทึ้งผมของเขาคืน
สงครามระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องคณะเดียวกันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ไอ้กานกำผมของรุ่นพี่เอาไว้จนเต็มฝ่ามือทั้งสองข้าง ก่อนจะออกแรงดึงจนหัวของอีกคนสั่นคลอนไปมา
ซึ่งธีต์เองก็กระทำในสิ่งที่เหมือนกัน เขากำเส้นผมสีดำนุ่มนิ่มไว้ในมือแน่น แล้วจับมันโยกไปมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บจากสองหนุ่มดังลั่นไปทั่วบริเวณ พร้อมพบและณดลเห็นสภาพของเพื่อนกับรุ่นพี่ขาใหญ่แล้ว เริ่มหวาดหวั่นว่าอาจารย์จะมาเห็นเข้า ทั้งสองจึงรีบเดินเข้าไปหาเพื่อนของรุ่นพี่ที่ตอนนี้เอาแต่ยืนมองดูสถานการณ์นิ่ง ๆ
“พี่! จะไม่เข้าไปห้ามหน่อยเหรอครับ”
พร้อมพบเป็นฝ่ายทักท้วงด้วยน้ำเสียงกังวล แต่เขากลับได้คำตอบแบบส่ง ๆ แถมคนตอบดูท่าจะไม่สนใจอีกด้วย
“ไม่อะ ปล่อยให้แม่งตีกันเลย เดี๋ยวมันเหนื่อยก็หยุดเอง กูไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องเวรกรรมของคนอื่น”
“มันใช่เวลามาพูดเรื่องบาปกรรมไหมพี่ เพื่อนพี่กับเพื่อนผมหยุมหัวกันขนาดนั้น”
“เออ ให้มันตีกันเลย กูอยากรู้เหมือนกันว่าใครจะชนะ”
“เอาจริงดิพี่ ถ้าอาจารย์มาเห็นเข้าซวยเลยนะ”
“กลัวทำไม พวกกูจัดการได้”
“โว้ย”
พร้อมพบเปลี่ยนมาทึ้งผมตัวเองเมื่อเขาไม่รู้ว่าจะหาทางออก หรือแยกไอ้กานกับรุ่นพี่ในศึกครั้งนี้ได้อย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจกระโจนเข้าไปร่วมวงสงครามด้วยการพยายามแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนที่จะมีใครมาเห็นแล้วเอาไปฟ้องอาจารย์เข้า
“ใจเย็น ๆ ก่อนโว้ย อย่าเพิ่งมาตีกันในรั้วมหาลัย”
“มึงอย่ามายุ่ง”
“มึงบอกเพื่อนมึงนู่น มันมาทำอะไรกับรถกู”
ทั้งกานและธีต์ต่างไม่มีใครยอมใคร แม้ว่าตอนนี้ระหว่างตรงกลางของพวกเขาจะมีร่างของพร้อมพบแทรกอยู่ก็ตาม แต่มือของคนทั้งคู่ยังคงหยุมหัวกันและกันไม่หยุด
“พอเลย ปล่อยมือออกจากผมกันได้แล้ว”
“มึงบอกมันปล่อยผมกูก่อนสิไอ้พร้อม มึงเห็นปะ ว่ามันเป็นรุ่นพี่รังแกได้แม้กระทั่งรุ่นน้อง” กานเถียงต่อ
“โถ่โว้ย เรียนคณะเดียวกันจะมาตีกันเองทำไมวะ เอ้า ไอ้ดลมาช่วยกูดึงสองคนนี้ออกจากกันดิวะ”
ท้ายประโยคพร้อมพบหันไปตะโกนบอกเพื่อนรักอีกคนที่ตอนนี้เอาแต่ยืนนิ่งมองดูสถานการณ์อยู่เงียบ ๆ จนเขาต้องแหกปากเรียกอีกรอบ ด้วยโทนเสียงที่ดังกว่าเดิม “ไอ้ดล มาช่วยกูแยกสองคนนี้ก่อน”
ณดลที่ไม่ชอบเรื่องความรุนแรงอยู่เป็นทุนเดิมจำยอมต้องเดินเข้าไปช่วยกันแยกเพื่อนออกจากรุ่นพี่ และนานนับนาทีกว่าที่ไอ้ตัวแสบเพื่อนเขาจะยอมปล่อยมือออกจากผมของรุ่นพี่เพราะสู้แรงของเขาและไอ้พร้อมที่รวมกำลังดึงมันออกมาให้ห่างจากอีกคนไม่ไหว
“พวกมึงจะมาดึงกูออกทำไม ไอ้เวรนั้นดึงผมกูร่วงติดมือมันไปเป็นร้อยเส้นแล้วมั้ง”
กานโวยวายทันทีที่ถูกดึงลากออกห่างจากไอ้หัวขี้ แต่สายตาของเขายังจับจ้องไปที่ศัตรูด้วยความเดือดดาลราวกับมีเปลวเพลิงกองใหญ่สุมอยู่ในแววตาคู่นี้
ทางด้านธีต์เปลี่ยนมายืนกอดอกจ้องรุ่นน้องด้วยโทสะที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ไอ้เด็กเปรตที่เพิ่งเจอหน้ากันยังไม่ถึงสองวันดีด้วยความโมโหสุดขีด
“มึงจ่ายค่าซ่อมกระจกรถ บวกกับค่าเสียหายที่มึงเอากระดาษโง่ ๆ ไปแปะรถกู รวมเป็นเงิน 1 ล้าน จ่ายมา”
ไม่พูดเปล่าฝ่ามือหนายังแบออกไปตรงหน้าราวกับรอรับเงิน พร้อมทั้งมองรุ่นน้องด้วยแววตาเย้ยหยัน เพราะเขารู้ดีอยู่เต็มอกว่าสารรูปอย่างเด็กนี่ไม่มีปัญญาชดใช้ค่าเสียหายให้เขาอย่างแน่นอน
“หา! ล้านนึง มึงจะบ้าปะ ค่าแปะกระดาษอะไรตั้งสองแสน”
“นี่ไงมึงยอมรับแล้วสินะว่ามึงเป็นคนแปะกระดาษพวกนั้นใส่รถกู”
ดูเหมือนว่ากานเพิ่งจะปล่อยไก่ออกไปตัวโต ๆ ให้เจ้าของเรือนผมสีส้มจับเข้าจนได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางยอมรับว่าตนเป็นฝ่ายเอากระดาษไปแปะรถเด็ดขาด “กูไม่ได้เป็นคนแปะ มึงอย่ามาโบ้ยกูนะ”
“เผื่อมึงจะยังไม่รู้ รถกูมีกล้องรอบคัน มึงจะเอาหลักฐานเป็นคลิปความชัดระดับ 4K พร้อมเสียงไหม”
“อะ ไอ้-”
“หุบปากเน่า ๆ ของมึงสะไอ้เด็กเปรต แล้วโอนเงินจ่ายกูมาตอนนี้เลย…กูจะถือว่าเราเลิกแล้วต่อกัน”
“เงินตั้งล้าน ใครจะมีวะ เกิดมายังไม่ได้จับเงินแสนเลย นี่มึงดูละครไทยมากเกินไปปะ”
“ถ้ามึงไม่มีก็ไปคุยกันที่โรงพัก ได้ข่าวว่าเป็นเด็กทุน ถ้าเรื่องนี้เป็นคดีความขึ้นมา” ใบหน้าหล่อร้ายโน้มตัวลงไปใกล้กับอีกคน “มึงรู้นะว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยของมึงจบแน่” คำขู่ของเขาได้ผล เพราะอีกคนหน้าซีดลงทันตา
“.....”
“ยังไง จะสแกนหรือว่าเช็ค แต่กูขอไม่รับเงินสดนะ มันหนักกระเป๋ากูเปล่า ๆ”
ธีต์ยังเอ่ยยียวนกวนประสาทคนตรงหน้า โดยที่กานในตอนนี้สติได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว ในหัวของชายหนุ่มกำลังคิดหาหนทางเอาตัวรอด เพราะถ้าเรื่องนี้ถึงหูอธิการบดี ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาได้จบสิ้นอย่างที่อีกคนว่าแน่ ๆ
“.....”
“ไอ้พี่ธีต์ มึงเล่นงี้จริงดิ”
มหาสมุทรอดสงสารคู่กรณีของเพื่อนไม่ได้ ดูหน้าเศร้า ๆ ของเด็กนั่นที่เอาแต่ก้มหน้างุดมองพื้นปูนแล้วเขาอยากจะเพ่นกะโหลกเพื่อนตัวเองจริง ๆ
“เออ กูเอาจริง ให้มันรู้เสียบ้างว่าอย่ามาล้อเล่นกับคนอย่างกู”
น้ำเสียงของคนพูดแทบไม่มีอาการของคำว่าล้อเล่นอยู่ในนั้นเลย ธีต์กดเน้นเสียงทุกคำจนกานเริ่มหวาดกังวลเพราะตนไม่มีเงินมาจ่ายให้ได้
“เอางี้ไหม ช่วงนี้เรายุ่ง ๆ แต่ต้องทำวิจัยจบ พี่มึงก็ให้เด็กนี่มาช่วยทำดิ”
ปลายอุโมงค์ที่มืดมิดของไอ้กานดูเหมือนจะมีหนทางสว่างขึ้นมาจากคำพูดของรุ่นพี่หัวแดง แต่อะไรนะ จะให้เขาช่วยทำวิจัยจบปีสี่ ‘ขอร้องเถอะ ทุกวันนี้เพิ่งเรียนปีสอง จะเอาความรู้จากที่ไหนไปช่วยได้วะ’
“ไร้สาระไอ้หมุด เด็กนี่เพิ่งอยู่ปีสอง มันจะมาช่วยกูได้ยังไง”
“เด็กมันดูมีเงินมาคืนมึงหรือไง”
“ก็จริง แต่หน้าตามันยิ่งดูโง่ ๆ”
คำพูดเย้ยหยันที่ได้ยินทำเอากานเริ่มของขึ้นอีกครั้ง ถูกด่าว่าจนยังไม่โกรธเท่ากลับมาด่าว่าเขาโง่ เพราะทุนที่เข้าได้จากมหาลัย มันคือทุนนักเรียนเก่งนะโว้ย เขาเนี่ยต้องเป็นฝ่ายพูดว่าใครกันแน่ที่โง่ ด้วยความปากไวไปก่อนสมองของตนทำให้เผลอตอบกลับอีกคนเสียงเข้ม
“มึงนะสิโง่ เรียนมา 8 ปีแล้วยังไม่จบ”
“กูไม่ได้โง่โว้ย”
“ไม่ได้โง่แล้วจะให้กูไปช่วยทำไมครับพ่อคนเก่ง”
“หรือมึงมีเงินล้านมาจ่ายกู”
“ไม่มี”
“ไม่มีงั้นก็มาช่วยกู ถ้าวิจัยกูผ่าน ล้านนึงหายกัน”
แท้จริงแล้วแผนของเขาคือต้องการจะให้อีกคนมาเป็นเบ้ให้ แต่ได้มันมาช่วยทำวิจัยก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ได้มีช่องทางแกล้งมันคืน ส่วนเรื่องเงินหนึ่งล้าน ใจจริงเขาก็ไม่อยากไปรีดเลือดเอาจากปูหรอกนะ ดูสภาพของไอ้เด็กเปรตแล้วเกิดอีกสิบชาติไม่รู้มันจะรวยเท่ากับเขาไหม
ร่างสูงคิดอะไรเพลิน ๆ ในใจคนเดียว จนกระทั่งเสียงของเด็กเปรตโพล่งขึ้น
“มึงพูดเองนะ ถ้ากูช่วยจนจบไม่ต้องจ่ายล้านนึง”
“เออ กูลูกผู้ชายพอ พูดคำไหนคำนั้น”
“ตกลง”
กานยื่นมือออกไปตรงไอ้หัวขี้ด้วยความคับแค้นใจ เนื่องจากไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ ดังนั้นการยินยอมช่วยมันทำวิจัยจึงเป็นหนทางเดียวที่เขาจะรอดพ้นจากการหาเงินล้านมาจ่าย
สงบศึกไปก่อน ค่อยเอาคืนทีหลังก็ไม่สาย
“ตกลง”
ฝ่ามือใหญ่ถูกยื่นออกมาแตะผ่าน ๆ ไปที่มือของกาน เนื่องจากเจ้าของมือไม่อยากจะสัมผัสหรือแตะเนื้อต้องตัวของเด็กเปรตมากนัก เขาชักมือกลับมาแล้วเช็ดไปตามเสื้อผ้า จนกานมองด้วยความหมั่นไส้และอดไม่ได้ที่จะพูดค่อนขอดออกมา
“ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคจากกูขนาดนั้น กูว่ามันเห็นหน้ามึง มันก็ชิงตายไปก่อนแล้ว”
“ธีต์เสาร์นี้ว่างไหม”กานถามขณะนั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งคนขับ แววตาใสมองไปยังคนข้าง ๆ ที่กำลังง่วนอยู่กับการเปิดแผนที่ร้านอาหารที่จะไปกินอยู่ในโทรศัพท์“แป๊บนะ ขอดูตารางงานก่อน”เรียวนิ้วเลื่อน ๆ อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์อยู่ชั่วครู่ เนื่องจากช่วงนี้ธีต์งานเยอะเป็นพิเศษ เพราะเจ้าตัวกับเพื่อนกำลังจะก่อสร้างโชว์รูมรถ แววตาคมเพ่งมองหน้าจอก่อนจะหันหน้ามาบอกแฟน“ช่วงเช้าติดงานนิดหน่อย ว่างตั้งแต่บ่ายสองเป็นต้นไป มีอะไรหรือเปล่า”“งั้นเราไปกินข้าวที่บ้านพ่อกับแม่มึงได้ใช่ไหม”เนื่องจากสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาและธีต์ไม่ได้เข้าไปกินข้าวในเย็นวันเสาร์อย่างที่ตกลงไว้ เนื่องจากงานที่รัดตัว ซึ่งพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะเห็นอกเห็นใจลูกชายและเป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า“อืม ดีเหมือนกัน พ่อโทรมาบ่นจนหูชาแล้ว”“ท่านคงคิดถึง”“ทำไงได้อะเนอะ ดันมีลูกชายฉลาด งานการรัดตัว”“มึงนี่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่ลดลงเลยนะ”“อะไรลดลงเหรอ”“ความมั่นหน้า”กานว่าออกมายิ้ม ๆ แต่คนฟังไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไร ออกจะถูกใจธีต์เสียด้วยซ้ำ เพราะเรื่องมั่นหน้า และมั่นใจ เจ้าของเรือนผมสีส้มไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว “ถ้าไม่มั่นหน้าจะได้มึงมาเ
“ลูกกาน ลองชิมแกงรัญจวนดูนะลูก เมนูโปรดแม่เลย”คุณหญิงของบ้านตักแกงสุดโปรดไปวางลงบนจานข้าวของว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อาหารบนโต๊ะวันนี้สีสันแสบสะท้านทรวงมาก เมนูแต่ละอย่างรสชาติจัดจ้านซึ่งดูแปลกตาไปจากทุก ๆ วัน เนื่องจากสายธารเป็นคนชอบอาหารรสจัด ยามใดที่คุณแม่ยังสวยอยู่บ้าน ป้านวลจึงมักจัดอาหารทั้งรสชาติเผ็ดและจืดขึ้นพร้อมกัน“ขอบคุณครับคุณแม่”“กินเยอะ ๆ นะลูก ตาธีต์เลี้ยงเราดีไหม ทำไมหนูตัวบางแบบนี้ ไม่ได้ ๆ หลังจากนี้ต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะ”“ได้ครับผม”กานส่งยิ้มกลับไปพร้อมด้วยคำตอบแสนสุภาพ ร่างสูงโปร่งขณะนี้นั่งอยู่ข้าง ๆ แม่ของธีต์ โดยมีคุณลุงนั่งอยู่หัวโต๊ะเช่นเคย ส่วนไอ้ผมส้มของเขานั้นตอนนี้นั่งหน้ายับอยู่ฝั่งตรงข้ามผู้เป็นแม่ เนื่องจากถูกสั่งไม่ให้นั่งข้างเขา“แม่ ผมเลี้ยงกานดีมากนะครับ อาหารมีให้ไม่เคยขาด”“ธีต์ลูก แม่บอกแล้วว่าให้จ้างครูมาสอนภาษาไทย ดูพูดเข้า นึกว่าให้อาหารหมา”“แม่ครับ”ใบหน้าหล่อเหลายิ่งยับย่นเข้าไปอีกเมื่อถูกแม่ตัวเองแซวต่อหน้าแฟน เห็นทีหลังจากนี้เขาต้องไปลงเรียนภาษาไทยให้มากขึ้นเสียแล้ว เพราะเขาเองไม่ได้อยู่กับกานตลอดเวลา ดังนั้นเวลาห่างกับแฟนเขาจึ
ไม่นานหลังจากที่ธีต์วิ่งออกไป ร่างสูงก็กลับมาพร้อมกับลุงหมอเจ้าของไข้ และพยาบาลอีกหนึ่งคน ธีต์ถอยออกมายืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขา เพราะไม่อยากรบกวนการทำงานของลุงหมอ เขาปล่อยให้กานถูกซักถามและตรวจเช็กอาการอยู่บนเตียง“กานฟื้นแล้วครับพ่อ”ธีต์หันไปฟ้องพ่อราวกับเด็ก ๆ ที่กำลังดีใจกับเรื่องบางอย่างจนออกนอกหน้า ธรณ์พยักหน้ารับ พลางมองไปยังแววตาของลูกชายที่เขาไม่ได้เห็นมันทอแสงประกายระยิบระยับมาร่วมอาทิตย์ด้วยความเอ็นดู“ผมดีใจมาก ๆ เลยครับ”“พ่อก็ดีใจ หมดเคราะห์สักทีนะเรา”“เดี๋ยวถ้ากานหายดี ผมจะพาน้องไปอาบน้ำมนต์กับหลวงตาครับ”“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ นู่น ลุงหมอตรวจเสร็จแล้ว”ธรณ์เบนสายตาไปยังหมอประจำตระกูล ซึ่งขณะนี้ตรวจอาการของคนป่วยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธีต์ได้ยินดังนั้นจึงไม่รอช้า เขาสืบเท้าเข้าไปหาลุงหมอทันควัน“น้องเป็นยังไงบ้างครับลุงหมอ”“อาการโดยรวมตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ ให้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสองสามวัน น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”“กานจะได้กลับบ้านแล้วเหรอครับ”“ใช่ ลุงดีใจด้วยนะ”“ขอบคุณมากครับลุงหมอ”คนฟังแทบจะก้มลงกราบลุงหมอที่พื้น เพราะเขาถือว่าลุงหมอคือคนสำคัญที่
“กินเยอะ ๆ”ธรณ์ตักไก่กระเทียมไปวางลงบนจานข้าวของลูกชาย พร้อมกำชับด้วยโทนเสียงหนักแน่น เนื่องจากเจ้าธีต์เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา“ผมไม่หิวเลยครับพ่อ”“ไม่หิวก็ต้องฝืนกินเข้าไป แกจะได้มีแรง”“ครับ”รับปากออกไปแต่มือยังเขี่ยข้าวในจานไม่หยุดจนผู้เป็นพ่อต้องยกมือขึ้นไปตบบนหลังมือของลูกชายเพื่อเรียกสติ “ธีต์ กินข้าวหน่อยนะลูก”“ครับ”ข้าวไก่กระเทียมคำแรกถูกส่งเข้าปากด้วยความฝืดคอ แต่ทว่าธีต์ก็พยายามเคี้ยวข้าวแล้วกลืนลงท้องไปด้วยความจำใจ เนื่องจากมีสายตาของพ่อมองกดดันเขาอยู่ กระทั่งเขากินข้าวไปอีกสองสามคำ จู่ ๆ พ่อก็โพล่งเรื่องงานหมั้นขึ้นมา“พ่อไปยกเลิกงานหมั้นให้แล้วนะ”“พ่อว่ายังไงนะครับ ยกเลิกงานหมั้น?”“อืม เมื่อเช้าพ่อไปบ้านลุงภูมา”“เกิดอะไรขึ้นครับ ก่อนหน้านี้พ่อยังบังคับผมอยู่เลย” ธีต์ถามออกไปตามตรง พลางมองใบหน้าของพ่อด้วยความสงสัย“ที่กานตกสระว่ายน้ำเมื่อวาน พ่อให้ช่างเขามาดูกล้องวงจรปิดมุมนั้น ปรากฏว่าหนูแพรเป็นคนผลักกานตกสระว่ายน้ำ”ธีต์วางช้อนในมือกระแทกลงบนจานจนเกิดเสียงดังเมื่อสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้เป็นเรื่องจริง แม้ว่าในใจจะแอบให้ความคิดด้านลบที่ว่าแพรเป็นคนผลักกานตกน้ำไม่
“คุณธรณ์ค่ะ ช่างเข้ามาดูเรื่องกล้องวงจรปิดแล้วค่ะ”หลังจากที่ธรณ์ปล่อยให้ลูกชายได้อยู่เฝ้ากานที่โรงพยาบาล แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปเฝ้าใกล้ ๆ ได้ แต่สภาพจิตใจของลูกชายในตอนนี้ หากให้กลับมาพักที่บ้านคงได้ระเบิดบ้านทิ้งแน่ ๆ เขากับนวลจึงอาสามาเก็บข้าวของ พร้อมเตรียมอาหารเย็นแล้วค่อยนำกลับไปให้เจ้าธีต์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เห็นว่าคืนนี้หมอเขาไม่ให้อยู่เฝ้าตลอดทั้งคืน ธีต์เลยจะไปนอนโรงแรมใกล้ ๆ แทนโดยสิ่งแรกที่ทำเมื่อกลับมาถึงบ้าน คือการโทรตามช่างที่รับผิดชอบดูแลเรื่องกล้องวงจรปิดในบ้านมาพบ เพราะเขาต้องการหาสาเหตุว่ากานตกลงไปสระน้ำได้อย่างไร“อืม นวลให้ช่างเข้ามาได้เลย”“สักครู่นะคะ”ไม่นานช่างผู้ชายสองคนได้พากันเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของธรณ์ โดยช่างประจำมาพร้อมกล่องเครื่องมือครบครัน ส่วนอีกคนดูท่าแล้วน่าจะเป็นผู้ช่วยช่าง เพราะธรณ์ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อน เนื่องจากปกติช่างประจำรายนี้มักจะมาทำงานด้วยตัวคนเดียวมากกว่า“ผมอยากเห็นภาพเหตุการณ์บ่ายสามไปจนถึงสี่โมงเย็นของวันนี้ ช่างพอจะเช็กให้ได้ไหม”“ได้ครับคุณธรณ์”“ฝากด้วยนะช่าง”“ครับ”ช่างลงมือทำหน้าที่ของตนต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ
โรงพยาบาล XX“คุณลุงค่ะ คุณลุงต้องเชื่อน้องแพรนะคะ น้องแพรไม่รู้เลยค่ะ ว่ากานเค้าตกลงไปในสระว่ายน้ำได้ยังไง”“คงเป็นอุบัติเหตุ ไม่เป็นไร เรารอคุณหมอออกมาก่อนเถอะ”ธรณ์พูดปลอบใจหญิงสาวรุ่นลูก เพราะคนที่เข้าไปเห็นกานจมอยู่ก้นสระว่ายน้ำคนแรกคือเด็กสาวตรงหน้า หลังจากที่เขานั่งรอดอกกรรณิการ์อยู่พักใหญ่ กานก็ไม่กลับเข้ามาสักที ครั้นจะเดินออกไปตามกลับพบหญิงสาววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาภายในบ้าน พร้อมกับละล่ำละลักบอกว่ากานจมน้ำอยู่ในสระโชคยังดีที่คนขับรถอยู่บริเวณนั้น จึงได้กระโดดลงไปในสระแล้วนำร่างกานขึ้นมา ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยตอนนี้เขา นวล และแพร ต่างพากันยืนรออยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน“คุณธรณ์ไปนั่งเก้าอี้ก่อนไหม เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเอง”“ไม่ล่ะนวล ชั้นขอยืนรอตรงนี้ พอหมอเขาพากานออกมา กานจะได้เห็นเราชัด ๆ”“แต่ว่า-”“ชั้นไม่เป็นไรจริง ๆ นวล”ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นเป็นเชิงห้าม เพราะไม่ว่านวลจะคะยั้นคะยอให้เขาไปนั่งรอมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาร้อนใจจนไม่สามารถนั่งรอเฉย ๆ ได้ แววตาของคนที่เคยเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ในเวลานี้ช่างต่างกันลิบลับ เพราะมันถูกแทนไปด้วยความเป็นห่วง“พี่ธีต์ว่ายังไงบ้างคะคุณลุ







![เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรีส์วายเรื่องหนึ่ง [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)