Share

บทที่ 8

Author: ซุปเม็ดบัวน้ำตาลกรวด
“แย่แล้ว” ผู้อาวุโสจื่อชวนที่เพิ่งจัดวางค่ายกลเสร็จและรีบมาที่นี่ ยืนอยู่บนยอดกำแพงเมืองมองไปยังที่ไกลตา สีหน้าเคร่งเครียด กล่าวว่า “โจมตีไม่สำเร็จ มือของหัวหน้าปีศาจนั่นงอกออกมาใหม่แล้ว ข้าจะลงไปเผชิญหน้ากับมันเอง!”

“ไม่จำเป็น” โม่ชางหลานกล่าว “พลธนูเทพเตรียมตัว”

พลธนูเทพร้อยคนได้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว พวกเขาง้างธนูที่มีลูกศรพิเศษซึ่งจุดไฟไว้ล่วงหน้า เมื่อได้ยินคำสั่งก็ยิงลูกธนูลงไปข้างล่าง ลูกธนูนำพาเปลวไฟอุณหภูมิสูงปักเข้าที่ตัวหมาป่าน้ำแข็งและนกน้ำแข็ง ทำให้พวกมันละลายกลายเป็นหยดน้ำในพริบตา

เปลวไฟดวงหนึ่งทะลุเข้าไปที่ไหล่ของหัวหน้าปีศาจน้ำแข็ง ทำให้มันโกรธจัดถึงขีดสุด หัวหน้าปีศาจน้ำแข็งบ้าคลั่งขึ้นมาทันที มันคว้าทหารสองคนขึ้นมาแล้วบีบจนแหลกเละคามือด้วยพละกำลังที่สามารถพังทลายเรือใหญ่ได้สบาย ก่อนคำรามแล้ววิ่งกระโจนไปอย่างบ้าคลั่ง เหยียบย่ำทั้งปีศาจน้ำแข็งและทหารข้าศึกตายไปไม่รู้กี่คน

มันเหวี่ยงหมัดไปมา ชกไปทางประตูเมือง เห็นได้ชัดว่าระยะห่างร่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ...

โม่ชางหลานรักษาความสงบ พูดเสียงเรียบว่า “ให้ทหารทั้งหมดถอยกลับมา เตรียมยิงปืนใหญ่วิญญาณไฟ”

ปืนใหญ่วิญญาณไฟเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่โม่ชางหลานควบคุมการหลอมสร้างด้วยตนเอง มีพลังโจมตีรุนแรง เพียงยิงหนึ่งนัดพื้นที่โดยรอบรัศมีสิบลี้อาจกลายเป็นเถ้าถ่าน ถือเป็นอาวุธลับที่เขาเก็บไว้กำราบเผ่าปีศาจน้ำแข็งโดยเฉพาะ แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้มีราคาแพง ซ้ำต้องใช้เวลาหลอมสร้างไม่น้อย โม่ชางหลานจึงไม่เคยใช้มันโดยง่าย

แต่ยามนี้ จำเป็นต้องใช้แล้ว

เสียงสัญญาณดังขึ้นจากยอดกำแพงเมือง ทหารที่ยังคงต่อสู้กับปีศาจน้ำแข็งทั้งหมดหยุดมือและถอยกลับ ปีนขึ้นตามเส้นเชือกที่ห้อยลงมาจากยอดกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครู่เดียวก็ขึ้นมาอยู่บนกำแพงเมืองกันหมดสิ้น

ปืนใหญ่วิญญาณไฟพร้อมแล้ว ปากกระบอกปืนสีดำทะมึนหันตรงไปยังหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งที่กำลังคลุ้มคลั่ง

ในขณะที่โม่ชางหลานกำลังจะออกคำสั่ง เขาพลันพบว่ามีผีเสื้อสีนิลบินวนรอบคนสองคนที่นั่งอยู่บนหลังอาชาสีเขียว คนหนึ่งร่างสูงใหญ่คนหนึ่งร่างเล็ก

โม่ชางหลานรู้สึกสะท้านใจเล็กน้อย บีบมือซ้ายที่วางอยู่บนขา เม้มริมฝีปากกล่าวว่า “ช้าก่อน”

ผู้อาวุโสจื่อชวนเห็นอาชาสีเขียวที่วิ่งฝ่าฝูงปีศาจน้ำแข็งตรงมาทางประตูเมืองโดยไม่หยุดยั้ง ใบหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยวขณะกล่าวว่า “เจ้าพวกตัวบัดซบ—ไม่ได้บอกหรือว่าห้ามออกจากเมือง? นี่เรียกว่ารนหาที่ตาย! นายน้อย เราไม่อาจเอาคนทั้งเมืองมาเสี่ยงเพื่อพวกเขาสองคนได้หรอกขอรับ!”

เหลือระยะห่างอีกเพียงห้าลี้

หากหัวหน้าปีศาจน้ำแข็งเข้ามาใกล้กว่านี้ แม้จะยิงปืนใหญ่วิญญาณไฟออกไป เมืองนี้ก็คงต้องได้รับความเสียหายไม่มากก็น้อย

โม่ชางหลานลูบกระต่ายหูยาวที่ซ่อนอยู่ในอ้อมอกของเขา กล่าวว่า “เตรียมพร้อมเถิด”

..................

เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกว่าเขามาไม่ถูกเวลาจริง ๆ นี่มันแย่ยิ่งกว่าแย่ เจ้าพวกตัวประหลาดที่กำลังรวมกลุ่มกันบุกเมืองส่งเสียงโหยหวนเหล่านี้มีจำนวนมากมายเหลือเกิน

เดิมทีเยว่สือตั้งใจจะพาเด็กหนุ่มหาที่หลบภัยก่อน รอให้การโจมตีครั้งนี้ผ่านไปแล้วค่อยเข้าเมือง แต่ไม่คาดคิดว่า ปีศาจสีขาวที่มีร่างกายเป็นน้ำแข็งทั้งตัวเหล่านั้นจะไล่กัดพวกตนไม่เลิกรา ซ้ำยังพ่นเข็มน้ำแข็งใส่ ท่าทางเหมือนเสียสติไปแล้ว

เมื่อถอยกลับไม่ได้ ก็ได้แต่วิ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

เยว่สือทั้งควบอาชาวิ่งทั้งใช้พัดวายุโบกพัดปีศาจน้ำแข็งที่โจมตี พวกตนเองให้ปลิวออกไป ส่วนเยว่เจี้ยนเวยหลังจากเห็นสิ่งมีชีวิตร่างใหญ่ราวกับภูเขาขนาดย่อมนั่นแล้ว ก็ได้แอบกลืนโอสถรวมวิญญาณเพลิงมรกตเม็ดหนึ่ง รอจนแกนพลังรวมตัว พลังวิญญาณอันมหาศาลไหลเวียนไปทั่วทั้งเส้นเอ็นและจุดสำคัญในร่างกาย จึงพูดกับเยว่สือว่า “เร่งความเร็วหน่อย พวกเราต้องวิ่งไปอยู่ข้างหน้าเจ้าตัวนั้น”

เยว่สือโบกพัดอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีช่องว่างให้ลมผ่าน ตะโกนว่า “วิ่งไปข้างหน้าทำไมหรือ?”

เยว่เจี้ยนเวยพอเปิดปากก็กลืนลมหิมะเข้าไปคำหนึ่ง เขาไอแค่กหนึ่งครั้ง แล้วพูดว่า “ถ้าวิ่งอยู่ข้างหลัง คนบนกำแพงเมืองก็มองไม่เห็นความกล้าหาญอันสง่างามของข้าน่ะสิ!”

เยว่สือ “...”

ความกล้าหาญอันสง่างามที่ถูกพวกปีศาจไล่ล่าจนต้องวิ่งหนีเช่นสุนัขน่ะหรือ?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 84

    อย่างไรก็ตาม หลังถูกเยว่เจี้ยนเวยแทรกเช่นนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็มัวแต่โกรธจนไม่อยากร้องไห้ต่อแล้วเยว่เจี้ยนเวยและโม่อวิ๋นเจ๋อจึงอยู่ในศาลบรรพบุรุษอย่างเงียบงัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบเป็นเวลาหลายชั่วยามจากนั้น เยว่เจี้ยนเวยก็ทนไม่ไหว กล่าวว่า “ไหนเจ้าบอกมาสิ เหตุใดจึงต้องคอยหาเรื่องข้าด้วย มันก็แค่เตาปรุงยาเก่า ๆ ที่ไม่มีใครใช้แล้ว ขอยืมสักหน่อยจะเป็นไรไป? ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเจ้า ทำไมต้องมาทำให้ข้าตกใจด้วย เวลานี้ดีแล้ว พวกเราต่างถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่ เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”โม่อวิ๋นเจ๋อถ่มน้ำลาย “ถุย” ทีหนึ่ง พลางกลอกตากล่าวว่า “ข้าย่อมยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นเจ้าสมความปรารถนา”เยว่เจี้ยนเวยจึงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะจนโม่อวิ๋นเจ๋อขนลุกซู่ ซ้ำยังขยับเข้าไปใกล้โม่อวิ๋นเจ๋อมากขึ้นอีกหลังจากนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็เห็นว่า เยว่เจี้ยนเวยค่อย ๆ หยิบเตาปรุงยาอีกใบหนึ่งออกมาจากกำไลสรรพภพของตนเอง“ข้าลืมบอกท่านไป ข้าขโมยเตาปรุงยามาสองใบ ถูกยึดไปหนึ่งใบ ก็ยังเหลืออีกหนึ่งใบ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”โม่อวิ๋นเจ๋อ “...”ย๊ากกกกกก!โม่อวิ๋นเจ๋อแทบคลั่ง ตนเองเพิ่งหยุดร้องไห้ได้

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 83

    โม่ชางหลานเลิกคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “พลังวิญญาณของเขา แข็งแกร่งถึงระดับนั้นเชียวหรือ?”ผู้อาวุโสซางตอบ “เป็นไปได้สูง แต่ยังต้องสังเกตการณ์ต่อไปสักระยะ คุณชายใหญ่ หากพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้จริง อีกทั้งยังเป็นพลังวิญญาณสองธาตุทั้งไฟและไม้ นั่นก็หมายความว่าเขาคือยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งนัก”ต้องรู้ไว้ว่า แม้แต่ระดับตบะของผู้อาวุโสซางเซวียนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถทำให้ศิลาทดสอบพลังระเบิดได้เลยโม่ชางหลานนึกถึงภาพที่เยว่เจี้ยนเวยถือยาวิเศษลงจากเขาไปขาย ก็รู้อยู่แล้วว่าเยว่เจี้ยนเวยต้องมีความลับบางอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขั้นน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้โม่ชางหลานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เรื่องนี้รบกวนผู้อาวุโสซางอย่าเพิ่งเปิดเผยต่อผู้ใด”ผู้อาวุโสซางพยักหน้า กล่าวว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”ยามนี้ ศาสตร์การหลอมโอสถทั่วทั้งทวีปชางหมางมีแต่เสื่อมถอย หากปรากฏอัจฉริยะผู้มีพลังวิญญาณด้านการปรุงยาขึ้นที่ใด ก็จะดึงดูดสายตาผู้คนให้แอบจับตามองนับไม่ถ้วนในอดีตเคยมีปรมาจารย์นักปรุงยาอัจฉริยะผู้โด่งดังเพียงชั่วครู่ ถูกผู้อื่นแอบขโมยพลังวิญญาณด้านก

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 82

    โม่อวิ๋นเจ๋อเบิกตากว้างทันที ร้องเสียงหลงว่า “ไม่ได้นะพี่ใหญ่ เตาปรุงยาพวกนั้น คงทำให้ข้าไม่มีเบี้ยเลี้ยงไปอีกเป็นสิบปีเลยนะ!”โม่ชางหลานกล่าว “สิบปีไหนเลยจะพอ ต้องร้อยปีถึงจะครบถ้วนต่างหาก”โม่อวิ๋นเจ๋อพลันชะงักกึกเยว่เจี้ยนเวยหัวเราะร่าอยู่ในใจ พลางคิดว่าเหตุใดไม่ทำตัวโอหังแล้วล่ะ? ให้ตายเถอะ คิดจะถอดเสื้อผ้าข้าใช่หรือไม่ คิดจะเปิดโปงข้าใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชางหลานของข้าช่างเด็ดขาดและยุติธรรมโดยแท้!ใบหน้าของโม่อวิ๋นเจ๋อแทบจะร้องไห้ออกมา แต่เขาคิดว่าถ้าตนเองร้องไห้ตอนนี้ นอกจากพี่ใหญ่จะไม่สนใจความรู้สึกแล้วคงต้องดุด่าเขาอีกชุดใหญ่เป็นแน่ จึงอดทนอดกลั้นเอาไว้ขณะที่เยว่เจี้ยนเวยกำลังแสร้งทำตัวน่าสงสารอย่างสุดความสามารถ ก็ได้ยินโม่ชางหลานกล่าวว่า “เยว่เจี้ยนเวย เหตุการณ์วันนี้ เจ้าก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน”เยว่เจี้ยนเวยเงยหน้าขึ้น ตอบรับอย่างว่าง่าย “พี่ชางหลาน ข้ารู้ตัวแล้วว่าทำผิด ข้าไม่ควรขโมยของ รอให้ข้าหาเงินได้ในภายหลัง ย่อมชดใช้ให้แก่ผู้อาวุโสซางแน่นอน และต่อไปก็จะไม่ทะเลาะกับพี่อวิ๋นเจ๋ออีกแล้วขอรับ”โม่อวิ๋นเจ๋อเกร็งคอตะเบ็งเสียงว่า “ผู้ใดเป็นพี่เจ้ากัน? เจ้าอย่

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 81

    เยว่เจี้ยนเวยรีบกระชับอาภรณ์ของตน พร้อมกับร้องตะโกนว่า “มีคนลวนลาม! ช่วยด้วย คุณชายรองตระกูลโม่รังแกเด็กหนุ่มบริสุทธิ์แล้ว!”“หุบปากเดี๋ยวนี้! อย่าส่งเสียงโวยวายไปทั่ว!”“ข้าไม่หุบปาก เจ้าช่างไร้ยางอาย กล้าคิดถอดเสื้อผ้าข้ากลางวันแสก ๆ !”“ถ้าเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะต่อยเจ้าเดี๋ยวนี้!”“ต่อยเลยสิ ดูว่าผู้ใดต้องเป็นฝ่ายกลัวกันแน่!”“...”..................ครึ่งชั่วยามต่อมา ในเรือนชมธาราเมื่อโม่ชางหลานมองเด็กหนุ่มสองคนที่เสื้อผ้าและทรงผมยุ่งเหยิง กำลังนั่งคุกเข่าแผ่นหลังเหยียดตรงพร้อมเพียงกันอยู่บนพื้น ก็ให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีด้านข้าง ยังมีผู้อาวุโสซางเซวียนที่เพิ่งรับประทานโอสถบำรุงหัวใจไปหลายเม็ดยืนอยู่ด้วย“ข้าแค่ลงไปหยิบของครู่เดียว กลับขึ้นมา ทั้งห้องก็อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาทั้งสองคนกอดกันกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เฮ้อ หัวใจข้าแทบจะระเบิดเสียให้ได้”ผู้อาวุโสซางเซวียนถอนหายใจไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก กล่าวว่า “เตาปรุงยาที่ข้าสะสมมาด้วยความยากลำบากหลายปี เสียหายไปสี่เตา หนึ่งในนั้นยังเป็นถึงวัตถุเวทมนตร์... ซึ่งก็คือเตาที่ดูสวยงามแต่ใช้งานจริงไม่ได้เตานั้นเอง”โ

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 80

    ผู้อาวุโสซางแปลกใจจนเคราแทบร่วง พร้อมกับกล่าวว่า “เหลวไหล หินก้อนนี้ใช้งานมาหลายร้อยปีไม่เคยมีปัญหาอะไร ข้าว่า เป็นเพราะพลังวิญญาณในร่างกายเจ้ามากไปต่างหากที่ทำให้มันรับไม่ไหวจนระเบิดเช่นนี้”เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกว่าเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ ถึงแม้ในตอนที่เขาปรุงยาจะไม่ได้รู้สึกสัมผัสถึงว่าพลังวิญญาณจะมีความมหาศาลอะไร แต่นอกจากเหตุผลนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้วเยว่เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ท่านอาวุโสซาง หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้าคืออัจฉริยะด้านการปรุงยาเพียงหนึ่งเดียวในโลก? เอาตรง ๆ ช่วงนี้เวลาข้านอนหลับข้าก็รู้สึกอยู่ว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอบอวลอยู่ในร่างกายข้าจนแทบจะระเบิด ณ เวลานั้นข้าอยากจะลุกขึ้นมาหยิบเตาปรุงยามาฝึกจนใจจะขาด วันนี้ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของก้อนหิน งั้นก็คงเป็นข้าเองที่เก่งกล้าเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”ผู้อาวุโสซาง “…”เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองถึงแม้ว่าผู้อาวุโสซางจะพอเดาพรสวรรค์ของเยว่เจี้ยนเวยได้อยู่ แต่พอได้ยินเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้ากล่าวโอ้อวดตนอย่างไม่เขินอาย ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกปากอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 79

    ผู้อาวุโสซางเซวียน “...”ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา โม่อวิ๋นเจ๋อยังมาหาเขาพร้อมกับสาบานอย่างคับแค้นใจด้วยความโกรธว่าจะหักเงินจากค่าขนมของเยว่เจี้ยนเวยในแต่ละเดือนเพื่อมาชดใช้ค่ายาที่แสนแพงชิ้นนี้และแน่นอน ในเมื่อเยว่เจี้ยนเวยเอ่ยชมเชยโม่อวิ๋นเจ๋อขนาดนี้ ผู้อาวุโสซางจึงเล็งเห็นว่าการปกป้องภาพลักษณ์อันเฉลียวฉลาดและเก่งกล้าสามารถของคุณชายรองนั้นสำคัญกว่า จึงพนักหน้าพร้อมกับกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว คุณชายรองเป็นคนเช่นนี้แหละ เจ้าโชคดีจริง ๆ ”เมื่อผู้อาวุโสซางสอนวิชาเสร็จ จึงเดินมาดูเยว่เจี้ยนเวยและกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าตั้งใจจะศึกษาเคล็ดโอสถวิเศษ”เยว่เจี้ยนพยักหน้าพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ ข้าสนใจเคล็ดโอสถวิเศษอย่างมาก”ผู้อาวุโสซางกล่าวต่อว่า “เคล็ดโอสถวิเศษค่อนข้างน่าเบื่อ ในระหว่างการฝึกฝนต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เจ้ายังเด็ก กำลังอยู่ในวัยชอบเล่นสนุก เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลาสิบชั่วโมง หรือเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีได้สักเท่าไร?”เยว่เจี้ยนเวยฉีกยิ้มที่ดูนอบน้อมและน่ารัก รอยยิ้มที่กว้างจนเผยให้เห็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มของเขา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status