หลิวชิงเย่วมองอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนมู่ยวี่เฉินนิ่งเงียบต่อไม่ได้แล้ว ในเมื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้โยนใส่หัวเขาเต็มๆ หากเขายังนิ่งเฉยคงจะบ้าเต็มทน
“อาเฉียงเรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกับสะใภ้หลี่ หากนายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ควรจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ว่าปล่อยให้แม่นายมายืนด่าภรรยาตบแต่งของนายแบบนี้
แม้ว่าเราทั้งสองคนจะมีปัญหาเรื่องแก่งแย่งตำแหน่งงานกัน
นายคิดว่าคนอย่างฉันจะทำชั่วถึงขั้นมีความสัมพันธ์กับภรรยาคนอื่นเหรอ นายหยามฉันได้ แต่ไม่ควรหยามเกียรติของนายทหารที่ทั้งนายและฉัน ใส่เครื่องแบบอยู่”หลี่เหว่ยเฉียงเมื่อโดนคนไม่ชอบหน้าตอกจนหน้าหงาย ความโกรธจากที่ลดหายไปมากแล้ว กลับมาอีกครั้ง
“ใครจะไปรู้อาจจะเป็นจริงอย่างที่แม่ฉันพูดก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันไม่มีทางหย่ากับหลิวชิงเย่วแน่นอน” การที่ออกหน้าแทนแบบนี้เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกให้กัน
เมื่อมู่ยวี่เฉินทบทวนคำพูดนี้ของหลี่เหว่ยเฉียง ชายหนุ่มจึง
คิ้วขมวด ก่อนจะถามหลิวชิงเย่วอีกครั้ง“สะใภ้หลี่ ตอนแต่งงานคุณอายุเท่าไหร่”
“หยุดนะ ไม่ใช่เรื่องของนาย อย่ามายุ่ง” หากหลิวชิงเย่วตอบไปจะรู้ได้ทันทีว่าตอนนั้นหญิงสาวไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้เพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ เขาจึงได้ยัดเงินให้คนรู้จักทำเรื่องจดทะเบียนให้ หากสืบสาวราวเรื่องขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่แน่
“ทำไมฉันจะตอบไม่ได้ หรือว่ามันมีอะไรที่ฉันไม่ควรรู้” เมื่อตอบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของร่างนี้แล้ว จากนั้นเธอจึงหันมาตอบพี่ใหญ่มู่
“ฉันแต่งงานตอนนั้นยังไม่ถึงสิบเจ็ดปี ยังขาดอีกหลายเดือน ตอนนี้แต่งงานมาสองปีอายุฉันยังไม่เต็มสิบเก้าเช่นกัน ว่าแต่พี่ใหญ่มู่ถามทำไม”
“การจดทะเบียนสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ฝ่ายหญิงจะต้องอายุสิบเจ็ดปีเต็ม รวมทั้งฝ่ายชายด้วยแต่ถ้าไม่ถึงเกณฑ์จะต้องมีญาติผู้ใหญ่เซ็นรับรองให้ และคิดว่าแม่เฒ่าหลี่คงไม่ยินยอม หรือว่าเรื่องนี้ผู้ใหญ่บ้านจะเซ็นให้” เพียงแค่มองสีหน้าของหลี่เหว่ยเฉียง เขาก็รู้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น
“หมายความว่ายังไงคะพี่เฉียง พี่ไม่ได้จดทะเบียนกับคุณหนูเย่วชิงใช่ไหม” ซวี่เซิ่งเสว่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หากเป็นเช่นนั้นลูกของเธอก็จะไม่ใช่ลูกนอกสมรสอีกแล้ว
“จดสิ ทำไมจะไม่จด”
หลี่เหว่ยเฉียงยังคงยืนยันหนักแน่น แต่สายตากลับมองไปที่มู่ยวี่เฉินอย่างไม่พอใจ เมื่อหลิวชิงเย่วเห็นอาการแบบนี้เธอไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ว่าเรื่องการจดทะเบียนของเธอนั้นต้องเป็นไปอย่างไม่ชอบธรรม
“จดหรือไม่ไม่สำคัญกับฉันแล้ว แต่ตอนนี้ฉันต้องการหย่า หากคุณไม่ยอมหย่า ฉันจะไปแจ้งสำนักงานทะเบียนพลเรือนเพื่อสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ในเมื่ออายุฉันยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะจดทะเบียนได้ ทำไมจึงมี
ใบทะเบียนสมรสของฉันออกมา” หลิวชิงเย่วยืนยันในความคิดของตัวเองไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องการจะหย่า“หลิวชิงเย่ว! ที่คุณจะหย่าจากผมเพราะยวี่เฉินใช่ไหม”
หลี่เหว่ยเฉียงตวาดเสียงดังลั่น ครั้งนี้เขาโมโหจริง จากนั้นเดินเข้าหาหญิงสาวอย่างคุกคาม แต่กลับโดนมู่ยวี่เฉินผลักไหล่ออก
“นายไม่ควรจะทำร้ายภรรยาอีกนะเหว่ยเฉียง หากเรื่องนี้เข้าถึงกองทัพคิดว่าการเลื่อนขั้นของนายจะยังคงอยู่ไหม ฉันเตือนนายด้วยความหวังดี ยิ่งเรื่องที่นายทำร้ายภรรยาหากดังไปถึงค่ายทหารนายคิดว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้ฉันกล้าสาบานเลยว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับภรรยานายแน่”แต่หลังจากที่หย่าแล้วฉันไม่รู้ ประโยคสุดท้ายมู่ยวี่เฉินคิดเพียงคนเดียว
ในใจหลี่เหว่ยเฉียงแม้ว่าจะไม่อยากที่จะหย่า แต่หากเรื่องทั้งหมดไปถึงกองทัพหรือว่าค่ายทหารที่เขาประจำการอยู่ เขาคงไม่มีทางที่จะได้เลื่อนขั้นแน่ เมื่อคิดเช่นนั้นสุดท้ายชายหนุ่มจึงพยักหน้าตกลง
“ตกลงฉันยินยอมที่จะหย่าแต่โดยดี แต่จำไว้ว่าจะไม่มีใครมาแทนที่เธอได้ และฉันจะไม่แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสกับใครอีก
หากเมื่อไหร่เธอคิดที่จะกลับมา ฉันยินดีต้อนรับเสมอ”หลิวชิงเย่วคิดในใจว่านี่คือคำพูดพระเอกในละครใช่ไหม ประมาณว่าผมยังรอคุณอยู่เสมอนะ แหวะ! อยากจะอ้วกจริงๆ
แต่กลายเป็นซวี่เซิ่งเสว่แทน ที่แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำพูดสามีสุดรัก แม้ว่าจะกำจัดนังหลิวชิงเย่วไปได้ แต่เธอยังไม่ได้เป็นเมียแต่งของสามีอยู่ดี แล้วแบบนี้เธอทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรกัน
“ถ้าหล่อนจะหย่าก็เก็บข้าวของไปตั้งแต่วันนี้เลย อย่ามาอยู่ให้รกตาฉันที่บ้านอีก” นางจ่างซื่อจัดการไม่ให้หลิวชิงเย่วอยู่ที่บ้านต่อ
“รับทราบค่ะ เพราะฉันไม่คิดที่จะอยู่ต่อเพียงวินาทีเดียวเช่นกัน อีกทั้งฉันไม่จำเป็นต้องกลับไปที่นั่นอีกแล้วเพราะว่ามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ
หากใครอยากได้เข้าไปเอาได้เลย จริงสิ อีกเรื่องหนึ่ง สินเดิมของฉันที่ แม่เฒ่าหลี่เอาไปใช้ภายในสองปี จะคืนไหมเมื่อคืนฉันได้คุยกับคุณเหว่ยเฉียง เขาบอกว่าไม่รู้เรื่องที่แม่เฒ่าหลี่เอาเงินของฉันไปใช้จ่าย เพราะเขาส่งเงินมาให้ทุกเดือนอยู่แล้ว”
ก่อนไปขออีกสักหมัดก็แล้วกัน เธอไม่หวังว่าจะได้เงินคืนหรอกนะ เพียงแค่ต้องการให้บ้านหลี่นั้นอยู่อย่างลำบากกับคำนินทาของชาวบ้านก็พอ หลังจากนั้นก็เป็นจริงอย่างหลิวชิงเย่วพูด บ้านหลี่แทบจะเข้าหน้าใครไม่ได้อีกเลยในหมู่บ้านนี้ ทุกคนมองด้วยความรังเกียจตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“อะไรกัน สินเดิมอะไร ไม่มีทั้งนั้น”
นางจ่างซื่อไม่ยอมรับและคิดว่าการที่หลิวชิงเย่วนั้นไม่กลับไปเอาของที่บ้านอย่างน้อยๆ ต้องเหลือของมีค่าไว้ให้เธอนำไปขายไม่มากก็น้อย
“นั่นสินะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้คืน คุณได้ยินเองคงเข้าใจแล้วสินะว่าฉันไม่ได้พูดโกหก ว่าแต่ไปจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จวันนี้เถอะ เรื่องทั้งหมดจะได้จบเสียที”
หลิวชิงเย่วประกาศเสียงดัง ทำให้ชาวบ้านทำหน้าเหมือนเห็นผี
มีอย่างที่ไหนหญิงสาวท้าสามีหย่า แบบนี้อย่าหวังว่าต่อไปจะหาคนดีๆ มาแต่งงานได้อีกเลย“วันนี้คงไม่ทันหรอก ผมต้องหาพยานไปด้วย อย่างน้อยก็ต้อง
หนึ่งคน” หลี่เหว่ยเฉียงไม่อยากที่จะรีบหย่า หวังว่าหลิวชิงเย่วจะเปลี่ยนใจหลิวชิงเย่วได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหันไปหาพี่ใหญ่มู่ด้วยสายตาที่อ้อนวอน ยังไงวันนี้เธอจะต้องได้หย่า หากรอต่อไปอีกไม่รู้ว่าหลี่เหว่ยเฉียงจะเล่นแง่อะไร หลังจากนี้ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตใหม่ก็แล้วกัน มู่ยวี่เฉินเห็นสายตาอ้อนวอนของคนตรงหน้าก็อดที่จะสอดมือเข้ามายุ่งอีกครั้งไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปเป็นพยานให้เอง แต่ต้องรอหน่อยนะขอเอาหมู่ป่าทั้งสองตัวกลับบ้านก่อน อาหยางไปตามคนมาหน่อยแล้วไปตามคนเชือดหมูมาด้วย พี่แบกกลับไปก่อน สะใภ้หลี่ ไม่ใช่สิคงต้องเรียกว่าชิงเย่ว ยังไงผมฝากอยู่กับน้องเล็กก่อนนะ ขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดสักครู่”
หากเข้าอำเภอสภาพเลือดหมูป่าท่วมตัวแบบนี้คงไม่ดีแน่
“ขอบคุณมากนะคะพี่ใหญ่มู่ที่เป็นธุระเรื่องหย่าให้ ต่อไปในอนาคตหากมีเรื่องใดที่ฉันพอจะช่วยได้ให้รีบบอกทันที ฉันยินดีที่จะช่วย”
หลิวชิงเย่วสำนึกในบุญคุณเสมอสำหรับความช่วยเหลือของมู่ยวี่เฉินใน ครั้งนี้เมื่อทุกคนจากไปแล้วจึงเหลือเพียงหลี่เหว่ยเฉียงที่ยืนรออยู่ เขาไม่คิดแม้จะกลับไปเอาเอกสารที่บ้าน แต่ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพราะไม่เข้าใจว่าหลิวชิงเย่วไม่คิดจะกลับไปเอาเอกสารที่บ้านเหรอ
“ผมขอโทษนะชิงเย่วที่ทำร้ายคุณ”
“ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็เจ็บตัวไปแล้วมันเรียกคืนกลับมาไม่ได้แล้วล่ะ” หญิงสาวตอบกลับโดยไม่คิดจะมองหน้าของคนที่กำลังจะเป็นอดีตสามี
“ว่าแต่คุณไม่คิดจะกลับไปเอาเอกสารส่วนตัวที่บ้านหรือยังไง แม้ว่าคุณจะไม่เอาเสื้อผ้าแต่เอกสารคุณควรจะกลับไปเอานะ”
หลี่เหว่ยเฉียงเอ่ยขึ้น ‘เวรแล้วไงชิงเย่ว ลืมเรื่องนี้ได้ยังไงแม้ว่าจะเก็บทุกอย่างเข้ามิติแต่ไม่มีใครรู้เห็นกับเธอด้วยหรอกนะ’
“เดี๋ยวรอพี่ใหญ่มู่มาก่อนจะได้ไปพร้อมกันทีเดียวเลย”
ตอนพิเศษ 4 ซวี่เซิ่งเสว่ - เกาฮ่าวซวนหลังจากที่ตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากหลี่เหว่ยเฉียงพร้อมกับลูกน้อย ซวี่เซิ่งเสว่ไม่ได้รับความลำบากเท่าไหร่ เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของนายหญิงโรงน้ำชาในเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมา มีเกาฮ่าวซวนที่คอยดูแลเธอและลูกมาตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบปักกิ่ง ตอนนี้เธอจึงมีตำแหน่งหัวหน้างานด้านห้องอาหารและดูแลในส่วนของการแสดงของโรงน้ำชาเหมยกุ้ยเสี่ยวเหยาอายุสี่ขวบ ใครเห็นก็หลงรักแม่หนูน้อยคนนี้ คำแรกที่เรียกได้คือคำว่าพ่อ ซึ่งนั้นก็คือเกาฮ่าวซวน เธอเองก็เกรงใจเพราะพี่ฮ่าวซวนยังไม่แต่งงาน และไม่ใช่มองไม่ออกว่าเขาคิดยังไงกับเธอ แต่บาดแผลที่เธอเจอมามันสาหัสนัก อีกทั้งหลี่เหว่ยเฉียงคือรักแรก มันยากที่จะลืมจริงๆ แต่คงมีสักวันที่เธอลืมได้และขจัดภาพของหลี่เหว่ยเฉียงออกจากหัวใจ เพราะถ้าหากเธอรับรักพี่ฮ่าวซวนตอนนั้นเท่ากับเธอทำร้ายทั้งตัวเธอเองและพี่ฮ่าวซวน จนมาถึงวันนี้เธอคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเปิดรับเขาเข้ามาในชีวิต เป็นพ่อจริงๆ ของเสี่ยวเหยาตัวน้อยเสียทีเย็นนี้ซวี่เซิ่งเสว่จึงกลับมาทำอาหารด้วยรอยยิ้มและเต็มเปี่ยมด้วยความสุข เพราะเธอนัดให้พี่ฮ่าวซวนมากินอาหารด้วยกัน ระหว่างที่ทำ
ตอนพิเศษ 3 อาเผย - ซินอี้หลังจากส่งนายหญิงกลับบ้าน อาเผยจึงให้ลูกน้องสืบเรื่องของหมอซินอี้คนสวย หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ได้รับคำตอบว่าคุณหมอซินอี้นั้นเป็นใคร ซินอี้เป็นลูกสาวนักการทูตประจำที่ปักกิ่ง มีพี่ชายเป็นทหารซึ่งก็คือนายพลจ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมของตัวเองหรือไม่ สนใจหญิงสาวครั้งแรกดันไปรักน้องสาวท่านนายพลเสียได้ แต่พอคิดว่าฐานะนั้นต่างกันเกินไปอาเผยจึงคลายความสนใจของตัวเองและตั้งหน้าทำงานตามปกติจนวันที่นายท่านกลับมาจากการฝึกซ้อมรบจากสถานที่จริงนายท่านให้กำลังใจและบอกให้เดินหน้า หากมั่นใจเขาและภรรยาจะเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอให้เอง ใครบ้างจะกล้าปฏิเสธคนสนิทของนายท่านแห่งโรงน้ำชาเหมยกุ้ยวันเวลาผ่านมาจนถึงวันที่หมอซินอี้ตอบรับคำเชิญของหลิวชิงเย่ว แม้ว่าจะไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่ก็ส่งอาเผยมาต้อนรับแทน“สวัสดีครับคุณหมอซินอี้” อาเผยเดินยิ้มร่าเข้ามาเมื่อพนักงานมาบอกว่าคุณหมอมาถึงแล้ว“สวัสดีค่ะคุณ...” ซินอี้ยิ้มให้และทักทายกลับไปแต่เธอไม่รู้จักชื่อของชายตรงหน้าจึงทำหน้าเหมือนจะถาม“ผมชื่ออาเผยครับ”“สวัสดีค่ะคุณเผย คุณไม่ต้องเรียกฉันคุณหมอหรอกนะคะ มันเป็นทางการจนเกินไปเ
ตอนพิเศษ 2 มู่ฟ่านปิง-มู่หยางอย่าคิดว่าเหวินตงจะปล่อยร่างบางไป ในเมื่อเธอคือดวงใจของเขา เขาแอบรักมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของเธอตอนเรียนมัธยมปลายแล้ว คิดว่าเขาจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ ไม่มีทางหรอก “ไม่ครับ พี่ไม่ปล่อย เสี่ยวปิงเต็มใจเป็นของพี่ พี่ก็ดีใจมากแล้วไม่จำเป็นต้องวางยาตัวเองหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่ได้นอนทั้งคืนแน่คืนนี้” เหวินตงพูดอย่างเจ้าเล่ห์ เนื้อกวางมาถึงปากแล้วคิดว่าเขาจะยอมปล่อยไปเหรอ หากเธอกล้าเดินออกไปจากห้องด้วยสภาพนี้ ใครเห็นเขาจะควักลูกตาออกมาจริงๆ มู่ฟ่านปิงตาโตมองอย่างตกใจ คนบ้านี่พูดไม่อายจริงๆ แต่ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร เธอกลับโดนคนที่กำลังจะเป็นสามีอุ้มไปที่เตียงและปลดเปลื้องปราการสองชิ้นสุดท้าย ก่อนจะทำหน้าที่สามีให้เธอด้วยความรักและเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ห้องของซือโถก็ไม่ต่างจากห้องของมู่ฟ่านปิงเท่าไหร่ เพราะมีเจ้านายหนุ่มที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทมานั่งมึนอยู่ในห้อง “นายไม่ไปนอนเหรอ งานพรุ่งนี้ฉันเตรียมให้หมดแล้ว” ซือโถเอ่ยถาม แม้จะชอบชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่าคำว่าเพื่อน แต่เธอยังไม่กล้าอาจเอื้อมถึง
ตอนพิเศษ 1 พ่อแม่ลูกดก NCมู่ยวี่เฉินตั้งหน้าตั้งตาทำลูกสาวอย่างขะมักเขม้น เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปีหน้าเขาต้องมีก้อนแป้งตัวน้อยๆ น่ารักน่าชังอีกคนสองคน ทุกครั้งที่ตั้งใจทำสองแฝดมักจะก่อกวนพ่อเช่นเขาตลอด วันนี้ครอบครัวมีงานเลี้ยงอย่างน้อยเขาก็มีโอกาส หลังจากที่คุยกับน้องทั้งสองคนมู่ยวี่เฉินอุ้มภรรยารักเข้าห้องโดยไม่สนใจน้องๆ อีกเลย“ชิงชิงเราเข้ามิติกันเถอะนะ” ปากนั้นออดอ้อนขอเข้ามิติ แต่มือนั้นยุ่มย่ามถอดชุดภรรยาอย่างตั้งใจหลิวชิงเย่วนับวันสามีเธอยิ่งหน้ามึนกว่าเมื่อก่อน นี่ใช่สามีจอมเย็นชาของเธอหรือไม่ ผู้ชายที่เธอเจอตรงลำธารคนนั้นไปไหนแล้ว แม้ว่าจะแอบบ่นในใจแต่ก็ยังพาสามีสุดที่รักเข้ามิติตามคำขอเมื่อเข้ามาในมิติแล้วมู่ยวี่เฉินไม่สนใจอีก อุ้มภรรยารักนั่งที่โต๊ะกลางสนาม เขาจับขาเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะใช้ลิ้นของตัวเองไล่เลียกลีบดอกไม่งามของภรรยารัก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ไม่ว่าจะกินและสัมผัสมากี่ครั้ง ดอกไม้ดอกนี้ของภรรยายังคงหอมหวานและสดใหม่สำหรับเขาเสมอไม่เพียงใช้ลิ้นเลียกลีบทั้งสองข้าง เขายังคงใช้ลิ้นตวัดจุดเสียวของภรรยาคือเกสรของดอกไม้ จนทำให้หลิวชิงเย่วบิดตัวด้วยความเสียว แต่กลับต
บทส่งท้าย ไม่มีอะไรมาพรากจากกันสามปีผ่านไป หลิวชิงเย่วไม่คิดเลยว่าธุรกิจของเธอจะก้าวกระโดดได้ขนาดนี้ บริษัทเหมยกุ้ยขยายตัวจนติดอันดับหนึ่งของสายธุรกิจ ลูกชายที่น่ารักตอนนี้ก็อายุห้าปีแล้ว ความแสบความซนยังคงมีอยู่ ส่วนน้องทั้งสองเรียบจบเรียบร้อยแล้ว เธอจึงให้บริหารงานที่ปักกิ่งแทนเธอ พร้อมกับมอบกิจการให้ทั้งสองคนดูแลเพื่อเป็นทรัพย์สินของตัวเองอีกด้วยไม่เพียงแค่ธุรกิจของเธอเท่านั้นที่ก้าวกระโดด ตำแหน่งสามีของเธอเช่นกัน ตอนนี้ได้ติดยศเป็นผู้พันด้วยแรงสนับสนุนของพ่อบุญธรรม ท่านเกษียณตัวเองเพื่อออกมาดูแลและเลี้ยงหลานๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านอื่น ไม่ใช่เพราะฐานะของนายท่านมู่ แต่เพราะความสามารถของตัวมู่ยวี่เฉินเองด้วยหากจะไม่พูดถึงหลี่เหว่ยเฉียงอดีตสามีของเธอคงไม่ได้ หลังจากที่สอบสวนและโดนโทษของการคบชู้แล้ว เขายังติดคุกเพิ่มอีกสามปีข้อหาพยายามทำร้ายเพื่อทหารด้วยกัน ในช่วงที่ติดคุกนางจ่างซื่อหรือแม่เฒ่าหลี่ตรอมใจที่ลูกชายโดนจับ และหญิงสาวที่หมายมั่นว่าจะเป็นลูกสะใภ้เธอกลับไม่สนใจ หลังจากรับโทษเสร็จหญิงสาวรายนั้นก็มีคนรักใหม่แม้อยากจะสืบหาสวี่เซิ่งเสว่แค่ไหนก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย ทำให้นา
บทที่ 45 ความสำเร็จการใช้ชีวิตของทุกคนยังคงดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น กิจการของหลิวชิงเย่วนั้นเจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ เธอยังติดต่อส่งขายเครื่องสำอางไปยังต่างประเทศ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หากถามว่าเธอยังเอาของออกมาจากมิติไหม ตอบเลยว่ามีบ้างอย่างแต่ไม่ทั้งหมดตอนนี้เธอสร้างโรงทอผ้าเองแม้ว่าจะมีผ้าในมิติมากมายก็ตาม แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งลูกค้าถามว่าเอาผ้ามาจากไหนจะให้เธอตอบยังไง โรงงานของเธอนอกจากผลิตและตัดเย็บให้ร้านชิงเย่วบูติกแล้ว ยังผลิตให้ลูกค้ารายอื่นๆ อีกด้วย แต่แบบที่เปิดขายนั้นจะไม่ซ้ำกับร้านของเธอส่วนเนื้อผ้าขึ้นอยู่กับราคาและต้นทุนที่ลูกค้าให้งบมา ส่วนโรงน้ำชาจะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มทำจนถึงวันนี้ก็สามปีแล้ว ตอนนี้โรงน้ำชาขยายเพิ่มไปอีกหลายสาขา ส่วนโชว์รูมรถยนต์ก็มียอดสั่งซื้อเข้ามาตลอดเช่นกัน ตอนนี้พี่ใหญ่จ้านซากำลังติดต่ออีกสองยี่ห้อเพื่อเป็นตัวแทนขาย หลิวชิงเย่วจะใช้เงินต่อเงินในการทำธุรกิจ นอกจากธุรกิจที่พูดก่อนหน้านี้ยังมีที่ห้างสรรพสินค้าที่กำลังก่อสร้างและโรงแรม ยังไม่รวมอะพาร์ตเม้นต์และคอนโดที่กำลังทำ ภายในสามปีเธอสร้างได้ขนาดนี้ถือว่าธุรกิจโตพอสมควรส่วนสองแฝดก็อา