/ รักโบราณ / กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ / ตอนที่12 ทุ่มหินลงน้ำ

공유

ตอนที่12 ทุ่มหินลงน้ำ

last update 최신 업데이트: 2025-04-11 12:03:07

สายลมโชยปัดผ่านใบหน้าที่ยังดูซีดเซียว เรือนผมมันเงาพลิ้วไหว ชายอาภรณ์สีขาวปักลายดอกโบตั๋นอันประณีตสะบัดเบา ๆ จ้าวกุ้ยอินหลับตาพริ้ม สูดกลิ่นหอมสดชื่นของบุปผาที่ลอยคละเคล้ามาอยู่เงียบ ๆ ทำให้นางในยามนี้ทั้งงดงามและดูเปราะบางยิ่ง

สตรีร่างอรชรเอนกายลงนอนบนเก้าอี้กุ้ยเฟยในบรรยากาศอันเงียบสงบ ดูงามพิลาสอ่อนหวานราวกับภาพในจินตนาการของเหล่ากวี หากบุรุษใดได้ยลย่อมตกอยู่ในบ่วงเสน่หา

บนต้นไม้ แววตาล้ำลึกคู่หนึ่งจดจ้องสตรีที่กำลังม่อยหลับโดยไม่รู้ตัว

ครั้นเห็นสีหน้าของจ้าวกุ้ยอินดีขึ้นแล้วผู้มาก็แอบโล่งใจ เพราะก่อนหน้านางเอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือน ไม่ยอมพบหน้าผู้ใด ยามนี้ยอมออกมารับสายลมแสงแดด ดูท่าคงทำใจกับเรื่องของฉินอ๋องได้บ้างแล้วกระมัง

เดิมทีที่ได้ยินข่าวลือว่าธิดาจ้าวอ๋องเคยกระโดดสระบัว เพราะไม่ยอมแต่งงานกับหานอ๋อง สร้างความกังวลให้เขาอย่างมาก กลัวว่านางจะทำอะไรไม่คิดอีก แต่ดูเหมือนว่าตนเองจะประเมินสตรีผู้นี้ผิดไป ครานี้จ้าวกุ้ยอินไม่ได้พยายามฆ่าตัวตาย ไม่แม้จะร้องไห้โวยวาย หรือทำตัวน่าสมเพช

ในเมื่อนางรู้จักรักตนเองเช่นนี้ เขาก็ควรเลิกห่วงและจากไปเสียที

แม้ว่าจะคิดเช่นนั้น แต่นัยน์ตาเหยี่ยวกลับจดจ้องใบหน้ายามหลับของเจ้ากุ้ยอินนิ่งนาน สองเท้าไม่อาจขยับ ยิ่งได้พินิจคนงามอย่างละเอียดก็พบความจริงข้อหนึ่ง หากเจ้าตัวมิได้แต่งแต้มด้วยแป้งหนาเตอะและชาดสีเข้มตามปกติ ช่างดูอ่อนหวานและนุ่มนวลยิ่ง ความจริงผิวพรรณของนางขาวกระจ่างดั่งหิมะแรกฤดู ถึงไร้การปรุงแต่งก็งดงามเปล่งประกาย ยากที่สตรีอื่นจะเทียบเคียงได้

ชั่วขณะนั้น หัวใจที่เคยเต้นเพียงจังหวะสม่ำเสมอกลับเร่งเร้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เขาไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าฉินอ๋องไม่เคยรู้สึกอันใดกับนาง

พอคิดถึงตรงนี้ริมฝีปากหยักพลันยกยิ้ม นัยน์ตาสีนิลฉายแววล้ำลึกจากก้นบึ้ง

เขามองสาวเจ้าจนพอใจเป็นครั้งสุดท้าย แล้วผู้มาเยือนก็เร้นกายจากไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามีบุรุษผู้หนึ่งแอบเข้ามาถึงเรือนชั้นในของจวนจ้าวอ๋อง...

เนื่องจากอยู่ริมน้ำไอแดดจึงไม่รบกวนสตรีที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา ทำให้จ้าวกุ้ยอินหลับยาวไปจนตะวันเกือบจะตรงศีรษะ ทว่าความสงบก็ต้องมีอันถูกทำลาย เมื่อเสียงหัวเราะสดใสของสตรีสองนางดังลอยมาแต่ไกล

แพขนตาขยับไหว จ้าวกุ้ยอินลืมตาตื่น นางยกมือขึ้นคลึงขมับเบา ๆ ก่อนจะหยัดกายขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน แต่เมื่อมองเห็นสตรีสองคนที่กำลังก้าวเข้ามาก็เหยียดหลังตรง ปรับท่วงท่าให้สง่างามราวนางหงส์ ทั้งที่ใจจริงเพียงอยากจะกลับเข้าไปภายในเรือน

นางยังไม่พร้อมจะพบหน้าผู้ใด แต่ดูท่าคงไม่ทันการณ์เสียแล้ว

จ้าวกุ้ยหลินกับจ้าวกุ้ยชิงเดินนำนางกำนัลคนสนิทเข้ามาพลางคลี่ยิ้ม พอมาถึงก็เอ่ยทักทายจ้าวกุ้ยอินเสียงใสอย่างพร้อมเพรียง

แม้พวกนางจะมีท่าทีเคารพเชื่อฟัง แต่ความจริงกลับอิจฉาริษยาพี่สาวผู้นี้หนักหนา ก็ใครใช้ให้อีกฝ่ายเกิดมาเป็นท่านหญิงกันเล่า ทั้งที่เป็นธิดาของจ้าวอ๋องเหมือนกัน แต่สถานะกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน หนำซ้ำยังเป็นคู่หมายของบุรุษหล่อเหลา องอาจ มากความสามารถอย่างฉินอ๋องอีก

สวรรค์จะลำเอียงเกินไปแล้ว!

จ้าวกุ้ยอินนับว่าเป็นกุลสตรีเพียบพร้อม ดูสูงส่งสง่างามไม่ต่างจากหงส์ขาว ผู้คนล้วนยกให้นางเป็นยอดพธูแห่งแคว้น แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว นางไม่ต่างอะไรกับหงส์ปีกหัก ร่างกายบาดเจ็บสาหัส หนำซ้ำยังมีแผลเป็นน่าเกลียดบนแผ่นหลัง ฉินอ๋องย่อมไม่ยอมรับตุ๊กตากระเบื้องมีตำหนิ

สมน้ำหน้า!

ปกติพวกนางต้องอยู่ภายใต้เงาอันเจิดจรัสของพี่สาวคนโต ไม่อาจเฉิดฉายได้ ทั้งที่ก็เป็นดรุณีแรกแย้มงดงามไม่แพ้กัน ในเมื่อวันนี้พี่สาวผู้เย่อหยิ่งต้องมาอยู่ในสภาพอ่อนแอไร้หนทาง เช่นนี้จะไม่ให้พวกนางยินดีได้อย่างไร

“พี่หญิงใหญ่ ข้ากับน้องหญิงสี่มาเยี่ยมเจ้าค่ะ”

“ก่อนหน้าท่านพ่อไม่ให้พวกข้าเข้าไปรบกวนที่เรือนอิงฮวา พอมีคนมาแจ้งว่าวันนี้พี่หญิงใหญ่ออกมารับลมนอกเรือนได้แล้ว พวกเราถึงได้รีบมาเยี่ยมเยียนนี่แหละเจ้าค่ะ”

จ้าวกุ้ยหลินเปิดบทสนทนา จ้าวกุ้ยชิงก็รีบร้องรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“ขอบใจหลินเอ๋อร์กับชิงเอ๋อร์ที่อุตส่าห์รีบมาเยี่ยมเยียนพี่สาว” จ้าวกุ้ยอินกล่าวพลางยิ้มน้อย ๆ แล้วผายมือเป็นเชิงอนุญาตให้น้องสาวทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้กลมที่บ่าวในเรือนรีบไปยกออกมาตั้งให้

“พี่หญิงใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง ชิงเอ๋อร์เป็นห่วงจึงสวดมนต์ขอพรจากพระโพธิสัตว์ ขอให้ท่านหายวันหายคืน”

จ้าวกุ้ยชิงสวดมนต์?

จ้าวกุ้ยอินได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะหยันในใจ น้องสาวคนเล็กช่างกล้าพูดออกมาได้ หากบอกว่านางแช่งชักให้ตนเองตายไปเสียพ้นๆ ยังจะน่าเชื่อถือเสียกว่า

แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่ออีกฝ่ายพยายามพูดเอาหน้าขนาดนี้ นางก็จะไม่ทำให้เสียเรื่อง

“ขอบใจชิงเอ๋อร์ คงเป็นเพราะเจ้าพี่สาวถึงได้อาการดีขึ้นมาก” จ้าวกุ้ยอินยิ้มเอ่ย

แม้พี่สาวผู้สูงส่งมีท่าทางอ่อนเพลีย สีหน้าซีดเซียวกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้ดูมีความทุกข์อย่างที่พวกนางอยากจะเห็น สองพี่น้องธิดาชายารองจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง เพราะนึกว่าวันนี้ตนเองจะได้ยลโฉมหน้ายามท่านหญิงผู้แสนยโสพ่ายแพ้ และสิ้นหวัง

โดนฉินอ๋องเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี สตรีผู้โง่งมในรักอย่างพี่สาวผู้นี้ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไร ดูท่าคงกำลังปั้นหน้าหลอกผู้อื่นอยู่มากกว่า ไหน ๆ พวกนางก็ตั้งใจมาทุ่มหินลงน้ำ[1]อยู่แล้ว จะละความพยายามได้อย่างไร

จ้าวกุ้ยหลินเหลือบมองจ้าวกุ้ยอิน พออีกฝ่ายหันมาหาก็แสร้งหลุบตาลง ทำอึกอักอยากจะพูดแต่ไม่ยอมพูด จนผู้ถูกมองอดรำคาญใจไม่ได้ จึงเอ่ยถามออกมาเองในที่สุด

“น้องสาม ทำไมจึงมองเช่นนั้นเล่า หรือว่าหน้าพี่สาวมีสิ่งใดผิดปกติ” 

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่104 จบ

    ก่อนจะถึงวันครบรอบแต่งงาน เยี่ยนหยางจงก็หว่านล้อมจ้าวกุ้ยอินให้ออกมามาล่องเรือเล่นกับเขาได้สำเร็จทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเมืองหลวง รอบ ๆ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานา ทำให้ทัศนียภาพแปลเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูเนื่องจากยามนี้เป็นปลายฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงเย็นสบายกำลังดีจ้าวกุ้ยอินนั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ สองสายตามองตรงไปยังท้องน้ำที่เปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ แม้จะฉากหลังจะงดงามราวภาพวาด ทว่าดวงหน้างามปานล่มเมืองกลับหม่นเศร้า แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวดังนางม้าป่าดูซึมเซาจนเยี่ยนหยางจงสะท้อนใจโดยปกติ สำหรับผู้สูงศักดิ์ บ่าวไพร่มีค่าไม่ต่างจากมดปลวก เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองพรากชิวสุยไปจากจ้าวกุ้ยอิน จะสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้นางขนาดนี้ตั้งแต่ออกจากจวนจนถึงตอนนี้ จ้าวกุ้ยอินพูดกับเขานับคำได้ หากตนเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าหยางจงน้อยคงจะไม่ได้เกิดเป็นแน่ครั้นแล้วเยี่ยนหยางจงก็ออกแรงพายเรือให้เร็วขึ้นอีก จนกระทั่งพวกเขาออกมาไกลจากเรือลำอื่น ๆจ้าวกุ้ยอินเหม่อมองเบื้องหน้าอย่างคิดไม่ตก นางเองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่ส่วนลึกไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เพราะถ้าชิวสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่103 ตอนพิเศษ เรื่องค้างคาใจของจ้าวกุ้ยอิน

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านพ้น เยี่ยนจิ้นหลิงก็ไปบอกกับมารดาว่าจ้าวกุ้ยอินสุขภาพสมบูรณ์ดีแล้ว ขอเพียงเยี่ยนหยางจงขยันหว่านเมล็ดพันธุ์ นางจะต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ไป๋หลันได้ยินดังนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง ถึงกับยกเลิกการคารวะยามเช้า และส่งของบำรุงทั้งหลายแหล่มาให้ ยามนี้จ้าวกุ้ยอินจึงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าที่เคยเนื่องจากสถานการณ์สงบแล้ว จ้าวกุ้ยอินจึงมีใจอยากออกไปพบปะผู้คนบ้าง เยี่ยนหยางจงมิได้มีปัญหา แต่ยังรู้สึกไม่วางใจ จึงสั่งให้ฟางหรู หนิงเหอ จิวซิน และอวิ้นเซียนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงของจวนใด ภาพที่ผู้อื่นคุ้นชินคือขบวนของฮูหยินซื่อจื่อไคกั๋วกง ยิ่งเห็นจ้าวกุ้ยอินปฏิบัติกับเหล่าอนุอย่างดี อีกทั้งสายตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบยิ่ง ทำให้ชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างของจ้าวกุ้ยอินระบือไกล โดยหารู้ไม่ว่าสตรีทั้งสี่เป็นเพียงอนุแค่ในนาม แท้จริงแล้วพวกนางสี่คนคือองครักษ์หญิงที่เยี่ยนหยางจงกับจ้าวอ๋องจัดหามาให้ และทุกครั้งที่เขาไปหาพวกนาง ก็เป็นเพียงฉากบังหน้า แต่แท้ที่จริงลอบออกไปทำภารกิจลับยามราตรีต่างหากสตรีผู้เดียวที่เยี่ยนหยางจงร่วมเรียงเคียงหมอนก็คือจ้า

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่102 อย่าทำหน้าแบบนั้น

    “นั่นเพราะสวรรค์สร้างให้พี่ชายข้าเกิดมาเป็นคนพิเศษอย่างไรเล่า” เยี่ยนหยางจงเคยได้รับบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียงจุดนี้มาก่อน ทำให้รู้ว่าหัวใจของพี่ชายอยู่ทางอกด้านขวา ดังนั้นยามเห็นปิ่นปักอยู่ทางอกซ้ายจึงยังใจเย็นอยู่ได้“หากเจ้ารู้อาการดีก็ควรรีบบอก แกล้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เช่นนี้ไม่ได้มีเพียงแต่กุ้ยอินที่ใจเสีย พวกข้าเองก็ไม่ต่างกัน” จ้าวเฟิงเหล่ยถอนใจเบา ๆ“จวิ้นอ๋อง อย่าทำหน้าแบบนั้น นางสิผิดที่ไม่ฟังอะไรเลย จู่ ๆ ก็มาตีโพยตีพายใส่พวกเราโดยไม่นึกถึงความผิดตัวเองสักนิด อย่างไรก็ปล่อยให้ข้าได้ล้างแค้นเสียหน่อยเถิด” เยี่ยนจิ้นหลิงหาเหตุผลให้การกระทำของตนเองได้สำเร็จภายในห้อง“อาจง อาจง” จ้าวกุ้ยอิงนั่งอยู่ข้างเตียงที่มีเยี่ยนหยางจงนอนเหยียดยาวอยู่ ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ นางพึมพำเสียงเครือขณะที่ลูบใบหน้าคร้ามคมที่ดูเผือดเซียวเล็กน้อย “ท่านเจ็บมากหรือไม่ ขอโทษนะที่ข้า...”“อินเอ๋อร์... พอเถิด ร้องไห้จนตาแดงช้ำไปหมดแล้ว” เยี่ยนหยางจงว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ “แต่ก็ เพราะเสียงด่าเสียงร้องไห้ของเจ้า ทำให้ยมทูตต่างยอมล่าถอย ไม่ยอมมารับดวงวิญญาณของข้าไป

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่101 น้ำเกลือราดรดลงบนแผล

    เยี่ยนจิ้นหลิงสูดลมหายใจลึก รู้ว่าประโยคต่อจากนี้ไม่ต่างจากเอาน้ำเกลือราดรดลงบนแผล แต่ก็ตัดสินใจพูดไป “ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเป็นเพราะท่านที่รนหาที่ พี่ใหญ่จึงต้องบาดเจ็บเช่นนี้”จ้าวกุ้ยอินเมื่อได้ยินเช่นนั้นประหนึ่งถูกน้ำเย็นราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายเอนซวนซบเข้ากับเสาอย่างหาที่พึ่งพิง “รนหาที่หรือ? ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าภาพของอู๋หมิงกงจื่อที่นำมาประมูล เป็นภาพเดียวกันกับที่ข้าพบในห้องหนังสือของเขาหรือไม่เท่านั้น... เพียงเท่านั้น”“อู๋หมิงกงจื่อ... อู๋หมิงกงจื่อ ถ้าท่านพอใจในผลงาน ไฉนจึงไม่ขอกับพี่ใหญ่เล่า เขาใช้เวลาไม่นานก็วาดให้ท่านได้ จะเอากี่สิบกี่ร้อยภาพก็ตามแต่ใจท่าน... สวรรค์... ท่านกลับทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เองหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย” เยี่ยนจิ้นหลิงได้ยินเช่นนั้นพลันส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเดินมาใกล้กับจ้าวกุ้ยอิน มองใบหน้างดงามที่เผือดซีดราวกระดาษวาดภาพ“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน” จ้าวกุ้ยอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้องเขยของตน ดวงตากลมโตวาววับดังเนื้อทรายนั้นระคนด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง “พี่สะใภ้ ดูท่าพี่ใหญ่คงไม

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่100 ชั่วยามนี้

    “อะไรนะ จ้าวกุ้ยอิน เจ้า... เจ้ากล้าหลอกเปิ่นหวาง” เส้นเลือดตรงขมับของมู่เฟยหรงเต้นตุบ ๆ ยามนี้เขารู้สึกเหมือนมีคำว่าโง่ บรมโง่ ติดอยู่กลางหน้าผาก ถ้าไม่เพราะกลัวหนอนกู่จะกัดกินร่าง เขาคงหลบหนีได้ทัน“นี่พวกเจ้าจะยืนเฉยอีกนานไหม ถ้ายังมัวชักช้า อาจง... อาจงอาจจะตายก็ได้นะ” จ้าวกุ้ยอินไม่สนใจท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมู่เฟยหรง แต่หันไปมองมู่เลี่ยงหรงกับเยี่ยนจิ้นหลิงแทน“ขออภัย เปิ่นหวางนึกว่าเขาตายแล้ว” ตอนมู่เลี่ยงหรงเข้ามา เห็นปิ่นเงินปักอยู่ตรงอกด้านซ้ายของเยี่ยนหยางจง ก็คิดว่าเขาไม่น่าจะรอดแล้ว จึงละเลยพี่ภรรยาไป แต่พอรู้ว่าเขายังไม่ตาย ก็บังเกิดความละอายใจเล็กน้อยบรรพบุรุษเจ้าสิตาย! จ้าวกุ้ยอินมองมู่เลี่ยงหรงด้วยดวงตาแดงก่ำ สาปแช่งบรรพบุรุษตระกูลมู่ในใจไม่หยุด “เขายังไม่ตายสักหน่อย”“เด็ก ๆ พาแม่ทัพไป๋หู่กลับจวนไคกั๋วกง” สิ้นคำสั่งของฉินอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็จัดการนำร่างของเยี่ยนหยางจงออกไปจากที่นั่น โดยมีจ้าวกุ้ยอินร้องไห้วิ่งตามไปบทส่งท้าย ชั่วยามนี้ จวนไคกั๋วกงเต็มไปด้วยความร้อนรนอลหม่าน หลังจากซื่อจื่อของจวนกลับมาพร้อมกับฮูหยินน้อยที่หายตัวไปในสภาพที่มีแผลฉกรรจ์ตรงหน้าอก อาการเ

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่99 เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร

    “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” มู่เฟยหรงไม่เข้าใจว่าเยี่ยนจิ้นหลิงตามมาถูกได้อย่างไร ความจริงพวกเขาควรจะตามไปจัดการกับเอี้ยนอ๋องที่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงสิ ทำไมถึงมาที่นี่ หรือว่าแผนการทั้งหมดล้มเหลว“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ จิ้นหลิงเพิ่งรู้ว่าเครื่องประดับมากมายเหล่านั้นก็มีประโยชน์อย่างอื่นด้วย” ระหว่างตามรอยเยี่ยนหยางจง เยี่ยนจิ้นหลิงพบจิงจิงวิ่งอยู่บนพื้นหิมะ จึงได้รับสารขอความช่วยเหลือ“เจ้าพบจิงจิงสินะ” จ้าวกุ้ยอินเข้าใจในทันที“พี่สะใภ้เข้าใจเล่นคำ ‘ตามจิงจิง(อัญมณีแวววาว)มา’ หากเป็นผู้อื่นคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กระรอกนำทาง แต่บังเอิญเป็นจิ้นหลิงที่ได้รับสารจึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่” ภาพอัญมณีสะท้อนแสงคบไฟในความมืดเป็นระยะผุดขึ้นในความทรงจำ ยามนี้เขายอมรับแล้วว่าพี่สะใภ้มิใช่ที่มีดีแค่ความเป็นหญิงงาม สติปัญญาของนางยังอยู่ในระดับใช้ได้อีกด้วย“ไว้ชมกันทีหลัง รีบพาอาจงไปรักษาเร็วเข้า” จ้าวกุ้ยอินเร่งเร้า“ย่อมได้” เยี่ยนจิ้นหลิงรับคำ แล้วหันไปหามู่เฟยหรง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “หานอ๋อง ท่านหนีไม่รอดแล้วล่ะ ยอมกลับวังหลวงดี ๆ เถิด จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บอีก จิ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status