หน้าหลัก / รักโบราณ / กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ / ตอนที่11 บุตรสาวอิ่งซื่อลองดี

แชร์

ตอนที่11 บุตรสาวอิ่งซื่อลองดี

ผู้เขียน: มี่เยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-11 12:01:55

เวลาไหลไปราวสายน้ำ จากวสันต์สู่คิมหันตฤดู แม้ดวงอาทิตย์จะสาดแสงให้ความอบอุ่นไปทั่วแคว้น ทว่าภายในใจของจ้าวกุ้ยอินยังคงหนาวเหน็บไม่ต่างจากฤดูเหมันต์ แม้ว่ายามนี้บาดแผลของนางจะดีขึ้นมาก แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบในบางครั้ง

แต่เจ็บกาย หรือจะสู้เจ็บในทรวง

จ้าวกุ้ยอินทอดถอนหายใจอย่างไร้สุ้มเสียง ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด

ยามนี้สตรีที่ผู้ใหญ่เคยสนับสนุนให้แต่งงานกับฉินอ๋องเช่นนางกำลังนอนป่วยอยู่ในห้องอันอ้างว้าง ในขณะที่บุตรีแม่ทัพใหญ่กลายเป็นฉินหวางเฟย

นี่กระมังที่โบราณกล่าวไว้ว่า ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน

ไม่ว่าจะเป็นความงดงาม เสียงชื่นชม และสถานะสูงส่งเหนือสตรีคนอื่น ๆ ไม่ได้ช่วยให้นางได้ร่วมชีวิตกับมู่เลี่ยงหรง

จ้าวกุ้ยอินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหากไม่ได้แต่งเข้าจวนฉินตนเองจะเป็นเช่นไร และเมื่อหนทางชีวิตได้เปลี่ยนไปแล้ว นางคงมีแต่ต้องยอมรับใช่หรือไม่

ภายในห้องเงียบงัน ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์ หรือนรก...

มีเพียงร่างบอบบางที่หัวเราะเยาะหยันในความโง่งมของตนเอง

ในขณะที่จ้าวกุ้ยอินกำลังจมจ่อมกับความรู้สึกเศร้าสร้อย บ่าวอาวุโสผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาภายในห้องแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างทุกบาน เสร็จแล้วก็จัดการเก็บม่านกั้นเตียงเกี่ยวไว้บนตะขอ

ใบหน้าที่มีรอยยับย่นแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พอเห็นว่านายหญิงของตนตื่นดีแล้ว ก็ปรบมือสองสามครั้ง ทันใดนั้นชิวสุ่ย ชิวอิง และชิวเยวี่ย ต่างพากันเดินเรียงแถวเข้ามา แล้วหยุดยืนที่หน้าเตียงหลังใหญ่ บ้างถืออ่างน้ำ บ้างก็ถืออาภรณ์สำหรับผลัดเปลี่ยนมาด้วย

“ทูนหัวของบ่าว อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย ดูซิ บ่าวไปถือศีลให้เพียงไม่กี่เดือน เด็ก ๆ พวกนี้กลับปล่อยปละให้ท่านนอนบนเตียงอย่างเดียว แบบนี้จะหายป่วยได้อย่างไร”

“แม่นม...” น้ำเสียงสั่นเครือเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากแห้งแตก

“เจ้าค่ะ บ่าวกลับมาแล้ว”

บ่าวอาวุโส หรือแม่นมจางนั่งลงที่ขอบเตียง ค่อย ๆ ประคองร่างบอบบางที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่ง พอจ้าวกุ้ยอินเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเมตตาและห่วงใยก็โผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น

นอกจากบิดากับอวี้หรูเหรินแล้ว คนที่นางรักและไว้ใจมากที่สุดคงไม่พ้นแม่นมผู้นี้

“ไม่เป็นไรนะเจ้าค่ะ แม่นมกลับมาแล้ว”

แต่ไหนแต่ไรจ้าวกุ้ยอินไม่ใช่คนขี้แย นั่นยิ่งทำให้แม่นมจางรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง คนเราจะสามารถอดทนกับความเจ็บปวดและเสียใจได้นานเท่าไร

การร้องไห้เพื่อระบายสามารถทำให้จิตใจได้ผ่อนคลายลง ทว่าท่านหญิงเป็นคนมีทิฐิ อีกทั้งยังดื้อดึงนัก หากไม่ถึงที่สุดย่อมไม่มีทางร้องไห้ให้ผู้ใดได้เห็น

ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ร่างผอมบางจะสั่นสะท้าน แต่กลับไม่มีน้ำตาแม้สักหยด

นายบ่าวกอดกันอยู่พักหนึ่ง เมื่อจ้าวกุ้ยอินสงบใจได้แล้วจึงคลายอ้อมแขนออก จากนั้นค่อยขยับกายไปนั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง นางกำนัลคนสนิททั้งสามค่อย ๆ ก้าวเข้ามาปรนนิบัตินางทำธุระเช้าทีละคน

หลังจากผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว แม่นมจางก็ให้ชิวสุ่ยประคองนายหญิงไปแต่งหน้าทำผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง แต่เวลานี้จ้าวกุ้ยอินไม่มีกะจิตกะใจที่จะแต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนเช่นปกติ จึงสั่งให้ชิวสุ่ยทำทรงผมง่าย ๆ กับแต่งหน้าให้นางเล็กน้อยเท่านั้น

ชิวสุ่ยรับคำสั่ง จากนั้นก็ลงมือมวยผมของนายหญิงขึ้นครึ่งศีรษะ ก่อนจะปักปิ่นหยกสลักลายขนนกลงไป ปล่อยให้เส้นผมส่วนที่เหลือทิ้งตัวลงมาดุจม่านน้ำตก

เพื่อให้ใบหน้าซูบซีดมีสีสันขึ้นมา ชิวสุ่ยจึงเลือกผัดแป้งและทาชาดบาง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ส่งผลให้จ้าวกุ้ยอินในเวลานี้ดูอ่อนหวาน และบอบบางราวแก้วเจียระไน

“ท่านหญิง บ่าวว่าอย่ามัวแต่อุดอู้อยู่ในนี้เลย ไม่สู้ออกไปเดินเล่นข้างนอกดีกว่า หากท่านได้ไปสูดอากาศในสวนสุขภาพจะต้องดีวันดีคืนแน่นอนเจ้าค่ะ” ชิวสุ่ยยิ้มเอ่ย นางหวังให้ผู้เป็นนายหญิงรู้สึกดีขึ้น และคิดว่าบรรยากาศสดชื่นรื่นรมย์จากภายนอกจะช่วยได้

“หลังรับประทานอาหารช้าแล้ว ยังต้องดื่มยาอีก สุดท้ายก็ง่วง ข้าว่าอยู่ในห้องนี่แหละดีแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปไหนหรอก”

“ท่านหมอบอกว่าร่างกายของท่านหญิงแข็งแรงขึ้นมาก หากต้องการเดินเล่น หรืองีบสักพักในสวนก็ไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ”

“แต่ว่า...”

“ไปเถิดเจ้าค่ะ” ชิวสุ่ยยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามชักชวนจ้าวกุ้ยอินด้วยท่าทางกระตือรือร้น เห็นแบบนี้ผู้เป็นนายหญิงจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร

“ก็ได้...ประเดี๋ยวให้ใครเอาเก้าอี้กุ้ยเฟยไปวางไว้ที่ใต้ต้นหลิวก็แล้วกัน ข้าจะไปพักผ่อนตรงนั้นสักหน่อย”

ได้ยินดังนั้นชิวสุ่ยก็หันไปส่งสายตาให้ชิวอิงกับชิวเยวี่ย นางกำนัลผู้รู้งานทั้งสองก็พากันออกไปที่ห้องด้านหน้า ช่วยกันยกเก้าอี้กุ้ยเฟยออกไปตั้งยังบริเวณที่นายหญิงของตนต้องการทันที

ไม่นานนักแม่นมจางก็เข้ามาแจ้งว่าเตรียมสำรับเช้าเรียบร้อยแล้ว วันนี้นางลงมือทำอาหารบำรุงร่างกายให้ท่านหญิงด้วยตนเอง จ้าวกุ้ยอินชอบรสมือของแม่นมผู้นี้ที่สุด ใบหน้างามสะคราญจึงปรากฏรอยยิ้มพึงใจ

เมื่อเห็นความปีติฉายในดวงตาคู่สวย บรรดาสาวใช้ในเรือนอิงฮวาล้วนดีใจกันถ้วนทั่ว ดูท่าอีกไม่นานท่านหญิงคงจะกลับมาร่าเริงดังเก่า

หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ จ้าวกุ้ยอินที่ทนคำรบเร้าของชิวสุ่ยไม่ไหว จำต้องยินยอมให้อีกฝ่ายประคองตนเองออกมานั่งรับลมที่ใต้ต้นหลิวริมสระน้ำข้างเรือนอิงฮวา

พอได้ออกมาจากห้องนอนจริง ๆ นางถึงได้รู้สึกตัวว่าร่างกายเคลื่อนไหวติดขัด เรี่ยวแรงก็หดหายไปมากเหลือเกิน จึงเห็นควรว่าตนเองต้องมาเดินออกกำลังกายในสวนให้มากหน่อย

ชิวอิงกับชิวเยวี่ยเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ ใต้ต้นหลิวมีเก้าอี้กุ้ยเฟยกับโต๊ะเล็ก ๆ ที่วางขนมกับป้านชาไว้ ชิวสุ่ยประคองจ้าวกุ้ยอินให้นั่งลง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่104 จบ

    ก่อนจะถึงวันครบรอบแต่งงาน เยี่ยนหยางจงก็หว่านล้อมจ้าวกุ้ยอินให้ออกมามาล่องเรือเล่นกับเขาได้สำเร็จทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเมืองหลวง รอบ ๆ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานา ทำให้ทัศนียภาพแปลเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูเนื่องจากยามนี้เป็นปลายฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงเย็นสบายกำลังดีจ้าวกุ้ยอินนั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ สองสายตามองตรงไปยังท้องน้ำที่เปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ แม้จะฉากหลังจะงดงามราวภาพวาด ทว่าดวงหน้างามปานล่มเมืองกลับหม่นเศร้า แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวดังนางม้าป่าดูซึมเซาจนเยี่ยนหยางจงสะท้อนใจโดยปกติ สำหรับผู้สูงศักดิ์ บ่าวไพร่มีค่าไม่ต่างจากมดปลวก เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองพรากชิวสุยไปจากจ้าวกุ้ยอิน จะสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้นางขนาดนี้ตั้งแต่ออกจากจวนจนถึงตอนนี้ จ้าวกุ้ยอินพูดกับเขานับคำได้ หากตนเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าหยางจงน้อยคงจะไม่ได้เกิดเป็นแน่ครั้นแล้วเยี่ยนหยางจงก็ออกแรงพายเรือให้เร็วขึ้นอีก จนกระทั่งพวกเขาออกมาไกลจากเรือลำอื่น ๆจ้าวกุ้ยอินเหม่อมองเบื้องหน้าอย่างคิดไม่ตก นางเองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่ส่วนลึกไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เพราะถ้าชิวสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่103 ตอนพิเศษ เรื่องค้างคาใจของจ้าวกุ้ยอิน

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านพ้น เยี่ยนจิ้นหลิงก็ไปบอกกับมารดาว่าจ้าวกุ้ยอินสุขภาพสมบูรณ์ดีแล้ว ขอเพียงเยี่ยนหยางจงขยันหว่านเมล็ดพันธุ์ นางจะต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ไป๋หลันได้ยินดังนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง ถึงกับยกเลิกการคารวะยามเช้า และส่งของบำรุงทั้งหลายแหล่มาให้ ยามนี้จ้าวกุ้ยอินจึงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าที่เคยเนื่องจากสถานการณ์สงบแล้ว จ้าวกุ้ยอินจึงมีใจอยากออกไปพบปะผู้คนบ้าง เยี่ยนหยางจงมิได้มีปัญหา แต่ยังรู้สึกไม่วางใจ จึงสั่งให้ฟางหรู หนิงเหอ จิวซิน และอวิ้นเซียนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงของจวนใด ภาพที่ผู้อื่นคุ้นชินคือขบวนของฮูหยินซื่อจื่อไคกั๋วกง ยิ่งเห็นจ้าวกุ้ยอินปฏิบัติกับเหล่าอนุอย่างดี อีกทั้งสายตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบยิ่ง ทำให้ชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างของจ้าวกุ้ยอินระบือไกล โดยหารู้ไม่ว่าสตรีทั้งสี่เป็นเพียงอนุแค่ในนาม แท้จริงแล้วพวกนางสี่คนคือองครักษ์หญิงที่เยี่ยนหยางจงกับจ้าวอ๋องจัดหามาให้ และทุกครั้งที่เขาไปหาพวกนาง ก็เป็นเพียงฉากบังหน้า แต่แท้ที่จริงลอบออกไปทำภารกิจลับยามราตรีต่างหากสตรีผู้เดียวที่เยี่ยนหยางจงร่วมเรียงเคียงหมอนก็คือจ้า

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่102 อย่าทำหน้าแบบนั้น

    “นั่นเพราะสวรรค์สร้างให้พี่ชายข้าเกิดมาเป็นคนพิเศษอย่างไรเล่า” เยี่ยนหยางจงเคยได้รับบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียงจุดนี้มาก่อน ทำให้รู้ว่าหัวใจของพี่ชายอยู่ทางอกด้านขวา ดังนั้นยามเห็นปิ่นปักอยู่ทางอกซ้ายจึงยังใจเย็นอยู่ได้“หากเจ้ารู้อาการดีก็ควรรีบบอก แกล้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เช่นนี้ไม่ได้มีเพียงแต่กุ้ยอินที่ใจเสีย พวกข้าเองก็ไม่ต่างกัน” จ้าวเฟิงเหล่ยถอนใจเบา ๆ“จวิ้นอ๋อง อย่าทำหน้าแบบนั้น นางสิผิดที่ไม่ฟังอะไรเลย จู่ ๆ ก็มาตีโพยตีพายใส่พวกเราโดยไม่นึกถึงความผิดตัวเองสักนิด อย่างไรก็ปล่อยให้ข้าได้ล้างแค้นเสียหน่อยเถิด” เยี่ยนจิ้นหลิงหาเหตุผลให้การกระทำของตนเองได้สำเร็จภายในห้อง“อาจง อาจง” จ้าวกุ้ยอิงนั่งอยู่ข้างเตียงที่มีเยี่ยนหยางจงนอนเหยียดยาวอยู่ ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ นางพึมพำเสียงเครือขณะที่ลูบใบหน้าคร้ามคมที่ดูเผือดเซียวเล็กน้อย “ท่านเจ็บมากหรือไม่ ขอโทษนะที่ข้า...”“อินเอ๋อร์... พอเถิด ร้องไห้จนตาแดงช้ำไปหมดแล้ว” เยี่ยนหยางจงว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ “แต่ก็ เพราะเสียงด่าเสียงร้องไห้ของเจ้า ทำให้ยมทูตต่างยอมล่าถอย ไม่ยอมมารับดวงวิญญาณของข้าไป

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่101 น้ำเกลือราดรดลงบนแผล

    เยี่ยนจิ้นหลิงสูดลมหายใจลึก รู้ว่าประโยคต่อจากนี้ไม่ต่างจากเอาน้ำเกลือราดรดลงบนแผล แต่ก็ตัดสินใจพูดไป “ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเป็นเพราะท่านที่รนหาที่ พี่ใหญ่จึงต้องบาดเจ็บเช่นนี้”จ้าวกุ้ยอินเมื่อได้ยินเช่นนั้นประหนึ่งถูกน้ำเย็นราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายเอนซวนซบเข้ากับเสาอย่างหาที่พึ่งพิง “รนหาที่หรือ? ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าภาพของอู๋หมิงกงจื่อที่นำมาประมูล เป็นภาพเดียวกันกับที่ข้าพบในห้องหนังสือของเขาหรือไม่เท่านั้น... เพียงเท่านั้น”“อู๋หมิงกงจื่อ... อู๋หมิงกงจื่อ ถ้าท่านพอใจในผลงาน ไฉนจึงไม่ขอกับพี่ใหญ่เล่า เขาใช้เวลาไม่นานก็วาดให้ท่านได้ จะเอากี่สิบกี่ร้อยภาพก็ตามแต่ใจท่าน... สวรรค์... ท่านกลับทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เองหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย” เยี่ยนจิ้นหลิงได้ยินเช่นนั้นพลันส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเดินมาใกล้กับจ้าวกุ้ยอิน มองใบหน้างดงามที่เผือดซีดราวกระดาษวาดภาพ“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน” จ้าวกุ้ยอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้องเขยของตน ดวงตากลมโตวาววับดังเนื้อทรายนั้นระคนด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง “พี่สะใภ้ ดูท่าพี่ใหญ่คงไม

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่100 ชั่วยามนี้

    “อะไรนะ จ้าวกุ้ยอิน เจ้า... เจ้ากล้าหลอกเปิ่นหวาง” เส้นเลือดตรงขมับของมู่เฟยหรงเต้นตุบ ๆ ยามนี้เขารู้สึกเหมือนมีคำว่าโง่ บรมโง่ ติดอยู่กลางหน้าผาก ถ้าไม่เพราะกลัวหนอนกู่จะกัดกินร่าง เขาคงหลบหนีได้ทัน“นี่พวกเจ้าจะยืนเฉยอีกนานไหม ถ้ายังมัวชักช้า อาจง... อาจงอาจจะตายก็ได้นะ” จ้าวกุ้ยอินไม่สนใจท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมู่เฟยหรง แต่หันไปมองมู่เลี่ยงหรงกับเยี่ยนจิ้นหลิงแทน“ขออภัย เปิ่นหวางนึกว่าเขาตายแล้ว” ตอนมู่เลี่ยงหรงเข้ามา เห็นปิ่นเงินปักอยู่ตรงอกด้านซ้ายของเยี่ยนหยางจง ก็คิดว่าเขาไม่น่าจะรอดแล้ว จึงละเลยพี่ภรรยาไป แต่พอรู้ว่าเขายังไม่ตาย ก็บังเกิดความละอายใจเล็กน้อยบรรพบุรุษเจ้าสิตาย! จ้าวกุ้ยอินมองมู่เลี่ยงหรงด้วยดวงตาแดงก่ำ สาปแช่งบรรพบุรุษตระกูลมู่ในใจไม่หยุด “เขายังไม่ตายสักหน่อย”“เด็ก ๆ พาแม่ทัพไป๋หู่กลับจวนไคกั๋วกง” สิ้นคำสั่งของฉินอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็จัดการนำร่างของเยี่ยนหยางจงออกไปจากที่นั่น โดยมีจ้าวกุ้ยอินร้องไห้วิ่งตามไปบทส่งท้าย ชั่วยามนี้ จวนไคกั๋วกงเต็มไปด้วยความร้อนรนอลหม่าน หลังจากซื่อจื่อของจวนกลับมาพร้อมกับฮูหยินน้อยที่หายตัวไปในสภาพที่มีแผลฉกรรจ์ตรงหน้าอก อาการเ

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่99 เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร

    “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” มู่เฟยหรงไม่เข้าใจว่าเยี่ยนจิ้นหลิงตามมาถูกได้อย่างไร ความจริงพวกเขาควรจะตามไปจัดการกับเอี้ยนอ๋องที่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงสิ ทำไมถึงมาที่นี่ หรือว่าแผนการทั้งหมดล้มเหลว“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ จิ้นหลิงเพิ่งรู้ว่าเครื่องประดับมากมายเหล่านั้นก็มีประโยชน์อย่างอื่นด้วย” ระหว่างตามรอยเยี่ยนหยางจง เยี่ยนจิ้นหลิงพบจิงจิงวิ่งอยู่บนพื้นหิมะ จึงได้รับสารขอความช่วยเหลือ“เจ้าพบจิงจิงสินะ” จ้าวกุ้ยอินเข้าใจในทันที“พี่สะใภ้เข้าใจเล่นคำ ‘ตามจิงจิง(อัญมณีแวววาว)มา’ หากเป็นผู้อื่นคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กระรอกนำทาง แต่บังเอิญเป็นจิ้นหลิงที่ได้รับสารจึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่” ภาพอัญมณีสะท้อนแสงคบไฟในความมืดเป็นระยะผุดขึ้นในความทรงจำ ยามนี้เขายอมรับแล้วว่าพี่สะใภ้มิใช่ที่มีดีแค่ความเป็นหญิงงาม สติปัญญาของนางยังอยู่ในระดับใช้ได้อีกด้วย“ไว้ชมกันทีหลัง รีบพาอาจงไปรักษาเร็วเข้า” จ้าวกุ้ยอินเร่งเร้า“ย่อมได้” เยี่ยนจิ้นหลิงรับคำ แล้วหันไปหามู่เฟยหรง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “หานอ๋อง ท่านหนีไม่รอดแล้วล่ะ ยอมกลับวังหลวงดี ๆ เถิด จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บอีก จิ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status