Home / รักโบราณ / กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ / ตอนที่13 จะไม่เป็นปัญหาหรือเจ้าค่ะ

Share

ตอนที่13 จะไม่เป็นปัญหาหรือเจ้าค่ะ

last update Last Updated: 2025-04-11 12:03:49

“ว่าแต่...ว่าแต่ หลังของพี่หญิงใหญ่... แบบนี้ จะไม่เป็นปัญหาหรือเจ้าค่ะ” จ้าวกุ้ยหลินยกชายแขนเสื้อขึ้นบังริมฝีปาก ทำราวกับกำลังพูดเรื่องที่ไม่น่าฟังอยู่กระนั้น

“นั่นสิ ปกติสตรีที่มีรอยแผลเป็น บุรุษที่ไหนจะกล้ามาสู่ขอกันเล่า” จ้าวกุ้ยชิงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าราวกับเด็กสาวใสซื่อ แต่นัยน์ตาสีอ่อนเจือแววเย้ยหยันบาง ๆ

“ดูพูดเข้า พี่หญิงใหญ่ช่วยชีวิตฉินอ๋องเอาไว้เชียวนะ อีกไม่นานคงมีข่าวดีเป็นแน่”

“ข้าก็หวังว่าฉินอ๋องจะไม่ถือสาเรื่องแผลเป็นของพี่หญิงใหญ่ แล้วรีบส่งเกี้ยวเจ้าสาวมาในเร็ววัน หาไม่แล้ว...”  จ้าวกุ้ยชิงสงวนวาจาไม่กล่าวต่อจนจบ แสดงทีท่าคล้ายห่วงใย แต่แววตาเต็มไปด้วยการเยาะหยัน

“เจ้าจะห่วงเรื่องนั้นไปไย พี่หญิงใหญ่เป็นถึงธิดาจ้าวอ๋อง ต่อให้ฉินอ๋องถือสาและบ่ายเบี่ยง ก็คงมีขุนนางขั้นสองขั้นสามที่ไม่ถือสาส่งแม่สื่อมาทาบทามบ้างกระมัง”

“หากไม่มีเล่า พี่หญิงใหญ่จะทำเช่นไร”

สองพี่น้องธิดาชายารองคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ได้มาเห็นจ้าวกุ้ยอินนั่งนิ่งเถียงไม่ออก ก็แทบจะเก็บรอยยิ้มสาแก่ใจเอาไว้ไม่อยู่ ยิ่งพูดเท่าไหร่ ยิ่งไม่น่าฟังเท่านั้น ลืมสถานะของตนเองไปเสียสนิท

ดี... ดีมาก ที่แท้พวกนางก็ต้องการมาเยาะเย้ยถากถางข้านี่เอง

ในที่สุดน้องสาวผู้น่ารักก็หลุดสิ่งที่อยากพูดออกมา ความอดทนของจ้าวกุ้ยอินใกล้หมดลงแล้ว

ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มแต่ไม่คล้ายว่าใช่ นัยน์ตาหวานล้ำแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งลึกดุจสระเหมันต์ กลิ่นอายสูงส่งแผ่กำจาย จ้าวกุ้ยอินพลันขึ้นยืน เชิดหน้า มองลงต่ำ ทำราวกับว่ากำลังจดจ้องสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่าอยู่อย่างไรอย่างนั้น จ้าวกุ้ยหลินกับจ้าวกุ้ยชิงรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งกาย พึงตระหนักว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงเศษธุลี ไม่อาจเทียบเคียงสตรีตรงหน้าได้ ที่สำคัญพวกนางได้แตะถูกเส้นความอดทนของจ้าวกุ้ยอินแล้ว

“น้องสาม น้องสี่ ดูเจ้าจะเป็นห่วงข้าผู้เป็นท่านหญิงเสียเหลือเกิน”

“จะ...เจ้าค่ะ หากไม่ให้เป็นห่วงพี่หญิงใหญ่ แล้วจะให้ห่วงผู้ใดเล่า อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นน้องสาวของท่าน” จ้าวกุ้ยชิงรีบละล่ำละลักแก้ตัว หวังว่าเจ้ากุ้ยอินจะเลิกถือสา แล้วปล่อยพวกนางไป

“มีน้องสาวกตัญญูอย่างพวกเจ้า ข้าช่างโชคดีเสียจริง ๆ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อธิดาสายตรงเช่นข้าจะมิได้ออกเรือน พวกเจ้าก็ไม่ต้องตบแต่งให้ผู้ใด ต่อไปเราสามคนเก็บตัวสวดมนต์ในหอบรรพชนจนกว่าจะสิ้นชีวิตกันเถิด”

เหมือนถูกน้ำเย็นสาดทั้งร่าง จ้าวกุ้ยหลินกับจ้าวกุ้ยชิงหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พวกนางเป็นลูกสาวที่เกิดจากเจียงอิ่งซื่อ[1] ก็ถือว่าเป็นเพียงบุตรอนุ หากธิดาสายตรงไม่ได้ออกเรือน พวกนางหรือจะมีหวัง ยิ่งถ้าอีกฝ่ายมีความประสงค์จะให้พวกนางติดตามไปสวดมนต์ในหอบรรพชน สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นบุปผาโรยรา รอวันตายไร้คู่ชีวิตไปด้วย

เมื่อตระหนักได้ถึงความจริงข้อนี้ สองพี่น้องก็พากันคุกเข่าลงกับพื้น ครั้นเห็นคุณหนูทั้งสองทรุดกายลง สาวใช้คนสนิทที่ติดตามมาด้วยก็พากันหมอบราบกับพื้นตามเจ้านายของตนเอง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า

“น้องสาวพูดผิดไปแล้ว พี่หญิงใหญ่อภัยให้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

“พี่หญิงใหญ่งดงามถึงเพียงนี้ ท่านจะต้องได้ออกเรือนกับยอดบุรุษแน่นอนเจ้าค่ะ”

ยิ่งพูดจ้าวกุ้ยอินก็ยิ่งมองนางสองคนด้วยแววตาน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

รังสีกดดันจากสตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าทำให้สองพี่น้องแทบหายใจไม่ออก ร่างทั้งร่างสั่นเทา เพียงแต่โขกศีรษะ กล่าวขออภัยเสียงดังระงม

จ้าวกุ้ยอินเหลือบมองลงต่ำ เห็นน้องสาวต่างมารดาร้องไห้คร่ำครวญพลางโขกศีรษะก็ไม่ได้นึกเห็นใจ ตัวเกิดมาเป็นธิดาของอิ่งซื่อเท่านั้น ต่างอะไรกับลูกอนุ แต่ไม่รู้ไปกินดีหมีใจเสือมาจากที่ใด จึงมีหน้ามาพูดจาเสียดสีธิดาที่เกิดจากหวางเฟยเช่นนาง ไม่ให้คนตบปากสั่งสอนก็นับว่าปรานีแล้ว

“เด็ก ๆ พาคุณหนูรองกับคุณหนูสามไปห้องบูชาบรรพชน ให้พวกนางคุกเข่าสำนึกผิดสองชั่วยาม จากนั้นให้คัดบัญญัติสตรีอีกคนละห้าสิบจบ หากทำไม่เสร็จ ก็ไม่ต้องออกมา”

เสียงใสกังวาน ทว่าทรงอำนาจถูกส่งออกไป บ่าวอาวุโสกับสาวใช้ของเรือนอิงฮวาสามสี่คนเข้ามาลากตัวจ้าวกุ้ยหลิงกับจ้าวกุ้ยชิงออกไปตามคำสั่งทันที สาวใช้ที่ติดตามพวกนางมาล้วนพากันวิ่งตามนายของตนไปด้วยใบหน้าซีดเผือด

ความวุ่นวายจบลงแล้ว จ้าวกุ้ยอินรู้สึกเหนื่อยล้า พลันทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้กุ้ยเฟย

ดวงตาที่แข็งกร้าวค่อย ๆ อ่อนแสงลง เหลือเพียงความอ้างว้างในเบื้องลึก ตนเองมีน้องสาวหน้าตางดงามถึงสองคน แต่กลับไม่อาจสนิทสนมได้ เพียงเพราะนางคือท่านหญิงกุ้ยอิน ธิดาสายตรงเพียงหนึ่งเดียวของจ้าวอ๋อง จึงต้องรับความอิจฉาริษยาของพี่น้องไปโดยปริยาย

ผู้ใดจะล่วงรู้เล่า ว่าหลังกำแพงสูงที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงของเรือนชั้นใน ล้วนแล้วแต่เป็นที่อาศัยของสตรีอ่อนหวาน ทว่าในจิตใจเจือไปด้วยยาพิษ

พวกนางต้องคอยช่วงชิงความโปรดปรานจากเจ้าของจวน งัดสารพัดวิธีออกมาเพื่อเป้าหมายของตนเอง แต่หากผู้ใดเพลี่ยงพล้ำหรือใจอ่อน ก็อาจต้องสังเวยด้วยชีวิต มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้

นี่คือความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ภาพอันสวยงามของจวนอ๋อง

เนื่องจากเติบโตมาในครอบครัวที่บิดามีภรรยามากมาย จ้าวกุ้ยอินจึงพร้อมรับเรื่องเหล่านี้โดยไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงอยู่แล้ว ต่อให้มู่เลี่ยงหรงจะมีสตรีรายล้อม แต่นางมั่นใจว่าตนเองจะช่วงชิงความโปรดปรานจากเขามาได้ในที่สุด แตกต่างจากเยี่ยนเยว่ฉีที่เกิดในครอบครัวที่บิดามีภรรยาเอกเพียงผู้เดียว สตรีเช่นนั้น ไม่นานย่อมถูกความโหดร้ายของเรือนหลังกลืนกิน โดยที่นางไม่ต้องเปลืองสมองวางแผนโค่นอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ตนเองถูกตั้งข้อสงสัย ไทเฮาจึงไม่อาจออกพระเสาวนีย์พระราชทานสมรสได้ กอปรกับอีกไม่นานนางก็จะอายุสิบเก้าปีเต็มแล้ว หากฉินอ๋องประวิงเวลาแล้วอ้างเรื่องอายุที่มากเกินไปขึ้นมาอีก สุดท้ายแล้วนางก็คงไม่ได้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวอยู่ดี

เสียงถอนหายใจลอยไปกับสายลม เป็นอันแน่นอนแล้วว่า...ประตูจวนฉินอ๋องปิดตายสำหรับนาง

ใบหน้างามสะคราญแขวนรอยยิ้มขื่น ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่นางไม่ต้องลดศักดิ์ศรีแต่งเป็นชายารองให้เขา และไม่ต้องพยายามแย่งชิงความรักจากบุรุษที่มีภรรยาอยู่ในเรือนหลังนับสิบคน

ถึงแม้จะเจ็บปวดและเสียดาย แต่ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายกลับแทรกผ่านเข้ามาในหัวใจวูบหนึ่ง

บางที...นี่อาจเป็นโชคชะตา ในวันข้างหน้านางอาจจะได้ใช้ชีวิตกับบุรุษที่รักตนเองเพียงหนึ่งเดียวก็ได้

แต่จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือ คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้คำตอบ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่104 จบ

    ก่อนจะถึงวันครบรอบแต่งงาน เยี่ยนหยางจงก็หว่านล้อมจ้าวกุ้ยอินให้ออกมามาล่องเรือเล่นกับเขาได้สำเร็จทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเมืองหลวง รอบ ๆ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานา ทำให้ทัศนียภาพแปลเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูเนื่องจากยามนี้เป็นปลายฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงเย็นสบายกำลังดีจ้าวกุ้ยอินนั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ สองสายตามองตรงไปยังท้องน้ำที่เปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ แม้จะฉากหลังจะงดงามราวภาพวาด ทว่าดวงหน้างามปานล่มเมืองกลับหม่นเศร้า แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวดังนางม้าป่าดูซึมเซาจนเยี่ยนหยางจงสะท้อนใจโดยปกติ สำหรับผู้สูงศักดิ์ บ่าวไพร่มีค่าไม่ต่างจากมดปลวก เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองพรากชิวสุยไปจากจ้าวกุ้ยอิน จะสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้นางขนาดนี้ตั้งแต่ออกจากจวนจนถึงตอนนี้ จ้าวกุ้ยอินพูดกับเขานับคำได้ หากตนเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าหยางจงน้อยคงจะไม่ได้เกิดเป็นแน่ครั้นแล้วเยี่ยนหยางจงก็ออกแรงพายเรือให้เร็วขึ้นอีก จนกระทั่งพวกเขาออกมาไกลจากเรือลำอื่น ๆจ้าวกุ้ยอินเหม่อมองเบื้องหน้าอย่างคิดไม่ตก นางเองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่ส่วนลึกไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เพราะถ้าชิวสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่103 ตอนพิเศษ เรื่องค้างคาใจของจ้าวกุ้ยอิน

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านพ้น เยี่ยนจิ้นหลิงก็ไปบอกกับมารดาว่าจ้าวกุ้ยอินสุขภาพสมบูรณ์ดีแล้ว ขอเพียงเยี่ยนหยางจงขยันหว่านเมล็ดพันธุ์ นางจะต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ไป๋หลันได้ยินดังนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง ถึงกับยกเลิกการคารวะยามเช้า และส่งของบำรุงทั้งหลายแหล่มาให้ ยามนี้จ้าวกุ้ยอินจึงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าที่เคยเนื่องจากสถานการณ์สงบแล้ว จ้าวกุ้ยอินจึงมีใจอยากออกไปพบปะผู้คนบ้าง เยี่ยนหยางจงมิได้มีปัญหา แต่ยังรู้สึกไม่วางใจ จึงสั่งให้ฟางหรู หนิงเหอ จิวซิน และอวิ้นเซียนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงของจวนใด ภาพที่ผู้อื่นคุ้นชินคือขบวนของฮูหยินซื่อจื่อไคกั๋วกง ยิ่งเห็นจ้าวกุ้ยอินปฏิบัติกับเหล่าอนุอย่างดี อีกทั้งสายตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบยิ่ง ทำให้ชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างของจ้าวกุ้ยอินระบือไกล โดยหารู้ไม่ว่าสตรีทั้งสี่เป็นเพียงอนุแค่ในนาม แท้จริงแล้วพวกนางสี่คนคือองครักษ์หญิงที่เยี่ยนหยางจงกับจ้าวอ๋องจัดหามาให้ และทุกครั้งที่เขาไปหาพวกนาง ก็เป็นเพียงฉากบังหน้า แต่แท้ที่จริงลอบออกไปทำภารกิจลับยามราตรีต่างหากสตรีผู้เดียวที่เยี่ยนหยางจงร่วมเรียงเคียงหมอนก็คือจ้า

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่102 อย่าทำหน้าแบบนั้น

    “นั่นเพราะสวรรค์สร้างให้พี่ชายข้าเกิดมาเป็นคนพิเศษอย่างไรเล่า” เยี่ยนหยางจงเคยได้รับบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียงจุดนี้มาก่อน ทำให้รู้ว่าหัวใจของพี่ชายอยู่ทางอกด้านขวา ดังนั้นยามเห็นปิ่นปักอยู่ทางอกซ้ายจึงยังใจเย็นอยู่ได้“หากเจ้ารู้อาการดีก็ควรรีบบอก แกล้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เช่นนี้ไม่ได้มีเพียงแต่กุ้ยอินที่ใจเสีย พวกข้าเองก็ไม่ต่างกัน” จ้าวเฟิงเหล่ยถอนใจเบา ๆ“จวิ้นอ๋อง อย่าทำหน้าแบบนั้น นางสิผิดที่ไม่ฟังอะไรเลย จู่ ๆ ก็มาตีโพยตีพายใส่พวกเราโดยไม่นึกถึงความผิดตัวเองสักนิด อย่างไรก็ปล่อยให้ข้าได้ล้างแค้นเสียหน่อยเถิด” เยี่ยนจิ้นหลิงหาเหตุผลให้การกระทำของตนเองได้สำเร็จภายในห้อง“อาจง อาจง” จ้าวกุ้ยอิงนั่งอยู่ข้างเตียงที่มีเยี่ยนหยางจงนอนเหยียดยาวอยู่ ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ นางพึมพำเสียงเครือขณะที่ลูบใบหน้าคร้ามคมที่ดูเผือดเซียวเล็กน้อย “ท่านเจ็บมากหรือไม่ ขอโทษนะที่ข้า...”“อินเอ๋อร์... พอเถิด ร้องไห้จนตาแดงช้ำไปหมดแล้ว” เยี่ยนหยางจงว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ “แต่ก็ เพราะเสียงด่าเสียงร้องไห้ของเจ้า ทำให้ยมทูตต่างยอมล่าถอย ไม่ยอมมารับดวงวิญญาณของข้าไป

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่101 น้ำเกลือราดรดลงบนแผล

    เยี่ยนจิ้นหลิงสูดลมหายใจลึก รู้ว่าประโยคต่อจากนี้ไม่ต่างจากเอาน้ำเกลือราดรดลงบนแผล แต่ก็ตัดสินใจพูดไป “ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเป็นเพราะท่านที่รนหาที่ พี่ใหญ่จึงต้องบาดเจ็บเช่นนี้”จ้าวกุ้ยอินเมื่อได้ยินเช่นนั้นประหนึ่งถูกน้ำเย็นราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายเอนซวนซบเข้ากับเสาอย่างหาที่พึ่งพิง “รนหาที่หรือ? ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าภาพของอู๋หมิงกงจื่อที่นำมาประมูล เป็นภาพเดียวกันกับที่ข้าพบในห้องหนังสือของเขาหรือไม่เท่านั้น... เพียงเท่านั้น”“อู๋หมิงกงจื่อ... อู๋หมิงกงจื่อ ถ้าท่านพอใจในผลงาน ไฉนจึงไม่ขอกับพี่ใหญ่เล่า เขาใช้เวลาไม่นานก็วาดให้ท่านได้ จะเอากี่สิบกี่ร้อยภาพก็ตามแต่ใจท่าน... สวรรค์... ท่านกลับทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เองหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย” เยี่ยนจิ้นหลิงได้ยินเช่นนั้นพลันส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเดินมาใกล้กับจ้าวกุ้ยอิน มองใบหน้างดงามที่เผือดซีดราวกระดาษวาดภาพ“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน” จ้าวกุ้ยอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้องเขยของตน ดวงตากลมโตวาววับดังเนื้อทรายนั้นระคนด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง “พี่สะใภ้ ดูท่าพี่ใหญ่คงไม

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่100 ชั่วยามนี้

    “อะไรนะ จ้าวกุ้ยอิน เจ้า... เจ้ากล้าหลอกเปิ่นหวาง” เส้นเลือดตรงขมับของมู่เฟยหรงเต้นตุบ ๆ ยามนี้เขารู้สึกเหมือนมีคำว่าโง่ บรมโง่ ติดอยู่กลางหน้าผาก ถ้าไม่เพราะกลัวหนอนกู่จะกัดกินร่าง เขาคงหลบหนีได้ทัน“นี่พวกเจ้าจะยืนเฉยอีกนานไหม ถ้ายังมัวชักช้า อาจง... อาจงอาจจะตายก็ได้นะ” จ้าวกุ้ยอินไม่สนใจท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมู่เฟยหรง แต่หันไปมองมู่เลี่ยงหรงกับเยี่ยนจิ้นหลิงแทน“ขออภัย เปิ่นหวางนึกว่าเขาตายแล้ว” ตอนมู่เลี่ยงหรงเข้ามา เห็นปิ่นเงินปักอยู่ตรงอกด้านซ้ายของเยี่ยนหยางจง ก็คิดว่าเขาไม่น่าจะรอดแล้ว จึงละเลยพี่ภรรยาไป แต่พอรู้ว่าเขายังไม่ตาย ก็บังเกิดความละอายใจเล็กน้อยบรรพบุรุษเจ้าสิตาย! จ้าวกุ้ยอินมองมู่เลี่ยงหรงด้วยดวงตาแดงก่ำ สาปแช่งบรรพบุรุษตระกูลมู่ในใจไม่หยุด “เขายังไม่ตายสักหน่อย”“เด็ก ๆ พาแม่ทัพไป๋หู่กลับจวนไคกั๋วกง” สิ้นคำสั่งของฉินอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็จัดการนำร่างของเยี่ยนหยางจงออกไปจากที่นั่น โดยมีจ้าวกุ้ยอินร้องไห้วิ่งตามไปบทส่งท้าย ชั่วยามนี้ จวนไคกั๋วกงเต็มไปด้วยความร้อนรนอลหม่าน หลังจากซื่อจื่อของจวนกลับมาพร้อมกับฮูหยินน้อยที่หายตัวไปในสภาพที่มีแผลฉกรรจ์ตรงหน้าอก อาการเ

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่99 เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร

    “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” มู่เฟยหรงไม่เข้าใจว่าเยี่ยนจิ้นหลิงตามมาถูกได้อย่างไร ความจริงพวกเขาควรจะตามไปจัดการกับเอี้ยนอ๋องที่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงสิ ทำไมถึงมาที่นี่ หรือว่าแผนการทั้งหมดล้มเหลว“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ จิ้นหลิงเพิ่งรู้ว่าเครื่องประดับมากมายเหล่านั้นก็มีประโยชน์อย่างอื่นด้วย” ระหว่างตามรอยเยี่ยนหยางจง เยี่ยนจิ้นหลิงพบจิงจิงวิ่งอยู่บนพื้นหิมะ จึงได้รับสารขอความช่วยเหลือ“เจ้าพบจิงจิงสินะ” จ้าวกุ้ยอินเข้าใจในทันที“พี่สะใภ้เข้าใจเล่นคำ ‘ตามจิงจิง(อัญมณีแวววาว)มา’ หากเป็นผู้อื่นคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กระรอกนำทาง แต่บังเอิญเป็นจิ้นหลิงที่ได้รับสารจึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่” ภาพอัญมณีสะท้อนแสงคบไฟในความมืดเป็นระยะผุดขึ้นในความทรงจำ ยามนี้เขายอมรับแล้วว่าพี่สะใภ้มิใช่ที่มีดีแค่ความเป็นหญิงงาม สติปัญญาของนางยังอยู่ในระดับใช้ได้อีกด้วย“ไว้ชมกันทีหลัง รีบพาอาจงไปรักษาเร็วเข้า” จ้าวกุ้ยอินเร่งเร้า“ย่อมได้” เยี่ยนจิ้นหลิงรับคำ แล้วหันไปหามู่เฟยหรง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “หานอ๋อง ท่านหนีไม่รอดแล้วล่ะ ยอมกลับวังหลวงดี ๆ เถิด จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บอีก จิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status