Share

บทที่ 7

Author: ซุปเม็ดบัวน้ำตาลกรวด
“หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งปรากฏตัวห่างออกไปสิบลี้ขอรับ”

ทหารน้อยคนหนึ่งในชุดเกราะเปื้อนเลือดคุกเข่าข้างหนึ่ง เสียงสั่นเครือแต่ยังคงควบคุมท่าทีได้มั่นคง รายงานชายหนุ่มที่นั่งหลับตาอยู่บนรถเข็น สวมเสื้อคลุมขนสัตว์เบาบางว่า “ซ้ำยังพาปีศาจน้ำแข็งมาเป็นพัน ๆ ตัว ทั้งพวกที่บินได้และวิ่งได้ ท่านเจ้าเมืองและคุณชายรองไปตัดเส้นทางทัพข้าศึก เกรงว่าหากครึ่งชั่วยามไม่อาจกลับมาทันเวลา เมืองนี้... คงยากจะป้องกันแล้วขอรับ”

มือขวาของโม่ชางหลานที่วางอยู่บนขา มีผีเสื้อสีนิลตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกเกาะอยู่บนนิ้วกลาง ผีเสื้อนั้นดูดเลือดบนมือของโม่ชางหลานเล็กน้อย เมื่อนิ้วของโม่ชางหลานขยับ ผีเสื้อสีนิลก็โผบินออกไปนอกเมือง

“ร้อนใจไปใย” เสียงของโม่ชางหลานเนิบนาบและแฝงความเกียจคร้านอยู่ในที ตัวคนดูเป็นธรรมชาติ นิ้วของเขาจับเส้นใยที่ตาเปล่ามองไม่เห็น ขยับไปมาสองสามที ก่อนกล่าวว่า “ข้ายังไม่ตายหรอก เมืองนี้แตกไม่ได้ ข้าจะออกไปดูสถานการณ์เอง”

ทหารน้อยพลันสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางที่เดิมคุกเข่าข้างเดียวกลายเป็นคุกเข่าทั้งสองข้าง กล่าวว่า “นายน้อยโปรดอย่ากังวล ให้ข้าออกไปปกป้องก่อน ข้างนอกลมแรงหิมะหนาว รวมถึงปีศาจน้ำแข็งพวกนั้นยังเจ้าเล่ห์ยิ่ง—”

“แม้แต่เจ้าก็คิดว่าข้าใช้การไม่ได้แล้วหรือ?” ริมฝีปากดั่งดอกบ๊วยแดงในหิมะของโม่ชางหลานยกยิ้มเล็กน้อย เสียงหัวเราะนุ่มนวล แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสะท้าน “ถึงข้าจะขาพิการ ตาบอด แต่ฝีมือของข้าก็ยังพอมีดีอยู่บ้าง ระดับพลังของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งเทียบเท่าผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมกายา หากเจ้าพาคนออกไปก็เท่ากับส่งไปตายเปล่า”

ทหารน้อยพึมพำเบา ๆ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

“ข้ารู้ เจ้าเป็นห่วงสุขภาพของข้า” โม่ชางหลานเข็นรถเข็นไปยังประตูเมืองด้านนอก ผีเสื้อสีนิลนับสิบปรากฏตัวจากที่ใดไม่ทราบ บินมาวนเวียนรอบกายโม่ชางหลานทั้งตัวเล็กตัวใหญ่

ได้ยินโม่ชางหลานกล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าควบคุมหุ่นเชิด อย่างมากก็ถ่วงเวลาได้หนึ่งก้านธูป แต่หุ่นพังก็ยังดีกว่าคนตาย”

ทหารน้อยกำหมัดแน่น มองร่างที่เตี้ยกว่าคนทั่วไปนั้น ขอบตาร้อนผ่าว กัดฟันก่อนก้าวเท้าตามไป

ข้างนอกท้องฟ้าหนาวเหน็บแผ่นดินแข็งตัว คืนนี้หิมะตกหนัก ผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอก หากไม่กางค่ายกล ไม่นานก็จะกลายเป็นมนุษย์หิมะ

ดวงตาของโม่ชางหลานบอดสนิท แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามองไม่เห็นสิ่งใด กระทั่งสิ่งที่เขาเห็นยังมากมายและชัดเจนกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ

ในเผ่าปีศาจน้ำแข็ง มีนกน้ำแข็งที่บินได้ชนิดหนึ่ง พวกมันคาบลูกธนูน้ำแข็งที่มีพิษแช่แข็งอยู่ในปาก เมื่อโปรยลงมาเป็นสายเสียงดังซู่ซ่า หากถูกสิ่งมีชีวิตใด ก็จะแช่แข็งสิ่งมีชีวิตนั้นทันที ทหารรักษาเมืองดินแดนหิมะขาวหลายคนต้องตายเพราะลูกธนูพิษของนกน้ำแข็งพวกนี้

ลูกธนูเหล่านั้นเล็กเท่าขนวัว เมื่อโปรยลงมาก็มีจำนวนนับพันนับร้อย ต่อให้อยากหลบก็หลบไม่ทัน

ดังนั้นเหนือกำแพงเมืองจึงกางค่ายกลขนาดใหญ่ แม้จะสิ้นเปลืองผลึกวิญญาณและต้องใช้ผู้ฝึกวิชาที่เข้าใจกระบวนการสร้างค่ายกลหลายคนช่วยกันกาง แต่ก็เป็นขั้นตอนที่ละเลยไม่ได้

โม่ชางหลานเงยหน้า หลับตา “มอง” นกปีศาจน้ำแข็งดุร้ายในอากาศ มือทั้งสองไขว้กันไปมา หุ่นเชิดรูปร่างคล้ายมนุษย์ตัวหนึ่งก็พลันพุ่งฝ่าค่ายกลออกจากยอดกำแพงเมือง การเคลื่อนไหวหนักแน่นแต่คล่องแคล่ว ในมือถือแส้ยาว ฟาดในอากาศดัง “เฟี้ยวฟ้าว” เพียงไม่กี่ทีก็ฟาดถูกนกน้ำแข็งเหล่านั้นลำตัวหักสะบั้นไปแถวหนึ่ง

โม่ชางหลานเคลื่อนไหวมือทั้งสองอีกครั้ง หุ่นเชิดกระโดดขึ้นบนยอดกำแพง คุกเข่าข้างหนึ่ง หันไปทางนอกเมืองเปลี่ยนแส้เป็นขวานยักษ์ มือทั้งสองข้างไขว้กันบนหน้าอกในลักษณะคอยปกป้องเมือง

พลัน เสียงครืนครันดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว พื้นดินคล้ายสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง

ไกลออกไป ปรากฏเนินเขาเล็ก ๆ โผล่ขึ้นมา และพร้อมกับการสั่นสะเทือนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเสียงครืนครันที่ดังขึ้นตามลำดับ รูปร่างที่แท้จริงของเนินเขานั้นก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในสายตาของผู้พิทักษ์เมือง—

หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งร่างใหญ่ราวกับภูเขาขนาดย่อมกำลังอ้าปากแสดงเขี้ยวแหลมคมสองซี่ ในมือถือกระบี่น้ำแข็งขนาดมหึมา ก้าวเดินตรงมาทางประตูเมืองทีละก้าว

หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งผิวหนาเนื้อหนัก ขนบนผิวหนังด้านนอกหนาถึงหนึ่งฉื่อ หากผู้โจมตีกำลังภายในอ่อนแอ ระดับวรยุทธ์ต่ำต้อย หรืออาวุธไม่ดี ย่อมไม่อาจทำร้ายหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งได้แม้แต่น้อย

ผีเสื้อสีนิลบินวนรอบตัวหัวหน้าปีศาจน้ำแข็ง ในเวลาเดียวกันนี้โม่ชางหลานก็กำลังจ้องมองหัวหน้าปีศาจน้ำแข็ง ในใจรู้สึกพิศวงอยู่บ้าง—

เรื่องที่เผ่าพันธุ์ปีศาจน้ำแข็งโจมตีเมืองมักเกิดขึ้นทุก ๆ สองสามปี เขาคุ้นชินดีแล้ว แต่หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งไม่เคยปรากฏตัวโดยง่าย โม่ชางหลานไม่ได้พบเห็นมันมานานหลายปีแล้ว

ท่าจะไม่ดีแล้วสิ

โม่ชางหลานเอียงหูฟังเสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำพื้นดิน และได้ยินเสียงคำรามของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งที่แทบจะก้องกังวานไปทั่วทั้งเมือง เขาเกือบวิเคราะห์ได้ทันทีว่า ระดับวรยุทธ์ของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งตัวนี้ อยู่เหนือขอบเขตหลอมกายาเสียอีก

ผิวของโม่ชางหลานที่ขาวผ่องอยู่แล้ว ขณะนี้ยิ่งดูซีดขาวกว่าเดิม

ระดับวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้แม้จะยังพอมีดีอยู่บ้าง แต่ไม่อาจเทียบกับในอดีต ความแข็งแกร่งจะไปสู้หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งขอบเขตหลอมกายาได้อย่างไร? แต่เขาก็ต้องปกป้องประตูเมืองนี้ให้ได้ หากหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งบุกเข้าเมืองร้างได้สำเร็จ ชาวเมืองกว่าหมื่นคนที่มีวรยุทธ์ต่ำต้อย ก็คงต้องกลายเป็นศพไปทั้งหมด

โม่ชางหลานกล่าวว่า “ไปเรียกท่านหมอมา”

ปรากฏกระต่ายหูยาวขนขาวดั่งหิมะ หูทั้งสองห้อยลงข้างหัวตัวหนึ่งโผล่มาจากด้านหลังโม่ชางหลาน มันโดดขึ้นมานอนบนคักเขาพลางร้องเสียงอ่อนแรงสองสามครั้ง

กระต่ายตัวนี้พูดไม่ได้ แต่โม่ชางหลานเข้าใจความหมายของมันได้เพราะความสัมพันธ์ตามพันธสัญญา

กระต่ายอสูรกล่าวว่า “นายท่านบอกว่า ห้ามเรียกท่านหมอ ท่านเจ้าเมืองบอกว่า ยอมให้เมืองแตกดีกว่าให้ท่านฝืนใช้กำลังภายใน”

โม่ชางหลานอุ้มกระต่ายอสูรขึ้นมา โยนให้ทหารน้อยที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ แล้วกล่าวว่า “งั้นก็ให้นายเจ้ารีบกลับมาปกป้องเมือง หากเมืองถูกตีแตก ข้าก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้เช่นกัน ย่อมต้องตายเป็นคนแรก”

กระต่ายอสูรหลบอยู่ในอ้อมอกทหารน้อยด้วยความขลาดกลัว พึมพำเบา ๆ เสียงสั่นเครือ “ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ มีหวังนายท่านได้เอาข้าไปลงหม้อเนื้อตุ๋นเป็นแน่”

โม่ชางหลาน “...”

“ประเสริฐ” โม่ชางหลานถอนหายใจเบา ๆ มือที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนเป็นรุนแรงในทันที ทั้งร่างราวกับราชสีห์ที่เพิ่งตื่นนอน แม้จะดูเกียจคร้านอยู่บ้าง แต่ก็ถูกกลบด้วยความเย็นชาและดุดันหมดสิ้น

โม่ชางหลานไขว้มือทั้งสองไว้ด้านหน้า “ควับ” หุ่นเชิดนั้นก็ทำท่าเดียวกันโดยทันที นิ้วทั้งห้าของโม่ชางหลานพลิกไปมาอย่างรวดเร็ว หุ่นเชิดเคลื่อนไหวว่องไวดั่งสายฟ้า ควงขวานยักษ์สองเล่มกระโดดออกจากกำแพงเมืองสูงสิบจั้ง เหยียบไปบนหัวหมาป่าน้ำแข็งตลอดทาง ขวานสองเล่มฟันปีศาจน้ำแข็งที่กระโจนมา ผีเสื้อสีนิลบินเป็นฝูงรอบตัวหุ่นเชิด นำทางให้โม่ชางหลานและหุ่นเชิดตัวนี้ไปข้างหน้า

หุ่นเชิดลงมือฆ่าไปตลอดทาง ทั่วพื้นดินเต็มไปด้วยเลือดสีน้ำเงินเหนียวหนืดของเผ่าปีศาจน้ำแข็ง และซากร่างที่หลังตายแล้วเปลี่ยนจากสีขาวใสเป็นสีดำทะมึน

ในพริบตา หุ่นเชิดก็มาถึงตรงหน้าหัวหน้าปีศาจน้ำแข็ง หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งโกรธจัด ฟาดฝ่ามือยักษ์ไปที่ศีรษะของหุ่นเชิด

โม่ชางหลานเปลี่ยนกระบวนท่าค่ายกลรูปแบบใหม่ สายใยที่มองไม่เห็นนำพาให้หุ่นเชิดที่ไร้จิตสำนึกย่อตัวลงทันเวลา ลอดผ่านเข้าไปตามช่องว่างของฝ่ามือใหญ่และช่วงแขน เหยียบย่ำขึ้นไปตามท่อนแขนจนถึงบริเวณต้นคอของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็ง ก่อนที่ขวานยักษ์จะเงื้อขึ้นหมายจามใส่ศีรษะเป้าหมายสุดแรง

“เปรี้ยง—” พลันเสียงกระแทกดังขึ้น หุ่นเชิดถูกฟาดกระเด็นตกลงไป โม่ชางหลานขมวดคิ้วที่ได้รูปยาวเรียว มุมปากมีเลือดสดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

“นายน้อย!” ทหารน้อยเห็นดังนั้นก็กังวลยิ่งนัก กล่าวว่า “หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งนั่นมีวรยุทธ์สูงเกินไป ทั้งผิวหนาเนื้อหนัก ไม่สู้เรียกหุ่นเชิดกลับมาเถอะขอรับ”

โม่ชางหลานหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก แต่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน พลิกมือทั้งสองต่อเนื่อง ควบคุมให้หุ่นเชิดที่เสียหายแล้วกลิ้งตัวไปบนพื้นดิน ก่อนกระโดดขึ้นราวเหยี่ยวโจมตีกระต่าย จามขวานเข้าใส่มือขวาที่หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งกำลังยกขึ้นด้วยความองอาจและรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด

ได้ยินเสียงร้องโหยหวนสะเทือนแก้วหูอย่างน่าสยอง มือน้ำแข็งขนาดยักษ์ตกลงบนพื้น เหล่าปีศาจน้ำแข็งที่เดิมอยู่ภายใต้คำสั่งของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งก็เริ่มสับสนวุ่นวาย นกน้ำแข็งที่บินวนอยู่บนศีรษะและหมาป่าน้ำแข็งที่วิ่งอยู่บนพื้นดินคล้ายสูญเสียทิศทาง บินวนไปมาในอากาศ วิ่งวนไปมาบนพื้นดิน

หน้าผากของโม่ชางหลานปรากฏเหงื่อเย็นผุดพราว เขาตัดเส้นใยที่มองไม่เห็นในมือ ปล่อยให้หุ่นเชิดล้มลงข้างหัวหน้าปีศาจน้ำแข็ง จมลงไปในหิมะครึ่งตัว

โม่ชางหลานกล่าวว่า “ยามออกจากเมืองไปโจมตี ต้องรวดเร็วและเด็ดขาด”

จากต้นจนจบ เขาไม่เคยตื่นตระหนกแม้ชั่วขณะ ถึงแม้สองขาจะพิการ ตาจะมองไม่เห็น แต่ยังคงสงบนิ่งเหมือนหิมะอันไม่เปลี่ยนแปลงตลอดกาลของแดนหิมะขาว ราวกับว่าหากมีเขาอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา

ทหารน้อยหลายคนรอคอยช่วงเวลานี้ พอเผ่าปีศาจน้ำแข็งสับสน ก็เป็นโอกาสดีในการโจมตี อีกทั้งความสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่การกระทำครั้งนี้ทั้งสิ้น

พวกเขายกหอกยาวพร้อมกัน พกอาวุธที่ตนถนัด ขี่หมาป่าหิมะร่างสูงใหญ่แข็งแรง นำทหารรักษาเมืองนับพันคน เปิดประตูเมืองพร้อมกับร้องตะโกน—

“ฆ่า!”

ดินแดนหิมะขาวไม่เคยข้องเกี่ยวกับความสงบสุข ที่นี่เป็นประตูสู่แดนเหนือของอาณาจักรคุนเจ๋อ และเป็นเมืองชายแดนทางเหนือสุดในแผนที่ของอาณาจักรเฉียนหยวน เมื่อขึ้นไปทางเหนืออีก ผ่านผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่ทอดยาวหมื่นลี้ ก็จะเป็นสุดชายขอบแดนเหนือที่แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนก็ไม่อยากย่างกรายเข้าใกล้

พื้นที่นั้นมีชนเผ่าต่าง ๆ และปีศาจร้ายที่ใช้น้ำแข็งหิมะเป็นเมือง ใช้ป่าเป็นบ้าน ชนเผ่าและปีศาจร้ายเหล่านี้มีความเป็นศัตรูกับมนุษย์ขั้นรุนแรง นอกจากจะรุกรานชายแดนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว หากพบมนุษย์ปรากฏในอาณาเขตของพวกมัน ก็จะจะกินทั้งเป็น ไม่มีคำว่าปราณี

สิ่งที่เรียกว่าศัตรูตลอดกาล ก็มีเพียงเท่านี้

หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งถูกตัดมือขวา แต่ตัวมันมีความสามารถในการฟื้นฟูโดยกำเนิด เพียงระยะเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป มือที่ขาดไปก็จะงอกใหม่ เมื่อถึงเวลานั้น ระดับพลังของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งก็จะกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง

ผีเสื้อสีนิลบินขึ้นลงในกองทัพที่กำลังต่อสู้ บางครั้งก็ช่วยปกป้องทหารจากปีศาจน้ำแข็งที่โจมตีจากด้านหลัง ส่วนตัวมันเองก็กลายเป็นผีเสื้อตายทีละตัว ๆ ร่วงลงบนหิมะขาวที่เปรอะเปื้อนคราบเลือดสีน้ำเงินและสีแดงสด ราวกับเพิ่มหมึกดำลงไปอีกหยด

แม่ทัพรักษาเมืองห้าคนผู้มีระดับวรยุทธ์สูงที่สุดรุมล้อมหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งพร้อมกัน อาวุธดาบ หอก ขวาน ง้าวรุมเข้าโจมตี พลังนั้นราวกับสามารถผ่าภูเขาให้แยกออกจากกัน โซ่เหล็กปรากฏขึ้นกลางอากาศ ตาข่ายใหญ่ที่มีตะขอคมกริบโผล่ลงมาจากฟ้า หมายจะคลี่คลุมหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งไว้ในนั้น

แต่เมื่อกระบี่น้ำแข็งสูงท่วมหัวคนในมือของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งสัมผัสกับโซ่เหล็กและตาข่ายใหญ่ ก็แช่แข็งพวกมันไปในพริบตา หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งระเบิดเสียงคำรามออกมา ทหารทั้งห้านายพลันถูกคลื่นแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนกระเด็นออกไป เมื่อมันคำรามอีกครั้ง กระบี่น้ำแข็งของมันก็ตวัดตัดตาข่ายที่กลายเป็นน้ำแข็งให้แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่วงลงพื้นดินเสียงดังเกรียวกราว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 84

    อย่างไรก็ตาม หลังถูกเยว่เจี้ยนเวยแทรกเช่นนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็มัวแต่โกรธจนไม่อยากร้องไห้ต่อแล้วเยว่เจี้ยนเวยและโม่อวิ๋นเจ๋อจึงอยู่ในศาลบรรพบุรุษอย่างเงียบงัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบเป็นเวลาหลายชั่วยามจากนั้น เยว่เจี้ยนเวยก็ทนไม่ไหว กล่าวว่า “ไหนเจ้าบอกมาสิ เหตุใดจึงต้องคอยหาเรื่องข้าด้วย มันก็แค่เตาปรุงยาเก่า ๆ ที่ไม่มีใครใช้แล้ว ขอยืมสักหน่อยจะเป็นไรไป? ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเจ้า ทำไมต้องมาทำให้ข้าตกใจด้วย เวลานี้ดีแล้ว พวกเราต่างถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่ เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”โม่อวิ๋นเจ๋อถ่มน้ำลาย “ถุย” ทีหนึ่ง พลางกลอกตากล่าวว่า “ข้าย่อมยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นเจ้าสมความปรารถนา”เยว่เจี้ยนเวยจึงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะจนโม่อวิ๋นเจ๋อขนลุกซู่ ซ้ำยังขยับเข้าไปใกล้โม่อวิ๋นเจ๋อมากขึ้นอีกหลังจากนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็เห็นว่า เยว่เจี้ยนเวยค่อย ๆ หยิบเตาปรุงยาอีกใบหนึ่งออกมาจากกำไลสรรพภพของตนเอง“ข้าลืมบอกท่านไป ข้าขโมยเตาปรุงยามาสองใบ ถูกยึดไปหนึ่งใบ ก็ยังเหลืออีกหนึ่งใบ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”โม่อวิ๋นเจ๋อ “...”ย๊ากกกกกก!โม่อวิ๋นเจ๋อแทบคลั่ง ตนเองเพิ่งหยุดร้องไห้ได้

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 83

    โม่ชางหลานเลิกคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “พลังวิญญาณของเขา แข็งแกร่งถึงระดับนั้นเชียวหรือ?”ผู้อาวุโสซางตอบ “เป็นไปได้สูง แต่ยังต้องสังเกตการณ์ต่อไปสักระยะ คุณชายใหญ่ หากพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้จริง อีกทั้งยังเป็นพลังวิญญาณสองธาตุทั้งไฟและไม้ นั่นก็หมายความว่าเขาคือยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งนัก”ต้องรู้ไว้ว่า แม้แต่ระดับตบะของผู้อาวุโสซางเซวียนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถทำให้ศิลาทดสอบพลังระเบิดได้เลยโม่ชางหลานนึกถึงภาพที่เยว่เจี้ยนเวยถือยาวิเศษลงจากเขาไปขาย ก็รู้อยู่แล้วว่าเยว่เจี้ยนเวยต้องมีความลับบางอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขั้นน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้โม่ชางหลานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เรื่องนี้รบกวนผู้อาวุโสซางอย่าเพิ่งเปิดเผยต่อผู้ใด”ผู้อาวุโสซางพยักหน้า กล่าวว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”ยามนี้ ศาสตร์การหลอมโอสถทั่วทั้งทวีปชางหมางมีแต่เสื่อมถอย หากปรากฏอัจฉริยะผู้มีพลังวิญญาณด้านการปรุงยาขึ้นที่ใด ก็จะดึงดูดสายตาผู้คนให้แอบจับตามองนับไม่ถ้วนในอดีตเคยมีปรมาจารย์นักปรุงยาอัจฉริยะผู้โด่งดังเพียงชั่วครู่ ถูกผู้อื่นแอบขโมยพลังวิญญาณด้านก

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 82

    โม่อวิ๋นเจ๋อเบิกตากว้างทันที ร้องเสียงหลงว่า “ไม่ได้นะพี่ใหญ่ เตาปรุงยาพวกนั้น คงทำให้ข้าไม่มีเบี้ยเลี้ยงไปอีกเป็นสิบปีเลยนะ!”โม่ชางหลานกล่าว “สิบปีไหนเลยจะพอ ต้องร้อยปีถึงจะครบถ้วนต่างหาก”โม่อวิ๋นเจ๋อพลันชะงักกึกเยว่เจี้ยนเวยหัวเราะร่าอยู่ในใจ พลางคิดว่าเหตุใดไม่ทำตัวโอหังแล้วล่ะ? ให้ตายเถอะ คิดจะถอดเสื้อผ้าข้าใช่หรือไม่ คิดจะเปิดโปงข้าใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชางหลานของข้าช่างเด็ดขาดและยุติธรรมโดยแท้!ใบหน้าของโม่อวิ๋นเจ๋อแทบจะร้องไห้ออกมา แต่เขาคิดว่าถ้าตนเองร้องไห้ตอนนี้ นอกจากพี่ใหญ่จะไม่สนใจความรู้สึกแล้วคงต้องดุด่าเขาอีกชุดใหญ่เป็นแน่ จึงอดทนอดกลั้นเอาไว้ขณะที่เยว่เจี้ยนเวยกำลังแสร้งทำตัวน่าสงสารอย่างสุดความสามารถ ก็ได้ยินโม่ชางหลานกล่าวว่า “เยว่เจี้ยนเวย เหตุการณ์วันนี้ เจ้าก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน”เยว่เจี้ยนเวยเงยหน้าขึ้น ตอบรับอย่างว่าง่าย “พี่ชางหลาน ข้ารู้ตัวแล้วว่าทำผิด ข้าไม่ควรขโมยของ รอให้ข้าหาเงินได้ในภายหลัง ย่อมชดใช้ให้แก่ผู้อาวุโสซางแน่นอน และต่อไปก็จะไม่ทะเลาะกับพี่อวิ๋นเจ๋ออีกแล้วขอรับ”โม่อวิ๋นเจ๋อเกร็งคอตะเบ็งเสียงว่า “ผู้ใดเป็นพี่เจ้ากัน? เจ้าอย่

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 81

    เยว่เจี้ยนเวยรีบกระชับอาภรณ์ของตน พร้อมกับร้องตะโกนว่า “มีคนลวนลาม! ช่วยด้วย คุณชายรองตระกูลโม่รังแกเด็กหนุ่มบริสุทธิ์แล้ว!”“หุบปากเดี๋ยวนี้! อย่าส่งเสียงโวยวายไปทั่ว!”“ข้าไม่หุบปาก เจ้าช่างไร้ยางอาย กล้าคิดถอดเสื้อผ้าข้ากลางวันแสก ๆ !”“ถ้าเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะต่อยเจ้าเดี๋ยวนี้!”“ต่อยเลยสิ ดูว่าผู้ใดต้องเป็นฝ่ายกลัวกันแน่!”“...”..................ครึ่งชั่วยามต่อมา ในเรือนชมธาราเมื่อโม่ชางหลานมองเด็กหนุ่มสองคนที่เสื้อผ้าและทรงผมยุ่งเหยิง กำลังนั่งคุกเข่าแผ่นหลังเหยียดตรงพร้อมเพียงกันอยู่บนพื้น ก็ให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีด้านข้าง ยังมีผู้อาวุโสซางเซวียนที่เพิ่งรับประทานโอสถบำรุงหัวใจไปหลายเม็ดยืนอยู่ด้วย“ข้าแค่ลงไปหยิบของครู่เดียว กลับขึ้นมา ทั้งห้องก็อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาทั้งสองคนกอดกันกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เฮ้อ หัวใจข้าแทบจะระเบิดเสียให้ได้”ผู้อาวุโสซางเซวียนถอนหายใจไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก กล่าวว่า “เตาปรุงยาที่ข้าสะสมมาด้วยความยากลำบากหลายปี เสียหายไปสี่เตา หนึ่งในนั้นยังเป็นถึงวัตถุเวทมนตร์... ซึ่งก็คือเตาที่ดูสวยงามแต่ใช้งานจริงไม่ได้เตานั้นเอง”โ

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 80

    ผู้อาวุโสซางแปลกใจจนเคราแทบร่วง พร้อมกับกล่าวว่า “เหลวไหล หินก้อนนี้ใช้งานมาหลายร้อยปีไม่เคยมีปัญหาอะไร ข้าว่า เป็นเพราะพลังวิญญาณในร่างกายเจ้ามากไปต่างหากที่ทำให้มันรับไม่ไหวจนระเบิดเช่นนี้”เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกว่าเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ ถึงแม้ในตอนที่เขาปรุงยาจะไม่ได้รู้สึกสัมผัสถึงว่าพลังวิญญาณจะมีความมหาศาลอะไร แต่นอกจากเหตุผลนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้วเยว่เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ท่านอาวุโสซาง หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้าคืออัจฉริยะด้านการปรุงยาเพียงหนึ่งเดียวในโลก? เอาตรง ๆ ช่วงนี้เวลาข้านอนหลับข้าก็รู้สึกอยู่ว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอบอวลอยู่ในร่างกายข้าจนแทบจะระเบิด ณ เวลานั้นข้าอยากจะลุกขึ้นมาหยิบเตาปรุงยามาฝึกจนใจจะขาด วันนี้ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของก้อนหิน งั้นก็คงเป็นข้าเองที่เก่งกล้าเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”ผู้อาวุโสซาง “…”เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองถึงแม้ว่าผู้อาวุโสซางจะพอเดาพรสวรรค์ของเยว่เจี้ยนเวยได้อยู่ แต่พอได้ยินเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้ากล่าวโอ้อวดตนอย่างไม่เขินอาย ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกปากอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 79

    ผู้อาวุโสซางเซวียน “...”ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา โม่อวิ๋นเจ๋อยังมาหาเขาพร้อมกับสาบานอย่างคับแค้นใจด้วยความโกรธว่าจะหักเงินจากค่าขนมของเยว่เจี้ยนเวยในแต่ละเดือนเพื่อมาชดใช้ค่ายาที่แสนแพงชิ้นนี้และแน่นอน ในเมื่อเยว่เจี้ยนเวยเอ่ยชมเชยโม่อวิ๋นเจ๋อขนาดนี้ ผู้อาวุโสซางจึงเล็งเห็นว่าการปกป้องภาพลักษณ์อันเฉลียวฉลาดและเก่งกล้าสามารถของคุณชายรองนั้นสำคัญกว่า จึงพนักหน้าพร้อมกับกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว คุณชายรองเป็นคนเช่นนี้แหละ เจ้าโชคดีจริง ๆ ”เมื่อผู้อาวุโสซางสอนวิชาเสร็จ จึงเดินมาดูเยว่เจี้ยนเวยและกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าตั้งใจจะศึกษาเคล็ดโอสถวิเศษ”เยว่เจี้ยนพยักหน้าพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ ข้าสนใจเคล็ดโอสถวิเศษอย่างมาก”ผู้อาวุโสซางกล่าวต่อว่า “เคล็ดโอสถวิเศษค่อนข้างน่าเบื่อ ในระหว่างการฝึกฝนต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เจ้ายังเด็ก กำลังอยู่ในวัยชอบเล่นสนุก เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลาสิบชั่วโมง หรือเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีได้สักเท่าไร?”เยว่เจี้ยนเวยฉีกยิ้มที่ดูนอบน้อมและน่ารัก รอยยิ้มที่กว้างจนเผยให้เห็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มของเขา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status